…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
อาหารที่หรูหราพร้อมกับไวน์ชั้นเลิศได้ถูกทานจนหมดขณะที่หยวนชูหลิงและถังซิ่วเองก็กำลังดื่มดำไปกับบรรยากาศเหล่านี้ส่วนตัวเองหยวนเจิ้งซวนและเซ่าจิงนั้นยังคงไม่หายช๊อคไปกับเรื่องที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้
“คุณลุงหยวน เราไปหาที่เงียบๆคุยกันหน่อยไหม ? ”
ถังซิ่วมองไปที่หยวนเจิ้งซวนพร้อมพูดออกมา
หยวนเจิ้งซวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ไปที่ห้องทำงานของฉัน ! หลิงน้อย ลูกไปช่วยทำชามาเสิร์ฟให้พวกเราหน่อย”
หยวนชูหลิงพูดด้วยความประหลาดใจว่า
“พี่ชาย นายอยากจะพูดอะไรกับพ่อของฉันงั้นหรอ ? ทำไมถึงได้ดูลึกลับนักหละ ? ฉันฟังด้วยไม่ได้หรอ ? ”
ถังซิ่วไม่ได้ตอบคำถามของเขา
หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พูดออกมาเสียงดังว่า
“หลิงน้อย ลูกไปดูทีวีในห้องนั่งเล่นไป ”
“ก็ได้ครับ”
หยวนชูหลิงได้กอดอกพร้อมเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างหมดความสนใจ
ห้องทำงานของหยวนเจิ้งซวนนั้นเต็มไปด้วยภาพวาดและอักษรประดิษฐ์มากมาย บนโต๊ะทำงานของเขาแล้วนอกจากแล๊ปท๊อปนั้นก็ยังมีกระดาษแหละหมึกตั้งไว้พร้อมล้อมรอบไปด้วยหนังสือ
หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้เชิญถังซิ่วให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถามออกมาว่า
“ถังซิ่ว เธอต้องการที่จะพูดคุยกับฉันเรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“สองเรื่อง เรื่องแรกคือคุณลุงกำลังประสบปัญหาอะไรงั้นหรอ ? ทำไมถึงต้องแกล้งหย่ากับภรรยาของคุณกัน ? ”
ท่าทางของหยวนเจิ้งซวนเองก็ได้เปลี่ยนไปพร้อมพูดออกมาว่า
“หลิงน้อยได้บอกเรื่องนี้กับเธอด้วยงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ! ก่อนหน้านี้เขานั้นทุกข์ทรมานและเกลียดพวกคุณเป็นอย่างมากแต่ก็ได้ถูกผมเตือนสติไว้ หลังจากที่เขารู้ว่ามันเป็นการหย่าปลอมๆนั้นและพวกคุณไม่ต้องการที่จะบอกถึงเหตุผลก็ทำให้เขากังวลเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าคุณไม่จำเป็นต้องบอกผมก็ได้ ส่วนเรื่องที่สองคือหากว่าคุณลุงได้ประสบปัญหาอะไรทีไม่สามารถแก้ไขได้ละก็ คุณสามารถบอกผมมาได้เสมอ”
หยวนเจิ้งซวนเงียบไปครู่หนึ่ง
หากว่าเขาไม่รู้ว่าถังซิ่วไปอาจารย์ของเฉินซี่ซ่งหรือเป็นเจ้าของบริษัทถังผู้สูงส่งแล้วละก็ เขาก็คงจะไม่สนใจในคำพูดเหล่านี้ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เขาจะไม่สนใจมันไม่ได้
หลังจากที่เขาเงียบอยู่นานก็ได้ให้ภรรยาของเขาออกไปชงชาพร้อมเงยหน้าขึ้นมาและพูดออกไปว่า
“ฉันจะเชื่อเธอได้อย่างไร ? ”
ถังซิ่วพูดอย่างไม่แยแสว่า
“คุณสามารถเลือกที่จะไม่เชื่อผมก็ได้ หากว่าคิดว่าผมไม่สามารถช่วยคุณได้แล้วละก็ ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องมองหาผมเพราะผมเองก็ไม่อยากให้ปัญหามารุมเร้ามากนัก หากว่าคุณไม่ใช่พ่อของหยวนชูหลิงแล้วละก็ ต่อให้คุณนั้นรวยมหาศาลผมคงไม่หันมามองคุณด้วยซ้ำ”
คิ้วของหยวนเจิ้งซวนขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดออกมาเบาๆว่า
“ตอนนี้ฉันนั้นกำลังประสบปัญหาแต่ก็ยังสามารถควบคุมได้ เรื่องที่ฉันกำลังจัดการและธุรกิจของฉันนั้นเป็นความลับ มันไม่ใช่แค่เรื่องของฉันเท่านั้นแต่มันเป็นของระดับประเทศ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกเธอไม่ได้”
ถังซิ่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ผมเข้าใจ”
หยวนเจิ้งซวนได้ถามออกมาว่า
“ฉันได้ยินมาว่าวิทยายุทธของเธอนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับว่า
“ผมพอรู้บ้างนิดหน่อย”
หยวนเจิ้งซวนได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“เด็กหนุ่มที่น่าทึ่งและทำตัวไม่โดดเด่นแบบเธอนั้นถือว่าหาได้ยากมาก ฉันรู้สึกได้เลยว่าเวลาที่พูดกับเธอนั้นเหมือนไม่ได้พูดอยู่กับเด็กคนหนึ่งแต่เป็นคนที่มีอายุและสถานะเท่ากัน”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“คุณควรจะดีใจนะที่คุณเป็นพ่อของหยวนชูหลิง หากว่าเราไม่ได้เจอกันวันนี้แล้วละก็ อีกซัก8-9ปีคุณคงจะต้องแหงนหน้ามองผม”
หยวนเจิ้งซวนพูดออกมาพลางหัวเราะว่า
“เด็กน้อย เธอนี้พูดจาได้ใหญ่โตจริงๆ อ๊า !”
ถังซิ่วได้พูดด้วยความมั่นใจว่า
“คนแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องโอ้อวด เส้นทางนั้นยังอีกยาวไกล ยิ่งเดินมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นมากขึ้นเท่านั้น”
เดินมากเท่าไหร่ก็เห็นมากขึ้นเท่านั้น ?
นัยน์ตาของหยวนเจิ้งซวนหดเล็กลงพร้อมกับถามออกมาว่า
“ถังซิ่ว การที่เธอสามารถฆ่าอาชญากรระดับAได้พร้อมกันถึงห้าคนนั้นแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก หากว่าฉันจะขอให้เธอช่วย เธอจะช่วยทำให้ฉันหน่อยได้ไหม ? ”
“เรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาอย่างใจเย็น
หยวนเจิ้งซวนได้พูดต่อว่า
“บริษัทของฉันนั้นมีห้องปฏิบัติการอยู่และจำเป็นที่จะต้องย้ายข้อมูลสำคัญทั้งหมดของมันไปยังที่อื่น สิ่งเหล่านี้นั้นสำคัญเป็นอย่างมากถึงขั้นที่เรียกได้ว่าบริษัทของฉันและประเทศนั้นขึ้นอยู่กับมัน หากว่าฉันให้เธอเป็นคนคุ้มกันนั้น เธอคิดว่าจะสามารถรับประกันความปลอดภัยได้หรือไม่ ? ”
ถังซิ่วเงียบไปครู่หนึ่งพร้อมพูดออกมาว่า
“หากว่ามันเป็นความลับของชาติ ทำไมคุณถึงไม่ให้ตำรวจหรือทหารเป็นผู้คุ้มกันหละ ? ”
หยวนเจิ้งซวนได้พูดต่อว่า
“ฉันได้บอกไปแล้วว่านี่เป็นความลับสุดยอดและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้ ต่อให้ตกไปอยู่ในมือของตำรวจหรือทหารนั้นก็จะทำให้บริษัทของฉันพังลงอย่างแน่นอน ”
ถังซิ่วพยักหน้าด้วยร้อยยิ้มพร้อมพูดว่า
“การลำเลียงสิ้นค้าในครั้งแรกนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย ครั้งต่อไปรอบละ10ล้าน หากว่าคุณตกลงผมก็จะเป็นผู้คุ้มกันให้ หากเกิดปัญหาขึ้นระหว่างทางผมจะชดใช้ให้100เท่าของค่าใช้จ่ายในการลำเลียง”
ร้อยเท่า ?
1000 ล้าน ?
หยวนเจิ้งซวนนั้นจ้องอย่างมึนงงขณะที่พูดออกมาว่า
”ไม่มีปัญหา งั้นในเมื่อเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้วฉันขอเวลาสามวันแล้วจะส่งสินค้ารอบแรกทันที ฉันได้บอกไปแล้วว่าคนของฉันจะเป็นผู้ลำเลียงส่วนเธอจะเป็นผู้คุ้มกัน “
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ผมขอถามข้อนึงได้ไหม ผมอยากจะรู้ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของสินค้าเหล่านี้ ? ”
หยวนเจิ้งซวนได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า
“ ฉันบอกเธอได้อย่างหนึ่งว่าเป็นแหล่งที่มีอำนาจมาก และมากกว่าหนึ่งแหล่ง ”
ถังซิ่วพยักหน้าพร้อมพูดว่า
“หลังจากนี้สามวันผมจะส่งคนมาให้ คุณสามารถไว้ใจพวกเขาได้อย่างแน่นอน ”
หยวนเจิ้งซวนได้ถามออกมาว่า
“ใครกัน ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“พวกเขาเป็นใครนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้ จำไว้เพียงแค่ว่าเราจะเป็นผู้รับประกันและคุ้มครองความปลอดภัยทั้งหมดของอุปกรและสินค้าของคุณเอง”
ในวินาทีนั้น !
ถังซิ่วก็ได้นึกถึงอะไรบางอย่างพร้อมถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ลุงหยวน ธุรกิจของลุงน่าจะเกี่ยวข้องกับทางกองทัพ ผมคิดว่าลุงเองก็น่าจะมีเส้นสายทางทหารอยู่บ้าง ผมอยากจะถามอะไรบางอย่าง”
หยวนเจิ้งซวนได้ตอบกลับไปว่า
“เธอว่ามาสิ !”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ผมได้ซื้อเกาะส่วนตัวไว้กลางทะเลพร้อมต้องการที่จะสร้างกองกำลังของตัวเอง ดังนั้นผมจึงต้องการคนเป็นอย่างมาก คุณช่วยหารายชื่อของทหารที่กำลังจะปลดประจำการมาให้ผมหน่อยได้ไหม ? กองกำลังพิเศษนั้นผมไม่ค่อยมีความหวังว่าจะได้พวกเขามาสักเท่าไหร่ เอาเป็นทหารธรรมดาไม่ต่ำกว่า30คนก็พอ”
“เธอ……..”
เมื่อเขาได้ยินคำขอของถังซิ่วนั้นก็หันหน้าไปมองที่กองเอกสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทันที
ก้อนเค้ก !
พวกเขาจะต้องแย่งเค้กก้อนเดียวกัน!
อย่างไรก็ตาม !
ทหารธรรมดาที่ปลดประจำการนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก ! แต่ถังซิ่วนั้นเป็นถึงผู้ช่วยภรรยาของเขา เขาไม่สามารถละเลยถังซิ่วได้
หรือว่า……….
เขาควรจะเอารายชื่อเหล่านั้นให้ถังซิ่วดีไหม ?
เขาเองก็คิดว่าความสามารถของเขาก็ไม่น่าจะพอที่จะชักชวนเหล่ากองกำลังพิเศษลับเหล่านี้มาเป็นลูกน้องได้
เมื่อคิดถึงตอนนี้นั้น หยวนเจิ้งซวนได้เดินไปที่โต๊ะทันทีพร้อมหยิบเอกสารแล้วส่งไปให้ถังซิ่ว
”นี่เป็นรายชื่อที่คนของฉันใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา รายชื่อของคนเหล่านั้นเป็นหน่วยกองกำลังลับทางทหารที่เพิ่งปลดประจำการไปเมื่อเร็วๆนี้ ฉันได้วางแผนว่าจะไปรับสมัครพวกเขาด้วยตัวเองแต่หากว่าเธอสามารถรับพวกเขามาได้ก็ให้เธอเลยแล้วกัน แต่หากว่าเธอไม่สามารถทำได้ก็อย่าตำหนิเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วกัน“
สายตาของถังซิ่วได้กวาดผ่านไปมาบนเอกสารเหล่านั้น เขาจดจำทั้งชื่อและวิธีติดต่อไว้ทั้งหมดพร้อมกับส่งมันคืนให้แก่หยวนเจิ้งซวนแล้วพูดว่า
“ขอบคุณมากครับลุงหยวน หากว่าผมเชิญมาแล้วพวกเขาไม่ตอบรับก็ไม่เป็นไร หากว่าพวกเขายอมที่จะรับใช้คุณผมก็จะไม่ตำหนิแม้แต่น้อย”
หยวนเจิ้งซวนพูดออกมาด้วยเสียงที่ชัดเจนพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาว่า
“ถังซิ่ว เธอนั้นเป็นเหมือนดั่งคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะก้าวข้าวคลื่นลูกเก่าที่ซัดไปถึงฝั่ง เธออายุเพียงเท่านี้ก็น่าทึ่งขนาดนี้แล้ว ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าในอนาคตเธอจะประสบความสำเร็จถึงขนาดไหนกัน มันคงจะเหมือนกับที่เธอพูดก่อนหน้านี้ว่าอีกไม่กี่ปีฉันคงจะต้องแหงนหน้ามองเธอจากที่ต่ำอย่างแน่นอน ”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาเบาๆพร้อมตอบรับคำสรรเสริญของเขา
หลังจากนั้น
พวกเขาก็ได้คุยกันเล็กน้อยก่อนที่ถังซิ่วจะขอตัวลา
เมืองประตูทิศใต้
หลังจากที่ถังซิ่วกลับมาแล้วนั้นก็เห็นว่ากู่หยินกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาและบ้านนั้นเงียบเป็นอย่างมาก ไม่มีวี่แววของมู่ขวินปิงแม้แต่น้อย
ถังซิ่วได้เดินขึ้นไปที่ชั้นบนเพื่อหยิบผ้าห่มลงมาพร้อมกับคลุมมันให้กู่หยินอย่างอ่อนโยนก่อนที่เขาจะไปชงชาเพื่อมานั่งดื่มในห้องนั่งเล่นของเขาเพื่อรอให้เธอตื่น เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาสัญญากับเธอไว้ว่าเมื่อสอบเสร็จแล้วเขาจะพาเธออกไปเล่นข้างนอกดังนั้นเขาจึงได้โทรไปยังอาจารย์สอนพิเศษของเธอแล้วบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องสอนในช่วงบ่ายวันนี้
ถังซิ่วนั้นโปรดปรานกู่หยินเป็นอย่างมาก
เพราะยังไงก็ตาม !
เธอสามารถทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทางร่างกายนั้นได้ถึงสองปีเต็ม ความเข้มแข็งนี้มันน่ายกย่องเป็นอย่างมาก หากว่าสลับเป็นเขาที่อายุเท่าเธอแล้วละก็ เขาจะต้องไม่สามารถทนมันได้และตายไปอย่างแน่นอน
และ
เธอเองนั้นเป็นคนที่มีไหวพริบและกตัญญูเป็นอย่างมาก
ถังซิ่วนั้นก็โปรดปรานกู่หยานเอ๋อเช่นกันเพราะประสบการณ์ของเธอนั้นก็น่าสงสารและเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เป็นเด็กกำพร้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในดินแดนที่รกร้างแต่ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้
กู่หยินนั้นเหมือนกับกู่หยานเอ๋อเป็นอย่างมาก
แต่ตอนนี้กู่หยานเอ๋อนั้นต้องแบกรับความทุกข์ทรมานถึงขั้นอาจจะทำให้วิญญาณกระจัดกระจายเพื่อที่จะข้ามมาหาเขาที่โลกนี้ นี่มันเป็นอะไรที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเป็นอย่างมาก
ดังนั้น !
เขาจึงตั้งความหวังไว้กับกู่หยินเช่นกัน เขาเชื่อว่าเธอจะต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
มู่ขวินปิงก็ได้กลับมาจากข้างนอกขณะที่เห็นถังซิ่วและกู่หยินที่อยู่ด้วยกันนั้นทำให้หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
“ถัง……”
ถังซิ่วรีบทำท่าทางให้เธอเงียบโดยทันทีพร้อมกับเดินมาหาเธอแล้วพูดเบาๆว่า
“หยินหยินกำลังนอนอยู่ ฉันคิดว่าเธอจะต้องเหนื่อยมากๆ ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน ! เมื่อกี้นี้ฉันได้โทรไปยกเลิกการเรียนในช่วงบ่ายแล้ว ฉันได้สัญญาไว้ว่าจะพาเธออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ”
มู่ขวินปิงสามารถรับรู้ถึงความเป็นห่วงจากถังซิ่วต่อลูกสาวของเธอได้ดี เธอพยักหน้าทันทีพร้อมพูดว่า
“เธอไปเถอะ ฉันจะจัดการเรื่องงานบ้านให้เอง ”