9/10

Ep.1153

ซูเฉินเรียก [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] และ[ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ออกมา ปล่อยให้พวกมันไล่สังหาร อสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าที่เหลือ

เมื่อจัดการปัญหาทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาถึงค่อยละสายตากลับมายังกู่ป้าเทียน กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “โดนกระบวนท่าสังหารของฉันสองครั้งติดแล้วยังไม่ตาย แกถือเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งกร่งที่สุดที่ฉันเคยเจอมา! และเพื่อเป็นการให้เกียรติในเรื่องนี้ ฉันจะใช้กระบวนท่าสังหารที่สามกับแก!”

“ซูเฉิน ให้โอกาสข้าเถอะ” กู่ป้าเทียนเปล่งเสียงอู้อี้ แม้จะมีชีวิตมานานนมแล้วก็ตาม แต่เขายังไม่อยากตาย

ยังไงก็ตาม ตอนนี้ชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่คิดต่อต้านซูเฉิน  เวลานี้ต่อให้เป็นขอบเขตเทพเจ้าหนึ่งดาราก็สามารถฆ่าเขาได้

หากต้องการรอดชีวิต ทำได้เพียงอ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉินเท่านั้น

ซูเฉินส่งเสียงฮึในลำคอ ขยับเท้าเข้ามาเบื้องหน้ากู่ป้าเทียน ร่วมมือกับจิตจำลองเปิดใช้งาน [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน]

ในพริบตา ภูติเงาทั้ง 20 ตน และซูเฉินอีก 2 คนปิดล้อมรอบกู่ป้าเทียน

วินาทีถัดไป พวกเขาต่างงัดลูกเล่นที่ไม่เหมือนกัน ระดมโจมตีลงบนเป้าหมายเดียว

บังเกิดเสียงบรึ้มมมมมม! ดังกึกก้อง

กู่ป้าเทียนถูกระเบิดร่างแหลกเป็นผุยผง!

นับแต่นี้ไป กู่ป้าเทียนผู้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งสี่เขตแดน ได้กลายเป็นเพียงหน้าประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์

เหม่อมองอวกาศโดยรอบ และพบว่ามีชิ้นส่วนดรอปนับล้านชิ้น มุมปากของซูเฉินยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

เขารวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมด และพบว่ามีมากถึง 1.8 ล้านชิ้น หากทุกชิ้นถูกแปลงเป็นแต้มพลังงาน เขาจะสามารถซื้อ [คุณสมบัติเลเวล 23 อย่างเต็มรูปแบบ] ได้พอดี

แม้กำลังรบในปัจจุบันของเขา แค่เท่านี้ก็ง่ายต่อการสังหารคังซ่งห่าวและศัตรูคนอื่นๆแล้ว แต่เขาอยากเอาสะใจว่า ฉะนั้นจัดแจงซื้อมัน ยกระดับไปอีกขั้นทันที!

“ท่านผู้นำตายแล้ว!”

หลังจากเหล่าอสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าเห็นว่ากู่ป้าเทียนถูกฆ่า พวกมันก็ไม่เหลือกะจิตกะใจจะสู้อีกต่อไป หมุนตัวหันหลังหนีกลับไปยังอุโมงค์ผ่านเขตแดน

[ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] และ [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] ไม่สามารถสกัดพวกมันเอาไว้ได้ทั้งหมด

คังซ่งห่าวเองก็ไม่อยากสู้ต่อเช่นกัน เมื่อกู่ป้าเทียนจบชีวิต เป้าหมายต่อไปของ ซูเฉิน ย่อมเป็นเขา หากไม่หนี เกรงว่าคงต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่

ยังไงก็ตาม เวลานี้เขาถูก [รถศึกอัจฉริยะ] เข้าพัวพันกัดไม่ยอมปล่อย ยังไม่สามารถหนีไปเหมือนคนอื่นๆได้

อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมอง พร้อมเปิดใช้งาน [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] อย่างรวดเร็ว ล็อคเป้าพวกอสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าตัวที่เล็ดลอดจากสนามรบและกำลังหลบหนีในระยะไกล ระเบิดสายฟ้าฟาดพวกมันทันที ขณะเดียวกันยกแขนขึ้นและชก [หมัดดาวตก] โจมตีพวกที่อยู่ระยะใกล้

เมื่อระดับฐานฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้น วิชาและทักษะต่างๆก็มีพลังทำลายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ภายใต้เสียงกรีดร้องคร่ำครวญอันน่าเวทนา เหล่าอสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าทั้งหมดถูกสังหารโดยไร้เรี่ยวแรงใดๆจะต่อต้าน

“ซูเฉินยกระดับแล้ว!”

หวูซางและคนอื่นๆตื่นตะลึง

ต่อให้ซูเฉินไม่ยกระดับ มันก็มากพอแล้วที่จะบดขยี้ศัตรูทั้งหมด หลังจากที่ยกระดับ ในที่นี้จะมีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้อีก?

คังซ่งห่าว เมื่อพบว่าซูเฉินยกระดับ ยิ่งหวาดกลัวอกแทบแตกตาย

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ

เจ้าตัวกัดฟันแน่น แสงสีขาวสว่างวาบบนดาบผ่าจันทราท สะบั้นมันออกไป

พลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงถูกปลดปล่อยออกมา ด้วยการโจมตีในครั้งนี้เพียงดาบเดียว ส่ง [รถศึกอัจฉริยะ] หงายท้อง ปลิวกระเด็นออกไป

จากนั้น เขาไม่ลังเลเลยสักนิด หมุนตัวพุ่งไปยังอุโมงค์ผ่านเขตแดน

ทว่ายังบินไปได้ไม่ไกล ภาพตรงหน้าเขาพลันพร่ามัว

เห็นแค่เพียงร่างหนึ่งยืนขวางหน้าเขา

เป็นซูเฉิน!

“ซูเฉิน เจ้าอยากตายไปพร้อมกับข้าจริงๆน่ะหรือ?” คังซ่งห่าว ข่มความหวาดกลัวในใจเขา คำรามด้วยความโกรธ

“คิดว่าแค่พลังแห่งศรัทธาของแก จะทำอะไรฉันได้?” ซูเฉินเยาะหยัน

เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าแสงสีขาวที่ปกคลุมใบดาบผ่าจันทรา มันคือพลังแห่งศรัทธา อีกทั้งยังเป็นพลังแห่งศรัทธาจำนวนมหาศาล

การที่มันสามารถโจมตี [รถศึกอัจฉริยะ] จนตัวปลิวได้ในคราเดียว บ่งบอกชัดถึงปริมาณพลังแห่งศรัทธาที่มี

10/10

Ep.1154

อย่างไรก็ตาม พลังแห่งศรัทธามีผลแค่กับคนอื่นเท่านั้น สำหรับซูเฉินแล้ว มันไม่นับเป็นสิ่งใดเลย

เพราะเขามี [เมืองแห่งศรัทธา] ซึ่งเป็นดาวข่มของพลังแห่งศรัทธาทั้งหมดทั้งมวล

ไม่ว่าศัตรูจะมีพลังแห่งศัรทธามหาศาลเเพียงใด มันสามารถดูดซับได้ทั้งหมด!

“ในเมื่อเจ้าว่านี่คือพลังแห่งศรัทธา แล้วทำไมถึงกล้ามาขวางทางอีก?” คังซ่งห่าวพ่นลมหายใจเย็นชา ขณะเดียวกันเร่งถ่ายโอนพลังแห่งศรัทธาออกมา

ในคราเดียว แสงสีขาวบนใบดาบผ่าจันทราทะลักล้น เริ่มเกาะกลุ่มกันจากตอนแรกเป็นชั้นบางๆ เวลานี้แข็งตัวจนสามารถจับต้องได้จริง

มันทอประกายระยับ และปลดปล่อยคลื่นความผันผวนอันน่าสะพรึงออกมา

ยังจำได้หรือไม่ ว่าพลังแห่งศรัทธาไม่เพียงสามารถใช้ในการโจมตีได้เท่านั้น แต่ยังนำไปใช้พัฒนา ยกระดับตนเองให้เลื่อนขั้นได้อีกด้วย

และพลังแห่งศรัทธาของคังซ่งห่าวมันคือพลังที่รวบรวมมาเป็นเวลากว่าหมื่นปีแล้ว

ส่วนเหตุผลที่เขาไม่งัดมันออกมาใช้จนถึงตอนนี้ เป็นเพราะพลังแห่งศรัทธาคือสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เขายกระดับสู่ขอบเขตเทพเจ้าสี่ดารา ด้วยพรสวรรค์ของเขา การสามารถก้าวขึ้นสู่ขอบเขตเทพเจ้าสามดาราถือเป็นขีดจำกัดแล้ว

ฉะนั้น หากเจ้าตัวอยากต้องการก้าวสู่สี่ดารา ต้องอาศัยพลังแห่งศรัทธาเท่านั้นจึงจะเป็นไปได้ เมื่อเป็นแบบนี้ แล้วเขาจะเต็มใจงัดมันออกมาใช้ตั้งแต่แรกได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์วิกฤต เขาทําได้เพียงปลดปล่อยพลังแห่งศรัทธาออกมาเท่านั้น และเขาก็เชื่อ ว่าด้วยไพ่ตายพลังแห่งศรัทธานี้ ซูเฉินต้องหวาดกลัวเขาอย่างน้อยสามส่วนแน่นอน

“คิดได้แค่นี้ แกมันซื่อบื้อจริงๆ” ซูเฉินส่ายหัว ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นเรียก  [เมืองแห่งศรัทธา] ออกมา

ในพริบตา แรงดูดอันบ้าคลั่งถึงขีดสุด พุ่งตรงไปยังทิศทางใบดาบของดาบผ่าจันทรา

เห็นแค่เพียงพลังแห่งศรัทธาบนใบดาบ มีสภาพไม่ต่างจากน้ำที่ถูกวาฬใหญ่สูบกลืน  หลั่งไหลเข้ามาใน [เมืองแห่งศรัทธา]

“พลังแห่งศรัทธาของข้า … ”

คังซ่งห่าว เฝ้ามองพลังแห่งศรัทธาที่ใช้เวลาสะสมมานับหมื่นปีด้วยอาการเหม่อลอย

เห็นพวกมันถูกสูบไปจนสิ้น หัวใจเขาคล้ายถูกกรีดเป็นเลือด

สูญเสียพลังแห่งศรัทธา เท่ากับไม่เพียงดับฝันเส้นทางสู่ขอบเขตเทพเจ้าสี่ดารา แต่ยังหมายถึงการพ่ายแพ้ต่อซูเฉิน

“ซูเฉิน! ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”

เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีทางรอด หัวใจของคังซ่งห่าวเต้นแรง กุมดาบผ่าจันทราในมือ สับฟันลงเหนือหัวซูเฉิน

“มดปลวกก็ยังเป็นแค่มดปลวกอยู่วันยังค่ำ”

ซูเฉินเยาะเย้ย กำหมัดชกออกไป

บังเกิดเสียงกึ้งงงง! ดังกึกก้อง

ดาบผ่าจันทรถูกชกกระเด็นในหมัดเดียว ส่วนคังซ่งห่าวโดนผลพวงจากแรงปะทะ ร่างระเบิดแหลกเป็นเศษขยะ

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” จางเฉินคุนและคนอื่นตกตะลึง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความตื่นเต้น

เพราะเมื่อคังซ่งห่าวถูกฆ่าตาย ก็เท่ากับว่าศึกนี้ได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์

เขตแดนเจินหวน ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่!

แน่นอน ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากความแข็งแกร่งของซูเฉิน

สำหรับคนที่เหลือ ตั้งแต่ต้นตนจบเป็นได้เพียงเครื่องปรุงรสเพื่อชูอาหารจานหลักเช่นซูเฉินเท่านั้น

ซูเฉินเก็บชิ้นส่วน หันกลับไปหาหวูซางและคนอื่นๆ

จากนั้น เขาสั่งให้ [รถศึกอัจฉริยะ] แปลงร่างเป็นยานอวกาศ เชื้อเชิญทุกคนเข้าไปพูดคุยกันข้างใน

“ซูเฉิน พวกเราจะเอายังไงต่อ?” หวูซางถาม

กู่ป้าเทียนและพรรคพวกได้พินาศลงแล้ว นับแต่นี้ไป เขตแดนเจินหวนถือว่าปลอดภัยไร้อันตราย

หากซูเฉินไม่มีเรื่องอื่น หวูซางก็ว่าจะขอตัวออกจากเขตแดนเจินหวน เดินทางท่องไปในจักรวาลอันไกลโพ้น

“ขั้นต่อไปคือกำจัดสัตว์ร้ายมิติ” ดวงตาของซูเฉินทอประกายเย็นวาบ

“โอ้”

หวูซางพยักหน้าว่าเข้าใจ

เนื่องจากสัตว์ร้ายมิติและนักพรตเทียนซ่านได้สมคบคิดกัน เปิดอุโมงค์ผ่านเขตแดนสู่ดินแดนศัตรู เกือบชักนำภัยพิบัติมาสู่เขตแดนเจินหวน

ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน สมควรแล้วที่เขาคิดจะกวาดล้างพวกมัน

“ซูเฉิน ข้าตั้งใจจะออกจากเขตแดนเจินหวน ” หวูซางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

พวกสัตว์ร้ายมิติไม่ต่างจากมดในสายตาซูเฉิน ต่อให้เขาอยู่ต่อ ก็คงแทบไม่ต้องทำอะไรอยู่ดี

“ผู้อาวุโสจะจากไปแล้วหรือ?” ซูเฉินขมวดคิ้ว แต่ไม่นาน เขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ ว่าหวูซางเคยบอกเรื่องนี้กับเขามาตั้งนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากต้องแยกทางกับหวูซางจริงๆ ซูเฉินยังรู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง หลังจากลองไตร่ตรองดู เขาก็พูดว่า “ผู้อาวุโส ผมอยากให้ท่านอดใจรออีกซักพัก รอจนกว่าผมจะกวาดล้างสัตว์ร้ายมิติทั้งหมด ฟื้นฟูความสงบในเขตแดนเจินหวน ให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วค่อยเดินทางพร้อมกันเถอะ”

จักรวาลอันกว้างใหญ่นั้นเต็มไปด้วยสีสัน เอาจริงๆเขาเองก็อยากจะออกไปเที่ยวสนุก เปิดหูเปิดตาด้วยเหมือนกัน

“ตกลง ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก” หวูซางกล่าวด้วยความปิติยินดี

กำลังรบของซูเฉินแข็งแกร่งมาก หากได้ซูเฉินร่วมเดินทาง นั่นเท่ากับรับรองความปลอดภัยได้มากขึ้น หวูซางต้องรับปากแน่นอนอยู่แล้ว

ได้รับคำตอบจากหวูซาง ซูเฉินหันไปมองจางเฉินคุน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หัวหน้าเผ่าจาง ถ้าไม่ติดธุระอะไร ขอท่านอยู่ต่อที่นี่อีกซักสองสามวันเถอะ ”

“ไม่มีปัญหา” จางเฉินคุน ตอบอย่างเบิกบานใจ

กู่ป้าเทียนและคังซ่งห่าวได้ถูกำจัดแล้ว เขตแดนมู่กวงของพวกเขาไม่ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป เพียงแค่ส่งคนกลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในแก่ชาวเผ่าก็พอ

หลังจากนั้น ซูเฉินเปิด [มิติสันโดษ] เรียกทุกคนออกมา และบอกให้พวกเขาทำแค่สิ่งเดียว นั่นคือ กินดื่ม มารื่นเริงกัน!

สิบวันต่อมา

จางเฉินคุนขอแยกตัวออกกลับไปยังเผ่า

ก่อนเขาจากไป ซูเฉินได้มอบเมล็ดพืชมากมายแก่เขา พร้อมแจ้งคุณสมบัติของพวกมัน เรื่องนี้ทำให้จางเฉินคุนตื่นเต้นมาก

หลังจากส่งจางเฉินคุน  ซูเฉินจัดกำลังคนออกล้างบางสัตว์ร้ายมิติ

หนึ่งปีต่อมา เผ่าพันธุ์สัตว์ร้ายมิติถูกกวาดล้างอย่างเด็ดขาด ไม่เหลือแม้สักชีวิตเดียว

และวังสุริยันจันทราก็ได้ถูกสถาปนาขึ้นใหม่ในเวลานี้เช่นกัน

สิบปีต่อมา

วังสุริยันจันทรากลายเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หรืออาจเรียกได้เลยว่าเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งในเขตแดนเจินหวน

บรรพชนจ้านเทียนและจ้านตี้ทั้งสองท่านได้ตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าตามลำดับ

พวกตระกูลฉีและตระกูลซางที่มีความสัมพันธ์อันดีกับซูเฉินได้รับผลประโยชน์มหาศาล พวกเขากลายเป็นขุมกำลังใหญ่ในอันดับสองและสาม

ฉีชิงเฉวียนได้รับความช่วยเหลือจากซูเฉิน สามารถตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าสมดังปรารถนา

หลังจากนั้น ซูเฉินใช้เวลาอีกสามปี เดินทางท่องไปทั่วทุกหนแห่งบนทวีปแผ่นดินใหญ่ของเผ่ามนุษย์

และใช้เวลาอีกหนึ่งปีเต็มบนเกาะเฉียนหยูเพียงลำพัง

ต่อมา เขาได้กล่าวคำอำลากับทุกคนที่รู้จัก แล้วพาพรรคพวกที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันขึ้น [รถศึกอัจฉริยะ] ข้ามมิติออกจากเขตแดนเจินหวน ล่องลอยสู่จักรวาลอันเวิ้งว้าง–

–มุ่งหน้าสู่การเดินทางครั้งใหม่!

———*****จบบริบูรณ์*****———

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ร่วมเดินทางกันมา ถ้าไม่รบกวนมากเกินไป ฝากกด like page : นิยาย By Muntra เพื่อให้กำลังใจกันด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านครับ

ปล. ฝากนิยายใหม่ (ที่ใกล้จบแล้วเช่นกันของผมด้วยครับ) : เหนือฟ้าใต้พิภพ