…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“มีเบื้องหลังอยู่บ้างแล้วยังไงล่ะ ? ความสามารถด้านการวาดเองก็ยังอยู่เหมือนเดิม ก็แค่เด็กใจร้อนที่จะโชว์พลังต่อหน้าสาวๆเท่านั้น เขาจะรู้จักความอับอายที่แท้จริงเมื่อเขาแพ้ ”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“นายไม่โปรดปรานเขาเลยงั้นหรอ ?”

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“โปรดปราน ? เขามีคุณสมบัติอะไรที่ฉันจะต้องโปรดปราน ? หากว่าเขาสามารถชนะซูเซี่ยนได้ฉันจะยอมขายแร่เหล่านั้น…..ไม่สิ ฉันจะยกให้เขาฟรีๆโดยไม่คิดเลยสักแดงเลย”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เพื่อนเหล่ นายอย่าพูดด้วยอารมณ์สิ”

เหล่ใบยี่เองก็ได้แสยะออกมาพร้อมพูดว่า

“เพื่อนฮู นายก็น่าจะรู้จักนิสัยฉันดี ฉันรับผิดชอบคำพูดของฉันเสมอ หากว่าเขาสามารถเอาชนะซูเซี่ยนได้ฉันจะรีบกลับไปเอาแร่นั้นมาให้เขาทันที”

ท่าทางของใบหยูเองก็เปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ได้เห็นการวาดรูปของถังซิ่ว ก่อนหน้านี้เธอก็หลงนึกว่าถังซิ่วเป็นคนที่ลึกลับและมีความสามารถซ่อนเอาไว้

พวกเขาทั้งหมดนั้นคิดว่าคนที่ชนะจะต้องเป็นซูเซี่ยนอย่างแน่นอน

หลังจากผ่านไป15นาที

ถังซิ่วได้หยุดมือของเขาลงก่อนที่จะเป่าภาพเหล่านั้นพร้อมม้วนมันเก็บไว้

“ฉันเสร็จแล้ว !”

ถังซิ่วได้มองไปรอบๆก่อนที่จะหยุดลงที่ใบหยู

ใบหยูเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ยังไม่ถึงเวลาเพราะฉะนั้นโปรดรอก่อน”

“ได้ ”

ถังซิ่วได้ตอบตกลงพร้อมยืนรอนิ่งๆ

เกือบจะถึง30นาทีซูเซี่ยนก็ได้ปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขาก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจขึ้นบนใบหน้าของเขาพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงใส่ว่า

“ฉันเองก็เสร็จแล้ว ฉันคิดว่านี่เป็นภาพที่ดีที่สุดที่ฉันเคยวาด”

ใบหยูเองก็ได้พนักหน้าแล้วถามออกมาว่า

“ใครต้องการจะโชว์ภาพของตัวเองให้คณะกรรมการดูก่อน ? ”

ซูเซี่ยนก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“เอาภาพของฉันไปก่อน ! แล้วพวกคุณจะได้เห็นถึงภาพวาดที่แท้จริงเอง”

ใบหยูเองก็ได้ถามออกมาว่า

“คุณถัง คุณมีความคิดเห็นเช่นไร ? ”

“ยังไงก็ได้ ”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับด้วยท่าทางไม่แยแส

ใบหยูเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะนำกรรมการทั้งสิบคนเข้ามาดูรูปภาพของซูเซี่ยนพร้อมกับเริ่มการให้คะแนน

“พื้นฐานดีมาก ลายเส้นชัดเจนและองค์ประกอบเองก็ครบถ้วน ทิวทัศน์ที่สวยงาม น้ำตกนกตามต้นไม้นั้นเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ที่ใต้ภูเขานั้นก็มีดอกบัวบานอยู่เต็มไปหมด การที่มองไปที่ภาพนี้นั้นทำให้รู้สึกได้ถึงภาพบรรยากาศที่น่าทึ่งอย่างมาก”

“ดีเยี่ยม ดูที่การไล่สีนี่สิมันช่างสว่างเหลือเกิน ปากของนกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้เองก็กำลังอ้าเหมือนกำลังร้องเพลง ฉันเองก็ได้เห็นรูปภาพมามากมายแต่ภาพนี้ก็ไม่ได้ด้อยเลยแม้แต่น้อย หากว่าจะให้คะแนนก็คงประมาณ80แต้ม”

“ช่างหรูหราจริงๆ ภาพนี้ได้แสดงออกได้ถึงความสง่างามอย่างแท้จริง ฉันให้ 81”

“80 แต้ม !”

“……”

ขณะที่เสียงของการชื่นชมกำลังดังอยู่นั้น ท่าทางของของใบหยูเองก็ซับซ้อนเป็นอย่างมากแม้ว่าการวางตัวของซูเซี่ยนนั้นจะเรียกได้ว่าต่ำตมมากแต่พื้นฐานด้านการวาดรูปของเขานั้นเรียกได้ว่าน่าทึ่ง ใบที่แห่งนี้มีภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับดอกบัวอยู่มากมายแต่ก็มีแค่ประมาณ10รูปเท่านั้นที่โดดเด่นกว่าภาพนี้

ในตอนนี้เธอรู้สึกกังวลแทนถังซิ่ว

ใบหยูได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะมองไปที่ซูเซี่ยนแล้วพูดว่า

“เอาภาพของคุณไปให้ผู้ชมได้ดูซะ หลังจากที่ตัดสินคะแนนของถังซิ่วแล้วเราก็จะนับคะแนนกันว่าใครคือผู้ชนะ”

“ดี !”

ซูเซี่ยนเองก็ได้หยิบรูปของเขาไปให้ผู้ชมรอบๆดูก่อนที่จะกลับมาที่นั่งของเขาพร้อมกับเยาะเย้ยถังซิ่วว่า

“ลูกเขยที่น่าเกลียดกำลังจะได้พบกับพ่อเขยแล้ว รูปภาพของฉันได้เห็นกันไปทั่วแล้วตอนนี้ก็สมควรที่จะได้เห็นรูปของนายแล้ว แน่นอนว่านายจะยอมแพ้เลยก็ได้เพื่อจะไม่ต้องเสียหน้าหลังจากที่คนอื่นเห็นภาพวาดของนาย ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไม่รู้เลยจริงๆว่านายไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหน ? อย่าบอกนะว่านายไม่เข้าใจข้อเท็จจริงนี้”

คิ้วของซูเซี่ยนเองก็ขมวดเข้าหากันก่อนที่เขาจะแสยะออกมาว่า

“ข้อเท็จจริงอะไร ?”

ถังซิ่วก็ได้พูดออกมาว่า

“ยิ่งอยู่สูงก็จะยิ่งตกลงมาเจ็บกว่าเดิม ที่นายป่าวประกาศไปก่อนหน้านี้นั้นหากว่านายแพ้แล้วนายจะต้องขายหน้ายิ่งกว่าเดิม !”

ซูเซี่ยนเองก็ได้พูดดูถูกออกมาว่า

“ขึ้นอยู่กับนายงั้นหรอ ? นายคิดว่าจะชนะฉัน ? อย่ามัวฝันกลางวันอยู่เลยรีบๆเอาภาพไปให้กรรมการดูได้แล้ว ! ”

ถังซิ่วได้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนที่จะทำท่าทาง”เชิญ”ไปทางใบหยู

เมื่อใบหยูได้มาถึงที่โต๊ะของถังซิ่วเพื่อจะหยิบภาพไปนั้นเธอก็สั่นสะท้านพร้อมกับนัยน์ตาที่หดลงโดยทันที ในดวงตาคู่นั้นได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา

“ภาพนี้…..”

ในขณะนี้ไม่มีใครสามารถเข้าใจความรู้สึกตกตะลึงของเธอได้ สายตาของเธอจดจ้องอยู่ที่ภาพนี้เป็นเวลานานพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

กรรมการทั้งสิบคนเองก็รู้สึกสงสัยถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของใบหยูจึงได้เดินไปที่โต๊ะของถังซิ่วก่อนที่ท่าทางของพวกเขาเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกันใบหยูหลังจากที่ได้มองที่ภาพวาดนั้น

เงียบกริบ ! บรรยากาศทั้งหมดเงียบสงบเป็นอย่างมากจนถึงขั้นที่ทุกคนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นไปบนพื้นได้แต่ตอนนี้ทั้งกรรมการและใบหยูเองก็ได้แต่ยืนสั่นสะท้านพร้อมดวงตาที่มีแต่ความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

“เกิดอะไรขึ้น ? ”

ในที่สุดก็ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนออกมาจากฝูงชน

ทันใดนั้นกรรมการทั้งสิบคนและใบหยูเองก็ได้ตื่นขึ้นจากโลกความฝันของพวกเขา ร่างกายของพวกเขาสั่นยิ่งกว่าเดิมก่อนที่จะหันกลับไปมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ

ชายคนนั้นเองก็ได้แสดงท่าทางสับสนออกมาก่อนที่จะเกาหัวของเขาเพราะเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าได้ไปล่วงเกินกรรมการเหล่านั้นตอนไหน ทำไมพวกเขาถึงได้จ้องมาที่ตนเองด้วยความโกรธขนาดนั้น ?

ใบหยูเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางซับซ้อนก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไม่คิดเลยว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นภาพวาดทิวทัศน์เช่นนี้ ! ฉันไม่อยากจะบอกเลยนะว่านี่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกตกตะลึงเท่านั้นแต่รวมไปถึงความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนด้วย ”

กรรมการทั้งสิบเองก็ได้มีท่าทางขมขื่นก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“พวกฉันเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ! ไม่คิดเลยว่าในโลกนี้จะมีคนที่สามารถวาดภาพทิวทัศน์ได้แบบนี้”

ซูเซี่ยนที่ได้ยินคำพูดของกรรมการนั้นก็สับสนเล็กน้อยเพราะเขาไม่ได้ยินคำพูดที่บอกว่าภาพของถังซิ่วนั้นดีหรือร้ายแม้แต่น้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาอย่างดังว่า

“ภาพที่ผู้จัดการและกรรมการได้เห็นนั้นคงจะน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม ? หากว่าใช่ก็รีบๆบอกพวกเราให้เขาได้รับความอับอายเร็วๆสิ”

“แกหุบปากซะ !”

กรรมการเหล่านั้นได้ตะโกนออกมาอย่างดัง

“……..”

ท่าทางของซูเซี่ยนนั้นบูดบึ้งทันที พร้อมกับเกิดความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้น

ใบหยูได้มองไปที่ถังซิ่วอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“คุณถังจะให้เรานำภาพนี้ไปให้คนอื่นรับชมได้หรือไม่ ? ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า

“กรุณาด้วย !”

ใบหยูเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะถือรูปภาพนี้อย่างระมัดระวังและเดินออกไปช้าๆ แต่ละก้าวของเธอนั้นใช้เวลาเกือบ30วินาทีและเธอใช้เวลาไปถึง7-8นาทีเพื่อเดินไปยังฝูงชน

ทุกๆที่ได้เห็นภาพวาดของถังซิ่วนั้นถึงกับนิ่งเงียบ พวกเขาได้มองไปที่ซูเซี่ยนด้วยท่าทางที่พูดไม่ออก

นั่นก็รวมไปถึงโปรเฟสเซอร์ฮู เหล่ใบยี่และสาวสวยอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมู่หวางหยิงเช่นกัน

สุดท้ายแล้วใบหยูเองก็ได้วางภาพนี้ไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวังก่อนที่จะลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามออกมาว่า

“คุณถัง คุณต้องการจะขายภาพวาดนี่หรือไม่ ? คุณสามารถว่าราคามาได้เลยและตราบใดที่ฉันสามารถเอื้อมถึงฉันจะไม่ต่อรองแม้แต่น้อย”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปที่มู่หวางหยิงแล้วพูดว่า

“ในเมื่อเธอเลือกที่จะเชื่อฉันและยอมมอบภาพวาดของหวางซีซี่มาให้ฉันพนัน ฉันเองก็ได้ตัดสินใจไว้ก่อนแล้วว่าเมื่อจบการแข่งขันก็จะมอบภาพนี้ให้กับเธอ จริงๆแล้วการวาดรูปเหล่านี้ไม่ได้ยากอะไรแม้แต่น้อย ฉันสามารถวาดได้เป็นร้อยเป็นพันหากว่าฉันต้องการแต่น่าเสียดายที่ฉันมันขี้เกียจดังนั้นภาพวาดของฉันถึงได้มีจำนวนจำกัด ตอนนี้มีอยู่น้อยและในอนาคตก็จะมีน้อยเช่นกัน”

มู่หวางปิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความรู้สึกเหวอๆว่า

“นาย….นายจะให้ภาพนี้กับฉันงั้นหรอ ? ไม่ ไม่ ไม่ …….นี่มันล้ำค่าเกินไป !”

ถังซิ่วได้ตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า

“การวาดภาพนั้นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งสำหรับชีวิตฉันเท่านั้นมันไม่ได้เป็นเส้นทางที่ฉันเลือกเดินดังนั้นภาพวาดเหล่านี้มันไม่ได้ทำให้รู้สึกหลงใหลแม้แต่น้อย รับไปซะ ! สิ่งที่ฉันตัดสินใจว่าจะให้แล้วนั้นฉันจะไม่รับกลับคืนมาเด็ดขาด ”

ตาของมู่หวางหยิงเองก็ได้เป็นประกายขึ้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของถังซิ่วพร้อมกับเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ขอบคุณมากๆ !”

ซูเซี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างและไม่ได้เห็นรูปภาพของถังซิ่วนั้นได้รู้สึกถึงลางร้ายมากขึ้น เขาได้ฟังและวิเคราะห์การสนทนาของถังซิ่วและมู่หวางหยิงพร้อมตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ผู้ชนะหรือแพ้ยังไม่ถูกตัดสินด้วยซ้ำ จำเป็นต้องเล่นละครแบบนี้ ? ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่านายวาดภาพขยะอะไรออกมา !”

หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้รีบวิ่งมาข้างๆถังซิ่วก่อนที่จะมองไปยังภาพที่วางอยู่ตรงหน้าเขา

“นี่……..”

เขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แทรกผ่านชั้นผิวหนังของเขาในพริบตาที่ได้เห็นภาพนี้ มันไม่ใช่ความเย็นที่มาจากพื้นที่รอบข้างแค่มันเย็นมาจากจิตวิญญาณของเขา

วาดสวยจริงๆ !

สวยจนไม่สามารถหาที่เปรียบได้ !

แม้ว่าเขาจะได้เห็นรูปภาพมาหลายพันภาพแต่ก็ไม่มีอันไหนเลยที่จะดีไปกว่ารูปนี้

มีภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เหมือนกับมังกรที่กำลังขดตัว บนยอดของภูเขานั้นได้มีพระราชวังที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา แสงได้สาดส่องผ่านเมฆหมอกลงไปยังที่แห่งนั้นพร้อมกับนกสีขาวที่กำลังเต้นไปมาอย่างเพลิดเพลิน

ในท้องทะเลได้มีเรือลำหนึ่งพร้อมกับชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งก้มหน้าอ่านหนังสือในมือพร้อมดูน้ำตกที่กำลังไหลลงมาอย่างเงียบสงบ