…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วไม่มีความเมตตาต่อไทหลงแม้แต่เล็กน้อย เขาฟาดไปที่ไทหลงจนสลบ จากนั้นเขาก็มาด้านหน้าเฟย์เขวียนแล้วพูดว่า

“พวกแกมีหน้าที่รับผิดชอบในการพามันไปกลับไป ยังไงก็ตามเขาก็มีส่วนรับผิดชอบในการทำให้พวกแกเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นแกอาจจะฆ่าเขาระหว่างทางแต่จำเรื่องในวันนี้ไว้ให้ดี รอให้ถึงเดือนหน้าก่อนแล้วฉันจะไปเยี่ยมพวกแกที่สำนักมังกรอะไรนั่น ”

“ไม่!”

การแสดงออกที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาแล้วขอร้องออกมาว่า

“พี่ชาย ฉันขอร้องนะ ได้โปรดอย่าไปที่สำนักของเราเลย การที่เราออกมาทำงานนี้นั้นเราได้โกหกท่านเจ้าสำนัก! เขานั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและเข้มงวดมาก หากเขารู้ว่าเราออกมารับงานข้างนอกแล้วละก็ เขาจะฆ่าเราอย่างแน่นอน! เราขอร้องคุณ เราสาบานว่าในภายหลังเราจะไม่มีวันทำสิ่งที่น่าอับอายแบบนี้อีก ”

“พวกนายจำเป็นจะต้องรู้จักกับความเสียใจของสิ่งที่ได้ทำลงไปแต่ยังไงก็ตาม พวกนายก็สามารถเรียนรู้จากสิ่งนั้นและแก้ไขมันได้ในอนาคต ฉันหวังว่าพวกนายจะสามารถปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้นะ”

หลังจากที่พูดจบนั้นถังซิ่วก็ไม่ได้ยืนรออีกต่อไปพร้อมกับเดินลงเขาทันที

หลังจากแก้ปัญหาของไทหลงเสร็จแล้วนั้น ถังซิ่วไม่ได้กลับไปที่โรงพยาบาลแต่เขากลับไปที่วิลล่าของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รับที่โทรเข้าและอ่านSMSของเขา ตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ที่หน้าระเบียงห้องนอนที่ชั้นสองพร้อมกับโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของฮั่นชิงหวู

“ถังซิ่ว,เธออยู่ที่ไหน? !!เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นนักเรียนอยู่หรือเปล่า?เธอไม่คิดจะกลับมาเข้าเรียนบ้างหรือไง ห๊า? ”

เมื่อได้เชื่อมต่อสายแล้วนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามโกรธของฮั่นชิงหวูดังออกมาทันที

ถังซิ่วได้เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูของเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงคำรามของฮั่นชิงหวูพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ครูฮั่น ผมเองก็อยากจะกลับไปเรียนหนังสือและเข้าเรียน แต่เมื่อผมเพิ่งกลับมาที่เมืองนี้นั้นก็ได้มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม ผมเกรงว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณสองวันถึงจะกลับไปที่โรงเรียนได้ ”

“ที่บ้านของเธอเกิดอะไรขึ้น?”

ความโกรธของฮั่นชิงหวูค่อยๆลดลงพร้อมถามออกมาด้วยเสียงที่เป็นห่วง

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“มีคนได้ทุบทำลายร้านอาหารของแม่ผม แม่และพนักงานเสิร์ฟสองสามคนยังได้รับบาดเจ็บและตอนนี้แม่ของผมยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ”

ฮั่นชิงหวูโกรธจัดพร้อมถามออกมาว่า

“ไอเวรที่ไหนเป็นคนทำร้ายแม่ของเธอ?เธออยู่ที่โรงพยาบาลไหนและแผนกอะไร ห้องที่เท่าไหร่ ฉันจะรีบ………… หลังจากจบคาบต่อไปแล้วฉันจะรีบไปโดยทันที ”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ครูฮั่น เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ผมต้องการลาเพิ่มอีกประมาณสองวันแล้วจะกลับไปที่โรงเรียนดังนั้นครูฮั่นไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเพื่อมาที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ผมต้องการจะพูดคุยกับคุณ”

“และนั่นคือ?”

ฮั่นชิงหวูรู้ว่าเธอกำลังกังวลมากเกินไป ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้น เธอได้ถามออกมาทันที

ถังซิ่วก็ตอบกลับไปว่า

“ผมได้สัญญากับหยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานเอาไว้ว่าจะทบทวนบทเรียนให้พวกเขาทุกคืนเพื่อให้พวกเขาสามารถได้ผลคะแนนที่ดีขึ้น จะเป็นไปได้ไหมที่คุณจะปล่อยให้พวกเขามาที่บ้านของผมทุกๆคาบเย็นเพื่อให้พวกเขามาเรียนที่นี่? ผมจะเป็นคนทบทวนให้พวกเขาเอง ”

ฮั่นชิงหวูตอบด้วยความโกรธว่า

“นี่เธอยังคิดที่จะหนีเรียนอีกงั้นหรอ?ถ้าอยากจะช่วยพวกเขาจริงๆแล้วทำไมต้องไปทบทวนที่บ้านเธอด้วยหละ ทำไมถึงไม่มาทบทวนกันที่โรงเรียน?”

ถังซิ่วได้ตอบไปว่า

“เทคนิคการทบทวนของผมนั้นพิเศษเป็นอย่างมากและจำเป็นจะต้องมีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ คุณไม่ต้องกังวลเลย ผมจะรับประกันได้ว่าคุณจะต้องเห็นผลลัพธ์ของพวกเขาที่ดีขึ้นในการสอบเข้ามหาลัยอย่างแน่นอน ”

ฮั่นชิงหวูเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมถอนหายใจว่า

“ถังซิ่ว ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ไม่อยากมาโรงเรียนแต่ว่าการสอบนั้นเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงเดือนแล้ว เธอไม่สามารถที่จะทนอยู่ที่นี่ได้เลยหรอ? ”

ถังซิ่วพูดอย่างหมดหวังว่า

“ครูฮั่น ผมอยากจะทบทวนบทเรียนที่พวกเขาพลาดไป คุณก็ได้เห็นผลการทดสอบของผมแล้ว ถ้าผมต้องได้รับผลลัพธ์ดังกล่าวหรือแม้แต่ดีกว่านี้ ผมก็จะต้องทบทวนด้วยวิธีของผมเองดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีเวลาเหลือมากนักจนกว่าจะถึงการสอบ ผมก็ยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถชีแนะจุดสำคัญให้แก่พวกเขาได้แต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจผมแล้วละก็ อีกสองวันหลังจากที่ผมกลับไปที่โรงเรียนแล้วผมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ”

“…”

ฮั่นชิงหวูยังคงเงียบอยู่

เธอไม่รู้ว่าที่ถังซิ่วพูดนั้นจะเป็นจริงไหม แต่ประโยคสุดท้ายถังซิ่วได้พูดไว้ว่า “เชื่อ”นั้นทำให้เธอรู้สึกข่อนข้างอึดอัด

นั่นเป็นเพราะเธอเชื่อในตัวของถังซิ่ว!

นับตั้งแต่ที่ถังซิ่วได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในแต่ละครั้งนั้นยิ่งทำให้เธอเชื่อเขามากขึ้น

เธอเงียบอยู่กว่าสองนาทีแล้วจากนั้นก็พูดออกมาขณะที่ถอนหายใจว่า

“ในเมื่อเธอยืนยันขนาดนั้นแล้ว ฉันก็จะเลือกที่จะเชื่อเธออีกครั้ง ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ ”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็ได้วางสายโดยทันที

ถังซิ่วถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งในอก ทุกๆครั้งที่เขาต้องพูดกับฮั่นชิงหวูนั้นมันเหนื่อยเสียยิ่งกว่าการออกไปฆ่าคนและต่อสู้ เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากต่อเธอ นั่นก็เพราะว่าเธอนั้นคล้ายกับภรรยาของเขาที่ดินแดนแห่งนิรันด์เป็นอย่างมากและก็เป็นผู้ที่ทรยศต่อเขา

เขามีเหตุผล เขาไม่ได้เกลียดเธอ

แต่อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นความรู้สึกระหว่างความรักกับหญิงชาย

ถังซิ่วเอียงคอของเขาและพยายามที่จะโยนความคิดที่ซับซ้อนเหล่านั้นออกจากใจของเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่เบอร์ที่ไม่คุ้นเคย2หมายเลขและโทรออกไป ไม่นานหลังจากนั้นเสียงของโอหยางลูลู่ก็ดังออกมา

“นายใช่ถังซิ่วไหม?”

ถังซิ่วกรอกตาไปมาและพูดแบบกวนๆว่า

“ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเธอคิดว่ามันคืออะไร? เธอเป็นคนที่โทรมาหาเบอร์นี้และเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครที่กำลังโทรหางั้นหรอ? ”

โอหยางลูลู่ตอบด้วยความโกรธว่า

“ใครบอกว่าฉันไม่รู้จักเบอร์ของนายกัน ?ถังซิ่ว ไอ้คนบ้า นายมาทำตัวตามสบายที่บ้านของฉัน กินอาหารที่บ้านของฉัน หลังจากเสร็จแล้วก็ย้ายก้นของตัวเองหนีไปโดยไม่คิดจะบอกลาเจ้าของบ้านบ้างหรือไง ! นี่นายยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า ?”

ใครเป็นเพื่อนกับเธอ?!

ประโยคนี้เกือบจะระเบิดออกมาจากปากของถังซิ่วแต่แล้วเขาก็คิดว่าคำพูดของเธอนั้นดูสมเหตุสมผล เขาให้มู่ขวินปิงและกู่หยินไปอยู่กินที่บ้านของโอหยางลูลู่แบบไม่เสียเงิน อย่างน้อยก็น่าจะบอกลาเจ้าของบ้านนิดนึง แต่ใครใช้ให้เธอนอนหลับเป็นหมูตายจนถึงช่วงเที่ยงวันกันหละ?

เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“เธอโทรมาเพราะเหตุผลแค่นี้ใช่ไหม?ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอย่างอื่นแล้วละก็ฉันจะวางสายแล้วนะ ฉันยังคงมีสายที่ไม่ได้รับมากมายและข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ”

โอหยางลูลู่รีบตะโกนออกมาทันทีว่า

“ใครบอกว่าฉันไม่มีเรื่องอะไรหละ? ฉันเองก็มีเรื่องมากเช่นกัน! ฉันเพิ่งเตรียมตัวที่จะไปยังเมืองสตาร์ซิตี้ นายอาศัยอยู่ในเมืองนั้นแล้วคงจะไม่เป็ฯอะไรใช่ไหมที่จะเป็นไกด์ให้ฉัน? ”

“เธอจะมาที่นี่งั้นหรอ?”

ถังซิ่วอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจพร้อมพูดต่อว่า

“เธอไม่ได้อยู่ที่เกาะจิงเหมินเพื่ออบริหารพาราไดซ์คลับงั้นหรอ? แล้วอะไรที่ทำให้เธอต้องมาที่เมืองนี้หละ? ”

โอหยางลูลู่ได้ตอบกลับทันทีว่า

“เมื่อเร็วๆนี้เพื่อนสองคนของฉันชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจในเมืองสตาร์ซิตี้ ดังนั้นฉันจึงจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อสำรวจและพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ”

ถังซิ่วพูดต่อว่า

“มาถึงแล้วก็โทรมาแล้วกัน!”

หลังจากที่พูดจบนั้นเขาก็ได้ตัดสายทันที

เกี่ยวกับโอหยางลูลู่นั้นเขารู้สึกไม่ค่อยดีกับเธอเพราะว่า บางครั้งเธอก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีบางครั้งก็ดูเหมือนจะอารมณ์ร้ายและบางครั้งเธอก็อ่อนโยนและนุ่มนวล ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเธอจะเอาอย่างไรกันแน่

ถังซิ่วมองไปยังหมายเลขสุดท้ายแล้วโทรออก

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาถูกส่งผ่านมาทางโทรศัพท์

“ถังซิ่ว?”

คิ้วของถังซิ่วเหี่ยวย่นทันที เขารู้สึกว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคยแต่เขาก็ไม่สามารถคิดออกได้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร หลังจากเงียบไปชั่วครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า

“ใช่ ฉันเอง!”

“เมื่อคุณมีเวลา ฉันหวังว่าคุณจะมาเยี่ยมห้องอาหารร้อยงานฉลองของเรา!”

เสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากทางโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง

ร้อยงานฉลอง?

ใบหน้าของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า

“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา ฉันได้ออกจากเกาะจิงเหมินมาแล้ว ”

“คุณอยู่ที่ไหน? ฉันอยากคุยกับคุณ!”

“คุณต้องการพูดอะไร?”

“เจอแล้วฉันจะบอก!”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ตอนนี้ฉันอยู่ในเมืองสตารฺซิตี้แล้ว ถ้าคุณต้องการพูดคุยก็มาที่นี่!และอย่าปิดบังหรือซ่อนอะไรอีกเมื่อพูดคุยกับฉันในภายหลัง ฉันไม่ได้พยายามเข้าใกล้คุณ ฉันต้องการรู้เพียงแค่ที่มาของค่ายกลเท่านั้น ตอนนี้ฉันจะบอกคุณก็ได้ว่าค่ายกลเหล่านั้นฉันเป็นคนที่คิดค้นมันขึ้นมาและฉันได้สอนมันให้กับคนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นตลอดชีวิตของฉัน คนๆนั้นเป็นลูกศิษย์ของฉันและฉันสงสัยเป็นอย่างมากว่าทำไมค่ายกลพันโคจรนั่นถึงได้ไปปรากฏอยู่ที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองของคุณ?

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”

เสียงที่ตกใจของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ดังออกมาทางโทรศัพท์

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“หูคุณไม่ได้ฝาดไปหรอก ค่ายกลพันโคจรนั้นฉันเป็นคนที่คิดค้นมันขึ้นมาและไม่เพียงแค่นั้น ค่ายกลฮวงจุ้ยน้ำปิดกั้นมังกรนั่นฉันเองก็เป็นคนคิดค้นเช่นเดียวกัน คุณไตร่ตรองมันให้ดีๆ แล้วถ้าคุณต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็อย่าได้ปิดบังอะไรอีก ฉันจะรอคุณอยู่ที่เมืองนี้แต่ถ้าคุณไม่สามารถบอกความจริงทั้งหมดได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องมา ”

“เป็นคุณนั้นเอง!”

กู่เสี่ยวเสวี่ยในตอนนี้นั้นราวกับว่าเธอไม่ได้ยินคำพูดที่เหลือของถังซิ่ว เสียงของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมากและตะโกนออกมาอีกครั้ง

ถังซิ่วขมวดคิ้วแล้วถามออกมาว่า

“เป็นฉันอะไร?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พูดตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า

“คนที่อาจารย์ของฉันกำลังค้นหาอยู่เสมอ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ปรากฏตัวมาถึงสิบปี แต่มันไม่ผิดแน่นอน!ถังซิ่ว รอฉันอยู่ที่เมืองนั้นแล้วฉันจะรีบไปทันที! ”

“เสียงดังสนั่น… ”

เสียงที่ได้ยินจากโทรศัพท์นั้นทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยในหัวใจของถังซิ่ว กู่เสี่ยวเสวี่ยได้บอกว่าอาจารย์ของเธอกำลังค้นหาเขา ความหมายของสิ่งนี้คืออะไร?

ใครเป็นอาจารย์ของเธอ?

อาจารย์ของเธอเกี่ยวข้องยังไงกับลูกศิษย์ของเขา?

ทันใดนั้นถังซิ่วก็หวังว่ากู่เสี่ยวเสวี่ยจะรีบมาถึงที่นี่และบางทีปริศนาในหัวใจของเขาก็จะสามารถทำให้มันกระจ่างได้

หลังจากผ่านนาน …

หลังจากที่ได้เก็บความคิดนี้ไว้ ถังซิ่วก็ได้โทรไปหาหลงเซ้งหยูเพื่อบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องของไทหลง ด้วยความช่วยเหลือของหลงเซ้งหยูนั้นทำให้เขาไม่กลัวเลยว่าไทหลงจะเล่นตุกติกแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องของตระกูลหลงแต่เนื่องจากพวกเขาได้รับความนับถือและได้รับการยกย่องจากคนจำนวนมากนั่นหมายความว่าเรื่องราวภายในของพวกเขานั้นต้องลึกมาก

“ก๊อกก๊อก…”

ประตูของเขาถูกเคาะและเป็นกู่หยินที่วิ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วด้วยการแสดงออกยิ้มแย้ม

ถังซิ่วหันไปรอบๆขณะที่เขามองไปที่กู่หยินแล้วลูบหัวเธอเบาๆ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า

“การฝึกของเจ้าในช่วงนี้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? สามารถรับรู้ได้ถึงพลังฉีมากขึ้นแล้วหรือยัง ? ”

กู่หยินดึงมือของถังซิ่วไปมาขณะที่เธอพูดพร้อมหัวเราะคิกคักว่า

“ท่านอาจารย์,หยินหยินไม่เพียงแต่รู้สึกถึงการไหลเวียนของพลังงานได้ดีขึ้น แต่ตอนนี้ก็สามารถควบคุมการไหลของฉีได้แล้ว! หนูปฏิบัติตามวิธีการบ่มเพาะที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดให้ ตอนนี้หนูควบคุมการไหลของพลังงานภายในได้แล้ว ถึงแม้ว่าความเร็วจะช้ามากแต่ในปัจจุบันนั้น ในหนึ่งวันหยินหยินสามารถโคจรพลังได้รอบตัวถึงสองสามรอบ ”

“เร็วขนาดนั้นเลยหรอ?”

ถังซิ่วตกใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะรู้ว่ากู่หยินนั้นมีกายศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์น้ำแข็งซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมากสำหรับผู้บ่มเพาะพลัง มันเป็นอะไรที่สามารถพบได้เพียงหนึ่งในหลายร้อยล้านคนแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นอะไรที่ต่อต้านสวรรค์ถึงเพียงนี้! ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วัน? แต่เธอสามารถควบคุมการไหลของพลังฉีในเส้นพลังได้แล้ว?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหญิงสาวคนนั้นที่มีกายศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์น้ำแข็งถึงได้สามารถสยบนิรันด์ทั้งหมดให้อยู่แทบเท้าของเธอได้และทำสิ่งที่นิรันด์กว่าหลายพันล้านคนไม่สามารถทำได้ นั่นคือการก้าวเขาไปในเขตแดนแห่งแห่งพระเจ้า