กลุ่มของผู้คนดีดตัวพุ่งไปยังใจกลางของหุบเขา พลังชีวิตของซุนหนี่ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว และนั่นหมายความว่าทั้งร่างกายและเลือดทั้งหมดจะกลายเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ เป็นเหตุให้พวกเขาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“เร็วกว่านี้ พวกเราช้าเกินไปแล้ว” ฉีหลิงหู่และคนอื่นๆต่างอยู่ในอาการกระวนกระวาย พวกเขากลัวว่าจะสายเกินไป หากถึงเวลาที่พวกแร้งกำลังจะรุมทึ้งเหยื่อ
ยอดเขาที่สูงตระหง่านถูกล้อมรอบโดยยอดเขาอื่นๆมากมาย เหมือนดั่งยอดเขาที่ไร้จุบจบ รวมทั้งป่าเก่าแก่ที่นี่นั้นก็ดูมหัศจรรย์ยิ่งนักความสูงของต้นไม้แต่ละต้นสูงตระหง่านไปต่ำกว่าร้อยเมตร พวกเขาถูกบดบังด้วยเงามืดจากภูเขา ราวกับบดบังท้องฟ้าและปกคลุมด้วยผืนดิน ทั้งยังมีเถาวัลย์ที่โตเต็มที่มีความยาวเกินกว่าจะคาดคะเนได้หลากหลายเส้นเลื้อยพันไปรอบๆตัวพวกเขา พวกมันเติบโตขนานไปกับทิวเขา
กลุ่มคนหมู่บ้านศิลาพุ่งเข้าไปอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อพวกเขาไปถึงบริเวณใกล้ๆที่มีร่างของซุนหนี่อยู่ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันร้ายกาจที่เข้าคุกคามอย่างรุนแรง มันคือสิ่งที่ราชาแห่งหมื่นสรรพสัตว์ทิ้งไว้ข่มขู่ทุกคนไม่ให้เข้าใกล้
“เงียบให้หมด!!” ทุกคนรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ พื้นที่ในบริเวณนี้เงียบเกินไป ไม่สามารถได้ยินเสียงของอะไรเลย ราวกับว่ากำลังอยู่ในป่าช้าอย่างไงอย่างงั้น
ที่นี่ไม่มีแม้แต่นกธรรมดาหรือสัตว์ป่าเล็กๆซักตัว แม้แต่แมลงหรือมดก็ต่างซ่อนตัวอยู่ภายในรังทิ้งไว้เพียงแต่ความสันโดษ ป่าไม้ภูเขากลายเป็นเปลี่ยวร้าง เงียบงันและเหมือนกับความตายที่เงียบสงบ
“ก่อนซุนหนี่จะตาย มันเข่นฆ่าสัตว์ร้ายไปมากมายนักและออกอาการบ้าคลั่ง ทั้งสัตว์ปีกหรือสัตว์บกต่างพากันหลบหนีไป” ฉีหลิงหู่กล่าวออกมา
“บางอย่างแปลกๆ” หัวหน้าฉีหยุ่นเฟิงกล่าวออกมาทันทีด้วยตื่นตระหนกแล้วหันไปพูดด้วยน้ำสียงเร่งร้อนในทันที “หลิงหู่ อย่าได้วิ่งเป็นอันขาด ซากของซุนหนี่ทั้งล้ำค่าและหายาก ข้าว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงพวกเราเป็นแน่ มีสัตว์ร้ายบางตัวอยู่แถวนี้และกำลังสอดแนมพวกเราอยู่ เพราะฉะนั้นถอยกันก่อน อย่าได้วู่วาม”
ชายแก่สัมผัสได้ถึงสัญญาณที่อันตรายถูกแผ่ออกมาจากสัตว์ร้ายขนาดใหญ่และทรงพลังในระยะไกล ดวงตาของมันเย็นเยียบทำให้เขาเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลังแล้วสั่งให้ทุกคนล่าถอยในทันที
เฮ่าน้อยเองก็สัมผัสได้เช่นกัน นั่นทำให้เส้นผมของเด็กลุกชันและกำหมัดของตนแน่น ฉีเฮ่าก็เกือบจะบอกถึงความรู้สึกที่เค้ารับรู้ได้เช่นกัน
ทุกคนกระจายตัวออกห่างจากบริเวณภูเขาหินร่วนอย่างรวดเร็ว
“พวกเราจะยอมแพ้ไปแบบนี้หรือ มันยากเกินไปที่จะเข้าไป” ฉีเฟยเฉียวถอนหายใจออกมา อดที่จะท้อแท้ไม่ได้
“อย่ารีบร้อนไป เราต้องรอคอยโอกาส ไม่ว่ายังไงชีวิตของเราเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด แม้ว่าเลือดและร่างของซุนหนี่จะมีค่าสะท้านภพเพียงใด พวกเราต้องเก็บชีวิตของเราเอาไว้ใช้มัน” ฉีหยุ่นเฟิงเอ่ยอย่างจริงจัง
พวกเขาเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วปีนขึ้นบนเขาเพื่อเสาะหาตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุด พวกเขาค่อยๆสำรวจรอบๆบริเวณนั้นอย่างระมัดระวังเพราะต้องการที่สังเกตการณ์คอยสำรวจสถานการณ์ภายในหุบเขา
และแล้วก็พบร่องรอยของผู้คน มีเสียงดังออกมาจากหุบเขาไม่ไกลออกไปนัก ปรากฏกลุ่มคนสามกลุ่มมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมาจากทิศทางที่ต่างแต่เป้าหมายล้วนเป็นที่เดียวกัน กลุ่มคนทั้งหมดต่างก็ดีดตัวไปทางภูเขาหินร่วนเพื่อต้องการไปค้นหาซากของซุนหนี่
“อย่างที่คิดไว้เลย ไม่ใช่แค่พวกเราที่ต้องการชิ้นส่วนของซุนหนี่ ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่แถบนี้ต่างก็ประสงค์แบบเดียวกัน”
กลุ่มคนสามกลุ่มเข้ามาสนทนากันโดยปราศจากการขู่เข็ญแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นพวกเขาขัดแย้งกัน เพราะเสียงจากมือสังหารที่กระจายตัวอยู่ในใจกลางหุบเขา
กรรรรรรร….
ทันใดนั้น สัตว์ร้ายห้าตัวก็ปรากฏตัวออกมาโดยที่แต่ละตัวมีขนาดพอๆกับบ้านหลังหนึ่ง พวกมันทั้งหมดแยกเขี้ยวออกมาวาววับ แล้วกระโจนเข้าใส่กลุ่มคนทั้งหมดทันที เป็นเปิดม่านการต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติที่ล้ำค่าของซุนหนี่
ในเวลาเดียวกันนั้น มีเสียงร้องยาวจากนกที่อยู่บนท้องฟ้ามาพร้อมกันดั่งพายุ เป็นนกอสูรหลายตัวบินเข้ามา แต่ละตัวยาวไม่ต่ำกว่าหกเมตรพร้อมด้วยปีกที่กว้างถึงสิบสองเมตร พวกมันโฉบลงไปที่กลุ่มคนแล้วโผบินขึ้นมาพร้อมทั้งชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ที่โดนฉีกกระชากและเต็มไปด้วยเลือด
ภาพเลือดสาดที่น่าสยดสยองเป็นประสบการณ์ที่ใครต่างก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทำให้ผู้คนจากหมู่บ้านศิลาต่างหวาดกลัวยิ่งนัก ไม่นานหลังจากนั้นทั้งนกอสูรและสัตว์ร้ายก็ล่าถอยกลับไป นับว่าเป็นหายนะที่น่าสะพรึงนัก
ไม่ได้มีเพียงบริเวณนี้เท่านั้นเท่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนอื่นๆของหุบเขามืดต่างเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่น่าหวั่นเกรงที่กำลังออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทั่วทุกแห่งหนดังสนั่นเพราะเสียงคำรามของเหล่าสัตว์ร้าย พวกมันต่างก็ต้องการแข็งแกร่งขึ้นจากการกินซากของซุนหนี่เช่นกัน
สัตว์ร้ายทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในหุบเขามืดต่างก็ลุกฮือ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรไปจนถึงสัตว์ร้ายขนาดเล็กที่ไม่กี่มีรูปร่างไม่กี่ฟุต เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวออกมามากกว่าร้อยตัว พวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นสายพันธุ์น่ากลัวนัก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าก็ไม่ต่างกันมากนัก บรรดานกอสูรทุกชนิดทุกสายพันธุ์ต่างโบยบินไปพร้อมกับจะงอยปากดั่งเหล็กกล้าและกรงเล็บที่แสนคม แฝงตัวบนท้องฟ้า ปกคลุมทุกแหงหน พวกมันต่างทะยานไปทั่วทุกส่วนของหุบเขาทิ้งไว้เพียงเกล็ดและขนปลิวว่อนไปทั่ว
“ทุกคนหนี!!!”
ผู้คนจากสามหมู่บ้านจำนวนกว่าสี่สิบคนต่างกระโดดไปที่ใจกลางแม่น้ำสายหนึ่ง พวกเขาต้องการใช้น้ำเพื่อช่วยเหลือในการหลบหนี มิฉะนั้นจะไม่ใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว
บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ทุกคนจากหมู่บ้านหินผาต่างก็สังเกตการณ์ด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนหน้านี้พวกเขาก็คิดว่าต้องมีสัตว์ร้ายออกมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงชิ้นส่วนของซุนหนี่ แต่พวกเขาไม่คิดว่ามันจะมีจำนวนมากขนาดนี้
อ้ากกกก….
เสียงกรีดร้องมาจากพวกที่กระโดดลงไปกลางแม่น้ำเพราะคิดว่าคือสถานที่ปลอดภัยที่สุดที่ตอนนี้มีเลือกไหลทะลักออกมากจนน่าตกใจย้อมให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงกล่ำ โดยมีอสรพิษหลายตัวที่ยาวไม่ต่ำกว่าสิบเมตรเลื้อยไปมารอบกลุ่มคนพวกนั้น พวกมันอ้าที่มีแต่สีแดงเลือดแล้วกลืนกินผู้คนเข้าไปทีเดียวห้าคนในทันที
อีกด้านหนึ่ง มีจระเข้สีทองตัวหนึ่งที่มีลำตัวยาวกว่าสิบเมตรแสดงตัวออกมา แล้วอ้าปากที่ดูเหมือนหลุมสุญญากาศแล้วกัดกระชากคนหกคนให้เป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว เลือดไหลทะลักออกมาตามรอยแยกของฟัน ย้อมแม่น้ำให้กลายเป็นสีโลหิต
ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนสั่นสะท้านไปถึงกระดูก กระตุ้นผู้ที่เหลือรอดให้ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป
“น่ากลัวเกินไปแล้ว โชคดีที่พวกเราตัดสินใจล่าถอยออกมาก่อนชั่วคราว ไม่เช่นนั้นพวกเราคงมีจุดจบเหมือนคนพวกนั้น” ฉีหลิงหู่ยังคงตกอยู่ในความหวาดกลัวและพบว่าแผ่นหลังของเขาชโลมไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ
“ดูเหมือนว่าร่างของซุนหนี่จะมีค่ามากกว่าที่พวกเราคิดไว้เสียอีก คงเป็นเหตุผลที่พวกสัตว์ร้ายถึงต่อสู้โดยยอมแลกด้วยชีวิต” ฉีเฟยเฉียวกล่าวออกมา
“ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเป็นร้อย พวกเราคงไม่ปลอดภัยแน่ พวกมันคงต้องตามพัวพันพวกเราอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งโอดครวญขึ้นมา
“วู๊ป…”
หลังจากพูดไม่ทันจบประโยคดีนัก มีคลื่นพายุรุนแรงแผ่พุ่งมาจากบนหุบเขาและมีสัตว์ร้ายขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นมาในทันที พวกมันความยาวไม่ต่ำกว่าแปดสิบเมตรและปกคลุมไปด้วยขนสีน้ำตาล สัตว์ร้ายที่ทั้งใหญ่และยาวเคลื่อนตัวออกมาคู่กัน
จากลักษณะภายนอกแล้วเป็นพยัคฆ์ร้ายอย่างแน่นอน ทั้งยังออกมาพร้อมกันทีเดียวสองตัวโดยมีเป้าหมายที่กลุ่มของพวกเขา!!!!
พยัคฆ์ทั้งสองตัวนี้เป็นสัตว์ที่เติบโตมาอย่างแปลกประหลาด พวกมันถูกแม่ของตัวเองทอดทิ้งและไม่เคยได้มีโอกาสได้ดื่มนมจากแม่ของมันเลย พวกมันถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงอายุที่มีโอกาสตายสูงมากและยากที่จะดูแลตัวเอง พวกมันเกือบจะต้องหิวตาย พวกมันต้องออกหาอาหารด้วยตัวเองต้องอยู่รอด เมื่อเติบโตขึ้นจึงมีอำนาจมากพอที่จะสั่นสะท้านไปทั่วพื้นที่แห่งนี้
ในตอนนี้ พยัคฆ์ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นมา สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งหุบเขารวมถึงกลุ่มหมู่บ้านศิลาด้วย พวกมันทั้งสองจัดการได้ยากมากกว่าสัตว์ร้ายทั่วไปอย่างมากมายนัก
“วู๊ป!!” เสียงแหวกของอากาศดังขึ้น เป็นพยัคฆ์ตัวแรกที่เริ่มจู่โจมด้วยการกระโจนแล้วอ้าปากแยกเขี้ยวจัดการคาบผู้เคราะห์ร้ายสองคนติดไปด้วย ก่อนจะกัดอย่างแรกทำให้ร่างกายของหนึ่งในเหยื่อขาดเป็นสองท่อนในทันที เลือดไหลทะลักออกมามากมาย เกิดเป็นภาพโศกนาฏกรรมที่น่าสยดสยอง
“ฉีหลิน”
“อาหยุ่น”
เสียงของกลุ่มคนดังออกมาด้วยความเศร้าโศกและโกรธแค้น แล้วตามด้วยธนูถูกยิงออกราวกับห่าฝน
ในฉับพลันนั้นเอง เจ้าพวกเสือที่แสนอำมหิตกระโจนขึ้นไปด้วยร่างกายที่ใหญ่โต นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา สัตว์ร้ายที่มีขนาดยักษ์นั้นเป็นเรื่องยากเกินไปที่พวกเขาจะทำการต่อต้านอะไรได้ พวกมันล้วนนำพามาซึ่งการสังหารหมู่อย่างเลือดเย็นเท่านั้น
“เชี้ยเอ้ย!!!”
ฉีหลิงหู่และฉีเฟยเฉียวสบถออกมาเสียงดังลั่น คนอื่นต่างก็ควงดาบยักษ์แล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่พุ่งเข้าปะทะกับเสือยักษ์อย่างฉับพลัน
แม้ว่าในความจริงแล้วสายพันธุ์ของพวกมันไม่ได้มีพลังเจตลักษณ์แฝงอยู่ในดวงธาตุ แต่ตัวตนของพวกมันก็ยังแข็งแกร่งและน่าหวั่นเกรงอยู่ดี พวกมันเข่นฆ่าด้วยพลังที่น่าตกตะลึง เวลาที่กลุ่มพวกเขาออกล่านั้นมักจะหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิตพวกนี้อยู่เสมอเพื่อรักษาชีวิต
โฮก!!….
เสืออีกตัวหนึ่งคำรามออกมาอย่างน่ากลัวแล้วตะครุบมาจากอีกมุมหนึ่งด้วยคลื่นกรงเล็บเป็นแสงเย็นยะเยือกผ่าอากาศจนเกิดเป็นเสียงแตกกระจายเป็นประกายแสงไปทั่วทุกทิศทางกระแทกใส่อาวุธอย่างรุนแรงจนกระเด็นหลุดมือไปตามๆกัน
ฉับบ!!
ในระหว่างนั้น สองคนที่หลบการโจมตีได้ช้าเกินไปทำให้ท้องของพวกเขาโดนข่วนจนเลือดทะลักไหลเต็มพื้นไปหมด พวกเขาได้รับการโจมตีที่รุนแรงเกินไปจนเกิดการบาดเจ็บสาหัส พวกเขาถูกลากไปด้านหลังของคนอื่นๆในทันที
“เจ้าแมววัชพืช!! คืนชีวิตท่านลุงหยุ่นกับคนอื่นๆมาเดี๋ยวนี้” ฉีเฮ่ารีบรวบรวมพลังอักขระอย่างรีบร้อนไปที่มือทั้งสองข้างจนมีแสงเปล่งประกายดุจหมู่ดาว ที่ใจกลางฝ่ามือปรากฏจุดแสงมากมายก่อนจะรวมตัวเป็นรูปร่างกงจักรจันทราสีเงิน
เป็นกงจักรที่เหมือนพระจันทร์มากเหลือเกิน ราวกับดวงจันทร์ที่ผุดขึ้นมาจากนรกโลกันตร์ขุมที่เก้าเปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ส่องไปทั่วทุกที่ก่อนจะพุ่งไปที่พยัคฆ์ร่างมหึมาอย่างรวดเร็ว
เคร้ง!!
เจ้าเสือยักษ์รีบวาดกรงเล็บลงก่อเกิดคลื่นกระแทกที่คมกริบเข้าต่อต้านอย่างร้อนรนเกิดเป็นแสงเย็นเยียบเข้าปะทะกับกงจักรจันทรา เกิดเป็นเสียงเสียดสีของโลหะดังสนั่น สั่นสะท้านไปทั่วทั้งภูเขา

อนึ่งต้องรู้ก่อนว่ากงจักรจันทราสามารถตัดหินยักษ์ได้อย่างไม่ยากเย็น ทรงพลังอย่างไม่อาจวัดได้ แต่ตอนนี้เจ้าเสือยักษ์ใช้กรงเล็บเข้าปะทะอย่างหักโหม

ภายใต้การชะงักงันเพียงแวบเดียว ฉับ!! เจ้าเสือยักษ์กรีดร้องโหยหวน กรงเล็บของมันถูกทำลายเกิดเป็นแผลฉกรรจ์เลือดไหลออกมาเป็นสายน้ำย้อมให้พื้นกลายเป็นสีแดง
ในขณะเดียวกันนั้น พลังของกงจักรจันทราไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และเกิดเสียงดัง ฉับ!! อีกครั้งหนึ่ง กงจักรพุ่งทะยานเข้าตัดหัวของเจ้าเสือยักษ์อย่างหมดจด ในทันทีเกิดการแยกร่างก็ก่อเกิดน้ำพุโลหิตอันแสนน่าสยดสยองขึ้น
เจ้าเสือยักษ์ ‘ตัวนั้น’ คำรามจนสะท้านไปถึงท้องนภาเขย่าผืนป่าให้สั่นไหว ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่และสายตาทอประกายคล้ายไม่อยากเชื่อ ประกายตาทั้งสองข้างล้วนพร่ามัวและสั่นไหว ก่อนหัวของมันจะตกลงที่ใจกลางแอ่งเลือดของตนเอง

นี่นับว่าเคล็ดวิชาที่ได้รับมาจากอินทรีเกล็ดเขียว ช่างเป็นพลังที่น่าอัศจรรย์ทำให้เฮ่าน้อยบั่นคอของพยัคฆ์ร้ายที่แสนน่ากลัวได้ด้วยกระบวนท่าเดียว

“ยอดเยี่ยมมาก เจ้าหนูขออีกรอบ” ฉีเฟยเฉียวโห่ร้องออกมา
ฉีเฮ่าหันร่างไปอีกด้านหนึ่งแล้วรวบรวมพลังโดยเล็งไปยังเจ้าเสือตัวที่เหลือ ก่อเกิดแสงที่ใจกลางฝ่ามืออีกครั้งหนึ่ง พลังอันน่าสะพรึงในรูปแบบของเคล็ดวิชาที่แสนล้ำค่ากำลังสำแดงเดชอีกครั้งหนึ่ง กงจักรจันทราหมุนควงทะยานข้ามท้องฟ้าเป็นระยะถึงแปดสิบเมตรก่อนจะเข้าโจมตีที่ลำคอของมัน ก่อเกิดเสียงตัดผ่านวัตถุ จากนั้นหัวของเสือยักษ์ก็กลิ้งตกลงพื้น
เลือดจากร่างของเสือร้ายขนาดมหึมาพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุขนาดยักษ์ ชโลมเข้าใส่ร่างของผู้คนในกลุ่มนักล่า
“มันจะน่ากลัวเกินไปแล้วเฟ้ย”
เป็นการโจมตีที่สร้างความครั่นครามให้กับทุกคนอย่างมาก
หลังจากเด็กน้อยสังหารพยัคฆ์ร้ายไปถึงสองตัว ทำให้เด็กน้อยรู้สึกราวกับฝันกลางวันอยู่ ทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาสังหารสัตว์ร้ายภายในป่าได้อีกด้วย เด็กน้อยก้มลงไปจ้องมือทั้งสองข้างที่นุ่มนิ่มและบอบบางของตนอย่างเลื่อนลอยเป็นเวลาครู่ใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าได้เกรงกลัวคาวเลือด เมื่อเติบโตเป็นชายอันเข้มแข็งภายในหุบเขาแห่งนี้ เจ้าต้องสัมผัสกับคาวเลือดเข้าซักวัน ทุกคนก็ล้วนเป็นเช่นนี้” ฉีหลิงหู่ที่เดินเข้ามาแล้วลูบหัวของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน
ฉีเฮ่าเชิดหน้าน้อยๆของตนขึ้นอย่างเข้มแข็ง ถึงแม้ว่าในใจจะไม่สงบนัก แต่ตอนนี้เด็กน้อยทำได้เพียงเม้มปากไร้ซึ่งคำพูดใดๆ หากเขาไม่สังหารเจ้าสองตัวนั้น ก็คงจะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้
“เคล็ดวิชาที่เข้าใจได้ยากนี้ สามารถจัดการสัตว์ร้ายและช่วยคนไว้ได้ ถ้าหากพวกเราได้ดวงธาตุของซุนหนี่ก็คงโชคดีไม่น้อย” หลังจากเงียบไปไม่นาน เด็กน้อยก็พึมพำขึ้นกับตัวเอง
ทันใดนั้นเองมีเสียงร้องลากยาวทะลุผ่านหมู่เมฆ เป็นอินทรีเกล็ดมรกตปรากฏตัวออกมาก่อนจะถลาลงมายืนที่พื้นทำให้เกิดพายุอย่างรุนแรง
เฮ่าน้อยกระโดดอย่างร่าเริงก่อนจะโบกมือให้แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่านป้าอินทรีช่วยด้วย!! ท่านเป็นจ้าวแห่งหุบเขาชั้นนอกของทวีปนี้ ข้าสามารถช่วยท่านได้นิดหน่อย เพราะฉะนั้นไปล่าดวงธาตุของซุนหนี่ด้วยกันนะขอรับ”