…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ซูหลิงหยุนที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่นั้นก็ได้พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรักของแม่ยิ่งใหญ่ดั่งภูผา แม่คนไหนบ่างที่ไม่หวังว่าสักวันหนึ่งลูกๆของเธอจะเป็นดั่งมังกรที่ทะยานไปบนฟากฟ้าและประสบความสำเร็จ? ลูกของเธอในตอนนี้สามารถสร้างบริษัทของตัวเองที่คนธรรมดายังแทบทำไม่ได้ด้วยอายุเท่านี้ มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

“ใช่แล้ว เธอพูดถูกแล้ว ! ”

ซูหลิงหยุนได้ปาดน้ำตาของเธอพร้อมกับมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดออกมาว่า

“ซิ่วน้อย แม่ภูมิใจในตัวลูกมากๆ ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“แม่ครับ ผมเองก็ภูมิใจที่ได้เป็นลูกของแม่เช่นกัน”

ตลอดช่วงเช้าถังซิ่วได้อยู่ข้างๆแม่ของเขาตลอดพร้อมอธิบายเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เขาปิดบังเธอแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้อธิบายเรื่องที่เขาได้ไปและกลับมาจากดินแดนแห่งนิรันด์รวมทั้งเรื่องที่เขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์ วันนี้เขาเองก็ไม่ได้บอกมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีไปเช่นกัน

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้คำนวณถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อยแต่พอลองคิดดูเล่นๆแล้วแค่เกาะอย่างเดียวก็มีมูลค่าถึง2-3พันล้านแล้ว

ช่วงบ่าย ถังซิ่วได้พาซูหยิงหยุนไปทานข้าวและเห็นว่าแม่ของเขาเองก็โปรดปรานกู่หยินเป็นอย่างมาก เขาจึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณแม่ตัดสินใจได้หรือยัง ? มาอยู่ที่นี่กับเราเถอะ !ส่วนบ้านเดิมของเรานั้นหากว่าแม่ไม่อยากขายก็เก็บมันเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าแม่ไม่ต้องการสอบใบขับขี่ผมก็จะได้หาคนขับรถมาให้เพื่อคอยไปรับไปส่งแม่ทุกวัน”

ซูหลิงหยุนได้ส่ายศีรษะของเธอพร้อมพูดออกมาว่า

“แม่ชินกับการอยู่ที่นู้นแล้ว ตอนนี้แม่คงจะไม่มาที่นี่ในทันที หากว่าลูกสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เมื่อไหร่แม่จะคิดอีกที ! ลูกจะอยู่ที่นี่หรือกลับไปอยู่ที่บ้านเราก็ได้และแถวๆนั้นเองก็อยู่ใกล้ๆกับร้านอาหารอยู่แล้วด้วย แม่คิดว่ามันไม่จำเป็นสำหรับการที่ลูกจะต้องจ้างคนขับรถเลย”

“นี่…..”

ถังซิ่วเองก็ไม่ต้องการที่จะขัดใจแม่ของเขาแต่เขาเองก็พยายามที่จะทำให้แม่ของเขาย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยให้ได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เอางั้นก็ได้ ! ผมจะเหลือห้องไว้สำหรับแม่และแม่อยากมาตอนไหนก็มาได้เลย”

หลังจากนั้นถังซิ่วก็ได้กลับไปที่ร้านอาหารกับซูหลิงหยุนและก่อนที่จะจากไปนั้นเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มที่ดูอายุน้อยลงของแม่ซึ่งทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

ถังซิ่วได้มาถึงที่โรงแรมที่เขวียนหน้าบากพักอยู่พร้อมกับเห็นว่าคังเซี่ยนเองก็มาถึงพอดี

“ฉันเพิ่งจะโทรหาเธอไปได้ไม่กี่นาทีเองไม่ใช่หรอ ทำไมถึงได้มาเร็วขนาดนี้ล่ะ ? ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันได้ทำธุระอยู่แถวๆนี้ตอนที่คุณโทรมา คุณคิดว่าผู้จัดการที่คุณเลือกมานั้นเชื่อถือได้ไหม? ”

ถังซิ่วนั้นรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขวียนหน้าบากแล้ว เขาจึงได้ตอบกลับไปว่า

“การที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้นคือลูกผู้ชายที่แท้จริง เขามีความสามารถใoการบ่มไวน์และฉันก็มอบโอกาสให้กับเขาและหากว่าเขาสามารถคว้ามันเอาไว้ได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเขาในอนาคตอย่างแน่นอน หากเขาไม่สามารถคว้ามันไว้ได้เธอก็เป็นหัวหน้าที่คอยสั่งการเขาอีกทีพร้อมมีอำนาจทุกอย่างรวมถึงการปลดเขาออก”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ด้วยความชอบธรรมที่คุณได้ให้มานี้ฉันเองก็รู้สึกโล่งใจ อ่อใช่ ก่อนหน้านี้ฉันได้ไปหาข่าวเรื่องโรงบ่มไวน์ในเมืองนี้มาฉันคิดว่ามันก็โอเคแต่ยังไม่ได้สืบลึกลงไปหรือว่าลงพื้นที่ อย่างไรก็ตามโรงบ่มนั้นกำลังปิดทำการและเราสามารถเทคโอเวอร์ที่นั่นได้ทันที ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขวียนหน้าบาก ฉันเองก็ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำในไม่กี่วันที่จะถึงนี้และไม่มีเวลาพอที่จะไปดูการดำเนินการทั้งหมดของการก่อสร้างโรงบ่มนี่ หากว่าเงินหมดเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ ”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ช่วงนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน อย่างไรก็ตาม บอสนี่มีความสามารถจริงๆเลยนะ รู้ว่าฉันต้องใช้เงินในการดำเนินงานแต่ก็สามารถหาทุนมาให้บริษัทของเราได้ตลอด ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาพร้อมตอบกลับไปว่า

“เงินที่ฉันจำเป็นต้องใช้นั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อย่าว่าแต่ไม่กี่พันล้านเลย ต่อไปฉันอาจจะต้องใช้ถึงแสนล้านถึงล้านล้านและเพื่อการที่จะทำให้ระดับการบ่มเพาะของฉันก้าวหน้านั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล”

คังเซี่ยนเองก็ได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกตกใจว่า

“ที่ทำเงินก็เพื่อเอามาบ่มเพาะพลัง ? ”

ถังซิ่วพยักหน้าขณะที่พูดต่อว่า

“ใช่ การที่เรามีทรัพยากรนั้นจะทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ฉันกำลังขาดทรัพยากรเป็นอย่างมากและระดับพลังของฉันยังต่ำก็เลยยังไม่ต้องใช้อะไรมากนักแต่หากว่าฉันมีระดับพลังที่สูงขึ้น ทรัพยากรการบ่มเพาะก็ต้องใช้มากขึ้นไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน”

คังเซี่ยนเองก็ได้พยักหน้าซ้ำๆแล้วพูดออกมาว่า

“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่”

“ฉันเชื่อเธอ !”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยความมั่นใจ

คังเซี่ยนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“คุณมั่นใจในตัวฉันขนาดนั้นเลยหรอ ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า

“แน่นอนว่ามั่นใจมาก การที่เธอสามารถช่วยฉันทำเงินได้ก็เท่ากับว่าเธอเองก็กำลังทำเงินให้ตัวเองเช่นกันเพราะเธอเองก็ได้ส่วนแบ่งจากหุ้นของบริษัทเราแต่เธอเองก็เพิ่งเริ่มเดินบนเส้นทางแห่งผู้บ่มเพาะพลังและในอนาคตเธอเองก็จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรอย่างมากเพื่อที่จะยกระดับพลังของตัวเอง หากว่าเธออยากแข็งแกร่งและยกระดับอย่างรวดเร็วก็จำเป็นที่จะต้องทำเงินให้ไวขึ้นเช่นกัน”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับโดยที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“อ่อ ที่แท้เหตุผลที่คุณสอนวิธีบ่มเพาะให้ฉันก็เพราะว่ามีแรงจูงใจแบบนี้นี่เอง ! ฉันถูกลากขึ้นมาบนเรือของโจรสลัดแล้วอย่างแท้จริง”

ถังซิ่วได้หยอกล้อกลับไปว่า

“เธอยังมีโอกาสที่จะถอนตัวนะ ”

คังเซี่ยนได้ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่พร้อมกับพูดว่า

“ตายก็ไม่มีวันถอนตัวอย่างแน่นอน ฉันเองก็อยากจะเป็นนิรันด์ที่อยู่ในตำนานเหมือนกัน!”

เขวียนหน้าบากที่ได้รับการโทรแจ้งจากถังซิ่วนั้นได้รีบมาที่นี่ทันทีแต่เมื่อเขาเห็นคังเซี่ยนแล้วก็ทำให้เขาเกิดท่าทางอึดอัดเพราะความงามของเธอ

“เธอคือคังเซี่ยน เป็นผู้จัดการบริษัทของฉัน หลังจากนี้เธอจะเป็นหัวหน้าของนาย จำไว้ว่าคำสั่งของเธอคือคำสั่งของฉัน เธอมีอำนาจทั้งหมดเท่าเทียมกับฉันและหากว่านายทำได้ไม่ดีพอเธอก็มีอำนาจไล่นายออกเช่นกัน ”

ทุกๆคนนั้นรักความสวยงาม วีรบุรุษย่อมคู่กับหญิงงามและเขวียนหน้าบากเองก็รู้สึกสั่นไหวเมื่อได้พบกับคังเซี่ยน เมื่อเขาได้ยินสถานะของเธอแล้วก็ทำให้เขารู้สึกระวังตัวมากขึ้นเช่นกัน

เขวียนหน้าบากเองก็ได้พูดออกมาว่า

“บอส คุณไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อคุณพาผมมาจากที่ห่างไกลผมก็จะไม่ทำให้คุณต้องขายหน้าอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“คังเซี่ยนเราไปดูที่ที่เธอว่านั้นกันก่อน ! หากว่ามันใช้ได้จริงๆเราก็จะเทคโอเวอร์มันในราคาต่ำพร้อมกับสร้างโรงบ่มไวน์ที่นั่น ส่วนเรื่องของสูตรไวน์นั้นฉันจะบอกเขวียนหน้าบากเอง เรื่องเครื่องจักรนั้นเราจะจัดการซื้อในภายหลัง”

คังเซี่ยนได้ถามออกมาว่า

“บอส แล้วเรื่องการจัดจำหน่ายจะเอาเป็นแบบไหน ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ทำให้เหมือนๆกับสินค้าอย่างอื่นของเราโดยการให้มันเป็นสินค้าชั้นนำและต้องซื้อผ่านตัวแทนเท่านั้น อีกอย่างคือราคาของมันจะต้องไม่ต่ำกว่า5หลัก”

คังเซี่ยนได้โห่ร้องออกมาว่า

“ราคามันไม่สูงเกินไปหน่อยหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับว่า

“สูงไม่สูงเธอจะรู้เองเมื่อถึงเวลา!”

วันนี้คังเซี่ยนไม่ได้ขับรถlamborghiniของเธออีกแล้วแต่ใช้รถบริษัทของเธอ สิ่งที่ทำให้เขวียนหน้าบากต้องฝืนยิ้มออกมาก็คือเรื่องที่เขาต้องเป็นคนขับรถ

โรงบ่มไวน์นีฉี

โรงบ่มเก่าแก่ของเมืองสตาร์ซิตี้ ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองเฟื่องฟูแต่ก็ต้องจบลงเพราะการบริหารที่ผิดพลาดและถูกขาดทอดตลาดโดยรัฐบาล มันอยู่ในเขตเก่าเฮ้อจี้ รอบๆข้างรายล้อมไปด้วยโรงเก็บขยะและทุ่งหญ้า

ทั้งสามคนได้มาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วพร้อมก้าวลงจากรถแล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า

“ล๊อค ?”

ถังซิ่วมองไปที่แม่กุญแจสนิมเขรอะพร้อมมองไปที่คังเซี่ยนอย่างสับสน

คิ้วของคังเซี่ยนเองก็ขมวดเข้าหากันพร้อมพูดออกมาว่า

“ฉันเองก็ได้หาข้อมูลของที่นี่มาคร่าวๆเท่านั้นและยังไม่ได้ลงสำรวจถึงสถานการณ์ของที่นี่ด้วยตัวเอง หรือเราไปถามคนแถวนี้ดูดีไหม ? ”

!

ใขขณะนี้ได้มีคุณปู่คนหนึ่งที่สวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นพร้อมกำลังสูบบุหรี่ได้เดินผ่านไป คังเซี่ยนได้เดินไปทางเขาพร้อมถามออกมาว่า

“คุณปู่ค่ะ คุณรู้ไหมว่าทำไมที่นี่ถึงล๊อค ? ”

ชายแก่คนนั้นได้หยุดการก้าวเดินพร้อมหันกลับมามองที่พวกเขาทั้งสามคนก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“จะเป็นเรื่องไหนไปได้นอกจากไอบอสเวรมันเบี้ยวค่าจ้างคนงานล่ะยิ่งไปกว่านั้นคือไวน์ที่บ่มมาก็รสชาติไม่ได้เรื่องทำให้ขายไม่ได้ ไม่ปิดก็แปลกแล้ว ! ก่อนหน้านี้ฉันเป็นยามของที่นี่แต่มันกลับเบี้ยวค่าจ้างฉันมากว่าครึ่งปีแล้ว!”

คังเซี่ยนได้ถามต่อว่า

“ในเมื่อที่นี่ปิดลงแล้ว บอสของที่นี่ไปอยู่ที่ไหนงั้นหรอค่ะ ? ”

ชายแก่คนนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า

“หนีไปแล้ว เขามีหนี้สินมากมายและหากไม่หนีไปก็คงจะโดนฆ่า! ที่แห่งนี้ได้ถูกทางภาครัฐยึดคืนไปแล้วและไม่รู้ว่าจะขายได้ตอนไหน ”

คังเซี่ยนตอบกลับไปด้วยความประหลาดใจว่า

“ถูกภาครัฐยึดกลับไป ? เป็นเพราะบอสเบี้ยวค่าจ้างพนักงาน ?”

ชายแก่ก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เปล่า เขาหลบเลี่ยงภาษีและหลังจากเลิกกิจการก็ถูกทางภาครัฐตรวจสอบดังนั้นจึงได้มีปัญหากัน อ่อ แล้วพวกเธอมาที่นี่ทำไม ? ”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปว่า

“เรากำลังมาดูสถานการณ์ของโรงบ่มนี่ ก่อนหน้านี้เราตั้งใจจะลงทุนในธุรกิจบ่มไวน์และพบที่แห่งนี้ ! แต่เราไม่คิดเลยว่าเมื่อมาถึงแล้วจะปิดกิจการไปแล้ว คุณปู่ค่ะ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลคะ ”

ชายแก่คนนั้นก็โบกมือให้พร้อมกับเดินจากไป

คังเซี่ยนได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“เอาไงดีล่ะบอส ? หรือเราจะไปลองตกลงกับทางภาครัฐดูดีไหม ? ”

ถังซิ่วพยักหน้าจณะที่ตอบกลับไปว่า

“เราจะไปเจรจากับพวกเขา ! ฉันคิดว่าเราพอจะตัดราคาได้เยอะอยู่หากว่าเรามีเส้นสายมากพอเราจะไปคุยกับหลงเจิ้งหยู เขาเป็นเจ้าถิ่นของเมืองนี้ หากว่ามีเพื่อนที่มีอำนาจไว้แต่ไม่ได้ใช้งานก็ศูนย์เปล่า”

คังเซี่ยนได้ปิดปากของเธอไว้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ถือว่าเป็นโชคร้ายของหลงเจิ้งหยูจริงๆที่มีเพื่อนแบบคุณ ! แต่สิ่งที่คุณพูดนั้นมีเหตุผล ฉันจะติดต่อไปหาเขาทันทีเพื่อที่จะตัดราคาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมเทคโอเวอร์ที่นี่ซะ อย่างไรก็ตามถึงที่นี่จะใหญ่ก็จริงแต่มันโล่งมากๆ เราจำเป็นต้องสร้างห้องหากว่าเราต้องการที่จะใช้งานมัน”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“เราจะทำการปรับปรุงมันใหม่ทั้งหมด ! อะไรที่ใช้ได้ก็เก็บไว้ส่วนที่ใช้ไม่ได้ก็ทิ้งไป ! ทำให้เรียบร้อยแล้วเราจะว่ากันอีกทีเมื่อถึงเวลาที่ไวน์ของเราจะออกสู่ตลาด”