2/5
Ep.942 – ตั้งชื่อมิติ
‘ทักษะลับกลืนดารา … ทำไมมันถึงถูกเรียกว่ากลืนดารา?’
‘นั่นเพราะทักษะลับกลืนดาราสามารถดูดซับกำลังภายในของผู้อื่น แม้มันจะสามารถดูดซับจิตวิญญาณหรือพลังงานมาได้ด้วยเช่นกันก็ตาม แต่ฉันคิดว่าชื่อเรียกนี้นับว่าถูกต้องแล้ว’
‘คำว่ากลืนดาราของทักษะนี้ อย่าบอกนะว่าหมายถึงแก่นพลังงานในร่างกายมนุษย์?’
‘ทักษะลับกลืนดาราคือเทคนิคสายมาร เป็นวิชาที่สามารถทำให้ผู้คนออกเข่นฆ่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง แต่ผู้ใดกันที่เป็นคนคิดค้นมัน? ฉันครอบครองพลังพิเศษดูดกลืน ดังนั้นเลยสามารถบรรเทาจุดอ่อนของทักษะลับกลืนดาราได้ ทำให้ทักษะนี้ มิใช่สายมารอีกต่อไป’
‘ตอนนี้พอมาลองคิดดูดีๆเกี่ยวกับมัน ทักษะนี้ น่ากลัวว่ากลืนดาราคงไม่พ้นเป็นทักษะกำลังภายในของพันธมิตรองค์กรมืดจริงๆ ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันอาจเป็นทักษะของจ้าวเหนือหัว! มิฉะนั้น มันคงไม่ได้รับการตั้งชื่อว่ากลืนดารา!’
ยิ่งฉินเฟิงขบคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากทักษะลับกลืนดาราสามารถดูดซับกำลังภายในของมนุษย์ และแท้จริงแล้วกำลังภายในของมนุษย์มาจากตันเถียน แต่พอกำลังภายในของฉินเฟิงยกระดับขึ้นสู่เลเวล S ตันเถียนกลับแปรสภาพเป็นดารา ดาราที่ประกอบไปด้วยน้ำแข็ง มองจากจุดนี้ หมายความว่า นับจากนี้หากทักษะลับกลืนดาราดูดซับสิ่งใด ในอนาคตมันอาจสามารถเกิดการวิวัฒ กลายเป็นแกนกลางของพลังงานธาตุนั้นๆใช่หรือไม่?
มองยังไงนี่ก็เป็นทักษะที่ท้าทายเจตจำนงสวรรค์
ฉินเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลย แต่แน่นอน ว่าหลังจากคิดได้แล้ว ฉินเฟิงยังคงปิดปากเงียบ จะไม่ยอมให้ใครรู้ถึงการดำรงอยู่ของทักษะลับกลืนดารา
เจ้าสิ่งนี้ สำหรับพันธมิตรองค์กรมืดแล้ว มันคือทักษะฝึกฝนที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกัน สำหรับพันธมิตรมนุษย์แล้ว มันคือภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง
ฉินเฟิงเชื่อสุดใจ ว่าหากเรื่องนี้หลุดออกไป เพื่อแก้ไขอันตรายที่ซ่อนอยู่ พันธมิตรมนุษย์ย่อมไม่สนใจสมาชิกตัวเล็กๆที่เพิ่งเข้าร่วมอย่างฉินเฟิง ดาหน้าออกมาสังหารเขาแน่นอน
ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในจิตใจ จนยานรบบินมาถึงเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่มีเพียงหมายเลขประจำตัวติดไว้หน้าทางเข้าเท่านั้น ว่าเป็นเมืองหมายเลข 14214
ที่นี่มีวิลล่าว่างเปล่าอยู่มากมาย หูซานเลือกหนึ่งในนั้นเป็นที่พำนักของฉินเฟิง บัตรประจำตัวของฉินเฟิงสามารถเชื่อมต่อกับประตูมิติขนาดเล็กในพื้นที่วิลล่าได้ หมายความว่านับจากนี้ไปเขาจะเลือกข้ามมิติมาที่นี่ หรือเซ็นทรัลซิตี้ก็แล้วแต่ความสะดวก
หลังจากทำเรื่องที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จสิ้น หูซานก็กล่าวจุดประสงค์สุดท้ายของการกระทำในวันนี้
“ฉินเฟิง มิติที่พวกเราไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นมิติที่จ้าวเหนือหัวเพิ่งตายไป ยังไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่น ฉันอยากจะต่อยอดเรื่องนี้ให้เป็นชิ้นเป็นอัน ร่วมมือกันชั่วคราวโดยมีหนานกงซีหมิง , เป่ยถังเฉียน และฉัน คุณสนใจจะร่วมมือกับพวกเราด้วยรึเปล่า?”
หัวใจของฉินเฟิงกระตุกวูบ หากเป็นเรื่องราวของมิติของเทพเจ้า แน่นอนว่าฉินเฟิงต้องอยากมีส่วนร่วมอยู่แล้ว เพราะเขายังต้องการดูดซับแก่นพลังงานของเจ้าเหนือหัว!
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทักษะลับกลืนดาราจะไม่มีความความสามารถนี้ ทว่าอบิลิตี้ติดตัวของเขา พลังพิเศษดูดกลืนกลับมีความสามารถสั่นคลอนดาวเคราะห์อบิลิตี้ได้ ดังนั้นน่าจะสามารถดูดกลืนมันได้ใช่หรือไม่? แต่เดี๋ยวค่อยเอาไว้ทดสอบกันอีกทีในภายหลัง
“ท่านผู้ใหญ่หู ผมยินดีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่ความแข็งแกร่งของผม ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้ไหม”
หูซานหัวเราะฮะฮ่า “ถ้าความแข็งแกร่งของคุณยังไม่พอให้เข้าร่วม ฉันกลัวว่าคนอื่นๆคงไม่สามารถเข้าร่วมได้แล้ว ถ้าไม่มีคุณ พวกเราคงไม่มีทางสามารถสร้างฐานที่นั่นได้”
ไม่นานจากนั้น หูซานก็ส่งข้อความหาเป่ยถังเฉียนกับหนานกงซีหมิง ทั้งสองปรากฏกายขึ้นในวิลล่าของฉินเฟิง
“จอมพลฉิน ขอแสดงความยินดีที่ได้เข้าร่วมพันธมิตรมนุษย์” หนานกงซีหมิงกล่าว
“ขอบคุณครับ” ฉินเฟิงตอบรับ ทั้งสี่นั่งลง หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์หยิบเครื่องดื่มมาวางให้ จากนั้นล่าถอยออกไป ปล่อยให้ทั้งสี่ดื่มด่ำสนทนา
เนื้อหาในบทสนทนา แน่นอนคือเรื่องของการพัฒนามิติที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้
ประการแรกคือมาตรการป้องกัน อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ , การขยับขยายพื้นที่ , การลงทุนด้านกำลังคน ฯลฯ
ในด้านกำลังคน ฉินเฟิงไม่มีสิทธิ์พูด ดังนั้นเขาจึงลงทุนในด้านเงินและเครื่องจักร
ส่วนผลตอบแทนจะเป็นสมบัติที่ได้รับจากมิติแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแร่เส้นชีพจร , สมุนไพรวิญญาณที่พบ และในกรณีที่มรดกของจ้าวเหนือหัวเปิดขึ้นอีกครั้ง ฉินเฟิงจะสามารถได้รับการแจ้งเตือนเช่นกัน
กล่าวโดยสังเขป ถือว่าได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ทั้งสี่เจรจา ตอบตกลงกันอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงได้รับส่วนแบ่ง 30%ของกำไร , หูซานก็ 30% เช่นกัน ส่วนเป่ยถังเฉียนและหนานกงซีหมิงคนละ 20%
นี่เป็นแค่การตัดสินใจชั่วคราวเท่านั้น สำหรับเรื่องที่ว่าจะมีคนอื่นๆเข้าร่วมอีกในภายหลังหรือไม่ เอาไว้ค่อยเปลี่ยนแปลงอีกทีใน 1 ปีหลังจากนี้
“ตอนนี้ พวกเราก็มาตั้งชื่อให้มิติกันเถิด” หูซานกล่าว
หนานกงซีหมิงเสนอความคิด “ฉันเห็นว่าบนเกาะเป็นทุ่งน้ำแข็ง มีสัตว์ร้ายประเภทมังกรอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ฉันจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ในเมื่อมันมีระดับความอันตรายที่สูงมาก ฉะนั้นขอเรียกว่าเกาะมังกร”
ฉินเฟิงไม่ได้เสนอความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พยักหน้าเห็นด้วยโดยตรง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในชีวิตก่อนของฉินเฟิง ที่นี่ก็ถูกเรียกว่าเกาะมังกรจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เป่ยถังเฉียนกลับกล่าวว่า “ฟังดูเหมือนเป็นแค่เกาะเลย ที่พวกเรากำลังคุยกันคือเรื่องตั้งชื่อมิติ อ้างอิงตามพายุหิมะที่โหมกระหน่ำในมิตินั้น จะดีกว่าไหมถ้าพวกเราเรียกมันว่ามิติเทพวายุ!”
“งั้นเรียกว่ามิติเทพน้ำแข็งไม่ดีกว่าหรือ? เพราะสภาพแวดล้อมในมิติแห่งนั้น อำนาจน้ำแข็งรุนแรงที่สุด” หูซานกล่าว
“ฉันจำได้ว่าในพันธมิตรมนุษย์ ชื่อเทพน้ำแข็งเคยมีคนใช้ไปแล้ว ” เป่ยถังเฉียนกล่าว
“ช่างเถิดๆ มันก็แค่ชื่อเรียก เช่นนั้นตั้งชื่อว่ามิติของพระเจ้าเป็นอย่างไร เพราะยังไงซะพวกเราไม่มีแผนจะรายงานเรื่องนี้อยู่แล้ว สภาพแวดล้อมที่นี้ไม่น่าใช้เป็นที่อยู่อาศัย จะล่มสลายลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้!” หนานกงซีหมิงกล่าว
“ตกลง”
“เอาชื่อนั้นแหละ”
“ผมเห็นด้วยครับ”
ฉินเฟิงและคนอื่นๆ ร่วมกันตั้งชื่อมิติแห่งนี้ อาจกล่าวได้ว่า สำหรับฉินเฟิง นี่เป็นสิ่งแปลกใหม่ ได้มีส่วนร่วมพัฒนามิติที่ไม่รู้จัก ตั้งชื่อแก่มัน ขุดทรัพยากรจากมัน กล่าวได้ว่าฉินเฟิงในตอนนี้ ได้ก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางแห่งสิทธิและอำนาจที่แท้จริงของผู้ใช้พลังเลเวล S แล้ว
‘แม้ฉันยังไม่ขึ้นเป็นเลเวล S อย่างน้อยความแข็งแกร่งในปัจจุบันก็มีอิทธิพลต่อผู้ใช้พลังเลเวล S แต่ผู้ใช้พลังเลเวล A ยังไม่รู้ว่าฉันแข็งแกร่งขนาดไหน ดังนั้นคงไม่มีใครอยากเป็นลูกน้องของฉัน … ฉะนั้นควรรีบเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดจะดีกว่า’
ฉินเฟิงคิดกับตัวเองในใจ
หลังจากทำข้อตกลงกันเสร็จสิ้น ทั้งสี่ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ฉินเฟิงมิได้กลับมิติโลกทันที แต่ก้มลงเล่นอุปกรณ์สื่อสารใหม่ เปิดเนื้อหาเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวของพันธมิตรมนุษย์
ลามไปถึงในส่วนของรางวัลภารกิจต่างๆ ฉินเฟิงอ่านมันและเกิดความคิดบางอย่างในใจเขา
ภารกิจเหล่านี้ มีเฉพาะเลเวล S ที่แท้จริงเท่านั้นจึงสามารถเข้าร่วมได้ หากฉินเฟิงผลีผลามรับภารกิจ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตัวรับกระสุน
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ฉินเฟิงควรยกระดับความแข็งแกร่งของเขาก่อนดีกว่า เอาไว้ถึงเลเวล S ค่อยว่ากันอีกที
เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ ฉินเฟิงวางอุปกรณ์สื่อสารลง หยิบบัตรมิติออกมา เปิดประตูมิติ กลับสู่เมืองเฟิงหลี
“แจ้งต่อพวกผู้บริหาร ว่าพวกเราจะจัดประชุมกันในอีกหนึ่งชั่วโมง ใครมาไม่ได้ก็เข้าร่วมผ่านวิดีโอ” ฉินเฟิงส่งข้อความหาซูซิงฝู
“รับทราบท่านประธาน”
ซูซิงฝูรับคำ ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเร่งรีบ
กลุ่มเฟิงหลีในปัจจุบัน แตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง การบริหารที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งมาก ไม่จำเป็นต้องใช้การดำรงอยู่ในระดับเลเวล B ขึ้นไปอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ซูซิงฝู , โจวฮ่าว และชูฟ่าน ได้กลายเป็นสามเหล็กกล้าภายใต้การบังคับบัญชาของฉินเฟิง แต่ความแข็งแกร่งในตอนนี้ แม้โจวฮ่าวจะมากที่สุด แต่ก็อยู่แค่เลเวล C8 เท่านั้น …
