วันรุ่งขึ้น ชีหยานตื่นแต่เช้า เมื่อแต่งตัวและกินอาหารเช้าแสนอร่อยเสร็จเรียบร้อย เขาก็มุ่งหน้าไปยังเขต 11 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ไซเบอร์ไดร์ ตอนแรกการจราจรก็ปกติดีอยู่หรอก แต่เมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของเขา เขาก็ได้รับประสบการณ์การจราจรติดขัดจากเมืองลอสแองเจลิส! — นี่มันรถติดสุดๆ ยิ่งกว่าที่ชีหยานเคยเจอในโลกก่อนหน้าของเขาเสียอีก!

 

เวลาผ่านไปนานจนชีหยานทนไม่ไหว เขาจ่ายตังให้รถแท๊กซี่แล้วลงจากรถ ถ้ารถจะติดขนาดนี้เขาเดินไปก็ได้ … ชีหยานสาปแช่งในใจ  เนื่องจากตึกของบริษัทไซเบอร์ไดร์ค่อนข้างโดดเด่น และสูงกว่าตึกอื่นๆในเมืองลอสแองเจลิส เพียงแค่มองจากที่ไกลๆก็พอจะบอกได้ว่าตึกไหนคือตึกของไซเบอร์ไดร์

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อลงจากรถ ชีหยานรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ท่วมท้นอยู่ในหัวใจ มันให้ความรู้สึกราวกับยืนอยู่บนยอดตึกสูงโดยปราศจากซึ่งรั้วกั้น ทำให้ชีหยานระมัดระวังตัวอย่างมาก กับความรู้สึกอันตรายเริ่มก่อตัวขึ้น…

 

โชคดีที่จุดหมายของชีหยานไม่ได้เป็นสถานที่อันตรายอย่างบริษัทไซเบอร์ไดร์ แต่เป็นร้านอาหาร ‘บัสเตอร์’ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร จากตัวตึกของบริษัท เมื่อเข้าไปในร้าน ชีหยานพบว่าภายในร้านค่อนข้างสกปรกและไม่ค่อยเรียบร้อย เบาะที่นั่งก็เก่าแถมยังขาด ส่วนนอกร้านดูเก่าและเต็มไปด้วยคราบน้ำมันอยู่ทั่วทุกที่ แต่ก็ยังโชคดีที่อาหารในร้านค่อนข้างอร่อย ทำให้มีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ชีหยานต้องรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะได้นั่ง

 

เมื่อได้นั่ง ชีหยานสั่งเพียงแค่กาแฟถ้วยเดียวเท่านั้น แต่พนักงานเสิร์ฟก็ยังคงแนะนำเขาต่อไปไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพูด จนชีหยานทนไม่ไหว ต้องไล่พนักงานออกไป เมื่อหันไปมองรอบๆร้าน ชีหยานก็สังเกตุเห็นชายวัยกลางคน หัวล้าน นั่งอยู่ห่างจากเขาไปสามโต๊ะ คนๆนั้นคือวินเซนส์ผู้เป็นเป้าหมายของเขานั่นเอง

 

เห็นได้ชัดว่าวินเซนส์นั้นเป็นจอมตะกละ ดูจากจานที่ว่างเปล่าวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะของเขา ในตอนที่ชีหยานหันไปดู เขากำลังฟาดแซนวิชเนื้อแน่นๆเข้าปาก ตามด้วยน้ำข้าวโอ๊ต จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกแล้วยัดเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย

 

ชีหยานโบกมือเรียกพนักงานแล้วบอกว่าเขาจะเป็นคนจ่ายเงินค่าอาหารให้กับวินเซนส์เอง อย่างไรก็ตามพฤติกรรมเช่นนี้กลับส่งผลตรงข้ามกับที่ชีหยานได้คิดไว้ วินเซนส์เต็มไปด้วยความสับสนและกำลังมองมาทางชีหยานด้วยความสงสัย  ก่อนที่จะรีบเช็ดปากแล้วเริ่มพูดอย่างหยาบคายว่า

 

“ฉันไม่ใช่เพื่อนแก! ทำไมถึงต้องมาจ่ายเงินให้ฉัน! ”

 

คำพูดที่วินเซนส์พ่นออกมาเป็นไปตามที่คำแนะนำของภารกิจได้บอกไว้ อย่างไรก็ตาม ชีหยานยังคงสงบ เขาหันไปมองวินเซนส์และตอบว่า

 

“เฮ้เพื่อน ฉันไม่ได้สนใจว่านายจะทำอะไรที่ไซเบอร์ไดร์หรอกนะ ขอแค่ 5 นาที .. ถ้าผ่านไป 5 นาทีแล้วนายยังไม่สนใจในสิ่งที่ฉันพูด ฉันจะไม่กวนใจนายอีกเลย”

 

ขณะที่ชีหยานกำลังพูด เขาเหลือบไปเห็นว่าเล็บของวินเซนส์เป็นสีเหลืองนั่นหมายว่าความวินเซนส์เป็นคนสูบบุหรี่จัด ชีหยานเลยยื่นซิการ์ให้

 

วินเซนส์ตาเป็นประกาย เมื่อเห็นซิการ์มูลค่ากว่า 100 ดอลลาร์! — การได้สูบซิการ์นั้นให้ความรู้สึกเหมือนตนเองมีพลังและความมั่งคั่ง วินเซนส์ไม่รอช้ารีบคว้าซิการ์มาแล้วจุดสูบทันที กลิ่นของซิการ์ที่สูดเข้าปอดช่างยอดเยี่ยม เขาหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดออกมาว่า

 

“มีอะไรก็ว่ามา”

 

ชีหยานหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากำลังกรองคำพูดอยู่ในหัว เพราะทุกวินาทีต่อจากนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเขาจะทำภารกิจเสริมได้สำเร็จหรือไม่

 

“ฉันอาศัยอยู่ใกล้ๆกับถนนหมายเลข 77 ที่เกิดการฆาตกรรมขึ้นเมื่อวานนี้”

 

วินเซนต์พยักหน้าพร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า

 

“ตอนนี้เหลือ 4 นาทีแล้ว”

 

“ตอนที่เกิดเรื่องฉันกำลังหลับอยู่ แต่จู่ๆก็เกิดระเบิดขึ้น กระจกหน้าต่างบ้านฉันแตกกระจายจากแรงระเบิด ไม่นานนักตำรวจก็เข้ามาควบคุมพื้นที่บริเวณนั้น ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บกวาดเศษกระจก ก็บังเอิญไปเจอนี่เข้า”

 

พูดจบชีหยานก็แบมือออก เผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายใน นั่นก็คือไอเท็มที่ใช้ทำภารกิจนี้ ‘ไมโครชิพ’ นั่นเอง

 

วินเซนส์ยังคงหลับตาอยู่ เขายังคงเพลิดเพลินอยู่กับซิการ์ — แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น แล้วเห็นไอเท็มที่อยู่ในมือของชีหยาน ท่าทีของวินเซนส์ก็เปลี่ยนไป! เขารีบเอื้อมมือไปคว้าไมโครชิพทันที

 

วินเซนต์เป็นวิศวกรที่เก่งกาจและเป็นหนึ่งในบุคลากรสำคัญของบริษัท อย่างไรก็ตามด้วยนิสัยที่มันเป็นคนดื้อรั้นและมักจะระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อไม่พอใจ ทำให้คนใหญ่คนโตของบริษัทเกลียดขี้หน้าเขาและมักจะคอยขัดขวางไม่ให้เขาได้รับโปรเจ็คดีๆอยู่เสมอ

 

เมื่อวานนี้วินเซนส์ได้ยินมาว่า หน่วยสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษได้ค้นพบ เศษซากเทคโนโลยีชั้นสูงจำนวนมาก และได้ส่งคืนให้กับ บริษัทไซเบอร์ไดร์ (ตามเนื้อเรื่องของหนังเทอร์มิเนเตอร์ เหล่าเครื่องจักรกลจากอนาคตได้รับการพัฒนามาจาก ไมโครชิพของหุ่นรุ่นT-800ที่ถูกทำลายลง)

 

เมื่อได้รับเศษซากเทคโนโลยีบริษัทไซเบอร์ไดร์ก็เรียกประชุมด่วนในคืนนั้นทันที และได้ตัดสินใจส่งมอบมันให้กับทีมวิศวกรที่ ไมล์ ไดสันเป็นคนดูแลอยู่  นั่นทำให้วินเซนส์ไม่พอใจอย่างมาก ชีหยานสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนจากสีหน้าของเขาในตอนนี้

 

หลังจากที่วินเซนส์คว้าไมโครชิพมา เขาก็ตรวจสอบไมโครชิพอย่างละเอียด ทุกซอกทุกมุม ท่าทีในตอนนี้ของวินเซนส์ราวกับคนบ้า เขาพึมพำออกมาเบาๆว่า

 

“การลากเส้นแบบนี้ … ต้องใช้คาร์บอน..ไม่สิถ้าใช้คาร์บอนเส้นจะไม่เรียบแบบนี้ บ้าชะมัด!ใช้ตาเปล่าไม่สามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้ วิธีที่จะตรวจอย่างละเอียดได้ก็ต้อง … ราฟาเอล! รีบไปเปิดโมดูลไฟฟ้า ..  รีบ…”

 

ในตอนนั้นเองชีหยานก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบฝันร้ายว่า

 

[คุณได้มอบไมโครชิพให้แก่วินเซนส์ ]

 

[ภารกิจเสริม: เสร็จสมบูรณ์ ]

 

[กรุณาเลือกตัวเลือกต่อไปนี้(แต่ละตัวเลือกจะได้รับรางวัลแตกต่างกัน)]

 

[A: ให้ไมโครชิปแก่วินเซนส์และได้รับแต้ม มิตรภาพ 10-25 แต้ม แต้มมิตรภาพจะผันแปรตามค่าสเตตัส สเน่ห์ ของคุณ]

 

[B: ขายไมโครชิปให้แก่วินเซนต์ แต้มมิตรภาพลดลง 30-50 แต้มแต้มมิตรภาพจะผันแปรตามค่าสเตตัส สเน่ห์ ของคุณ]

 

วินเซนส์กำลังจมอยู่ในโลกส่วนตัว เขาไม่สนใจสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเอง ชีหยานก็ดึงไมโครชิพกลับมา แล้วยิ้มแฉ่งพร้อมกับพูดว่า

 

“ตอนนี้นายคงมีเวลามากพอที่จะคุยกับฉันแล้วใช่ไหม ทีนี้เรามาพูดคุยเรื่องข้อตกลงกันดีกว่า”

 

วินเซนส์ผู้ถูกขัดจังหวะได้พูดอย่างอารมณ์เสียว่า

 

“ข้อตกลง? ข้อตกลงอะไร?”

 

“ข้อตกลงที่ถ้าทำสำเร็จฉันจะให้ไมโครชิพอันนี้แก่นาย”

 

ท่าทีของวินเซนส์ก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาลดเสียงลงแล้วจ้องไปยังชีหยาน

 

“แกต้องการเท่าไหร่? พันดอลลาร์ สองพัน? หรือหมื่นดอลลาร์? ไอ้บ้าเอ๊ย ถ้าแกเรียกเงินมากกว่านี้ฉันจะแจ้งตำรวจให้มาจับแกโทษฐานขโมยของกลาง และก่อนที่ตำรวจจะมาฉันจะเตะตูดแกซะ จากนั้นฉันก็จะซื้อไมโครชิพนี้ต่อจากตำรวจอีกที”

 

“ตำรวจจะไม่ขายต่อไมโครชิพอันนี้ให้แก่นาย!”

 

ชีหยานพูดด้วยท่าทีไม่แยแส แต่สายตาของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์รุนแรง ถึงแม้ชีหยานจะไม่รู้ถึงสถานการณ์ของวินเซนส์ในตอนนี้ แต่เขาก็พูดออกไปตามสัญชาตญาณ

 

“นอกจากนี้ ฉันรู้แล้วว่าเจ้าสิ่งนี้มันมีค่ามาก ดูจากท่าทีของนายในตอนที่ได้เห็นมัน และฉันคิดว่าคนอื่นๆก็ต้องการมันอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราตกลงกันไม่ได้ ฉันก็แค่ไปตกลงกับวิศวกรคนอื่นของบริษัทก็เท่าเอง”

 

ท่าทีของวินเซนส์น่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม เขาสาปแช่งออกมาด้วยภาษาที่ชีหยานไม่เข้าใจ ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าตังขึ้นมาแล้วเทเงินทั้งหมดที่มีในกระเป๋าให้กับชีหยาน จากนั้นก็ถอดนาฬิกาโบารณที่สวมอยู่ให้กับชีหยาน ด้านบนของนาฬิกาโบราณมีคำแกะสลักว่า ‘1944’

 

“เจ้าปีศาจจอมโลภ! เอาไปให้หมด แ_่งเอ๊ย นาฬิกาโบราณนี้ฉันได้รับสืบทอดต่อจากพ่อของฉันเลยนะ! มันมีค่ามากๆ มากยิ่งกว่าเงินเดือนทั้งเดือนของฉันเสียอีก รีบเอาไมโครชิพมาให้ฉันและก็รีบไปไกลๆตีนเลย ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลยยิ่งดี! ”

 

ระบบฝันร้ายได้แจ้งเตือนข้อมูลของไอเท็มที่ชีหยานได้รับ

 

[เงินดอลลาร์ (397) : ใช้ซื้อขายไอเท็ม สามารถนำออกจากหนังเรื่องนี้ได้ และสามารถนำไปแลกเป็นแต้มฝันร้ายได้ 133 แต้ม]

 

[นาฬิกาเปลือกหอยจากสวิตเซอร์แลนด์ (ปี1944)]

 

[ประเภทไอเท็ม: ไอเท็มเสริม]

 

[แหล่งกำเนิด: โรงงานนาฬิกาในเมืองเบิร์นประเทศสวิตเซอร์แลนด์]

 

[ระดับความหายาก : ขาว]

 

[เอฟเฟ็ค: ค่าสเตตัสร่างกาย +1]

 

[ค่าสเตตัสที่ต้องการ: ไม่มี]

 

[วัสดุ: เหล็ก / อลูมิเนียม]

 

[น้ำหนัก: 182 กรัม]

 

[รายละเอียด: ตลอดทั้งชีวิตของฉัน ฉันต้องการไปยังเมืองเซาส์เลคเมืองหลวงของรัฐยูท่าห์ซักครั้ง อนิจจาความฝันนั้นไม่ทันได้เป็นจริง ฉันหวังว่าลูกชายจะเป็นคนสานฝันนี้ต่อจากฉัน]

 

มองไปยังสองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ชีหยานไม่ได้หยิบมันขึ้นมา เขายังคงกำไมโครชิพแน่น ชีหยานส่ายหัวราวกับจะบอกว่าของแค่นี้ไม่เพียงพอต่อการแลกเปลี่ยน

 

สายตาของวินเซนส์เต็มไปด้วยความโกรธ มันเริ่มที่จะข่มขู่ชีหยาน

 

“ความโลภมักจะชักนำหายนะเข้าสู่ตัว รู้ไหม?”

 

ชีหยานถอนหายใจออกมา แล้วรีบอธิบายว่า

 

“เฮ้เพื่อน นายกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่อยากได้อะไรตอบแทน เพียงแค่อยากจะถามอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง”

 

วินเซนส์จ้องไมโครชิพบนมือของชีหยานตาไม่กระพริบ เหงื่อของมันเริ่มไหลออกตามตัวและหน้าผาก พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างดังว่า

 

“จะถามอะไร?”

 

ชีหยานคลายมืออีกข้างของเขา เผยให้เห็นไมโครชิพอีกชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ดวงตาของวินเซนส์เบิกโพลงจนจะกลายเป็นปลาทองอยู่แล้ว เขารู้สึกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า หัวใจของวินเซนส์เต้นไม่เป็นจังหวะ เลือดตามร่างกายสูบฉีดจนเดือดพล่าน

 

“ฉันก็แค่อยากจะถามว่า ถ้าฉันจะขายไมโครชิพให้นายสองชิ้น นายจะให้ราคามันเท่าไหร่แค่นั้นเอง…”