GOS ตอนที่ 154 – การปรากฏตัวของเหล่าพลเรือโท

 

ณ ดินแดนศักดิ์แมรี่จัวส์

 

“ร้อยอสูรไคโด ชายคนนี้ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริงๆ”

 

“ทางด้านเซนโงคุเตรียมการพร้อมแล้วรึยัง? มีโอกาสชนะมากแค่ไหน?”

 

“ฉันไม่อนุญาติให้พ่ายแพ้! ต้องชนะเท่านั้น ไม่ว่าจะสูญเสียไปเท่าไหร่ก็ตาม!”

 

แม้แต่ห้าผู้คุมกฏก็ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิวเวิลด์ ร้อยอสูรไคโดนั้นเป็นตัวตนที่สร้างความปวดหัวให้กับพวกเขามากที่สุด มากเสียยิ่งกว่าหนวดขาว หรือแชงคูสผมแดงเสียอีก

 

“ถ้าเรียก7เทพโจรสลัดมาช่วย โอกาสชนะน่าจะเพิ่มสูงขึ้น”

 

“สายเกินไป ระบบ7เทพโจรสลัดพึ่งเริ่มก่อตั้งได้ไม่นาน แม้ว่าจะบังคับพวกเขาให้มาร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ได้ แต่ฉันก็เกรงว่ามันคงสายเกินไปอยู่ดี”

 

5ผู้คุมกฏกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

เวลานี้

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ส่งหน่วย CP ไปสนับสนุนกองทัพเรือ แต่พวกเขาก็แอบช่วยเหลืออย่างลับๆมากมาย เช่นการควบคุมความคิดเห็นของผู้คนทั่วทั้งโลก ที่อาจก่อให้เกิดแรงกดดันต่อกองทัพเรือ และป้องกันไม่ให้มีกลุ่มกองกำลังใดๆเข้าแทรกแซงสงคราม หรือแม้แต่ช่วยสนับสนุนโดยการส่งเรือขนส่งออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้กองทัพเรือใช้สอย ฯลฯ

 

 

หลังจากที่กองเรือของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ทำลายฐานสาขา G-9 8 7 ลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเพียงฐานทัพอันว่างเปล่า กองเรือของพวกเขาก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้ามายังฐานสาขา G-6

 

ในเวลานี้ ภายในฐานทัพสาขาG-6 กองทัพเรือได้ทำการติดตั้งปืนใหญ่ขนาดยักษ์และสร้างบังเกอร์ รวมไปถึงสิ่งจำเป็นอื่นๆจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ทหารเรือที่ยศต่ำกว่าพลเรือตรีล้วนถูกส่งมาประจำตำแหน่งตรงบริเวณท่าเรือ ซึ่งเป็นจตุรัสขนาดใหญ่เพื่อเตรียมรอกวาดล้างในสงครามที่กำลังจะมาถึง

 

ส่วนยศพลเรือโทขึ้นไป พวกเขายังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้

 

ยศพลเรือโททั้งหมดต่างกำลังนั่งพักผ่อนและรับประทานอาหารกันอยู่ เพื่อเตรียมร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ในการสงครามเต็มรูปแบบที่กำลังจะมาถึง!

 

หลังจากที่กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรทำลายฐานสาขาG-7 ทางกองทัพก็ไม่ได้รับรายงานใดๆอีกเลย ทำให้ในเวลานี้ไม่มีใครรู้ว่าพวกกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรได้มาถึงไหนแล้ว

 

เรือสอดแนมที่ทางกองทัพได้ส่งออกไปเพื่อสังเกตุการณ์ท่าทีของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ได้ถูกพวกมันค้นพบและถูกทำลายลงในที่สุด

 

ขนาดกองทัพเรือจะไม่สามารถระบุตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรได้ กองกำลังอื่นๆในโลกยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ดังนั้นเหล่ากองกำลังต่างๆจึงพากันจับจ้องมายังฐานสาขาG-6

 

เพราะในกรณีนี้ เห็นได้ชัดว่าที่นี่คือสนามรบหลัก

 

เพียงแค่เฝ้าดู ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

เนื่องจากนี่ไม่ใช่สงครามทั่วๆไป แต่เป็นสงครามระหว่างกองกำลังหลักของกองทัพเรือกับกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรของสี่จักรพรรดิ จึงไม่มีการถ่ายทอดสดออกไปให้ทั่วทั้งโลกได้ชมดู

 

ถึงกระนั้น เหล่ากองกำลังมากมายทั่วทั้งโลกก็ยังคงเฝ้าจับตามองไปยังฐานสาขาG-6 ผ่านเครือข่ายของตัวเอง อย่างเช่นสายลับที่แฝงตัวเข้าไปในกองทัพเรือ เป็นต้น

 

ถ้าร้อยอสูรไคโดบุกโจมตีศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดโดยตรง ทางฝั่งกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรแทบจะไม่มีโอกาสเอาชนะกองทัพเรือได้เลย แต่ร้อยอสูรไคโดได้บีบบังคับให้กองทัพเรือต้องนำกองกำลังของพวกเขาเกือบทั้งหมดมายังนิวเวิลด์  ทำให้ผลลัพธ์ของสงครามในครั้งนี้ ยากที่จะตัดสิน

 

ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

 

เหล่าคนธรรมดาในโลกวันพีช แม้พวกเขาจะไม่ได้มีพลังหรือรู้ข่าวสารอะไรมากมาย แต่พวกเขาก็ยังรู้ว่ากลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรกำลังจะก่อสงครามกับกองทัพเรือ ทำให้ทุกคนต่างตกอยู่ในความตึงเครียดและกระวนกระวาย ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันอฐิษฐานขอให้ ‘ความยุติธรรม’ เอาชนะศึกในครั้งนี้

 

ถ้าหากกองทัพเรือพ่ายแพ้ โลกทั้งใบจะตกลงสู่ความวุ่นวายโดยสมบูรณ์!

 

 

ในขณะนี้ ฐานสาขาG-6

 

ทหารเรือชั้นยอดกว่า 40000 คนต่างมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสงครามที่กำลังจะอุบัติขึ้น

 

ทุกคนในโลกวันพีชนั้นมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน ขณะที่เหล่าผู้คนธรรมดาต่างตกอยู่ในความตึงเครียดและกระวนกระวาย ทางด้านทหารเรือส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างที่จะรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่โหดร้ายและทำให้คนทั้งโลกตกอยู่ในความหวาดกลัว — หนึ่งในสี่จักรพรรดิ ร้อยอสูรไคโด!

 

“ดูนั่นสิ พลเรือโทออกมาแล้ว”

 

ในช่วงเวลาที่บรรยากาศกำลังเต็มไปด้วยความกดดัน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมา แต่มันก็ทำให้เหล่าทหารเรือชั้นยอดกว่า 40000 คนภายในจตุรัส เหลียวหลังกลับไปมอง

 

แล้วก็เห็น

 

เสื้อคลุมของพลเรือโทจากศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดที่กำลังโบกสะบัด ท่าทีของแต่ละคนเผยให้เห็นถึงความโดดเด่น และกำลังเดินมาจากด้านหลัง เหล่าพลเรือโทที่กำลังเดินมายังจตุรัส แม้จะไม่ได้โด่งดังมากมายในนิวเวิลด์ แต่พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นกระดูกสันหลังอันแข็งแกร่งของกองทัพเรืออย่างแน่นอน

 

การปรากฏตัวของพวกเขา พร้อมกับแรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมา ทำให้บรรยากาศกดดันภายในจตุรัสเบาบางลงไปมาก สีหน้าของเหล่าทหารเรือจำนวนมากต่างเผยให้เห็นถึงความเคารพ เมื่อจ้องมองไปยังเหล่าพลเรือโท

 

“นั่นพลเรือโทโมมอนก้า กับพลเรือโทยามาคาจิ … ”

 

พลเรือโทจำนวนมาก ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในบรรดาผู้บังคับบัญชาชั้นนำของกองทัพเรือ ที่ยังคงดำรงอยู่ในปัจจุบันนี้ เหล่าทหารเรือเมื่อเห็นเหล่าผู้บังคับบัญชาระดับสูง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความเคารพและเริ่มกล่าวพูดคุยกัน

 

หนึ่งในพลเรือโทเหล่านั้น ร่างของโรจาไม่ได้โดดเด่นสะดุดตา แต่การปรากฏตัวของโรจา ก็ทำให้สายตาจำนวนมากพากันจ้องมองไปยังเขา

 

“นั่นพลเรือโทโรจา! เขาก็มาร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วย!”

 

“มีเขาเพิ่มเข้ามาอีกคน ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ”

 

ทหารเรือบางส่วนนั้นรู้จักโรจา เมื่อพวกเขาเห็นร่างของโรจา จึงอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเคารพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารเรือที่เคยไปทำภารกิจสังเกตุการณ์กับโรจา และได้เห็นโรจาต่อสู้ด้วยสายตาตัวเองมาแล้ว พวกเขาต่างจ้องมองโรจาด้วยความชื่นชม

 

ส่วนทหารเรือที่ไม่รู้จักโรจา แม้พวกเขาจะไม่เคยได้เห็นโรจามาก่อน แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของโรจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เขาเป็นคนจุดชนวนสงครามในครั้งนี้ จึงทำให้ชื่อเสียงของโรจาโด่งดังที่สุดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

 

“นั่นน่ะเหรอ พลเรือโทโรจา ที่รู้จักกันในสมญานาม ดาบภูติ?”

 

“รูปร่างลักษณะและการปรากฏตัวของเขาช่างดูธรรมดา … แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็นของจริง!”

 

แม้จะไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของโรจา แต่ทหารเรือบางส่วนเมื่อได้เห็นโรจาปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกพวกเขาต่างก็รู้สึกเคารพ ขณะเดียวกันก็ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป

 

“แน่นอนว่า พลเรือโทโรจานั้นอาจกล่าวได้เลยว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในตำแหน่งพลเรือโท!”

 

“เจ้าบ้า! พลเรือโทการ์ปต่างหากที่แข็งแกร่งที่สุด!”

 

“ก็คราวนี้พลเรือโทการ์ปดูเหมือนจะไม่ได้มาร่วมสงคราม .. แต่เขาก็เป็นญาติกับพลเรือโทโรจา แกจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเถียงทำไมเนี่ย?”

 

เสียงสนทนาค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ  ทหารเรือหลายคนไม่เพียงพูดถึงแต่เรื่องของโรจา และความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันยังคงกล่าวถึงสถานะของโรจา และการ์ปอีกด้วย

 

การสนทนาในครั้งนี้ทำให้บรรยากาศที่กำลังกดดันเมื่อครู่ค่อยๆจางหายไปจนเกือบหมด

 

ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน เหล่าพลเรือโท รวมไปถึงโรจาได้เดินเข้ามาในจตุรัส ก่อนที่จะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของเหล่าทหารเรือ พร้อมกับเสื้อคลุมที่เบื้องหลังมีคำว่ายุติธรรมกำลังโบกสะบัดไปตามสายลม

 

แม้ว่าโรจาจะเป็นพลเรือโทที่อายุน้อยที่สุด แต่ในเวลานี้ พลเรือโทจากศูนย์ใหญ่ทุกคนต่างก็ยกให้โรจาเป็นหัวหอกของบรรดาเหล่าพลเรือโทในครั้งนี้ โดยจัดให้เขายืนอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง

 

“รู้ตัวอีกที ฉันก็โดนเธอแซงไปได้ซะแล้ว โรจา”

 

พลเรือโทโมมอนก้าที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งในขบวนได้กล่าวขึ้น ขณะที่มือของเขายังคงจับดาบที่อยู่ตรงเอว และถอนหายใจออกมา

 

การที่โรจาสามารถโค่นโดฟลามิงโก้ลงได้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับโมมอนก้า แต่การที่โรจาสามารถโค่นแจ็คซึ่งเป็นหนึ่งในสามภัยพิบัติแห่งกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรได้ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ว่าเขานั้นเหนือกว่าพลเรือโททุกคนที่อยู่ที่นี่

 

“โรจา เธอต้องระมัดระวังตัวให้ดี อย่ารีบร้อนจนเกินไป”

 

พลเรือโทยามาคาจิที่ยืนอยู่ข้างโรจาได้พ่นควันซิการ์ออกจากปากและกล่าวเตือนโรจาด้วยความปรารถนาดี ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดที่เขาต้องการจะสื่อนั้นเหมือนกับอาโอคิยิ เนื่องจากโรจานั้นเป็นคนจุดชนวนสงครามในครั้งนี้ ดังนั้นกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรส่วนใหญ่จะต้องมุ่งเป้ามายังเขา

 

โรจาควรจะอยู่ในขบวนรบที่จัดตั้งขึ้น และควรเน้นไปทางการป้องกันไม่ใช่รีบวิ่งเข้าไปในดงศัตรู ซึ่งเป็นการยากที่จะรับประกันความปลอดภัยของเขาได้

 

“ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะครับ พลเรือโทยามาคาจิ”

 

โรจายิ้มให้ยามาคาจิที่เป็นมิตรต่อเขา ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้

 

ยามาคาจินั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ศิษย์ของเซเฟอร์เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับผลประโยชน์มากมายจากการ์ป ดังนั้นเขาจึงใส่ใจดูแลโรจา … แต่ในเวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากโรจาได้ก้าวข้ามเขาไปเสียแล้ว

 

สำหรับสงครามที่กำลังจะอุบัติขึ้น ยามาคาจิยังคงกังวลว่าโรจาจะถูกเพ่งเล็งโดยกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร

 

หากโรจาตกอยู่ในอันตรายหลังจากที่สงครามได้เริ่มต้นขึ้น ยามาคาจิบอกกับตัวเองว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือโรจา