…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ในเมื่อเธอพอทำได้งั้นก็จำไว้อย่าง หากว่าเจอคนที่ดูไม่ค่อยมีพลังและหายใจระยะสั้นก็แสดงว่าเส้นพลังของอีกฝ่ายนั้นมีปัญหาซึ่งมันทำให้ไส้ติ่งของเขาบิดและส่งผลให้ปวดท้อง มองไปที่มือของฉันให้ดีและจำจุดพร้อมกับจำนวนที่ฉันตบไปที่เขา”

เมื่อดั่ยซินหยูได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก เธอเข้าใจว่าถังซิ่วกำลังสอนวิชาแพทย์ให้แก่เธอ เธอก็จ้องมองการกระทำของถังซิ่วพร้อมกับการที่เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

หลังจากผ่านไปสองนาที

ชายหนุ่มคนนั้นก็กะอักออกมาหลายครั้งก่อนที่ท่าทางที่เจ็บปวดของเขาจะหายไป

ถังซิ่วได้ปล่อยเด็กคนนั้นก่อนที่จะกลับไปที่โต๊ะของเขาแล้วพูดว่า

“ยังหนุ่มยังแน่นนั้นก็ดีแต่ก็ต้องดูแลตัวเองเพราะร่างกายนั้นก็พัฒนาไปตามกาลเวลา การที่หักโหมใช้มันก็จะสร้างปัญหาได้มากขึ้นในอนาคต”

ชายหนุ่มคนนั้นเข้าใจถึงความหมายของคำพูดถังซิ่วโดยทันทีก่อนที่เขาจะแสดงท่าทางอึดอัดพร้อมกับพูดว่า

“คุณหมอถัง ผมจะจำไว้ คุณนี่เป็นหมอเทวดาจริงๆก่อนหน้านี้ผมปวดท้องมากๆแต่หลังจากที่คุณได้ตบมาที่ผมแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยกลับรู้สึกอุ่นๆในร่างกาย มันรู้สึกสบายมากเลย”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำ! คุณก็ไปได้แล้วยังมีผู้ป่วยคนอื่นๆอยู่อีก ”

“ครับ ครับ”

ชายหนุ่มคนนั้นได้รีบออกจากห้องไป

ญาติๆของผู้ป่วยที่มารออยู่ข้างนอกนั้นถึงกับมองไปที่กันและกันด้วยความงุนงงเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเองรู้สึกผิดหวังมากๆแต่ใครจะไปคิดว่าถังซิ่วจะน่าทึ่งขนาดนี้

“น่าทึ่ง เราไม่สามารถมองคนที่ภายนอกได้จริงๆ หมอคนนี้เด็กมากๆแต่กลับมีความสามารถขนาดนี้ เขาจะต้องเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในอนาคตอย่างแน่นอน !”

“สุดยอดจริงๆ ! ฉันเองก็เคยได้ยินว่าหมอเก่งๆนั้นมีมากแต่ไม่เคยเจอใครที่เด็กถึงขนาดนี้เลย ดูเหมือนว่าการที่มาที่นี่วันนี้นั้จะเป็นเรื่องที่เราคิดถูก”

“นี่ฉัน……”

หญิงวัยกลางคนได้เดินเข้ามาพร้อมพูดกับถังซิ่วว่า

“สวัสดีคุณหมอ ตอนนี้ฉันมักจะง่วงนอนและบางครั้งก็จะปวดกระเพาะ ตอนกลางคืนเองก็จะนอนไม่หลับ คุณช่วยบอกฉันหน่อยสิว่าฉันเป็นอะไร ?”

ถังซิ่วได้มองไปที่ตาของเธอก่อนที่จะพบว่าเธอนั้นหน้าซีดเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือหยาดเหงื่อที่ท่วมหน้าผากของเธอ

“ฉันจะขอตรวจชีพจรเธอก่อนแล้วเดี๋ยวจะว่ากันอีกครั้ง”

หญิงวัยกลางคนก็ได้ยื่นมือออกมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ถังซิ่วได้ตรวจชีพจรของเธอแล้วก็พบว่าปัญหาของเธอนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆแม้แต่น้อย ไตของเธอทำงานผิดปกติยิ่งกว่านั้นคือมันแสดงอาการว่ากำลังจะล้มเหลว เธอเองก็เป็นโรคโลหิตจางด้วย หากว่ายังปล่อยไปแบบนี้เธอก็คงจะอยู่ได้ไม่เกิน2เดือน

เงียบไปครู่หนึ่ง

ถังซิ่วได้ปล่อยมือของเธอพร้อมกับพูดว่า

“ถอดรองเท้าและถุงเท้าแล้วไปเอาเก้าอี้มานั่งข้างๆฉัน”

ท่าทางของหญิงวัยกลางคนนั้นก็เปลี่ยนไปแต่ก็ยังทำตามคำพูดของถังซิ่วพร้อมถอดรองเท้าและถุงเท้าของเธอ

ถังซิ่วได้กดไปที่จุดพลังตรงขาของเธอและเห็นว่าคนไข้ได้แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดจึงได้ถามออกมาว่า

“ปวด ? ”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดพร้อมกับพยักหน้าซ้ำๆแล้วพูดว่า

“มากๆ !”

ถังซิ่วเองก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า

“คุณไม่เอาใจใส่ตัวเองเลย โรคโลหิตจางชีพจรก็เต้นช้ายิ่งไปกว่านั้นคือการทำงานของระบบไตของคุณกำลังแสดงอาการว่ากำลังจะล้มเหลวหากว่าไม่รักษานั้นผลกระทบที่ตามมาจะร้ายแรงมาก ฉันจะช่วยนวดตามจุดพลังเพื่อลดความความรู้สึกอึดอัดของคุณแต่หากต้องการจะรักษานั้นก็จำเป็นจะต้องใช้เวลา ฉันจะให้ใบสั่งยาคุณไปแล้วก็ไปต้มกินทุกวันอดทนสัก1เดือน”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ใช้เวลา1เดือนแล้วฉันจะมีสุขภาพแข็งแรง ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่ ยิ่งกว่านั้นคือแข็งแรงมากๆ”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้มีความสุขเป็นอย่างมากแต่ก็ยังถามออกมาด้วยความลังเลว่า

“คุณหมอค่ะ ยาที่คุณสั่งนั้นมันแพงไหม ? ฉัน…. ตอนนี้ครอบครัวของฉันกำลังลำบากดังนั้นหากว่ามันมีราคาสูงเกินไปฉันก็ไม่สามารถซื้อได้”

ถังซื่วได้ตอบกลับไปว่า

“ไม่แพงเลย ราคามันไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้รู้สึกผ่อนคลายพร้อมกับพูดออกมาด้วยความขอบคุณว่า

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับนวดให้เธอไปหลายนาทีหลังจากนั้นก็ให้เธอสวยถุงเท้าและรองเท้าเหมือนเดิมพร้อมเดินไปล้างมือแล้วเขียนใบสั่งยาให้เธอก่อนที่จะพูดว่า

“อย่าลืมล่ะว่าจะต้องกินยาทุกวันไม่เช่นนั้นก็จะไม่หายอย่างแน่นอน”

“ฉันจะจำไว้อย่างดี”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดั่ยซินหยูที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นมองไปที่เธอขณะที่น้ำตาไหลออกมา เธอไม่คิดเลยว่าถังซิ่วจะมีทักษะขนาดนี้ รักษาคนไข้มาสามคน สองคนนั้นสามารถรักษาได้ทันทีส่วนอีกคนเองนั้นหลังจากที่เขานวดเท้าให้เธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอได้เปลี่ยนไปมีเลือดฝาดพร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

“คนต่อไป !”

หลังจากที่หญิงคนนั้นเดินออกไปแล้วถังซิ่วก็ได้พูดออกมา

ในช่วงเช้าถังซิ่วนั้นได้ตรวจคนไข้ไปหลายคน บางคนนั้นก็สามารถรักษาได้อย่างง่ายๆโดยทันที

ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นหมอหรือใครๆในโรงพยาบาลนี้เองก็ได้ยินข่าวลือว่ามีหมอเทวดามาที่นี่

ในห้องประชุม หลี่ฮงจี้และหมอหลายสิบคนกำลังนั่งมองไปที่วีดีโอของถังซิ่วที่กำลังฉายอยู่ตรงหน้า ผ่านไปสามชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีใครออกไปจากห้องนี้ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันมากมายเพราะตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในอาการช๊อคจากสิ่งที่กำลังได้รับชม

“เห้อ …..”

หลังจากที่หลี่ฮงจี้เห็นว่าถังซิ่วนั้นสามารถรักษาผู้ป่วยได้เขาก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองไปที่หมอหลายๆคนแล้วพูดว่า

“เป็นอย่างไร ? หมอคนที่ฉันไปจ้างมาด้วยตัวเอง ความสามารถของเขาพอจะเข้าตาพวกคุณบ้างไหม ? ”

หมอหลายสิบคนเองก็ได้มองไปที่กันและกันด้วยท่าทางว่างเปล่าพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา

หมอชราที่มีความรู้ด้านแพทย์แผนจีนคนหนึ่งก็ได้พูดออกมาว่า

“พูดอะไรกันน่ะ หมอหนุ่มคนนี้จะไม่สามารถเข้าตาเราได้อย่างไร ความสามารถด้านการแพทย์ของเขานั้นลึกลับเป็นอย่างมาก จากประสบการณ์40-50ปีของฉันนั้นก็ได้เจอกับหมอที่มีความสามารถมามากมายแค่ก็ยังไม่มีใครมีความสามารถเท่าเขาเลย”

“นั่นจะต้องเป็นหมอเทวดาอย่างแน่นอน เราไม่สงสัยในความรู้ด้านการแพทย์ของเขาแม้แต่น้อย ฉันเองยังสงสัยเลยว่าในโลกนี้ยังมีอาการป่วยอะไรที่เขาไม่สามารถรักษาได้บ้าง ?”

หมอชราอีกคนหนึ่งก็ได้พูดออกมาพร้อมถอนหายใจ

หลี่ฮงจี้เองก็แสดงท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมากก่อนที่จะมองไปที่พวกเขาด้วยความรู้สึกพึงพอใจแล้วพูดว่า

“อย่างคำพูดที่ว่าเด็กรุ่นใหม่มักจะมาแทนคนแก่ พวกเรานั้นก็แก่แล้วโลกหลังจากนี้ต้องฝากไว้ในมือพวกเขา น่าเสียดายที่ถังซิ่วคนนี้ไม่ได้ต้องการเลือกเส้นทางของหมอไม่อย่างนั้นฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร”

ชายชราคนก่อนหน้านี้ก็ได้พูดออกมาว่า

“ผู้อำนวยกาน หมอที่เก่งกาจขนาดนี้เราจำเป็นต้องรั้งตัวเขาเอาไว้ให้ได้ ! ไม่ว่าเขาจะมีเงื่อนไขอะไรแต่ตราบใดที่สามารถรั้งตัวเขาไว้ที่นี่ได้ฉันเชื่อว่าชื่อเสียงของเราจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

หลี่ฮงจี้เองก็ได้พูดออกมาว่า

“คุณคิดว่าผมไม่อยากรั้งเขาไว้ที่นี่หรือไง ? แม้ว่าฉันจะขอร้องหรือให้การดูแลแม่เขาอย่างดีที่สุดตอนที่เธอนอนอยู่ที่นี่ก็ตามแต่เขายอมรับแค่การมาตรวจเป็นครั้งคราวเท่านั้นยิ่งกว่านั้นคือจ้องอยู่ในช่วงปิดเรียนด้วย หากว่าวันหยุดช่วงนี้หมดไปเขาก็จะต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนอกพื้นที่ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลของเรา อ๊า !”

หมอทั้งหลายเองก็ตกอยู่ในความเงียบโดยทันที

หลี่ฮงจี้เองก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า

“ช่างมันเถอะ ฉันจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้เขามาที่โรงพยาบาลของเราบ่อยๆ ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อเราสามารถจัดวันที่เขามาที่นี่ได้ก็จะป่าวประกาศออกไป ทักษะด้านการแพทย์ของเขานั้นสูงมากในช่วงบ่ายวันนี้ก็ให้ไปที่แผนกผู้ป่วยภายในแล้วเอาคนที่อาการร้ายแรงมาให้เขารักษาและหากว่าเขารักษาได้ก็รีบป่าวประกาศออกไปว่าที่โรงพยาบาลของเรานั้นมีหมอเทวดามาตรวจโรค”

“ตกลง !”

ผู้คนทั้งหมดเองก็ได้พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง

ในช่วงบ่าย ถังซิ่วเองก็ได้ทานอาหารในโรงพยาบาลซึ่งหลี่ฮงจี้เป็นคนเชิญเขาด้วยตัวเอง ดั่ยซินหยูผู้ช่วยของถังซิ่วนั้นก็ได้แสดงท่าทางแปลกๆเพราะยังไงก็ตามคือเธอกำลังนั่งทานอาหารอยู่กับผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้

ทานอาหารเสร็จ

ถังซิ่วก็ได้กลับไปที่ห้องตรวจของเขา ตัวของเขานั้นรู้ดีว่าห้องแห่งนี้ได้ถูกติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้เป็นโหลแต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจแม้กระทั่งเขายังจงใจเดินไปหน้ากล้องพร้อมแสดงวิธีรักษาออกมา

หลังจากผ่านช่วงบ่ายไปถังซิ่วก็ได้ตรวจรักษาผู้ป่วยที่อาการหนักไปหลายคนแม้ว่าบางคนจะไม่สามารถรักษาเลยได้แต่ถ้าหากว่าผู้ป่วยทำตามคำแนะนำของเขาก็จะสามารถหายจาดได้อย่างแน่นอน

ถังซิ่วนั้นตั้งใจไว้ว่าจะมานั่งตรวจที่นี่อีกในวันพรุ่งนี้เพราะอย่างไรก็ตามเขาเองก็ได้เบี้ยววันที่นัดไว้กับหลี่ฮงจี้มาถึงหลายวัน หากว่าเขาตรวจไปตอนนี้ไปเลยก็ดีเพราะหลังจากนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะว่างอีกครั้งตอนไหน

บ่ายวันรุ่งขึ้น

ถังซิ่วเองก็ยังคงอยู่ในห้องตรวจของเขาพร้อมกับสอนทักษะการแพทย์ให้แก่ดั่ยซินหยู จริงๆแล้วถังซิ่วนั้นรู้ถึงอาการเจ็บป่วยทุกอย่างของมนุษย์ ! มากไปกว่านั้นคือเมื่อเขาได้กลับมาที่โลกแล้วก็ได้อ่านตำราแพทย์ไปมากมายดังนั้นแล้วการที่เขารักษาโรคทั้งหลายนั้นก็เป็นการเพิ่มระดับความสามารถของเขาขึ้นไปอีกขั้น

“ก๊อก ก๊อก….”

เสียงประตูได้ถูกเคาะพร้อมกับชายหนุ่มที่กำลังพยุงหญิงวัยกลางคนเข้ามา

หลังจากที่ถังซิ่วให้รูปลักษณ์ของชายหนุ่มคนนั้นแล้วคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันทีเพราะเขาได้เคยพบกันแล้วที่ธนาคารซึ่งเป็นคนที่พูดจาดูถูกเขา

“เป็นนายได้ไง ? ”

ชายหนุ่มคนนั้นได้พูดออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นถังซิ่ว

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างเรียบเฉยว่า

“ทำไมจะเป็นฉันไม่ได้ ? ว้าว ที่แท้คนรวยเองก็ป่วยเป็นเหมือนกันงั้นหรอ ? จะมาหาหมอ ? คิดว่าฉันไม่มีเงินแล้วไม่สามารถเป็นหมอได้ ? ”