“เขา…กำลังของเขา…ทำไมถึงได้มากขนาดนี้”หลินหนิ่งซานกัดริมฝีปาก แล้วจ้องเขม็งไปยังจางลั่วเฉิน

 

ผลลัพธ์แบบนี้ ยากที่จะทำให้นางรับได้

 

หลินเฟิ่งเซียนเองก็ตะลึงค้าง จ้องไปยังจางลั่วเฉินที่ยืนอยู่กลางสนามฝึก เขานิ่งไปราวกับหิน

 

จอมยุทธ์อายุน้อยทั่ว ๆ ไปจะเห็นเพียงแค่จางลั่วเฉินมีกำลังที่แข็งแกร่งมาก แต่ว่า บรรดาจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนมาสูงแล้วนั้นกลับต้องตกตะลึง

 

ในตอนที่จางลั่วเฉินใช้เท้าเหยียบไปบนพื้นดินนั้น เขาสามารถทำให้ก้อนหินหนักพันชั่งลอยขึ้นจากพื้นดินได้ถึงเมตรกว่า นั่นไม่ใช่เป็นเพียงแค่แรงสะท้อนกลับ

 

แต่คือการที่เขาส่งลมปราณในร่างกายลงไปที่พื้นดิน ลมปราณก็แปลงเป็นคลื่นเป็นชั้น ๆ แล้วพุ่งไปยังด้านใต้ก้อนหิน !

 

คลื่นแต่ละชั้นที่ส่งไปยังใต้ก้อนหินนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ก้อนหินลอยขึ้นมาได้

 

ถ้าหากอาศัยแค่แรงสะท้อนกลับ แล้วทำให้ก้อนหินหนักพันชั่งลอยขึ้นมาได้นั้น ถึงแม้จะเป็นจอมยุทธ์ขั้นอเวจีระดับสูงสุดก็คงไม่สามารถทำได้

 

ความสามารถในการควบคุมลมปราณ เรียกได้ว่าสุดยอดมาก ประณีตและละเอียดอ่อน จนทำให้จอมยุทธ์อาวุโสทั้งหลายที่อยู่ในสนามรู้สึกตกใจและท้อแท้ใจว่าตัวเองนั้นยังไม่อาจจะทำได้

 

นอกจากนี้ หินพันชั่งที่ตกลงมาจากอากาศระยะห้าเมตร แรงโจมตีนั้นมากจนน่ากลัว ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขั้นอเวจีจะสามารถรับไว้ได้เลย

 

แต่ว่าจางลั่วเฉินยังคงสามารถใช้ลมปราณ เปลี่ยนเป็นคลื่นชั้น ๆ กระแทกไปที่ใต้ก้อนหินเพิ่มลมแรงและรับน้ำหนักของก้อนหิน

 

แล้วเพราะอย่างนี้ เขาถึงได้สามารถรับก้อนหินที่ร่วงลงมาๆได้อย่างมั่นคง

 

วิธีการแบบนี้ มีเพียงแค่จอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่มีสายตาเฉียบแหลมเท่านั้นถึงจะมองออก และเพราะมองออกถึงเงื่อนงำภายในนั้น ดังนั้น จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งทั้งหลายในสนามถึงได้ตกใจ รู้สึกเหนือความคาดหมายของพวกเขา

 

ความสามารถในการควบคุมลมปราณขององค์ชายเก้า ประณีตมากกว่าจอมยุทธ์ขั้นลึกลับหลาย ๆ คนซะอีก

 

จอมยุทธ์อัจฉริยะ!

 

จางลั่วเฉินเดินออกมาจากสนามฝึก ตอนที่เดินผ่านหลินหนิ่งซาน ตาที่คมกริบของหลินหนิ่งซานก็จ้องมอที่จางลั่วเฉิน แล้วกล่าวว่า “ท่านซ่อนได้ลึกดีนิ นี่ท่านจงใจจะมาทำให้ข้าอับอายอย่างนั้นหรือ ข้าจะบอกท่านให้นะ กำลังคน สามารถเพิ่มได้จากของวิเศษ เพื่อเพิ่มมาจนถึงขั้นที่ไม่อาจจะคาดเดาได้”

 

“แต่ว่า ถ้าสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ไม่ใช่ว่าคนที่มีกำลังมากจะชนะ การสอบปลายปีพึ่งจะเริ่มต้น รออีกนิดข้าจะให้ท่านได้เห็นจริง ๆ ว่าความแตกต่างระหว่างเรามีมากแค่ไหน ! ”  (เก่งจริง ๆ ถถถ)

 

หลินหนิ่งซานมองไม่เห็นความประณีตในการใช้ลมปราณของจางลั่วเฉิน ถึงได้คิดว่า จางลั่วเฉินนั้นโชคดี ที่ใช้ของวิเศษบางอย่าง ถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งอย่างในตอนนี้

 

ความจริงแล้ว มีคนธรรมดาบางคนที่ลองใช้ยาวิเศษดู แล้วก็สามารถกลายเป็นคนที่มีพละกำลังมากได้

 

เมื่อได้ฟังที่หลินหนิ่งซานพูด จางลั่วเฉินส่ายหัวเบา ๆ อย่างขี้เกียจจะสนใจ แล้วเดินตรงไปยังสนมหลิน

 

“ท่านแม่ ข้าทำได้แล้ว!”จางลั่วเฉินกล่าว

 

สนมหลินที่ยืนอยู่ท่ามกลางบรรดาสนม เหมือนกับถูกสายฟ้าฟาดอย่างไงอย่างนั้น ดวงตาเป็นประกายแวววาว แล้วกล่าวด้วยเสียงสั่นว่า “ลูกเฉิน เป็นลูกเฉินจริง ๆ ด้วย”

 

สนมหลินกอดจางลั่วเฉินไว้แน่น แล้วร้องไห้เสียงดังออกมา

 

นางรอวันนี้ รอมานานมากแล้ว

 

เดิมทีนางคิดว่าคงจะไม่มีวันนี้ ! คิดไม่ถึงเลยว่า จางลั่วเฉินจะทำได้แล้ว เขากลายเป็นจอมยุทธ์จริง ๆ แล้วเป็นคนหนุ่มที่แข็งแกร่ง! ทำให้ทุก ๆ คนมองเขาด้วยสายตาทึ่ง ทำให้ทุกคนไม่หัวเราะเขาอีกต่อไปแล้ว

 

สำหรับนางแล้วจริง ๆ  นางแค่อยากได้การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเท่านั้น

 

บรรดาสนม นางใน ขันที ที่อยู่ด้านในนั้น พอได้เห็นภาพนี้ ในใจก็คิดขึ้นมาว่า“วันหลัง จะต้องห้ามไปหาเรื่องกับสนมหลินเด็ดขาด!”

 

“ดี!”

 

อ๋องอวินอู่จวินยืนขึ้นมา มองไปที่จางลั่วเฉินด้วยสายตาตื่นเต้น แล้วกล่าวว่า “ลูกเก้าถึงสำเร็จช้า แต่ข้าปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ไม่ว่าผลการสอบปลายปีจะเป็นยังไง ตระกูลหวางก็จะจัดงานฉลองสามวัน ลูกเก้า ยังไม่มาให้ข้าดูอย่างละเอียดอีก”

 

“ลูกเฉิน เร็ว รีบไปคารวะเสด็จพ่อ”

 

สนมหลินเช็ดน้ำตา แล้วรีบดึงจางลั่วเฉินไปยังอ๋องอวินอู่จวิน

 

“คารวะท่านอ๋อง!”จางลั่วเฉินกับสนมหลินคารวะพร้อมกัน

 

อ๋องอวินอู่จวินจ้องไปยังจางลั่วเฉิน แล้วกล่าวว่า “เจ้าฝึกฝนถึงขั้นอเวจีระดับสูงต้นแล้วล่ะสิ”

 

เมื่อกี้ ที่จางลั่วเฉินแสดงความสามารถของตัวเองออกมา แน่นอนว่าปิดสายตาของฮองเต้อวินอู่จวินไม่ได้

 

จางลั่วเฉินตอบ“ใช่แล้ว!”

 

“เวลาสามเดือน ถึงขั้นอเวจีระดับสูงต้น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ ลูกเก้า ระยะนี้ เจ้าไปพบกับอะไรเข้ากันแน่”อ๋องอวินอู่จวินถาม

 

จางลั่วเฉินตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดาว่า “ท่านอ๋อง ข้าไปเจอกับเรื่องหนึ่งเข้า แต่นั่นเป็นความลับของข้า ข้ามีสิทธิที่จะไม่พูดออกมา ข้ายิ่งไม่อยากบอกให้คนอื่นรู้”

 

“บังอาจ!อ๋องเป็นพ่อแท้ ๆ ของเจ้า ยังมีความลับอะไรที่แม้แต่พ่อแท้ ๆ ของตนเองยังบอกไม่ได้” พระชายาพูดอย่างโมโห

 

อ๋องอวินอู่จวินยกมือขึ้นน้อยๆ เพื่อไม่ให้พระชายาพูดต่อ แววตาแฝงไปด้วยความชื่นชมมองไปยังจางลั่วเฉินแล้วกล่าวว่า“จอมยุทธ์ทุกคนนั้นล้วนมีความลับของตัวเอง ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด ข้าเองก็จะไม่บังคับเจ้า เข้าร่วมการสอบปลายปีให้ดีๆ ข้าจะรอดูการแสดงต่อไปของเจ้า”

 

คนต่อไปที่เข้าไปในสนามฝึกคือองค์หญิงเก้า

 

องค์หญิงเก้า จางอวี่ซี หน้าตาสะสวย ผิวขาวเป็นประกาย รูปร่างสูงผอม ให้บุคลิกลักษณะสูงศักดิ์แบบเรียบ ๆ

 

อายุของนางแก่กว่าจางลั่วเฉินเพียงหนึ่งวัน ความสามารถและพรสวรรค์ในการต่อสู้ไม่ได้ต่ำไปกว่าหลินหนิ่งซาน และหน้าตาเองก็ไม่ได้ต่ำกว่าหลินหนื่งซานแม้แต่น้อย และเป็นหนึ่งในสี่สาวงามของประเทศอวินอู่จวิน นางถูกเรียกคู่กับหลินหนิ่งซานว่าเป็น “สาวงามทั้งสองของเมืองหวาง”

 

องค์หญิงเก้าเองก็ยกหินก้อนที่สิบขึ้นได้ และโยนไปได้ไกลถึงสิบสามเมตร กำลังน้อยกว่าหลินหนิ่งซานเพียงขั้นเดียวเท่านั้น หลินหนิ่งซานนั้นสามารถโยนไปได้ไกลสิบห้าเมตร

 

องค์หญิงเก้าขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วเดินออกไปจากสนามฝึก ไปยืนอยู่ข้างจางลั่วเฉิน แววจาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ แล้วกล่าวว่า“น้องเก้า ต่อไปคือการล่าสัตว์ในเขาหวาง น้องต้องระวังด้วยนะ!ข้าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้า!”

 

จางลั่วเฉินกับองค์หญิงเก้าอายุพอ ๆ กัน ดังนั้นตอนเล็ก ๆ จึงเล่นด้วยกันบ่อยครั้ง พอองค์หญิงเก้าเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ ก็ใช้เวลาส่วนมากไปกับการฝึกฝน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงค่อย ๆ ห่างกันไป

 

ตอนนี้จางลั่วเฉินมีให้ความรู้สึกแปลกหน้าต่อองค์หญิงเก้า เขาแค่พยักหน้าเบาๆ แล้วไม่พูดอะไร

 

คนที่เดินเข้าไปบนสนามคนต่อมาคือองค์ชายแปดจางจี่

 

เดิมที องค์ชายแปดคิดว่าตัวเองไปถึงระดับสูงต้น จะสามารถกดจางลั่วเฉินได้อย่างง่ายดายภายในการสอบปลายปีนี้ เขาหวังว่าตัวเองนั้นจะได้รับคำชมจากอ๋องอวินอู่จวิน

 

แต่ว่า จางลั่วเฉินกลับแสดงได้อย่างน่าตกใจ และทำลายความมั่นใจของเขาอย่างรุนแรง

 

“ข้าจะต้องยกหินก้อนที่สิบขึ้นมาให้ได้!จางลั่วเฉินก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น เขายังสามารถทำได้ ข้าก็ต้องทำได้เหมือนกัน ! ”

 

เดิมทีองค์ชายแปดพึ่งจะถึงระดับสูงต้น ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะไปยกหินก้อนที่สิบ แต่ว่า ด้วยความกดดันของจางลั่วเฉิน เขาจึงต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อยกหินก้อนที่สิบขึ้นมาให้ได้

 

“ขึ้นมาสิว่ะ!”

 

มือทั้งสองข้างขององค์ชายแปดเกี่ยวไปยังก้อนหิน เส้นเลือดทั่วร่าง ปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด  แล้วเขาสามารถยกก้อนหินก้อนที่สิบขึ้นได้

 

แต่ว่าในขณะที่เขาพึ่งจะยกขึ้นมาได้เพียงครึ่งเมตร นิ้วทั้งห้าเกิดลื่น ก้อนหินจึงร่วงลงมาทันที แล้วหล่นไปใส่เท้าขององค์ชายแปด

 

“อ๋า!”

 

องค์ชายแปดส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดออกมา“เท่าของข้า เท้าของข้า…ช่วยด้วย อ๋า…”

 

กระดูกเท้าของเขาถูกทับแตก

 

จากนั้น ก็เจ็บจนหมดสติไป เขาเหมือนกับหมูที่ตายแล้วนอนอยู่กลางสนาม

 

ยามสองคนรีบเข้าไปในสนาม แล้วรีบยกก้อนหินหนักพันชั่งออก จากนั้นก็หามองค์ชายแปดออกไป

 

ต่อมา ก็มีจอมยุทธ์เดินเข้ามาในสนาม

 

อายุจอมยุทธ์เหล่านี้ ล้วนมากกว่าสิบหกปี เป็นคนมีความสามารถที่ถูกเลือกมาจากตระกูลต่างๆ กว่าครึ่งล้วนสามารถยกหินหนักพันชั่งได้

 

ในนั้นมีสามคนที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม การฝึกฝนของพวกเขาล้วนอยู่ในขั้นอเวจีระดับสูงปลาย สามารถโยนหินไปได้ไกลกว่ายี่สิบเมตร

 

องค์ชายห้า อายุสิบเก้าปี ผู้ฝึกฝนขั้นอเวจีระดับสูงปลาย สามารถโยนหินไปได้ไกลถึงยี่สิบเมตร

 

ซือถูหลินเจียง อายุสิบเจ็ดปี เป็นหัวกะทิอันดับหนึ่งในรุ่นนี้ของตระกูลซือถู อยู่ในขั้นอเวจีระดับสูงปลาย สามารถโยนก้อนหินไปได้ไกลยี่สิบสามเมตร

 

เสวียข่าย อายุสิบเก้าปี เป็นหลานของราชครู อยู่ในขั้นอเวจีระดับสูงปลาย สามารถโยนหินไปได้ไกลถึงยี่สิบสี่เมตร

 

รอบที่หนึ่ง การสอบพละกำลัง นอกจากจางลั่วเฉิน หลินหนิ่งซาน องค์หญิงเก้า ก็มีอีกแค่สามคนนี้เท่านั้นที่แสดงออกมาได้เข้าตา

 

อันดับต่อมา ก็เป็นการสอบรอบที่สอง การล่าสัตว์ในเขาหวาง

 

มีแค่คนที่สามารถยกหินก้อนที่สิบขึ้นได้เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ในการสอบรอบที่สอง

 

ในรอบที่หนึ่งนั้น จอมยุทธ์ที่สามารถยกหินก้อนที่สิบขึ้นมาได้มีทั้งหมดสี่สิบสามคน

 

องครักษ์นำหลิ่งหม่าที่แข็งแรงกำยำสี่สิบสามตัวเข้ามาในสนาม หลิ่งหม่าแต่ละตัวมองดูคล้ายกับลูกช้าง มีเขาที่แหลมคม ทั้งตัวคลุมด้วยเสื้อเกราะสีเงิน

 

บนหลังของหลิ่งหม่าแต่ละตัวจะมีธนูเหล็กยาวหนึ่งเมตรแขวนอยู่ และลูกธนูสายฟ้าอีกห้าอัน

 

ราชครูยืนอยู่บนแท่นหิน พูดเสียงดังว่า“พวกเจ้าสามารถยกหินหนักพันชั่งได้ ก็สามารถบอกได้ว่าความสามารถของพวกเจ้า สามารถต่อกรกับสัตว์ป่าระดับหนึ่งได้แล้ว แต่ว่า พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า ถึงจะเป็นแค่สัตว์ป่าระดับหนึ่งแต่ก็มีพละกำลังแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเจ้าคิด ความเร็วของสัตว์ป่าระดับหนึ่ง ก็เร็วเป็นอย่างมาก”

 

“จากการฝึกฝนของพวกเจ้าในตอนนี้ มีแค่ต้องใช้ธนูสายฟ้าเท่านั้น ถึงจะสามารถทะลุเข้าไปในหนังของสัตว์ป่าได้ แล้วสามารถยิงให้มันตายได้”

 

“ทุกคนจะมีลูกธนูแค่ห้าอัน ยิ่งยิงธนูฆ่าสัตว์ป่าได้จำนวนมาก สัตว์ป่าที่ถูกฆ่าก็จะยิ่งมีกำลังแข็งแกร่งขึ้น ผลงานก็จะยิ่งดี มีแค่คนที่สามารถฆ่าสัตว์ป่าได้เท่านั้น ที่จะสามารถผ่านเข้าไปสอบรอบที่สาม ของการประลองการต่อสู้ได้”

 

“ในเขาหวาง มีอันตรายมากมาย หรืออาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิต ถ้าหากเจอสัตว์ป่าระดับสอง ก็ให้พวกเจ้ารีบหนีซะ!”

 

“การล่าสัตว์ในเขาหวาง เริ่มต้นได้”

 

เท้าทั้งสองของหลินหนิ่งซานถีบพื้น และกระโดดตัวลอย แสดงความสามารถด้านร่างกายที่สวยงามและคล่องแคล่วออกมา แล้วไปยังหลังของหนึ่งในบรรดาหลิ่งหม่า แล้วจ้องมายังจางลั่วเฉิน พลางกล่าวว่า “พี่ชาย การสอบพละกำลังเป็นการสอบที่อ่อนที่สุดของข้า ตอนนี้สิถึงจะเป็นตอนที่เริ่มต้นสามารถแสดงพลังของข้าออกมาได้ หวังว่าเจ้าจะไม่ห่างจากข้านักนะ ไป!”

 

หลินหนิ่งซานหวดแส้ไปยังสะโพกของหลิ่งหม่า หลิ่งหม่าก็รีบยกเท้าขึ้น แล้ววิ่งออกไปทันที  หายเข้าไปในเขาหวาง

 

(จบแล้วครับ)

 

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ