…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หลังจากที่ถังซิ่วกลับไปที่วิลล่าของเขาพร้อมกำลังจะทานอาหารนั้น เขาก็ต้องแปลกใจเพราะว่ามีแขกที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจออยู่ที่นี่

รอยยิ้มได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหลี่หลี่ปิงขณะที่เธอหันไปมองที่เฉิงเยี่ยนหนาย หยวนชูหลิงและมาหยุดที่ถังซิ่วพร้อมพูดว่า

“คุณถังค่ะ ขอโทษที่มารบกวนในเวลานี้เพราะฉันคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องปรึกษาคุณ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“เรื่องการเรียนของกู่หยิน ?”

หลี่หลี่ปิงได้พยักหน้าแล้วบอกว่า

“ใช่ค่ะ ! หลังตากที่อาจารย์ทั้งสามของเราได้สอนเธอแล้วนั้นเราก็ได้กลับไปจัดตารางการสอนพร้อมกับนำมาให้คุณตัดสินใจ คุณต้องการจะดูมันเลยหรือไม่ ?”

ถังซิ่วโบกมือแล้วกล่าวว่า

“พวกคุณทานอะไรกันมาหรือยัง ? ในเมื่อมาแล้วก็มาทานด้วยกันสิ ”

“นี่……..”

หลี่หลี่ปิงได้ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่มู่ขวินปิงจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันได้ทำอาหารไว้เยอะมาก หากว่าคุณหลี่และอาจารย์ทุกท่านไม่รังเกียจก็ได้โปรดมาทานข้าวกับเรา ! นี่เป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยสวนหนังสือให้แก่ลูกสาวของฉัน”

หลี่หลี่ปิงพยักหน้าพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เราจะขอรับน้ำใจนี้ไว้ค่ะ”

กู่หยินได้วิ่งที่ดึงมือถึงซิ่วอย่างรวดเร็วพร้อมพูดอย่างร่าเริงว่า

“ท่านอาจารย์ หนูเพิ่งรู้ว่าหนูนั้นเป็นเด็กที่ฉลาดมากๆเพราะความรู้ที่อาจารย์ได้สอนมานั้น หนูสามารถจำมันได้ทุกอย่างเลยค่ะ ”

ถังซิ่วลูกหัวน้อยๆของเธอก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ดีแล้วล่ะ งั้นเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่เจ้า อาจารย์จะออกข้อสอบเพื่อทดสอบความก้าวหน้าของเจ้าในทุกๆเดือน”

“อื้มม อื้มมมมม”

กู่หยินยิ้มออกมาอย่างสดใส

เสร็จสิ้นการทานอาหาร

ถังซิ่วได้ให้หยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานเข้าไปรอในห้องประชุมเพื่อรอเพื่อนๆคนที่ยังไม่มาพร้อมกับเดินขึ้นไปดูการเรียนการสอนของกู่หยินจากนั้นก็เดินออกมา

ห้องนั่งเล่นที่ชั้นแรก

“ถังซิ่วและหลี่หลี่ปิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับดื่มดำไปกับรสชาติของน้ำชาชั้นเลิศที่มู่ขวินปิงเตรียมให้และเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีเพราะว่าเขาสามารถใช้จิตสัมผัสและเห็นว่าหยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานกำลังแอบฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดกับหลี่หลี่ปิงอยู่นั่นเอง”

“คุณถัง จริงๆแล้วแบบแผนการสอนนี้ต้องให้คุณตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่เราไม่สามารถพบคุณได้และฉันจึงได้เอามาให้คุณด้วยตัวเอง”

หลี่หลี่ปิงได้ยื่นแฟ้มเอกสารไปให้ถังซิ่วพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบ

หลังจากที่ถังซิ่วได้รับมันมาแล้วนั้น เขาก็ได้เปิดดูมันผ่านๆพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า

“จริงๆแล้วผมนั้นไม่อยากจะรู้เรื่องของแบบแผนการสอนเท่าไหร่แต่สิ่งที่ผมต้องการนั้นคือศักยภาพของหยินหยินนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? เธอสามารถเรียนรู้กับสิ่งที่สอนได้หรือไม่ ? ”

หลี่หลี่ปิงฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“หากว่าเราไม่ได้คุยเรื่องนี้กับแม่ของหยินหยินนั่น เราก็คงจะเชื่อไม่ลงเลยว่าเธอเป็นเด็กนักเรียนเกรดสองเท่านั้น เธอนั้นฉลาดเป็นอย่างมาก ฉันได้สอนเด็กมาหลายคนแล้วแต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่มีศักยภาพเท่าเธอมาก่อน เธอสามารถตามการเรียนการสอนได้ทันอย่างรวดเร็ว”

ถังซิ่วได้แสดงรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจออกมาพร้อมพูดว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงต้องฝากเรื่องนี้กับอาจารย์ของคุณแล้ว ผมนั้นไม่เก่งเรื่องการแสดงความขอบคุณสักเท่าไหร่เพราะฉะนั้นคุณว่าราคาของคุณมาได้เลยแล้วผมจะโอนไปให้คุณโดยทันที”

หลี่หลี่ปิงได้พูดออกมาว่า

“ทุกๆเดือนจะสอนโดยอาจารย์สามคนและ20000สำหรับแต่ละคนหรืออีกนัยนึงก็คือ60000ต่อเดือนจนถึงวันที่1กันยายน เราจะเก็บเงินสำหรับสามเดือนและนั่นก็เท่ากับ180000หยวน คุณคิดว่าราคานี้…………..”

ถังซิ่วพูดออกมาอย่างสบายใจว่า

“ไม่มีปัญหาตราบใดที่คุณยังสอนได้อย่างดี เรื่องราคานั้นผมไม่เกี่ยง”

ในพริบตา

ถังซิ่วได้โอนเงิน180000หยวนไปให้แก่หลี่หลี่ปิงโดยทันที

หลี่หลี่ปิงบอกลาถังซิ่วว่า

“คุณถัง ธุระของฉันได้หมดลงแล้ว เรามาคอยดูความสำเร็จของเด็กคนนั้นกันเถอะ ! ฉันจะไม่รบกวนคุณอีกต่อไป ขอตัว”

หลังจากที่ถังซิ่วได้ส่งเธออกไปแล้วนั้น เขาก็ได้พูดออกมาอย่างสบายๆว่า

“พวกนายได้ยินกันพอหรือยัง ? ออกมาได้แล้ว !”

หยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานได้เดินออกมาด้วยความประหลาดใจพร้อมกับที่เธอถามถังซิ่วว่า

“ถังซิ่ว นายรู้งั้นหรอว่าเราได้แอบฟัง ? อย่าบอกนะว่านายมีตาที่สามารถสแกนได้? หรือได้ยินเสียงจากที่ไกลๆ ? ”

ถังซิ่วพูดหยอกล้อออกมาว่า

“ฉันมีดวงตา360องศาและสามารถเรียกได้ว่าเป็นดวงตาที่สแกนได้ ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าหรือไม่ใส่ก็ไม่แตกต่างกัน”

“ไปตายซะ !”

หน้าตาที่สง่างามของเฉิงเยี่ยนหนานได้แดงก่ำโดยทันที หลังจากที่เธอสาปแช่งออกมาแล้วเธอก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความเขินอายทันที

หยวนชูหลิงได้มองไปที่หลังของเฉิงเยี่ยนหนานที่กำลังวิ่งออกไปขณะที่หันหน้ากลับมาสรรเสริญถังซิ่วว่า

“ดีเยี่ยม เยี่ยมยอดไปเลย พี่ชาย ทำไมฉันถึงคิดว่าอีคิวของนายได้เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน ?”

ถังซิ่วตอบด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันเองก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าความสามารถในการประจบของนายเองก็ได้บรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้วเหมือนกันนะ รีบไปทบทวนบทเรียนได้แล้วเพราะฉันได้สัญญาไว้กับอาจารย์ฮั่นแล้วว่าผลสอบเข้าของพวกนายจะต้องทำให้ทุกคนทึ่งและหากว่ามันไม่เป็นอย่างนั้นเธอจะต้องผิดหวังเป็นอย่างมาก”

“รับประกันได้เลย!”

หลังจากที่หยวนชูหลิงได้รู้ว่าพ่อแม่ของเขานั้นได้แกล้งหย่ากัน เขาก็เริ่มกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้งและแถมยังมีถังซิ่วที่คอยชี้แหนะเขา มันทำให้จิตวิญญาณของเขากำลังลุกโชน

โรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซตี้

ในห้องพักแผนกวีไอพี , ซูชางเหวินและภรรยาของเขาซางเหม่ยหยุนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าของซูหลิงหยุนขณะที่กำลังทำท่าทางออกคำสั่งไปที่เธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสมเพศเพราะพวกเขาเองก็วางแผนที่จะจัดการกับเธอแต่ไม่นึกเลยว่าสวรรค์จะเข้าข้างพวกเขาและทำให้ซูหลิงหยุนต้องบาดเจ็บขนาดนี้

“น้องสาว ไม่ใช่ว่าพี่ได้เตือนเธอไปแล้วหรอ ทีนี้เป็นยังไงหละ ? ถูกทุบตีโดยคนอื่น ? ได้รับบาดเจ็บ ? ฉันเองก็ได้ไปที่ร้านอาหารของเธอมาแล้ว โอ้ มันช่างน่าอนาถอย่างแท้จริงที่ถูกทุบจนเละไม่เหลืออะไรเลยและจากการคำนวณค่ารักษาของเธอแล้วพี่คิดว่าน่าจะไม่เหลือเงินพอที่จะซ่อมร้ายอาหารได้ด้วยซ้ำ เธอจะทำยังไงหละ ? ”

ซูชางเหวินได้พูดออกมาด้วยท่าทางยั่วยุ

ท่าทางของซางเหม่ยหยุนเองก็รู้สึกสะใจที่ได้เห็นเช่นนี้เหมือนกัน

“ใช่ ตอนที่เราไปขอยืมเงินเธอได้บอกว่าให้ได้แค่100000หยวนแต่ดูตอนนี้สิ เธอได้รับบาดเจ็บแล้วยังสามารถอยู่ในแผนกวีไอพีด้วย ใครกันนะที่ใจดีเมตตา ? หากว่าเธอไม่มีเงินพอที่จะซ่อมร้านแล้วละก็ฉันจะจ่ายให้เธอเอง เอาอย่างงี้ไหม หลังจากที่เธอหายแล้วก็กลับไปทำงานที่ร้านอาหารแล้วฉันจะจ้างเธอ……………2000หยวนต่อเดือน เป็นไง?”

2000?

ซูหลิงหยุนมองไปที่พี่ชายและพี่สะใภ้ของเธอ ก่อนหน้านี้เธอรู้ดีว่าพวกเขาเป็นคนที่ไร้ยางอายเป็นอย่างมากแต่เธอก็ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าคำขอของพวกเขาเป็นการฉวยโอกาส ?

แม้ว่า2000หยวนนั้นจะไม่น้อยแต่ก็ยังไม่พอสำหรับพนักงานธรรมดาๆในร้านของเธอด้วยซ้ำ

“พวกเธออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

ซูหลิงหยุนได้ตะโกนออกมา เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธอนั้นไม่สามารถต่อต้านพวกเขาได้ด้วยอาการบาดเจ็บของเธอ

ท่าทางของซูชางเหวินได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ซูหลิงหยุน เธอนั้นไม่รู้จักว่าอันไหนดีอันไหนร้าย!! ฉันจะให้เงินเธอหากว่าเธอให้ร้านอาหารแก่เรา ยังไงเธอก็เป็นเพียงแม่ม่ายและลูกชายกำพร้าเท่านั้นหากไม่ทำอย่างนี้ ในอนาคตเธอจะต้องอดอยากจนไม่เหลืออะไรจะกินแน่นอน ”

ซูหลิงหยุนพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“ไม่ใช่ว่านายบอกว่าไม่มีเงินอยู่ไม่ใช่หรอ? แล้วนายไปเอาเงินมาจากไหนกัน ? ”

ซูชางเหวินได้พูดตอบกลับไปว่า

“แม้ว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีเงินแต่ฉันก็สามารถติดมันไว้ได้ก่อน ฉันนั้นเป็นคนรวยและสามารถหาเงินมาให้เธอได้อย่างแน่นอน หรือเธอไม่เชื่อ ห๊า ? ”

“นายมัน……………………….ไอคนไร้ยางอาย!”

ซูหลิงหยุนนั้นตระหนักดีว่าซูชางเหวินจะไม่ให้เงินเธอแน่นอนหลังจากที่เธอให้ร้านอาหารแก่เขา

เธอได้เห็นสิ่งที่เขาเคยทำมาต่างๆนาๆและสามารถมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

(*แล้วก็ยังโง่ให้เขาดุเขาด่าเนอะ )

พยาบาลที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นได้พูดออกมาว่า

“พวกคุณทั้งสอง ผู้ป่วยนั้นจำเป็นต้องพักผ่อน โปรดออกไป”

ซางเหม่ยหยุนมองไปที่พยาบาลคนนั้นด้วยความโกรธพร้อมพูดออกมาว่า

“อย่ามาเสือกเรื่องคนอื่น นี่เป็นเรื่องของครอบครัวของเรา มันเกี่ยวอะไรกับเธอห๊ะ ? ไสหัวออกไปซะแล้วอย่าได้มาพูดพล่ามอยู่แถวนี้ !”

พยาบาลพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“คุณพูดว่าอะไรนะ ? หากว่าพวกคุณไม่ออกไปฉันจะโทรเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยโดยทันที”

ซางเหม่ยหยุนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาแล้วพูดออกมาว่า

“เธอจะเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยมางั้นหรอ ? ลองดูสิ เชื่อไหมว่านอกจากป้าคนนี้จะไม่ถูกไล่ออกไปแล้วเธอเองก็จะต้องมีปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน ?”

ซูชางเหวินเองก็ได้พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า

“ยุ่งเรื่องของคนอื่นเป็นสิ่งที่เธอควรจะทำงั้นหรอ ? ฉันจะขอแนะนำเธออย่างหนึ่งว่า อะไรที่ควรจะทำก็ไปทำซะไม่อย่างงั้นผลพวงที่เธอจะได้รับนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถแบกรับได้อย่างแน่นอน”

นางพยาบาลคนนี้นั้นเคยเห็นถังซิ่วและท่าทางที่ผู้อำนวยการมีต่อเขาดี

ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจในคำพูดของซูชางเหวินนักพร้อมกับโทรไปหาหน่อยรักษาความปลอดภัยโดยทันที

“ดี ฉันจะรีบไปที่นั่นโดยทันที”

คนที่รับสายนั้นคือเฉินเต่าซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลนี้นั่นเอง

หลังจากที่เธอได้วางสายแล้วนั้นจึงพูดออกมาว่า

“ฉันได้โทรแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยแล้วและหากคุณทั้งสองยังไม่ออกไปดีๆก็คงต้องให้พวกเขามาลากพวกคุณออกไป”

ซูชางเหวินเองก็มองไปที่ภรรยาของเขาด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อยแต่ยังไงเขาก็ยังเป็นถึงเจ้าของบริษัท ถึงต่อให้เพื่อนๆของเขาออกห่างจากเขาก็ตามแต่ก็ยังมีบางคนที่ยังพอขอความช่วยเหลือได้ เช่น รองผู้อำนวยการของที่นี่

“สวัสดี เพื่อนหลุย! ฉันเองซูชางเหวิน อ๊า!ใช่ ซูชางเหวินเจ้าของบริษัทอสังหาฯ อื้ม อื้ม โรงพยาบาลของนายนี่มันยังไงกัน ? ฉันได้พาภรรยาของฉันมาเยี่ยมน้องสาวแต่กลับโดนนางพยาบาลสาปแช่งแถมยังสร้างความอับอายให้กับพวกเราด้วยและไม่ใช่แค่นั่นนะ เธอยังได้โทรแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยให้มาจัดการกับเรา อืมม….. ฉันต้องขอช่วยนายหน่อยแล้วกัน ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่ แผนกวีไอพี ห้อง …………”