2/5

 

Ep.840 – วิญญาณสะบั้น : หมื่นตัดเฉือน

 

กำลังภายในของฉินเฟิง มหาศาลไม่ต่างจากมหาสมุทร ชนิดที่ว่าหากมัดพวกมันมารวมกัน สามารถเทียบเคียงได้เลยกับเลเวล S

 

และถ้าแค่นี้ยังน่ากลัวไม่พอ ก็ต้องย้ำเตือนว่าเขาครอบครองกระบวนท่าวรยุทธเลเวล S อยู่เช่นกัน

 

กระบวนท่าวรยุทธที่สามารถเข้าถึงเลเวล S ต่อให้อยู่ห่างออกไปนับหลายพันเมตร ก็สามารถเด็ดหัวศัตรูได้อย่างไม่มีปัญหา ตอนนี้ ทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของฉินเฟิง หากยังไม่ถึงช่วงวินาทีสำคัญ มันจะไม่มีทางถูกปลดปล่อยออกมา

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว การปลดปล่อยกระบวนท่าวรยุทธเลเวล S มันสูบกินกำลังภายในมากเกินไป

 

ยังไงก็ตาม เวลานี้ ฉินเฟิงจำเป็นต้องใช้มัน!

 

จากรอบทิศทาง แต่ละคนล้วนระเบิดเขตแดนประจำตัวออกมา แสดงออกชัดว่าต้องสังหารเป้าหมายให้จงได้

 

ทำกันถึงขนาดนี้ ฉินเฟิงก็ไม่มีความคิดจะออมมือเช่นกัน!

 

“วิญญาณสะบั้น : หมื่นตัดเฉือน!”

 

ฉินเฟิงรู้สึกได้ ว่าตันเถียนของเขาราวกับถูกเจาะเป็นรูรั่ว ทะเลสาบกำลังภายใน ไหลทะลักออกไปอย่างรวดเร็ว

 

หนึ่งทะเลสาบ

 

สิบทะเลสาบ

 

ร้อยทะเลสาบ!

 

อ้างอิงตามกำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณธรรมดา สิบทะเลสาบสามารถยกระดับเป็นหนึ่งมหาสมุทรได้ และสิบมหาสมุทรคือการดำรงอยู่ในระดับเลเวล S !!

 

ดังนั้น การโจมตีของฉินเฟิงในครั้งนี้ เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีกระบวนท่าวรยุทธในระดับเลเวล S ปลดปล่อยอำนาจโจมตีระดับสูงสุดออกมาในคราเดียว

 

เพียงพริบตา สีสันของสวรรค์และปฐพีคล้ายเปลี่ยนสีไป

 

วู้ม วู้ม วู้ม วู้มมมม!

 

มีดกษัตริย์ครามส่งเสียงร้องฉวัดเฉวียน จากนั้น ร่างเงาที่ปรากฏขึ้นโดยการอัดฉีดกำลังภายในของฉินเฟิง ก็เริ่มจับตัวกัน เป็นรูปเป็นร่างขึ้นทันที ระเบิดอำนาจคุกคาม

 

ภูติผีวิญญาณราวกับได้รับการปลดปล่อย ลุกฮือออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสี้ยวพริบตาเดียวข้ามผ่านชั้นอากาศไปไกลกว่าร้อยเมตร

 

ฉินเฟิงกวาดมีดกษัตริย์ครามเป็นแนวนอน วาดออกในท่วงท่ากงล้อครึ่งวงกลม อสูรโลหิตที่อยู่ภายในระยะโจมตีของหมื่นวิญญาณสะบั้น ถูกรังสีมีดชักนำจิตวิญญาณ กรีดฝ่าแนวกั้นเขตแดนสระโลหิต สับลงบนร่างของพวกมัน

 

เมื่อสามารถเข้าถึงตัวเป้าหมาย จิตวิญญาณก็เริ่มกัดแทะ สร้างความเจ็บปวดแก่อสูรโลหิตอย่างสุดแสน

 

มนุษย์คนอื่นๆที่อยู่รอบข้างฉินเฟิง ทั้งหมดถูกกวาดโจมตีด้วยกระบวนท่านี้เช่นกัน เทคนิคเขตแดนของพวกเขาถูกกรีดเป็นทางยาว โดนบดขยี้อย่างไร้ปราณี

 

ฟุฟฟฟฟ

 

มนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร ถูกปราณมีดตัดผ่านร่าง โดนสังหารสิ้น

 

ฟัฟ ฟัฟ ฟัฟ ฟัฟ ฟัฟฟฟฟ!

 

คนแล้วคนเล่า ถูกสับสังหารลงในคราวเดียวด้วยฝีมือของฉินเฟิง!

 

ตูม ตูม ตูมมม!

 

เขตแดนของคนอื่นๆถูกแรงปะทะกระเด็นไปคนละทิศทาง ฉินเฟิงแม้มีหนึ่งใจแต่แยกสมาธิกระทำสองสิ่งในคราเดียว ปลุกเร้าลาวาเหลวผ่านพลังสมาธิของเขา เข้าต้านทานพวกที่ยังเหลือรอดต่อไป

 

“มาลองกันอีกสักตั้ง!” ฉินเฟิงคำรามกราดเกรี้ยว ลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ “วิญญาณสะบั้น : หมื่นตัดเฉือน!”

 

ปลายมีดของฉินเฟิง ชี้ไปยังทิศทางใด ศัตรูในจุดนั้นล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

ขณะเดียวกัน กว่า 100 ทะเลสาบกำลังภายในถูกสูบกลืนหายไปทันที แต่หลังจากการสังหารศัตรูเหล่านี้ พลังสมาธิและพลังงานขนาดใหญ่ ก็ไหลย้อนกลับเข้าสู่ร่างกาย ช่วยฟื้นฟูพลังสมาธิของฉินเฟิงอีกครั้ง

 

ด้วยกลยุทธ์นี้ ยิ่งฉินเฟิงสังหารไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งดุร้ายขึ้นเท่านั้น

 

ฆ่า ฆ่า ฆ่า!

 

ท่าวิญญาณสะบั้นของฉินเฟิงที่ปลดปล่อยออกมาตั้งแต่เริ่มต่อสู้ สูบกลืนกำลังภายในไปกว่า 300 ทะเลสาบแล้ว แต่ขณะเดียวกัน มนุษย์ที่อยู่รอบข้าง บัดนี้สูญสลายไม่เหลือแม้แต่ร่าง ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้อีกต่อไป

 

จากเดิม 30 ผู้ใช้พลังเลเวล A ตอนนี้ตายไปกว่าครึ่ง ส่วนอสูรโลหิต ไม่เหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว

 

“ฟู่ว … ฟู่ว .. ” ฉินเฟิงหอบหายใจหนักหน่วง การระเบิดกำลังภายใน และคอยควบคุมพลังสมาธิไปพร้อมๆกัน สร้างแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแก่เขา คล้ายกับว่าศักยภาพทั้งหมดที่มีของตน ถูกบีบออกมาใช้

 

“ฮะฮ่า … ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า มีความสุขจริงๆ!”

 

สายตาของฉินเฟิง กวาดไปยังศัตรูที่เหลืออยู่ ภายในแววตาสะท้อนประกายกระหายเลือด พวกที่ถูกจ้องมอง เผลอชักฝีเท้ากลับโดยพร้อมเพรียง

 

อย่างไรก็ตาม การกระทำที่พลั้งเผลอโดยไม่รู้ตัวนี้ชะงักลง สายตาของพวกเขาถูกดึงดูดไปยังเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ในแววตาสว่างวาบไปด้วยความละโมบ

 

เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์นี้ คือตัวแทนที่ใช้แสดงถึงอำนาจของพวกเขา ผู้ใดได้รับไป ผู้ใดสามารถเป็นเจ้าของ นั่นหมายความว่าคนผู้นั้นจะได้กลายเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุด

 

มนุษย์เหล่านี้แตกต่างจากมนุษย์ในมิติของฉินเฟิง พวกเขามีอายุขัยที่ยาวนานกว่ามาก และคนก่อนที่ครอบครองเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ มีชีวิตอยู่มานับพันปี!

 

ในกลุ่มมนุษย์ คนที่อยู่แนวหน้าสุด เป็นรัฐมนตรีผู้ภักดีต่อฝ่าบาท แต่ตอนนี้พวกที่อยู่เบื้องหลังเขา พวกที่โชคดียังวิ่งเข้ามาไม่ถึงรัศมีโจมตี จิตใจของทั้งหมดกลายเป็นเหม่อลอย

 

ตอนนี้ ไม่มีกระสุนคอยรับหน้าให้พวกเขาอีกต่อไป หากต้องการได้ครอบครองเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต้องลงมือด้วยตัวเอง!

 

“เสื้อคลุมจะตกอยู่กับใคร ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองแล้ว!”

 

“ฆ่าาาาา!”

 

“เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ต้องตกเป็นของข้า!!”

 

สิ่งประดิษฐ์ในระดับเทวะ ไม่ว่าเวลาใด ก็ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนได้เสมอ

 

ฉินเฟิงตอบรับคำท้าทายของคนเหล่านี้ ในเมื่อเป็นฝ่ายหาเรื่อง เช่นนั้นก็จงจ่ายราคาที่เหมาะสม และราคาที่ว่าเป็นแค่คำสั้นๆ–

 

–นั่นคือ : ความตาย!

 

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ตำแหน่งใจกลางซากปรักหักพัง เวลานี้สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง แผ่นดินไหม้เกรียมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ทว่าฝั่งมนุษย์หรืออสูรโลหิตสุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ถูกเผาเป็นเถ่าถ่าน ไม่มีใครเหลียวแลหรือจดจำการดำรงอยู่ของพวกเขา

 

นอกจากพวกที่กระโจนเข้ามา คิดช่วงชิงเสื้อคลุมในตอนแรกแล้ว หลังจากนั้นยังมีมนุษย์หลายคนถูกควบคุมโดยอสูรโลหิต พบเจอที่ใดฉินเฟิงล่าสังหารสิ้น จนในที่สุดก็สามารถล้างบางพวกมันได้ทั้งหมด

 

จนตอนนี้ ไม่มีใครปรากฏตัวอีกเลยในระยะหมื่นเมตร ฉินเฟิงระดมพลังสมาธิของเขา เก็บรวบรวมสินสงคราม

 

แม้ที่เขาได้รับ จะเป็นแค่ผลึกโลหิตในส่วนของแค่เลเวล A ก็ตาม แต่สมบัติชิ้นนี้ยังถือเป็นสิ่งที่ผู้ใช้พลังเลเวล S เฝ้าโหยหา!

 

ไป๋หลีช่วยเก็บกวาดสนามรบเช่นกัน แต่ระหว่างนั้นเอง ช่วงจังหวะกระโดดขึ้นไปบนยอดตั้งตระหง่านของพระราชวังที่พังทลายลงครึ่งหนึ่ง เธอก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง

 

“ที่รัก มาตรงนี้เร็ว เหมือนที่นี่จะมีของดี!”

 

ไป๋หลีตะโกน

 

แม้ตอนนี้ฉินเฟิงไร้ซึ่งร่องรอยใดๆจากคราบเลือด แต่เนื่องจากการต่อสู้ที่ผ่านๆมาจนถึงจุดนี้ ส่งผลให้เขายังคงมีกลิ่นอายของเลือดติดอยู่ตามตัว หากผู้ใดได้พบเห็น จะรู้สึกถึงความอันตราย

 

ทว่าเมื่อไป๋หลีเรียกเขา ท่าทีการแสดงออกของฉินเฟิงก็ผ่อนคลายลง

 

“มาแล้วๆ มีอะไรงั้นหรอ”

 

“ที่นี่มีศิลาจองจำอยู่ คิดว่าน่าจะมีอะไรดีๆซ่อนไว้ข้างใน”

 

“โอเค เธอช่วยหลีกทางออกไปหน่อย”

 

ศิลาจองจำเป็นสิ่งที่หายากมาก มันสามารถยับยั้งกระบวนท่าวรยุทธและอบิลิตี้ได้ อักษรรูนที่เกิดจากพลังสมาธิหรือกำลังภายในเมื่อกระทบกับสิ่งนี้จะมลายหายไป แม้เอ่ยว่าจองจำแต่มันไม่ใช่คุก ศิลาจองจำพวกนี้ มักถูกติดตั้งไว้ในสถานที่เดียวเท่านั้น และสถานที่ๆว่า ส่วนใหญ่ใช้ในการปิดผนึกสมบัติ ไม่ให้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น

 

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อไป๋หลีค้นพบศิลาจองจำ เธอถึงได้ตื่นเต้นนัก

 

ศิลาจองจำทรงพลังมาก แต่มันยังแพ้ทางบางสิ่งบางอย่าง บางสิ่งที่ว่าก็เช่น แรงระเบิดจากดินปืนระดับต่ำ

 

ด้วยเหตุนี้ ฉินเฟิงไม่คิดสุภาพ หยิบปืนใหญ่มือออกจากอุปกรณ์รูนมิติ ตั้งมันลงบนไหล่เขาและยิงออกไปทันที

 

ตูมมม!

 

ซากปรักหักพังถูกระเบิดแยกจากกัน เศษอิฐและหินกระจายไปทั่ว สิ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในถูกเปิดเผยออกมา

 

“ว้าว!” ไป๋หลีร้องอุทาน ปรากฏว่าข้างในกองพะเนินไปด้วยเหรียญพลังงานอย่างกะทันหัน ดูเหมือนว่าจะเป็นสกุลเงินของมิติแห่งนี้

 

ไม่หมดเพียงแค่นั้น นอกจากนี้ยังมีแก่นพลังงาน , แก่นอบิลิตี้อีกเป็นจำนวนมาก กองรวมๆกันเป็นภูเขา

 

ฉินเฟิงย้อนนึกไปถึงชายชราที่เพิ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ มนุษย์คนอื่นๆเรียกเขาว่า ‘ฝ่าบาท’ ดูเหมือนว่า … ฉินเฟิงจะค้นพบสมบัติของราชวงศ์เข้าให้ซะแล้ว!

 

จู่ๆก็เจอเหรียญพลังงานกองใหญ่เช่นนี้ แถมยังได้รับมันมาเปล่าๆโดยแทบไม่ต้องเปลืองแรง ถือเป็นโชคหล่นทับโดยแท้!

 

ไป๋หลีทำตัวเป็นเด็กน้อยอยู่ไม่นิ่ง เริ่มเก็บรวบรวมสมบัติ

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานนั้นเอง ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสะท้อนไปด้วยรูนแสง ก็ก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ

 

เขาไม่ได้แสดงเจตนาถึงความเป็นศัตรู กระทั่งความเร็วในการขยับฝีเท้าก็ถูกควบคุมไว้อย่างดี ฉินเฟิงย่อมตระหนักได้ถึงอีกฝ่าย เหลียวหลังกลับไปมอง

 

ชายคนนั้นหยุดกึกทันที

 

“ข้า- ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้กับเจ้า!” พลังสมาธิของคนๆนั้น ถ่ายทอดคำพูดเข้ามาอย่างรวดเร็ว