…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เมื่อชายอ้วนเห็นว่าถังซิ่วจำเขาได้นั้นก็รีบพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“นั่นมันเป็นงานของฉัน ฉันก็คิดว่าตลอกชีวิตนี้จะไม่สามารถเจอไอดอลได้อีกแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีกในวันนี้และยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ร้านนี้เป็นของครอบครัวนาย ฉันได้ยินข่าวลือมาว่าร้านนี้นั้นอาหารราคาถูกแต่รสชาตินั้นอร่อยเป็นอย่างมาก”
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
ถังซิ่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันหลังกลับพร้อมเดินจากไป
ชายอ้วนคนนั้นก็ได้มองไปที่ถังซิ่วที่กำลังเดินจากไปแบบงงๆเพราะเขาคิดว่าถังซิ่วไม่พอใจในคำชมของเขา ?
“อะไรกัน จะทำตัวสนิทสนมกับเด็กนั่นแต่กลับถูกเมินงั้นหรอ น่าสมเพศจริงๆ ”
หญิงวัยกลางคนก่อนหน้านี้ก็ได้สร้างความอับอายให้กับชายอ้วนโดยทันที
ในพริบตา
ท่าทางของชายอ้วนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ถังซิ่วที่ได้เดินออกไปนั้นเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้อของหญิงสาวคนนั้นก็ได้หยุดเท้าลงพร้อมหันกลับมาและมองไปที่พนักงานแล้วพูดว่า
“ฉันจำได้ว่าเคยคุยกับแม่ว่าให้สร้างห้องส่วนตัวเอาไว้1-2ห้องยามฉุกเฉินเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ มันยังพอมีห้องว่างอยู่ไหม ? ”
พนักงานก็ตอบทันทีว่า
“มันมีทั้งหมดสองห้องครับ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ตอนนี้มีคนใช้อยู่หรือเปล่า ? ”
พนักงานก็ได้ตอบว่า
“มีแขกอยู่ครับแต่กำลังทำความสะอาด !”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“งั้นก็ให้ใช้ห้องนั้นแล้วกัน! ฉันกับพี่ชายคนนั้นเป็นคนรู้จักกัน ช่วยจัดการให้ด้วยนะ”
“ได้ครับผม !”
พนักงานได้พยักหน้าด้วยความเคารพ
ชั่วพริบตา
ชายอ้วนวัยกลางคนรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมากเพราะคำพูดของถังซิ่วนั้นได้สลายความโกรธของเขาต่อหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปที่ถังซิ่วอย่างขอบคุณ
ผู้หญิงวัยกลางคนนั้นได้มองไปที่ชายหน้าตาน่าเกลียดด้วยใบหน้าบูดบึ้งพร้อมจะดึงเขาออกไปจากร้านแต่ชายคนนั้นก็ได้มองไปที่ชายรูปร่างอ้วนพร้อมกับตะโกนเสียงดังใส่ผู้หญิงคนนั้นว่า
“อย่าสร้างปัญหาแถวนี้นะ ครอบครัวของเรานั้นได้มารวมกันอยู่ที่นี่และจองร้านนี้ด้วยความยากลำบาก อย่างทำให้ต้องเสียหน้า”
“ฮึ้มมม”
หญิงวัยกลางคนได้พ่นลมหายใจออกมาแต่เธอก็กลัวชายคนนั้นพร้อมกลับมายืนที่เดิม
ถังซิ่วไม่ได้สนใจเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมเดินเข้าไปในห้องทำงานของแม่และพบว่าเธอกำลังนั่งจ้องหน้าคอมเพื่อทำบัญชีขณะที่กำลังยิ้มออกมา นั่นทำให้เขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“คุณแม่ ธุรกิจร้านอาหารของเรานั้นเป็นไปได้ด้วยดีและผมคิดว่าแม่น่าจะจ้างใครมาจัดการเรื่องบัญชีแทนนะ”
เมื่อซูหลิงหยุนได้เห็นถังซิ่วนั้นก็รีบเก็บสมุดของเธอทันทีพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เด็กน้อย ลูกพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ! งานบัญชีนั้นจะมอบให้คนอื่นดูแลไม่ได้ จะทำยังไงหากพวกเขาโกงเราหละ ? แม้ว่าแม่จะแก่แล้วแต่สมองก็ยังพอใช้การได้ แม่คิดว่าแม่จัดการเรื่องนี้ได้”
ถังซิ่วได้พูดอออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ใครบอกว่าแม่แก่แล้วกัน ? สำหรับผมนั้นแม่นั้นดูเด็กและสวยเสมอ อ่อใช่ ตอนนี้โรงเรียนอยู่ในช่วงวันหยุดและต้องกลับไปในวันมะรืน สี่วันหลังจากนี้ต้องไปเอาใบรายงานตัวเพื่อที่จะเข้าสอบส่วนสถานที่สอบก็คือโรงเรียนของผม”
ซูหลิงหยุนพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า
“ซิ่วน้อย ลูกนั้นคงกดดันเป็นอย่างมาก ลูกคิดซะว่ามันเป็นแค่การสอบธรรมดาแล้วกัน ต่อให้ไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ก็ไม่เป็นไร แค่สอบเข้าได้แม่ก็พอใจแล้ว”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ผมมีความมั่นใจในตัวเองและสามารถได้ที่หนึ่งในการสอบเพื่อแม่ได้อย่างแน่นอน”
ซูหลิงหยุนนั้นถึงกับดีใจในคำพูดของถังซิ่วพร้อมหยอกล้อเขาว่า
“ไอเด็กคนนี้นี่รู้ว่าควรจะพูดอะไรให้แม่ดีใจใช่ไหม อ่อใช่ ลูกทานอะไรมาหรือยัง ? เดี๋ยวแม่จะไปทำอะไรมาให้ทานดีไหม …………”
ถังซิ่วพูดออกมาอย่างรวดเร็ซว่า
“ผมทานมาแล้ว ก่อนหน้านี้ผมได้ทบทวนบทเรียนให้เพื่อนในห้องและได้ทานมาพร้อมกับพวกเขาแล้ว”
ถังซิ่วได้มองไปที่แม่ของเขาก่อนจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจว่าวันนี้จะไม่กลับไปยังวิลล่าของเขาแล้วจะอยู่กับแม่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาตลอดชีวิตของเขา
ก่อนดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
ถังซิ่วได้ช่วยซูหลิงหยุนล๊อคประตูพร้อมเดินกลับบ้านขณะที่ชมแสงไฟข้างถนนสลัวๆและไฟของรถที่แล่นผ่านไปมาเหมือนดั่งมังกร
“แม่ แม่กลับบ้านคนเดียวทุกวัน ? ในเวลาแบบนี้ ? ”
ท่าทางของถังซิ่วเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีเมื่อเขาใช้จิตสัมผัสและไม่พบว่าบั่นโฉวและดิ่งซี่อยู่แถวนี้
ซูหลิงหยุนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ใช่สิ ก็บ้านของเรานั่นก็อยู่ไม่ไกลนัก เดินไปก็แค่ไม่กี่นาทีเอง ลูกดูไปที่ไฟตามทางสิแถมแถวนี้ก็มีรถแล่นผ่านตลอด ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ร้านอาหารนี่เปิดตอนไหนงั้นหรอครับ ? ”
ซูหลิงหยุนได้ตอบกลับว่า
“ทุก9โมงเช้าแม่จะมาที่นี่ส่วนเรื่องเตรียมวัตถุดิบนั้นบั่นโฉ่วและคนอื่นๆจะเป็นคนทำ ไม่อย่างนั้นแม่คงจะเหนื่อยตายพอดี ”
ถังซิ่วพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาคิดว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยที่จะให้แม่ของเขาเดินกลับบ้านเองคนเดียว เขาจะต้องหาคนมาคอยคุ้มกันแม่ของเขาอย่างลับๆ
เมื่อกลับถึงบ้าน
ถังซิ่วนั้นได้นอนลงบนเตียงพร้อมภาพบรรยากาศรอบๆห้องที่คุ้นเคย ภาพของคนซึ่งไร้กำลัง ในอดีตนั้นเขาเพียงแค่โบกมือก็จะมีคนจัดการให้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ตราบใดที่เขาเปิดปากพูดก็จะมีคนทำให้เสมอ
แต่ตอนนี้ !
เขาได้กลับมาอยู่ที่โลกแล้วต้องทำทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง ต้องจัดการทำเงินเพื่อบ่มเพาะพลัง ต้องเข้ามหาลัยตามที่แม่หวังไว้ เขาไม่สามารถหยุดทุกอย่างเพื่อออกมาปกป้องแม้ได้
“หรือฉันควรจะฝึกลูกน้องที่ไว้ใจได้ ?”
ในสมองของถังซิ่วนั้นได้ปรากฏความคิดนี้ขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักดีว่าตอนนี้เขานั้นจนอย่างน่าอนาถใจแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้เงินมามากก็ตามแต่ตอนนี้ก็เหลือเพียงไม่กี่ล้านเท่านั้น ตัวอย่างเช่นเงินที่ได้มาจากไทหลงและสำนักมังกรรุ่งโรจน์นั้นก็ได้ถูกนำไปให้คังเซี่ยนใช้ขับเคลื่อนบริษัทแล้วและยังเงินที่ต้องจ่ายค่าสมุนไพรนั่นอีก
“ติดเงินเฉินซ่งซ่งอยู่2500ล้านและ100ล้านสำหรับกู่เสี่ยวเสวี่ย ฉันจะไปหาเงินที่ไหนมาคืนดีหละ ? ”
ถังซิ่วคิดอยู่นานก่อนที่จะละทิ้งความคิดที่ว่าจะฝึกลูกน้องที่ไว้ใจได้ทิ้งไป
“ก๊อก ก๊อก…..”
เสียงเคาะประตูได้ปลุกถังซิ่วที่กำลังหลับไหลก่อนที่เขาจะสวมเสื้อผ้าพร้อมมองไปที่เวลาแล้วก็เห็นว่ามันเป็นช่วงเวลาตี2แล้ว
“ดึกป่านี้แล้ว ใครกันที่มาเคาะประตู ?”
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปและเห็นว่าซูฟหลิงหยุนเองก็ได้ตื่นแล้วเช่นกัน
“เวลาดึกขนาดนี้แล้วใครกันที่มาเคาะประตูบ้านของเรา ? ”
ซูหลิงหยุนนั้นลังเลใจว่าควรจะเปิดประตูดีหรือไม่เพราะว่าที่ประตูของเธอนั้นไม่มีตาแมวเอาไว้มองว่าใครอยู่หลังประตู เธอจึงไม่รู้ว่าคนที่มาเคาะนั้นเป็นคนดีหรือคนชั่ว
ถังซิ่วก็ได้เดินมาแล้วบอกว่า
“เปิดออกมาดูแล้วเดี๋ยวเราจะได้เห็นกัน”
เมื่อพูดจบ !
เขารีบเดินไปที่ประตูและหลังจากนั้นเขาก็ได้กลิ่นเหล้าที่เหม็นหึ่งจนเตะจมูกของเขาจากหลังประตูนั้น ซูชางเหวินที่กำลังเมาและเดินโซเซไปมา
ถังซิ่วได้คว้าไปที่คอเสื้อของเขาทันทีพร้อมกับโยนซูชางเหวินลอยออกไปนอกบ้านทันทีพร้อมมองไปที่เขาแล้วพูดว่า
“แกมาที่นี่ทำไมกัน ? ”
ซูชางเหวินได้ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นพร้อมจ้องมองไปที่ถังซิ่ว เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่ามองไม่ผิดไปก็ได้สาปแช่งออกมาทันทีว่า
“แก ไอเด็กเลวระยำ เป็นเพราะแก เป็นเพราะ……….แก ไม่อย่างงั้นแล้วพ่อคนนี้จะน่าอนาถแบบนี้ ? ชดใช้มาซะดีๆ…….. ชดใช้บริษัทฉันมา……. ชดใช้เงินมา……….”
“เปรี้ยง ผั๊ว ”
ถังซิ่วได้ง้างมือแล้วตบไปที่หน้าของซูชางเหวินจนฟุบลงกับพื้นปูนและพูดว่า
“แกกำลังพูดเรื่องอะไรกัน ? ถ้าเมาแล้วก็ไสหัวกลับบ้านไปซะ อย่ามาเมาอยู่แถวนี้ไม่อย่างงั้นแกจะไม่ใช่แค่เสียบริษัทแต่อาจจะเสียแม้กระทั่งชีวิตของแกด้วย”
ซูชางเหวินเอามือมาลูกที่ใบหน้าของตัวเองพร้อมสาปแช่งออกมาอีกครั้งว่า
“แก……แกกก ไอเด็กเลว ปีกกล้าขาแข็งแล้วงั้น ? ไอเหี้* กล้าที่จะตบ…………ตีพ่อคนนี้…..? หากว่าไม่มีฉันแล้วพวกแกจะได้อยู่แบบนี้ ? แม่ของแก…….. พวกแกสองแม่ลูกคนได้ไปเป็นขอทานและไปตายอยู่ข้างตรอกสักที่นึงหมดแล้ว”
ถังซิ่วหันกลับไปมองที่ซูหลิงหยุนที่อยู่ด้านหลังพร้อมพูดออกมาว่า
“คุณแม่ ถ้าเชื่อใจผมก็ปล่อยให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง แม่ไปพักผ่อนเถอะ !”
ซูหลิงหยุนพูดอย่างลังเลใจว่า
“ลูกแม่ เขา……..”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ผมจะพาเขาไม่ส่งที่บ้าน แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับประกันได้เลยว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ”
“ลูก…….”
ซูหลิงหยุนได้มองไปที่ถังซิ่วแล้วตระหนักว่าลูกน้อยของเธอนั้นได้โตขึ้นและไม่จำเป็นต้องให้เธอคอยปกป้องอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกว่าสองเดือนที่ผ่านมานั้นลูกของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกันอย่างแท้จริง
“ก็ได้!”
ซูหลิงหยุนเองก็รู้สึกผิดหวังในตัวพี่ชายของเธอมาก ดังนั้นเธอจึงแต่ส่ายหน้าพร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องของเธอ
ถังซิ่วเดินออกไปนอกประตูห้องพร้อมปิดประตู เขาลากซูชางเหวินไปตามถนนพร้อมกับชกไปที่เขาจนสลบและโบกแท็กซี่เพื่อให้ไปส่งเขาที่บ้าน
ขณะที่แท๊คซี่ได้เคลี่อนตัวออกไปนั้น ถังซิ่วก็ได้ละสายตาของเขาพร้อมโทรไปที่เฉินซีซ่งแม้ว่ามันจะเป็นเวลาตีสองก็ตามแต่ที่เขาต้องรบกวนการนอนของเฉินซี่ซ่งก็เพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่และกลัวว่าคนเหล่านี้จะตามมาตอแยเธอ เขาต้องจัดการเรื่องของซูชางเหวินให้เร็วที่สุด
เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองนั้นได้กลับมาพร้อมกับแม่ในวันนี้ ไม่เช่นนั้นบางทีเธออาจจะถูกพวกเขาดุด่าหรือทำร้ายก็เป็นได้
“ท่านอาจารย์ ท่านมีอะไรงั้นหรอ ? ”
เสียงของเฉินซี่ซ่งได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“นอนอยู่หรือเปล่า ? ”
เฉินซี่ซ่งได้พูดตอบไปว่า
“ยังเลยครับ ยังยุ่งอยู่กับเรื่องบางเรื่อง ท่านต้องการอะไรอย่างงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วพูดต่อว่า
“เรื่องของซูชางเหวินนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? มันไปถึงไหนแล้ว ? ”
เฉินซี่ซ่งก็ได้ตอบกลับไปว่า
“พวกเขาเริ่มจะติดกับแล้ว บริษัทของเขานั้นมีปัญหาอยู่มากมายและแม้แต่บัญชีที่ผิดกฎหมาย ผมคิดว่าอย่างมากก็อีกไม่กี่วันที่เขาจะถูกรวบตัวโดยตำรวจ แม้ว่าเขาจะไม่ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตแต่อย่างน้อยก็น่าจะไม่ต่ำกว่า20ปีและยิ่งไปกว่านั้น……………….”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“มีอะไรอีกงั้นหรอ ? ”