…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

มุมปากของเซี่ยหวานเฟิงยกขึ้นเล็กน้อยขณะที่พูดออกมาว่า

“ในเมื่อนายไม่สามารถร้องเพลงสมัยนี้ได้งั้นก็ร้องเพลงชาติเลย! อย่าบอกมาหละว่านายร้องเพลงชาติไม่เป็นน่ะ !”

“……..”

ตอนนี้ใบหน้าของถังซิ่วมีแต่ความเคร่งเครียด

หยวนชูหลิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“พี่ชาย ฉันรู้ว่าทักษะการเรียนรู้ของนายนั้นยอดเยี่ยม! ในเมื่อนายไม่เคยฟังเพลงเลยงั้นพวกเราก็จะเลือกเพลงให้นายสักเพลงแล้วนายก็ตั้งใจร้องตาม ฉันมั่นใจว่านายต้องร้องได้อย่างแน่นอน”

ถังซิ่วฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“นายจะไม่คาดหวังสูงไปงั้นหรอ หากว่าฉันมีความสามารถแบบนั้นแล้วละก็ ฉันคงไปเป็นซุบเปอร์สตาร์แล้ว”

“ลองดู! ”

เฉิงเยี่ยนพูดปลุกปั่นออกมา

เขาไม่สามารถปฏิเสธกานเชิญที่อบอุ่นของเพื่อนๆเขาได้!

ถังซิ่วพยักหน้าตอบรับขณะที่หยวนชูหลิงและคนอื่นๆได้เลือกเพลงและก็ได้ร้องออกมาค่อนข้างดีทีเดียวพร้อมกับนั่งดื่มเบียร์สังสรรค์กันกับทุกคน

“เป็นอย่างไรบ้าง ? เคยได้ยินบ้างไหม ? ”

หลังจากที่ฟังหลี่เสี่ยวเขวียนร้องเพลงออกมานั้น เฉิงเยี่ยนหนานก็ได้หันหน้าไปถามถังซิ่ว

ถังซิ่วฝืนยิ้มพร้อมตอบออกมาว่า

“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินสักเพลง”

เฉิงเยี่ยนหนานพูดออกมาทันทีว่า

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม วันนี้เราได้เชิญให้นายร้องและหากว่านายไม่ทำก็จะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติพวกเรา ดังนั้นไม่ว่านายจะร้องอะไรเราก็จะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆแม้แต่น้อย”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ร้องอะไรก็ได้จริงๆงั้นหรอ ?”

เฉิงเยี่ยนหนานตอบกลับไปว่า

“ใช่ !”

ถังซิ่วยืนขึ้นแล้วเดินไปหยิบไมโครโฟนที่อยู่บนโต๊ะอย่างสบายใจพร้อมกับเปิดปากพูดว่า

“ในเมื่อฉันไม่สามารถร้องเพลงในยุคปัจจุบันได้เลย ดังนั้นฉันก็จะร้องเพลงที่ฉันเคยได้ยิน ! เพลงนี้มันออกจะมีความแปลกประหลาดนิดหน่อยและหวังว่าพวกนายจะชอบ อ่อใช่ หากว่ามีขิมโบราณนั้นฉันจะสามารถร้องได้ดีกว่าเดิม” (*ไม่อยากใช้พิณเพราะมันไม่เหมือนกันเลย zither มันคล้ายๆขิมแต่เป็นขอโบราณเลยกะว่าใช้ขิมเลยละกัน) คลิกดู

ขิมโบราณ ?

หยวนชูหลิงและคนอื่นๆได้มองไปที่กันและกันอย่างงงงวยด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด

“พี่ชาย นายจะเล่นมุขอะไรของนายงั้นหรอ ? ที่นี่ที่ไหนกัน ? ที่นี้คือคาราโอเกะและนายมาที่นี่เพื่อจะร้องเพลงโดยใช้ขิมโบราณงั้นหรอ ? แล้วเราจะไปหามันมาจากไหนกันเล่า !”

หยวนชูหลิงพูดออกมาด้วยใบหน้าป่วยๆ

ถังซิ่วพูดออกมาขยะที่ยิ้มอย่างขมขื่นว่า

“ในเมื่อไม่มีมัน งั้นฉันจะร้องธรรมดาแล้วก็ เพลงๆนี้……………”

“รอก่อน !”

เซี่ยหวานเฟิงได้ขัดจังหวะถังซิ่วพร้องพูดออกมาว่า

“หากว่าฉันจำไม่ผิดนั้น นายหญิงของที่นี้เธอมีขิมโบราณอยู่เพราะครั้งหนึ่งที่ฉันมาร้องเพลงที่นี่กับครอบครัวนั้นก็ได้เห็นเธอนั่งเล่นขิมอยู่ที่ห้องโถงพร้อมปลดปล่อยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก”

หยวนชูหลิงได้ถามออกมาว่า

“เธอรู้จักนายหญิงของที่นี่งั้นหรอ ? ”

เซี่ยหวานเฟิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันไม่รู้จักหรอกแต่ป้าของฉันรู้จักเธอและยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาสนิทกันมาก ! ฉันจะไปขอยืมชิมของเธอให้ดีไหม ? ”

เฉิงเยี่ยนหนานได้พูดโดยทันทีว่า

“ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอ”

“ดี !”

ถังซิ่วมองไปที่หญิงทั้งสองที่เดินออกจากห้องไป พร้อมใบหน้าที่รู้สึกว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเพราะเพื่อนสองคนนี้นั้นจริงจังเกินไปหน่อยแล้ว แค่ร้องธรรมดาๆก็พอแล้วมั้ง ! นี่ถึงกับจำเป็นต้องไปขอยืมขิมเลยงั้นหรอ ?

ในห้องผู้จัดการร้าน

เฉินเสี่ยวเฟินกำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับเพลงอยู่ในมือ แม้ว่าเธอจะดูแลร้านแห่งนี้แต่เธอเองก็ชอบเครื่องดนตรีเป็นอย่างมาก เธอชอบที่จะสะสมเครื่องดนตรีทุกชนิดและชอบพวกมันทั้งหมด

“ก๊อก ก๊อก…..”

ประตูของห้องได้ถูกเคาะขณะที่มันได้ขัดจังหวะความคิดของเธอ

เฉินเสี่ยวเฟินได้กรอกตาขณะที่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“เข้ามา !”

ประตูห้องได้ถูกเปิดโดยพนักงานคนหนึ่งพร้อมกับพูดออกมาว่า

“นายหญิง มีแขกสองคนที่ต้องการจะพบคุณ พวกเขาบอกว่ารู้จักกับคุณ”

เฉินเสี่ยวเฟินได้ถามออกมาว่า

“พวกเขาอยู่ที่ไหน ? ”

พนักงานก็ตอบกลับว่า

“รออยู่ด้านนอก ”

เฉินเสี่ยวเฟินก็พูดอีกครั้งว่า

“ให้พวกเขาเข้ามาที่นี่ !”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยหวานเฟิงและและเฉิงเยี่ยนหนานได้เดินเข้ามาพร้อมกันขณะที่พูดออกมาว่า

“คุณป้าเฉินสวัสดีค่ะ ฉันเซี่ยหวานเฟิงเป็นหลานของเซี่ยฉีฉี ก่อนหน้านี้ฉันได้เห็นคุณอยู่กับครอบครัวและคุณป้าของฉัน”

เฉินเสี่ยวเฟินได้แสดงรอยยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

“ฉันจำเธอได้แล้ว แต่นั้นมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วหนิ ฉันเองก็ได้บอกกับป้าเธอไปแล้วเหมือนกันว่าให้พาเธอมาเที่ยวเล่นที่นี่บ้าง เอาล่ะ มีอะไรงั้นหรอ ? เธอต้องการมาหาฉันเรื่องอะไร ? ”

เซี่ยหวานเฟิงได้พูดออกมาว่า

“เรื่องนี้ ! พอดีว่าเรามีเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งที่ไม่สามารถร้องเพลงอื่นๆได้และอยากจะร้องเพลงที่พิเศษออกมาแต่เขาได้บอกว่ามันจำเป็นต้องมีขิมโบราณและบังเอิญว่าหนูจำได้ว่าป้านั้นมีมันอยู่พอดี ถึงได้มาหาป้าที่นี่”

ขิมโบราณ ?

ร้องเพลง ?

เฉินเสี่ยวเฟินพูดออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“เพื่อนของเธอนี่ก็น่าสนใจดีไหม ? มาที่ห้องคาราโอเกะเพื่อที่จะเล่นขิม ? ”

ท่าทางอึดอัดได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยหวานเฟิงขณะที่เธอนึกถึงอุปนิสัยของถังซิ่วพร้อมพูดออกมาด้วยท่าทีเอียงอายว่า

“ป้าเฉิน เพื่อนของหนูเขา………..เขาค่อนข้างประหลาด”

เฉินเสี่ยวเฟินได้พูดออกมาว่า

“ช่างมันเถอะ ในเมื่อมันเป็นคำขอของแขกฉันก็จะต้องสนองให้ แต่ว่าฉันเองก็มีคำขอและหากว่าเธอทำมันได้ฉันก็จะให้ยืมขิมโบราณที่ฉันชอบมากที่สุด”

“ป้าพูดมาเลย!”

เซี่ยหวานเฟิงได้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เฉินเสี่ยวเฟินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันต้องการพบกับเพื่อนของเธอและฟังเพลงที่เขาจะเล่น”

“นี่…..”

เซี่ยหวานเฟิงและเฉิงเยี่ยนหนานได้มองที่กันและกัน พวกเธอไม่รู้ถึงความคิดของถังซิ่วและหากพวกเธอตอบตกลงไปแล้วถังซิ่วรู้สึกไม่ดี พวกเธอจะทำยังไง ?

อย่างไรก็ตาม !

เฉิงเยี่ยนหนานที่อยากจะฟังถังซิ่วร้องเพลงพร้อมกับเล่นขิมนั้นได้รวบรวมความกล้าพร้อมพูดออกมาว่า

“ป้าเฉิน เราตกลง”

ดวงตาของเฉินเสี่ยวเฟินได้เป็นประกายขณะที่เธอพูดว่า

“เอางี้ไหม ฉันจะเตรียมห้องใหญ่ไว้ให้พวกเธอและเราจะไปฟังกันที่นั่น ? เพื่อนของฉันเองก็บอกว่ากำลังจะมาที่นี่และฉันบอกพวกเธอได้เลยว่าพวกเขาเป็นหัวหน้าของโรงเรียนสอนดนตรีชั้นนำของเมืองนี้ หากว่าพวกเธอมีทักษะการร้องที่ดีนั้น หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบพวกเขาจะมารับสมัครพวกเธอย่างแน่นอน !”

แววจาของเซี่ยหวานเฟิงเป็นประกายขณะที่หัวใจของเฉิงเยี่ยนหนานก็ขยับเล็กน้อย ขณะที่ตอบตกลงออกมาเบาๆ

หลังจากนั้นไม่กี่นาที

ถังซิ่วและคนอื่นๆได้ถูกย้ายไปที่ห้องวีไอพีพร้อมมองไปที่เซี่ยหวานเฟิงและเฉิงเยี่ยนหนานที่รออยู่ก่อนแล้ว หยวนชูหลิงได้ถามออกมาว่า

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ? ห้องก่อนหน้านี้ก็ดีอยู่แล้ว เราจะย้ายมาที่นี่ทำไมกัน ? ”

เฉิงเยี่ยนหนานมองไปที่ถังซิ่วพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“โชคของพวกเราดีเพราะฉันและเซี่ยหวานเฟิงนั้นต้องการจะทดสอบเข้าในโรงเรียนสอบดนตรีแต่ก็บังเอิญได้ประโยชน์จากการไปขอยืมขิมนี่ นายหญิงของที่นี่นั้นมีเพื่อนเป็นคนใหญ่คนโตที่โรงเรียนแห่งนั้นและเธอช่วยให้พวกเราย้ายมาที่นี่พร้อมทั้งให้เราร้องเพลงให้คนเหล่านั้นฟัง”

“จริงงั้นหรอ ? ”

คนที่ดูสงบนิ่งอย่างหลี่เสี่ยวเขวียนเองยังถึงกับโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า

“ฉันเองก็ชอบร้องเพลงเหมือนกันและอยากจะทดสอบเข้าโรงเรียนสอนดนตรีด้วย นี่มันเยี่ยมยอดเป็นอย่างมากหากว่าเราสามารถเตะตาพวกเขาได้ เราจะต้องได้รับการเข้าเรียนที่นั่นได้ในกรณีพิเศษอย่างแน่นอน”

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันทันที เขาไม่ชอบการคลุกคลีกับคนภายนอกสักเท่าไหร่นักแต่เมื่อเป็นอาการตื่นเต้นของพวกเธอแล้วเขาก็ไม่ต้องการที่จะทำลายความหวังของทุกคนและวันนี้เองก็เป็นวันดีที่เขาจะได้ฟังความเห็นจากโรงเรียนสอนดนตรีเช่นกัน

สายตาของเขาได้ไปหยุดลงที่โต๊ะชาในทันที

บนโต๊ะนั้นได้ถูกวางไว้ด้วยขิมโบราณอันหนึ่ง มันมีลวดลายแกะสลักที่สวยงามเป็นอย่างมาก

หน้าประตูทางเข้า

เฉินเสี่ยวเฟินได้รีบเดินมายังสามชายหญิงที่กำลังเดินออกมาจากรถอย่างมีความสุข

“บอสเฉิน รบกวนด้วย !”

หญิงสาวรูปงามคนหนึ่งได้กอดเธออย่างแนบแน่น

เฉินเสี่ยวเฟินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“การที่พวกเธอสามารถมาที่นี่ได้นั้นฉันมีความสุขเป็นอย่างมาก ! มันจะเป็นการรบกวนได้อย่างไรกัน ? นี่เราไม่ได้พบกันมากว่าครึ่งปีแล้วใช่ไหม ? พวกเธอนั้นดื่มดำไปกับบรรยากาศของเมืองหลวงและทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียว”

ฮวงจี่นั้นคือหญิงรูปงามที่ได้กอดเฉินเสี่ยวเฟินไปเมื่อครู่นี้ เธอพูดออกมาว่า

“หากว่าสามีเธออนุญาตละก็นะ ฉันก็คงจะพาเธอไปได้อย่างแน่นอน เราสามารถจัดหาที่อยู่ให้เธอในเมืองหลวงได้นะพร้อมกับเรื่องการว่าจ้างในโรงเรียนของเรา ”

เฉินเสี่ยวเฟินพูดออกมาว่า

“ไม่เป็นไรหรอก อย่างไปพูดถึงเขาเลย ฉันได้จัดการแสดงไว้ให้พวกเธอแล้วและเป็นการแสดงที่กะทันหันมาก ฉันคิดว่าพวกเธอน่าจะชอบนะ ”

ฮวงจี่ได้พูดถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“การแสดงอะไรงั้นหรอ ? ”

เฉินเสี่ยวเฟินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันขอถามพวกเธอหน่อยว่า พวกเธอที่เป็นนักดนตรีนั้นเคยเห็นแขกที่ไหนที่มาที่นี่พร้อมกับขอยืมขิมโบราณไปร้องเพลงบ้างไหม ? และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นแค่เด็กมัธยมเท่านั้น”

“พุฟฟฟ…..”

พวกเขาทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เล่นขิมโบราณขณะที่ร้องเพลงที่ร้านคาราโอเกะเนี่ยนะ ?

ฮวงจี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

เสี่ยวเฟิน หรือนี้คือโปรแกรมที่เธอจัดให้พวกเรางั้นหรอ ? เราคิดว่ามันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นะ พวกเราทั้งสี่คนนั้นมาที่นี่อย่างยากลำบากและต้องการสังสรรค์ด้วยกันอย่างเงียบๆ!“”

เฉินเสี่ยวเฟินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เพื่อนจี่ เธอไม่คิดว่าการเล่นขิมโบราณพร้อมร้องเพลงออกมาในห้องคาราโอเกะนี้น่าสนใจงั้นหรอ ? ฉันคิดว่ามันน่าสนุกออก อ่อใช่ ฉันเองก็ได้ทำเรื่องแบบนี้ด้วยเช่นกันเพราะขิมนั้นเป็นอันนี่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่และเริ่มหัดเล่นมัน”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”

พวกเขาทั้งหมดนั้นได้แต่หัวเราะออกมา

ฮวงจี่ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ในเมื่อมันเป็นโปรแกรมที่เธอตั้งใจจัดให้เราขนาดนั้น ฉันก็จะลองดูแล้วกันเพราะปีนี้นั้นก็มีนักเรียนที่เล่นขิมได้ไม่มากนัก ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเด็กหญิงคนนั้นเล่นได้ระดับไหนกันแล้ว ฉันคิดว่าเธอเหมาที่จะสอนหล่อนนะ ”

เฉินเสี่ยวเฟินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันรู้มาว่าคนที่จะเป็นคนเล่นนั่นเป็นเด็กนักเรียนผู้ชายนะ”

“อะไรนะ ? ”

พวกเขาทั้งหมนั้นสั่นสะท้านโดยทันที

นักเรียนชาย ?

เล่นขิมในร้านคาราโอเกะ ? สามารถเล่นได้พร้อมร้อง ?

ไม่ใช่ว่าเด็กผู้ชายมักจะชอบเล่นกีต้าร์กันงั้นหรอ ?

ฮวงจี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เสี่ยวเฟิน ไหนเธอลองว่าเรื่องเกี่ยวกับเขามาหน่อยสิ ฉันรู้สึกสงสัยในตัวเขาเป็นอย่างมาก”