…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ซางฉีได้ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ซิ่วน้อย แม่ของหลานได้บอกยายเรื่องของชางเหวินแล้ว ยายไม่โทษหลานหรอกนะเพราะเขา เขา…….เปลี่ยนไป หลานรู้ไหมว่าก่อนที่ตาจะตายไปเขาหวังอะไรมากที่สุด ?”

“อะไรหรอครับ ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของถังซิ่วหายไปพร้อมกับถามออกมาด้วยเสียงต่ำ

ซางฉีได้พูดออกมาขณะที่ถอนหายใจว่า

“เขาหวังว่าชางเหวินจะล้มละลายและไม่เหลือเงิน”

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เพราะอะไรหรอครับ ? ”

ซางฮีเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เขาเป็นคนที่ดีมากตอนที่ไม่มีเงิน เขาสุภาพกับทุกๆคนแต่หลังจากที่เขารวยแล้วเขาก็หาเรื่องไม่ว่าจะเป็นใครในหมู่บ้านนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือสามปีมาแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่และยายรู้ว่าหลานต้องแบกรับความลำบากมาถึงสามปีแต่…..เขาก็ยังไม่เหลียวแล ”

หัวใจของถังซิ่วรู้สึกอบอุ่นแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความขมขื่นของคุณยายเพราะอย่างไรก็ตามชางเหวินนั้นเป็นลูกของเธอ มันจะมีแม่ที่ไหนที่ไม่อยากให้ลูกได้ดี

ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ตะพูดออกมาว่า

“คุณยาย ผมจะให้เขาตะเกียกตะกายอยู่ในคุกไม่กี่ปีและเมื่อผมคิดว่ามันเพียงพอแล้วผมจะให้เขาออกมาแล้วก็หวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

แววตาของซางฉีได้เป็นประกายก่อนที่เธอจะพยักหน้าซ้ำๆกัน

ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“คุณยาย หลังจากที่ผมรักษาขาของยายเสร็จแล้วเรากลับไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ด้วยกันดีกว่า ตอนนี้เรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนและร้านอาหารที่คุณแม่เป็นคนเปิดเองก็เฟื่องฟูมากส่วนผมเองหลังจากที่เรียนจบมัธยมก็ได้เริ่มทำธุรกิจของตัวเองและทำเงินได้อย่างมหาศาล ยายกลับไปกับแล้วเราไปอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบายเถอะ ”

ซางฉีเองก็กระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ซิ่วน้อย ยายขอต้องขอปฏิเสธความกตัญญูนี้เพราะว่าร่างกายแก่ๆของยายนี้จะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่จะไปสร้างปัญหาให้หลานเพิ่มทำไม ? ช่างมันเถอะยายจะอยู่ที่นี่จนถึงวาระสุดท้าย”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ไม่ต้องห่วงเลย มีผมอยู่แล้วคุณยายจะต้องอายุยืนอย่างแน่นอน ไปเมืองสตาร์ซิตี้ด้วยกันกับพวกเราเถอะมันไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนเพราะผมเองก็ต้องย้ายไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ส่วนที่นั่นก็เหลือเพียงแค่แม่เท่านั้น หากว่ายายไปก็จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ”

“นี่…….”

ซางฉีได้มองไปที่ใบหน้าของซูหลิงหยุนที่เต็มไปด้วยความคาดหวังด้วยความลังเล

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“คุณแม่ หนูรู้สึกไม่สบายใจเลยที่ปล่อยให้แม่อยู่ที่นี่คนเดียว แม่ฟังคำพูดของซิ่วน้อยเถอะนะ ! เราไปอยู่ที่เมืองสตาร์ซิตี้ด้วยกัน ก่อนหน้านี้สถานการณ์ทางการเงินของเรานั้นไม่ดีนักแต่ตอนนี้มันกลับกันแล้ว ครอบครัวของเรามีวิลล่าหลังใหญ่มีร้านอาหารที่ใหญ่โตแถมซิ่วน้อยเองก็ยังเปิดบริษัทที่เมืองนั้นอีกด้วย”

ซางฉีเองก็ได้ส่ายศีรษะของเธอก่อนที่จะพูดว่า

“หยุนน้อย ซิ่วน้อยอย่าได้เซ้าซี้ฉันเลย ฉันได้อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วและมันจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอย่างฉับพลันยิ่งไปกว่านั้นคือเพื่อนบ้านต่างๆเองก็ดีกับฉันมากและพวกเขาก็จะช่วยเหลือกันและกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร พวกเธอก็ไม่ต้องมาเป็นกังวลเรื่องฉันหรอก”

ท่าทางของซูหลิงหยุนมืดมนลงทันที เธอเข้าใจนิสัยของแม่เธอดีว่าหากว่าเธอตัดสินใจแล้วต่อให้เซ้าซี้ยังไงเธอก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน

ถังซิ่วคิดสักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“คุณยายก็อยู่ที่นี่แล้วกันหากว่าไม่อยากไปกันเรา บ้านของเราเก่าแล้วงั้นผมจะปรับปรุงมันเสียหน่อยยิ่งไปกว่านั้นคือผมจะให้แม่บ้านมาดูแลยายอีกสองคน”

ซางฉีเองก็ได้โบกมือของเธอแล้วพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงบ้านเพราะมันเปลืองเงิน !ยิ่งไปกว่านั้นคือยายจำเป็นต้องมีแม่บ้านคอยดูแลงั้นหรอ แม้ว่ายายจะแก่แล้วแต่ขาและแขนเองก็ยังใช้การได้ยายไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแล! ”

ดวงตาของเฉินฮุยหยิงที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นถึงกับเปล่งประกายด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะถามออกมาว่า

“หลิงหยุนที่พูดมาเมื่อกี้นั้นเป็นเรื่องจริง ? ธุรกิจที่ร้านอาหารเฟื่องฟู ? อาศัยในวิลล่าหลังใหญ่ ? ถังซิ่วเองก็เปิดบริษัท ?”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า

“ฉันพูดจริงๆนะว่าธุรกิจร้านอาหารในช่วงสองเดือนมานี้นั้นดีมากส่วนเรื่องของวิลล่าและอื่นๆนั้นเป็นของซิ่วน้อย”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน เธอคิดถึงรถที่เขาขับมาแล้วก็คิดว่าซูหลิงหยุนไม่น่าจะโกหกเธอ

ทันใดนั้นสายตาของถังซิ่วก็เปลี่ยนไปพร้อมกับมองไปที่เฉินฮุยหยิงแล้วพูดว่า

“ป้าสอง เราออกไปคุยกันด้านนอกหน่อยดีไหมครับ ?”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“ออกไปคุยข้างนอก ? ทำไมต้องข้างนอก ? อยากจะพูดอะไรก็พูดในนี้ก็ได้ ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมจำเป็นต้องบอกก่อนหน้านี้ผมก็ได้บอกกับพี่เบ็นไปแล้วด้วย ผมเองก็ต้องซื้อสมุนไพรมันเป็นอันที่ครอบครัวของคุณให้แกะเป็นอาหารในนั้นมันมีสมุนไพรดีๆอยู่”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ลังเลอยู่ก่อนที่จะพยักหน้าของเธอ

“ถ้าเป็นอย่างงั้นเราก็ออกไปคุยกันด้านนอกแล้วกัน ฉันเองก็รอเหมือนกันว่าเขาจะกลับมาตอนไหน”

เมื่อเดินออกไปที่สวนด้านนอกถังซิ่วก็ได้พูดขึ้นว่า

“ป้าสอง จริงๆแล้วผมได้คุยเรื่องสมุนไพรนี้ไปกับพี่เบ็นแล้ว มันคือสมุนไพรหญ้ามังกรเงินซึ่งผมจะรับซื้อมันทั้งหมดในราคาต้นละ1พันหยวนแต่ที่ผมเรียกป้าออกมานี้เพราะผมจะคุยเรื่องอื่น”

เฉินฮุยหยิงนั้นไม่เข้าใจเรื่องสมุนไพรดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรออกมาพร้อมกับพูดว่า

“เข้าใจล่ะเธอพูดมาสิ ”

ถังซิ่งเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“ป้าสองก็น่าจะเข้าใจนิสัยของคุณยายดีในเมื่อเธอไม่อยากจะไปที่เมืองสตาร์ซิตี้กับเราผมจะขอฝากให้ป้าดดูแลเธอได้ไหม ? ”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า

“เด็กน้อย เธอพูดเรื่องอะไร ? หากว่าเราไม่ดูแลเธอแล้วเราจะอดหลับอดนอนอยู่แบบนี้ได้อย่างไร ? แล้วเราจะพาเธอไปโรงพยาบาล ? ไม่ต้องเป็นห่วงเลยเพราะเราจะดูแลยายเธอเอง”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ป้าสอง สิ่งที่ผมพูดนั้นไม่ใช่เรื่องนี้ เอางี้ ป้าทำฟามได้ปีละเท่าไหร่ ? ”

เฉินฮุยหยิงเองก็ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เธอถามไปเพื่ออะไร ? ”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“รู้แล้วเดี๋ยวผมจะบอกเอง อย่างแรกคือตอบผมก่อน”

เฉินฮุยหยิงเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อยที่จะยกนิ้วชี้ขึ้นมา

“น่าจะประมาณ1หมื่นนะ ? ฉันเลี้ยงแกะไว้มากมายแถมยังมีผลไม้อีก”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หากว่าผมจะจ้างป้าให้มาดูแลยายด้วยเงินปีละ2หมื่นล่ะ ป้าต้องการ ? ”

คิ้วของเฉินฮุยหยิงได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า

“ถังซิ่ว เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? ต่อให้เธอไม่ให้เงินฉันก็ดูแลยายเธออย่างแน่นอน เอาล่ะ ฉันเข้าใจความหมายของเธอแล้วและสัญญาว่าตราบใดที่ฉันมีกินแล้วยายเธอจะไม่ลำบากอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วเองก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาพร้อมพูดว่า

“ป้าสองเป็นคนดีมากๆในเมื่อป้าไม่ต้องการเงินงั้นผมก็จะไม่ขัดใจ ผมต้องขอขอบคุณจริงๆ”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ตบไปที่บ่าของถังซิ่วก่อนที่จะหยอกล้ออกมาว่า

“ไอเด็กน้อย เธอทำตัวเหมือนเราเป็นคนห่างคนไกลกันนั่นแหละ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ป้าสอง ผมขอเลขบัญชีของป้าด้วย”

เฉินฮุยหยิงเองก็จ้องมองอยู่คณู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“ถังซิ่ว นี้มันเรื่องอะไรกัน ? คิดว่าป้าเป็นคนที่เห็นแก่เงิน ? หากว่ายังทำตัวแบบนี้ฉันจะไม่ดูแลยายของเธอนะ ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ป้าสอง ผมไม่ได้มีความหมายแฝงอะไร ที่ผมต้องการเลขบัญชีก็เพื่อจะโอนเงินไปให้บางส่วนแต่ไม่ได้ให้คุณแต่สำหรับยายของผม คุณลองคิดดูสิว่าคุณดูแลเธอได้ก็จริงแต่จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าวซื้อเสื้อผ้าให้ยาย ? ผมจะโอนเงินไปให้1แสนและซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่ยายต้องการ หากว่าเงินหมดเมื่อไหร่ก็สามารถโทรมาบอกผมได้ทุกเมื่อ ”

1แสน ?

หัวใจของเฉินฮุยหยิงเต้นถี่ขึ้นก่อนที่เธอจะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ถังซิ่ว ฉันรับเงินนี้ไม่ได้ไม่เช่นนั้นคนในหมู่บ้านจะต้องดุด่าฉันอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องอาหารนั้นไม่จำเป็นต้องคิดเลยเพราะเราจะไม่ให้ยายของเธออดหรือทนหนาวแน่นอน พวกเรานั้นเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องอยู่กินด้วยกันกับยายเธออยู่แล้ว”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาด้วยความลังเลก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า

“ในเมื่อป้าสองไม่ต้องการเงินก็ไม่เป็นไร หลังจากนี้ก็ให้พี่เบ็นตามผมไปแล้วกัน !”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“ตามเธอ ? ไม่ใช่เธอบอกว่าจะไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ ? เบ็นน้อยนั้นนอกจากทำฟามและเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้วก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น เธอจะเอาเขาไปทำอะไร ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ผมจะหางานที่เงินดีให้กับเขา หากว่าเขาตั้งใจทำงานนั้นผมสัญญาเลยว่าภายในไม่กี่ปีเขาจะสามารถซื้อบ้านที่เมืองสตาร์ซิตี้ได้อย่างแน่นอน ผมคิดว่าคุณก็คงหวังว่าพี่เย็นจะโดดเด่นและไม่หมกอยู่ในเมืองเล็กๆนี้หรอกใช่ไหม ? ”

ดวงตาของเฉินฮุยหยิงเป็นประกาย

คำพูดของถังซิ่วนั้นเป็นเหมือนตัวแทนความคิดของเธอ เพราะว่าลูกชายของเธอนั้นไม่มีทักษะและไม่มีเงินมากนัก ตอนนี้บ้านของตัวเองและภรรยาก็ยังไม่มีแต่เมื่อเธอเห็นเด็กๆรุ่นเดียวกันในหมู่บ้านที่มีภรรยาและบ้านเป็นของตัวเองยิ่งกว่านั้นบางคนถึงกับมีลูกแล้วมันก็ทำให้เธอกระวนกระวายเป็นอย่างมาก

“ถังซิ่ว………เธอหางานให้เขาได้จริงๆ ? เงินเดือนดี ? ”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ป้าสองสบายใจได้เลย ! ตราบใดที่เขาตั้งใจก็จะสามารถหาเงินได้มากมายอย่างแน่นอน หากว่ามันยังไม่ดีพอผมก็จะเอาเขามาทำงานที่บริษัทของตัวเองและเงินเดือนไม่กี่พันนั้นไม่ใช่ปัญหา”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ปรบมือของเธอพร้อมกับพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า

“ดี ดี ดี ขอบคุณมากๆ ฉัน…ฉันจะดูแลยายของเธอเองเหมือนว่าเธอเป็นยายแท้ๆของฉันเลย”

เมื่อได้ยินคำสัญญาของเธอนั้นถังซิ่วเองก็รู้สึกหมดห่วงพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ป้าสอง เรื่องที่เราเพิ่งพูดกันนั้นผมหวังว่าป้าจะไม่เอาไปบอกใครรวมถึงพี่เบ็น”

เฉินฮุยหยิงเองก็ได้พยักหน้าซ้ำๆพร้อมกับพูดว่า

“ไม่ต้องเป็นห่วง ! คำพูดที่เราพูดไปวันนี้นั้นฉันจะปล่อยให้มันเน่าเสียอยู่ภายในกระเพาะอย่างแน่นอน”

“ถังซิ่ว เอามาแล้ว !!!”

ขณะที่เขากำลังพูดกันอยู่นั้นซูเปิ่นเองก็ได้รีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล่องในมือ ข้างหลังเขาเองก็มีชายชราอายุประมาณ70ปีที่ชื่อว่าซูชางเหอได้เดินตามเขามา