โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.441 – ยอมรับจิ่นเฟย

 

หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าฉินเฟิงคงถูกฆ่าซ้ำๆไปแล้วนับร้อยครั้ง!

 

ฉินเฟิงเดินออกมา ทำเป็นไม่สนใจสายตารอบตัว

 

“จบสักที ไป๋หลี ไปแลกเงินเดิมพันกัน”

 

ไป๋หลี ฉินเฟิง และจิ่นเฟย ทั้งสามมุ่งหน้าไปยังชายในชุดคลุมดำ

 

คนอื่นๆไม่มีใครเลื่อนไหว

 

ตลอดทั้งโซนรับชมต่างเงียบกริบ

 

จิ่นเฟิยไม่กล้าแม้แต่หายใจ ริมฝีปากของเขา ซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว

 

เวลานี้ ชายชุดคลุมดำเริ่มจ่ายรางวัลเดิมพัน แต่ทุกคนรู้ต่าง ว่าในตอนท้าย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลก้อนใหญ่

 

–คือไป๋หลี! หรือจะเรียกรวมๆว่าเป็นฉินเฟิงซึ่งบงการอยู่เบื้องหลังก็ได้

 

ชายในชุดคลุมดำหยิบแหวนขนาดใหญ่ 4 วงออกมา แต่ละวงมีพื้นที่ด้านใน 100 ลูกบาศก์เมตร ทั้งหมดถูกจัดวางเหรียญพลังงานเอาไว้ภายในอย่างเป็นระเบียบ

 

รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4 ล้านล้าน!

 

“ขอแสดงความยินดีด้วย” น้ำเสียงของชายในชุดคลุมดำเรียบเฉย แต่สายตาที่มองมายังฉินเฟิง บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

 

“ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มีอนาคตไกล”

 

นี่คือคำชม ไม่ได้มีเจตนาหรือความหมายใดๆแอบแฝง

 

เดิมที การที่ฉินเฟิงได้รับเงินรางวัลก้อนนี้ ผู้นำเมืองหวังสมควรจะโกรธเขา แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับต่างออกไป

 

นั่นเพราะฉินเฟิงสังหารผู้สัมครคนอื่นๆทุกคน!

 

ดังนั้น ทางกลุ่มรับเดิมพัน เลยได้เงินก้อนใหญ่จากพวกเลเวล C มาทดแทน พวกเขาลงเดิมพันแต่ละทางฝั่งตนเป็นจำนวนเงินนับแสนล้าน

 

รวมๆทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า 10 ล้านล้าน!

 

ดังนั้น แม้ฉินเฟิงจะได้รับรางวัล 4 ล้านล้าน แต่ชายในชุดคลุมดำก็ยังกำไรอยู่ดี

 

เมื่อเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องที่ฉินเฟิงมีความสามารถในการสังหารเลเวล C ได้ ชายในชุดดำก็พอจะคาดเดาได้ว่าฉินเฟิงกำลังคิดทำอะไร

 

ฉินเฟิงไม่ใช่จะถอนฟันจากปากเสือ แต่เขาเลือกที่จะหาเรื่องเลเวล C โดยไม่ให้ไปกระทบกับเกล็ดย้อนของผู้นำเมืองหวัง

 

เพราะผู้นำเมืองหวังคือผู้ใช้พลังเลเวล B ฉินเฟิงไม่ต้องการจะยั่วยุ ในขณะที่คนอื่นๆ หากคิดจะต่อกรกับฉินเฟิง ย่อมไม่มีทางชนะ

 

ช่างเป็นคนเจ้าความคิด , กล้าหาญ และแข็งแกร่ง!

 

ฉินเฟิงปรากฏกายในมิติเทียนไต้เพียงครั้งเดียว ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอึ้งทึ่ง กลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมา

 

แน่นอน ว่าเรื่องนี้ มันไม่มีทางจบลงง่ายๆแน่ๆ

 

ฉินเฟิงจะได้รับผลพวงใดจากการกระทำของเขาในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับพวกเลเวล C แล้ว!

 

ผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาในรูปแบบไหน มีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่สามารถร่างมันได้!

 

“งานเทียนไต้วันนี้จบลงแล้ว ทุกท่านยังจะแลกเงินเดิมพันกันอีกหรือไม่?”

 

สิ้นประโยคนี้ ฝูงชนราวกับถูกกระชากสติ เพราะเลเวล C บางคน ก็ได้วางเดิมพันจิ่นเฟยเช่นกัน กระทั่งเลเวล D บางส่วน เมื่อได้ยินข่าว ก็ลงเดิมพันฉินเฟิง

 

แต่เงินที่พวกเขาลงเดิมพันเป็นจำนวนน้อยมาก อย่างมากสุดต้องจ่ายออกไปอีกกว่า 8 แสนล้าน ยังถือว่าชายในชุดคลุมดำกำไรอยู่ดี

 

งานเทียนไต้ ได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว!

 

ชายในชุดคลุมดำเปิดประตูมิติ

 

ทว่าคราวนี้ เหล่าเลเวล C กลับไม่เป็นผู้นำขบวน พวกเขายังคงจ้องมองฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงไม่สนใจ มือซ้ายโอบเอวไป๋หลี มือขวาดึงชายเสื้อตรงไหล่ของจิ่นเฟย และลากออกไป

 

วูซซซ!

 

แสงสีเงินกระพริบไหว ฉินเฟิงหายตัวไปในช่องว่างมิติ

 

“ไอ้เด็กนี่ จะต้องตาย!”

 

เลเวล C คนหนึ่งตบที่วางแขนบนเก้าอี้ วัสดุที่ทำจากไม้เนื้อแข็งแหลกละเอียดทันที!

 

คนอื่นๆก็โกรธมากเช่นกัน

 

“ทุกท่าน ตอนนี้โปรดออกไปก่อนเถอะ หากมีอะไรไม่พอใจเอาไว้ชำระกันในภายหลัง” หนึ่งในชายชุดคลุมดำเอ่ย

 

เหล่าเลเวล C พอได้ฟังก็ตระหนักได้ทันที ว่าแม้ฉินเฟิงจะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองในวันนี้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ผู้นำเมืองหวังขุ่นเคืองไปด้วย ตรงกันข้าม ทำกำไรให้อีกฝ่ายเป็นอย่างงาม

 

ช่างน่าแค้นใจนัก!

 

เหล่าเลเวล C ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงก้าวเดินออกไป

 

เมื่อพวกเขาออกมาจากประตูมิติ ฉินเฟิง ไป๋หลี และจิ่นเฟย แน่นอนย่อมหายไปแล้ว

 

 

ในมุมลับตาฝูงชน รูนจากโอบกอดทมิฬปกคลุมไปทั้งบริเวณ ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงการดำรงอยู่ของฉินเฟิงและคนอื่นๆ

 

ฉินเฟิงหยิบแหวนมิติออกมาต่อหน้าจิ่นเฟย และเรียกเหรียญพลังงานขนาดสี่ลูกบาศก์เมตรออกมา

 

ซึ่งเป็นเงินมูลค่า 4 หมื่นล้าน!

 

“ตามที่ตกลงกันไว้ นี่คือส่วนแบ่งของนาย” ฉินเฟิงกล่าว “วางใจเถอะ ที่นี่ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันได้ใช้อบิลิตี้มืดป้องกันเอาไว้แล้ว หลังจากนี้ไป จะเลือกเดินในหนทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับตัวนายเองแล้ว”

 

ลมหายใจของจิ่นเฟยกลายเป็นหนักอึ้ง หัวใจในอกเต้นครึกโครม

 

เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะคิดอย่างไร หรืออาจเพราะก่อนหน้านี้คิดมากไป หัวสมองเลยกลายเป็นว่างเปล่า

 

แต่ไม่นาน จิ่นเฟยก็ได้สติ เข้าทิ้งตัวลงทันใด คุกเข่าลงกับพื้น

 

“ใต้เท้า เงินเหล่านี้ผู้น้อยไม่ต้องการ แต่คาดหวังว่า จะสามารถติดตามท่านต่อไป … ได้โปรดรับผู้น้อยเป็นศิษย์ด้วยเถอะ!”

 

นี่ถือเป็นเรี่องปกติของผู้คนในเมืองหวัง หากอยากจะเรียนรู้ก็ต้องเคารพอาจารย์ เพราะเมืองแห่งนี้ไม่มีโรงเรียน โดยทั่วไปแล้ววรยุทธจะถูกถ่ายทอดผ่านทางโรงฝึก แต่การเรียนกับอาจารย์ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาล และโรงฝึกหลายแห่งมักหลอกลวง เมื่อเข้าไปอาจกลายเป็นโดนลักพาตัวแทน

 

อย่างไรก็ตาม จิ่นเฟยตระหนักดีว่าฉินเฟิงไม่ใช่ดังที่กล่าวมาข้างต้น

 

ฉินเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เดิมเข้าแค่อยากสนับสนุนจิ่นเฟยทางอ้อม และมอบทุนให้แก่อีกฝ่ายเท่านั้น แต่ไม่คิดเลย ว่าจิ่นเฟยจะมีความคิดเช่นนี้

 

“นายมีเงินแล้ว อยากจะทำอะไรก็ได้ และเรียนรู้จากใครก็ได้เช่นกัน!”

 

“ฉันเก็บเงินเหล่านี้เอาไว้ไม่ได้! พวกคนใหญ่คนโต ไม่ปล่อยฉันไปแน่ๆ” จิ่นเฟยกล่าว

 

เอ้อ .. นั่นก็จริง

 

เวลานี้คงมีเพียงฉินเฟิงเท่านั้น ที่รู้ว่าพรสวรรค์ของจิ่นเฟยยอดเยี่ยมเพียงใด

 

อย่างไรก็ตาม การให้ราชานักฆ่าในอนาคตเป็นลูกศิษย์ของเขานี่มัน …

 

–จิ่นเฟยคือคนที่เติบโตในเมืองหวังมาตั้งแต่เด็ก เขามีกฏสำหรับการอยู่รอดเป็นของตนเอง เมื่อสบโอกาส จึงคว้าจับไว้ด้วยความหวัง

 

และการปรากฏตัวของฉินเฟิง ได้เปลี่ยนเส้นทางแห่งโชคชะตาดั้งเดิมของจิ่นเฟยไป!

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าสำหรับจิ่นเฟย นี่คือโอกาสที่จะรอดชีวิตของเขา

 

ดวงตาของจิ่นเฟยแน่วแน่ ราวกับว่าสิ่งที่ตัดสินใจเอ่ยออกไปแล้วนั้น ต่อให้ต้องเสี่ยงตาย ก็ต้องบรรลุมันให้จงได้

 

“ได้โปรดเถอะใต้เท้า!”

 

“ลุกขึ้นก่อนเถอะน่า” ฉินเฟิงคว้าแขนจิ่นเฟย ดึงเขาขึ้นมา

 

ดวงตาของจิ่นเฟยเปล่งประกายขึ้นทันใด

 

“ใต้เท้า นี่หมายความว่าท่านตกลงแล้วใช่ไหม ท่านอาจารย์ ได้โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย!”

 

จิ่นเฟยจะคุกเข่าอีกครั้ง แต่ฉินเฟิงก็ดึงอีกฝ่ายขึ้นมา

 

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะรับนายเป็นศิษย์ ไม่รู้รึไงว่าฉันอายุน้อยกว่านาย!” ในตอนนี้ ฉินเฟิงทำได้เพียงใช้อายุของตนเป็นโล่กำบัง

 

จิ่นเฟยผงะตกใจ

 

เพราะด้วยความสูงของฉินเฟิง การแสดงออกทางสีหน้า ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว มองอย่างไรก็เหมือนไม่ใช่รุ่นน้องจิ่นเฟย โดยเฉพาะในด้านความแข็งแกร่ง!

 

“ยังไงก็ตาม ฉันสามารถรับนายเข้าสู่กองทหารรับจ้างของฉันได้ แต่ตอนนี้นายยังไม่มีสถานะใดๆในโลกภายนอก ดังนั้นเอาไว้รอจนกว่านายได้ออกไปก่อน พวกเราค่อยว่ากันอีกครั้ง” ฉินเฟิงกล่าว

 

จิ่นเฟยพอได้ยินคำนี้ ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว

 

“ออกไปหรือ? ฉันสามารถ .. สามารถออกไปจากเมืองหวังได้?”

 

“แน่นอน หากคิดเป็นผู้แข็งแกร่ง ย่อมต้องออกเดินทาง ท่องไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี!” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเฉียบขาด

 

สมองของจิ่นเฟยอื้ออึง ประโยคนี้ดังก้อง สะท้อนอยู่ในหูเขา

 

ห้วงสติอารมณ์และสภาวะจิตใจของจิ่นเฟย ราวกับถูกยกระดับไปอีกขั้น วิสัยทัศน์และความคิดกว้างไกลกว่าเดิม โซ่ตรวนที่เรียกว่าเมืองหวัง พังทลายลงโดยสมบูรณ์

 

“มาเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ขอรับลูกพี่!” จิ่นเฟยเดินตามหลังฉินเฟิง ฉินเฟิงเรียกรถสายฟ้าสีเงินออกมา จิ่นเฟยไม่เคยขับ เลยต้องไปนั่งข้างหลัง

 

แต่ระหว่างทาง เขาก็คอยสังเกตวิธีการขับมันอย่างเงียบๆ

 

ไม่นาน รถศึกก็ขับกลับมาในโซนพื้นที่วิลล่า ฉินเฟิงขับต่อไปยังวิลล่าของหลิวตง ช่วงเวลานี้ ประตูหน้าถูกซ่อมแซมแล้ว กลุ่มแม่บ้านเดินออกมายืนรอต้อนรับเขา

 

“ยินดีต้อนรับนายท่าน!” กลุ่มหญิงสาวขับขานเป็นเสียงเดียวกัน

 

จิ่นเฟยสูดหายใจลึก

 

ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่เคยสั่งให้ทำแบบนี้สักหน่อย โบกมือส่งๆ “เอาล่ะ พวกคุณไปเถอะ”

 

บรรดาสาวใช้แยกย้ายด้วยความกระสับกระส่าย ในสมองคิดว่าตนทำอะไรให้เจ้านายไม่พอใจอย่างงั้นหรือ?

 

ส่วนจิ่นเฟย เขาหันไปมองสำรวจรอบๆ