…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

กู่เสี่ยวเสวี่ย?

คนอื่นๆที่กำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของถังซิ่วนั้นได้จ้องมองไปที่ถังซิ่วทันที พวกเขาคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างมาก ในห้วงความคิดของพวกเขานั้นได้ปรากฏความงามดั่งเทพธิดาที่สามารถทำให้ประเทศล่มสลายได้

“ฉันเข้าใจแล้วรอฉันอยู่ที่นั่น ”

หลังจากที่เขาพูดจบแล้วนั้นก็วางสายทันที

เขามองไปที่หลงเซ้งหยูแล้วพูดว่า

“ฉันมีเรื่องเร่งด่วนเล็กน้อยดังนั้นฉันต้องขอตัวลา ที่ดินแห่งนี้นั้นดีมากและนายสามารถซื้อที่ตรงนี้แล้วพัฒนาได้เลย นอกจากนี้โปรดส่งข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ความยาวความกว้างและข้อมูลอื่นๆ ของที่นี่มาให้ฉันหลังจากที่นายได้สำรวจข้อมูลดังกล่าวแล้ว เมื่อนายซื้อที่ตรงนี้แล้วฉันจะเริ่มวาดพิมพ์เขียวทันที ”

หลังจากพูดจบนั้นเข้าก็หันหลังแล้วเดินจากไปทันที

โอหยางลูลู่มองอย่างจดจ่อไปที่ถังซิ่วก่อนที่เธอจะรีบวิ่งไปขวางทางเขาทันแล้วพูดออกมาอย่างรวดว่า

“คนที่นายพูดชื่อมาก่อนหน้านี้นั้นคือกู่เสี่ยวเสวี่ยสินะ ? ใช่นายหญิงน้อยของห้องอาหารร้อยงานฉลองบนเกาะจิงเหมินหรือเปล่า ?? ”

“ใช่”

ถังซิ่วได้พยักหน้า

โอหยางลูลู่รีบพูดทันทีว่า

“ฉันและกู้เสี่ยวเสวี่ยนั้นเป็นเพื่อนกัน ในเมื่อเธอได้มาที่เมืองนี้แล้วฉันก็จะไปพบเธอด้วยกันกับนาย ”

“มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่”

ถังซิ่วได้ปฏิเสธอ้อมๆ

หัวข้อที่เขาและกู่เสี่ยวเสวี่ยจะต้องคุยกันนั้นเป็นความลับอย่างมากและไม่สามารถแพร่กระจายไปยังหูของบุคคลที่สามได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เตรียมที่จะเผชิญกับอันตรายหลังจากที่เขาตัดสินใจที่จะพบเธอเพราะหากว่าเธอเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ได้ทรยศเขาแล้วนั้น เขาจะรีบหนีออกจากที่นั่นทันทีแต่เขาจะไปสามารถปกป้องโอหยางลูลู่ได้อย่างไรกัน?

ท่าทางของโอหยางลูลู่เปลี่ยนไปอย่างมากขณะที่เธอตอบออกมาด้วยความเอาแต่ใจว่า

“ทำไมถึงไม่ดี ? นายมีเรื่องน่าอับอายที่ต้องคุยกับเธองั้นหรอ? แล้วมันก็ไม่สะดวกถ้าฉันอยู่ด้วย ? ”

“ถูกตัอง! มันน่าอับอาย ”

ถังซิ่วพยักหน้าแล้วตอบทันที

ถังซิ่วนั้นไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงจากคำพูดของโอหยางลูลู่แม้แต่น้อย

โอหยางลูลู่งงงวยทันที เธอไม่ได้คาดคิดว่าถังซิ่วจะตอบแบบตรงไปตรงมาซึ่งทำให้เธอต้องทิ้งคำพูดประโยคต่อไปทั้งหมดของเธอทันที แม้กระทั่งเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อด้วยซ้ำ

“หน้าด้าน ไอ้คนหน้าไม่อาย!”

หลังจากที่อึดอัดอยู่นานแล้วเธอถึงได้พูดคำนี้ออกมา

ถังซิ่วส่ายหัวและไม่สนใจคำพูดของเธอ หลังจากที่เขาเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวแล้วเขาก็หันกลับมาหาเธอด้วยความรู้สึกแปลกๆและถามเธอว่า

“เธออยากจะไปกับฉันจริงๆงั้นหรอ?”

“ใช่ อยากไปมาก !”

โอหยางลูลู่รีบพูดออกมาทันทีและหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไปมากเพราะเธอได้สูญเสียตัวตนและความสงบของเธอไป เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอต้องเครียดพร้อมกับมีความรู้สึกบ้าๆเวลาที่อยู่ต่อหน้าถังซิ่วทุกครั้ง ในอดีต เธอนั้นสามารถควบคุมทุกสิ่งได้แต่การอยู่ร่วมกับถังซิ่วนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับลังวิ่งอยู่บนฝ่ามือของเขา

ความรู้สึกนี้ … ทำให้เธอหดหู่เป็นอย่างมาก

ถังซิ่วยิ้มออกมาขณะที่ประกายแห่งความหลอกลวงได้แว๊บผ่านดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนๆว่า

“ในเมื่อเธออยากจะตามไปด้วยงั้นก็มาเถอะ!และฉันเองก็ไม่มีรถเพราะงั้นเธอก็เป็นคนพาฉันไปที่นั่นแล้วกัน! ”

“เข้าใจแล้ว!”

โอหยางลูลู่เอากุญแจรถออกมาแล้วรีบวิ่งไปที่Land Roverทันที

“วู้มมมมมมมมมมม…”

เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังก้องอยู่ในที่ดินรกร้างนี้ รถสีขาวคันนี้เหมือนดั่งลูกธนูที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาจากคันธนูพร้อมพุ่งไปยังสุดถนนอย่างรวดเร็ว

ที่ริมถนน …

หลงเซ้งหยู,ชูยี่และฝบเต่ามองหน้ากันด้วยการแสดงออกแปลกๆบนใบหน้าของพวกเขา

“ค๊อก,ค๊อก … ”

ใบเต่ายกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนที่จะโห่ร้องออกมาด้วยความยกย่องว่า

“เซ้งหยู,ถังซิ่วไม่ได้เป็นแค่ไอดอลของนายอีกต่อไปแล้วแต่เขายังเป็นไอดอลของฉันคนนี้ด้วย!แม่งสุดยอดจริงๆ… เขาน่าทึ่งมาก! เขาสามารถจัดการแมวป่าอย่างโอหยางลูลู่ให้เชื่องได้ยังไงกัน รวมถึงเทพธิดาน้ำแข็งอย่างกู่เสี่ยวเสวี่ยได้เดินทางมาจากที่ห่างไกลเพื่อมาหาคนรักของเธอที่เมืองนี้ด้วย! ชายคนนี้นี่มันเป็นนักล่าเทพธาดาชัดๆ! ”

ชูยียิ้มออกมาแปลกๆพร้อมพูดว่า

“ฉันเองก็คิดว่ามันรู้สึกแปลกๆแต่ไม่คิดเลยว่านายจุรู้สึกเหมือนกัน นายเห็นถึงการแสดงออกทางสีหน้าและโทนเสียงของเพื่อนเก่าเราได้หรือไม่?! เธอกำลังหวงเขา ! ”

ใบเต่าปล่อยเสียงหัวเราะพลางพูดว่า

“เฮ้เฮ้ฉันกล้าพนันได้เลยว่าตลอดชีวิตของเธอนั้นจะมีแค่ไอดอลของฉันคนเดียวเท่านั้น เธอมีสายตาที่เฉียบคมมากที่สุดในหมู่ผู้หญิง เธอไม่ค่อยตื่นเต้นและไม่ไหวติงจากใครๆทั้งนั้นแต่เมื่อความรู้สึกที่แท้จริงของเธอถูกปลุกเร้า จึ๋ก จึ๋ก … เธอจะพุ่งตรงไปทางเดียวเท่านั้น ”

หลงเซ้งหยูที่กำลังฟังบทสนทนาของพวกเขานั้นทำให้เขาต้องฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ฉันบอกได้เลยว่าถังซิ่วนั้นเป็นคนที่ฉลาดเป็นอย่างมากแต่เขาไม่เก่งเรื่องเข้าใจผู้หญิงหรือการสร้างความสัมพันธ์สักเท่าไหร่ มันจะไม่ดีสำหรับอนาคตของเขาหากว่าจะต้องถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้หญิง ”

“ฮะ?”

ชูยี่และใบเต่าเหลือบมองกันและกันก่อนจะจ้องมองไปที่หลงเซ้งหยูอย่างรุนแรง

ใบเต่าพูดด้วยเสียงเยาะเย้ยว่า

“นายน้อยหลง ไม่ว่าจะเป็นโอหยางลูลู่หรือกู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นก็เป็นผู้หญิงที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก แม้ว่าการเข้าใจผู้หญิงของถังซิ่วจะไม่สูงนักก็ยังสามารถดึงดูดพวกเธอมาได้ ถ้านายไม่เชื่อละก็ นายก็รอดูได้เลยว่าในอนาคตเขาจะต้องทำให้ผู้หญิงทุกคนสยบอยู่แทบเท้าและกุมหัวใจของพวกเธอได้อย่างแน่นอน ”

“ไปลงนรกซะ! ”

หลงเซ้งหยูพูดออกมาในขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ขณะที่รถland rover ที่โอหยางลูลู่เป็นคนขับกำลังเร่งรีบอยู่บนถนนนั้นเธอกำลังนั่งเหม่อลอยในขณะที่สมองของเธอกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ย เธอรู้ถึงบุคลิกของ กูเสี่ยวเสวี่ยดีว่าหากไม่มีความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างทั้งสองก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมาหาเขาที่เมืองนี้เพราะเธอแทบจะไม่ออกมาจากห้องอาหารร้อยงานฉลองเลยด้วยซ้ำ

“ถังซิ่วได้ไปที่ห้องอาหารและสามารถฝ่าค่ายกลพันโคจร อย่าบอกนะว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันตั่งแต่ตอนนั้น ? ”

โอหยางลูลู่กำลังคิดในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า

“เฮ้ มีสมาธิในการขับหน่อยสิ”

ถังซิ่วได้ถอนสายออกจากหน้าต่างรถแล้วพบว่าเธอกำลังนั่งเหม่อลอยจึงได้เอ่ยปากเพื่อิเตือนเธอ

โอหยางลูลู่เหลือบมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะแกล้งทำเป็นถามโดยไม่ได้ตั่งใจว่า

“ถังซิ่ว เรานั้นสามารถเรียกได้ว่าผ่านอุปสรรค์มาด้วยกัน อยู่ร่วมชายคาเดียวกันและนั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเรานั้นเป็นเพื่อนกันแล้วและความสัมพันธ์ของเราก็น่าจะถึงจุดที่ไม่ควรจะปิดบังอะไรระหว่างกันและกันแล้วใช่ไหม? ”

(* ไอนี่ก็รุกพี่ถังจัง เกรงใจศิษย์รักบ้าง เดะก็ตื่นขึ้นมาตบหรอก 5555555 )

“…”

ถังซิ่วหันหน้าไปทางหน้าต่างเพราะเขาไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามของเธอ เขาไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าเขาได้ไปร่วมทุกข์กับเธอเมื่อไร?

และที่ใต้ชายคาเดียวกัน…….

มันไม่ค่อยจะถูกต้องซักเท่าไหร่!

มันไม่สามารถเรียกได้ว่าอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน!มันจะเรียกอย่างงั้นได้ยังไงกันเพราะเขาก็นอนกันคนละห้องและยังช่วยนวดเพื่อรักษาบาดแผลให้เธอฟรีๆด้วยซ้ำ!

โอหยางลูลู่ที่รู้สึกเคยชินกับการแสดงออกที่แยแสของถังซิ่วแล้วนั้นไม่ได้แสดงท่าทางโกรธแม้แต่น้อย ก่อนที่เธอจะถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เนื่องจากเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและกันและไม่ควรปิดบังอะไรต่อกันและกัน นายมีความสัมพันธ์อะไรกับกู่เสี่ยงเสวี่ยกัน? นายเป็นแฟนของเธองั้นหรอ? ”

“ไปถามยายของเธอนู้นไป!”

คำพูดเหล่านี้แทบจะออกมาจากปากของถังซิ่ว เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีความสัมพันธ์อะไรกับกู่เสี่ยวเสวี่ย บางทีอาจจะเป็นศัตรูคู่แค้นก็เป็นได้!

คิ้วของโอหยางลูลู่กระตุกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า (*555555555555555 อิจฉาละสิโว้ยยยยยยยยย)

“เงียบก็แสดงว่ายอมรับโดยปริยาย ฉันไม่เคยคาดคิดว่า … ”

“ฉันไม่เคยคาดคิดว่าเธอจะพูดมากขนาดนี้ ขับรถให้มันดีๆ! ถ้ายังขับแบบเหม่อลอยแล้วละก็ ฉันจะโยนเธออกไปนอกรถอย่างแน่นอน ”

ถังซิ่วพูดขัดคำของเธอทันที

“นายยยยยยยยย…”

โอหยางลูลู่โกรธเป็นอย่างมากแต่เมื่อเธอเห็นถึงการแสดงออกที่หมดความอดทนของถังซิ่วแล้วนั้น ในที่สุดเธอก็เก็บความรู้สึกหดหู่ไว้ในหัวใจของเธอขณะที่เธอมองไปที่ด้านหน้าด้วยความโมโหแล้วเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง

“เธอกำลังขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้แล้วเธอจะต้องถูกเสียค่าปรับนะ!”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ถังซิ่วเองก็รู้ถึงความรู้ทั่วไปนี้

โอหยางลูลู่พูดด้วยความโกรธว่า

“เป็นเรื่องที่นายจะต้องยุ่ง?”

“ฮึ…”

ถังซิ่วฝืนยิ้มออกมาและถอนหายใจ ความคิดของผู้หญิงนั้นเปรียบเสมือนมหาสมุทรที่กว้างใหญ่และมืดมน เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าสมองของเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!

ย่านสตาร์ไลท์

กู่เสี่ยวเสวี่ยสวมกระโปรงสีขาวที่กำลังปลิวไสวพร้อมกระเป๋าถือสีขาวของเธอ เธอเป็นเหมือนนางฟ้าที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่เข้ากันกับฉากที่มีเสียงดังในบริเวณโดยรอบ รูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นของเธอนั้นได้ดึงดูดสายตาของผู้ชายในบริเวณโดยรอบ

อย่างไรก็ตามกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกที่ออกมาจากร่างของเธอทำให้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องการจะหยอดคำหวานนั้นต้องถอนกลับไปทันที

ในที่สุดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่มั่นใจในความหล่อของตัวเองได้แสดงความน่าดึงดูดของตัวเองออกมาแล้วเดินไปพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า

“สาวน้อย มีอะไรจะให้ฉันช่วยหรือเปล่า?”

“ไปให้พ้น”

เสียงของกู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นหวานมาก แต่คำพูดสองคำของเธอนั้นทำให้ชายคนนั้นถึงกับท่าทางเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและเดินจากไป

“ฮ่าๆ ไอหนุ่มคนนั้นมันคิดจะกัดเนื้อชิ้นใหญ่ที่ไม่สามารถเคี้ยวได้เหมือนดั่งกบที่อยากจะกินหงส์ เป็นไงหละ หงายเงิบเลยหละสิ”

“เธอเป็นเทพธิดาจริงๆ การดึงดูดทางเพศของเธอแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในทีวีก็ยังไม่สามารถเทียบกับเธอได้ ไม่มีใครสามารถเทียบกับเทพธิดาองค์นี้ได้แม้แต่น้อย ”

“ถ้าฉันสามารถแต่งงานกับหญิงที่เหมือนดั่งภูเขาน้ำแข็งคนนั้นได้แม้ว่าฉันจะตายเร็วกว่าเดิม20ปีฉันก็ยินดีที่จะยอมแลกมัน!”

“อย่าว่าแต่20ปีเลย ต่อให้30ปีฉันก็ยอม ”

“เธอสวยจริงๆเธอทำให้หัวใจเต้นระรั่ว … ”

“…”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองต้องการที่จะออกจากที่แห่งนี้แต่เธอกำลังรอถังซิ่วอยู่จึงทำให้เธอต้องระงับอารมณ์เอาไว้ เธอไม่คุ้นเคยกับการอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่านเช่นเดียวกับที่ไม่คุ้นเคยกับการถูกเพ่งเล็งโดยคนนับไม่ถ้วน

“เอี้ยดดดดด…”

เสียงเบรกที่ฉับพลันได้ดังออกมาในบริเวณใกล้เคียง มันได้ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก

ถังซิ่วมองไปที่โอหยางลูลู่ที่นั่งอยู่และพูดออกมาเบาๆว่า

“ขอบคุณที่มาส่งฉันมาที่นี่ ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะพูดคุยกับกู่เสี่ยวเสวี่ย เธอกลับไปได้แล้ว”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้น ดวงตาของโอหยางลูลู่ก็เบิกกว้างขึ้นเหมือนไข่ห่าน เธอยกแขนขึ้นแล้วชี้นิ้วมาที่ใบหน้าของเธอด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อและถามว่า

“นายหมายถึงว่า … การที่นายให้ฉันมากับนายนั้นคือการเป็นคนขับรถให้นาย?”

“เธอมีปัญหาหรือ?”

ถังซิ่วได้ถามออกมา

“ไม่มีบ้านน้องสาวนายสิ!”

โอหยางลูลู่ไม่สามารถที่จะทนต่อมันได้อีกต่อไปและอดไม่ได้ที่จะไม่ระเบิดคำพูดหยาบคายออกมา

ถังซิ่วตอบด้วยท่าทางไม่ใส่ใจว่า

“ฉันเป็นลูกชายคนเดียวและฉันไม่มีน้องสาว อย่างไรก็ตามเธอดูแลตัวเองด้วยเพราะฉันจะไม่ไปส่งหรอกนะ ”

จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถออก จากนั้นเดินไปยังกู่เสี่ยวเสวี่ยที่อยู่ใกล้ๆ

โอหยางลูลู่จ้องมองไปที่หลังจากถังซิ่วที่กำลังเดินไปด้วยความดุร้ายและปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยทันทีพร้อมวิ่งออกไปข้างนอกด้วยอย่างรวดเร็ว เธอเชื่อว่าแม้ถังซิ่วจะไม่ต้อนรับเธอแต่เพื่อนที่ดีของเธอ กู่เสี่ยวเสวี่ยจะกล้าปฏิเสธเธอ?

“เสี่ยวเสวี่ย ดีใจจังที่ได้เจอเธอ”

โอหยางลูลู่วิ่งนำหน้าถังซิ่วไปทางกู่เสี่ยวเสวี่ยก่อนที่จะโบกมือเล็กๆของเธอแล้วโห่ร้องออกมาอย่างรวดเร็ว