2/2
Ep.411 – สร้างความโกลาหล
สมุนทหารไม่ใช่เครื่องจักรเครื่องจักร ในทุกๆวันคุณต้องให้อาหารหรือที่พักพิงเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขา
หากสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกเติมเต็ม พวกเขาจะตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ดังนั้นการจุดจำหน่ายเสบียงเป็นสิ่งสำคัญมาก
เมืองรังอินทรีย์คือเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดกับสี่เมืองมนุษย์ มันจึงกลายเป็นฐานทัพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้
คาลิมัววางแผนที่จะรวบรวมกองกำลังทั้งหมดมาไว้ในเมืองรังอินทรีย์
แล้วรวมกลุ่มกับทหารจากเมืองธารทะเลทราย เข้าตีสี่เมืองมนุษย์ในคราเดียว ไม่ตั้งใจที่จะให้พวกเขามีโอกาสได้หลบหนีใดๆ
และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกขุนนางเล็กเกิดคิดทำอะไรงี่เง่า
ผู้ส่งสารของคาลิมัวจึงบังคับให้ขุนนางเล็กจากเมืองต่างๆมาถึงที่นี่ก่อน
หากทำแบบนี้ พวกเขาก็จะสามารถบังคับให้เรียกระดมสมุนทหารได้
ทุกกระบวนการดำเนินไปตามปกติ
แต่เมืองธารทะเลทรายคงไม่คิดมาก่อน ว่าหลังจากที่เผ่ามนุษย์ยึดได้ถึงสี่เมืองแล้ว พวกเขาได้ลอบใช้กลยุทธ์ทางการทูต ติดต่อกับขุนนางเล็กหลายตน ทำให้ข้อมูลนี้รั่วไหลตั้งแต่แรก ส่งผลให้ฮังอวี่เห็นช่องโหว่ในครั้งนี้
ขุนนางเล็กหลายตนมารวมตัวกันที่เมืองรังอินทรีย์
แต่เมื่อเป็นกองทัพใหญ่ทำให้เคลื่อนพลได้ไม่เร็วนัก
ฮังอวี่จึงตัดสินใจในเสี้ยววินาที คว้าช่องโหว่ที่พบ ชิงลงมือทำลายเมืองรังอินทรีย์
สังหารขุนนางเล็กทั้งหมด ล้มกระดานแผนกองทัพพันธมิตร!
เมื่อขุนนางเล็กทั้งหมดตาย เมืองรังอินทรีย์ถูกทำลาย
ทางเลือกของเมืองธารทะเลทรายก็จะเหลือแค่สองวิธีเท่านั้น
วิธีแรก คือเลื่อนแผนการโจมตีออกไปอย่างน้อยสิบวัน
วิธีที่สอง เลิกยืมพลังของขุนนางเล็ก ถกแขนเสื้อแล้วเข้าตีเผ่ามนุษย์ด้วยตัวเอง!
ซึ่งไม่ว่าจะวิธีไหน ก็มากพอที่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ให้ง่ายขึ้นมาก
แน่นอน การลอบโจมตีเมืองรังอินทรีย์แบบกะทันหันนี้ เป็นการเคลื่อนไหวที่มีความเสี่ยงเช่นกัน
เมืองรังอินทรีย์ถึงกองทัพยังไม่มีเวลารวมพล แต่ข้างในก็มีขุนนางเล็กอีกนับสสิบและกองทหารของเมืองรังอินทรีย์ และรวมไปถึงยอดฝีมือจากเมืองธารทะเลทรายอีกจำนวนหนึ่ง
อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้ที่ฮังอวี่จะเรียกระดมกำลงทหารทั้งหมดของเขา
ความเร็วของสมุนทหารเชื่องช้าเกินไป ใช้เวลานานในการเดินทาง อาจกินเวลามากไป
แล้วอีกอย่างเมื่อยกโขยงเป็นทัพใหญ่ ก็ง่ายต่อการถูกจับได้ จะเกิดอะไรขึ้นหากถูกลอบตลบหลัง?
ฉะนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรวบรวมทีมระดับหัวกะทิ แล้วเร่งเปิดการโจมตีโดยเร็วที่สุด
แม้จะเสี่ยง แต่ถ้าฮังอวี่ไม่มั่นใจ เขาจะไม่ยอมทำอะไรแบบนี้
นี่คือเหตุผลที่ฮังอวี่ลอบซื้อใจคนในเมือง ทำให้โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็น 60%
“พวกเราเข้ามาในอาณาเขตของเมืองรังอินทรีย์แล้ว”
“ถ้ามุ่งหน้าไปอีก 70 – 80 ไมล์ก็จะถึงเมืองรังอินทรีย์”
ห้าร้อยคนขี่หมูป่ามาถึงพื้นที่บริเวณที่มีโขดหินหนาและทิวเขาทึบ
สภาพแวดล้อมของที่นี่ ใกล้เคียงกับเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่ซับซ้อนกว่าเล็กน้อย
ฮังอวี่สั่งให้ทุกคนซ่อนตัว
เขากับจ้าวหมิงออกมาก่อน
จนเมื่ออยู่ห่างจากเมืองรังอินทรีย์ 10 – 20 ไมล์ ทีมมอนสเตอร์จิ้งจอกกลุ่มเล็กๆก็ปรากฏสู่สายตา
อันดับแรกฮังอวี่ให้หวังเอ๋อไปสอดแนมก่อน เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่มีกลิ่นอายที่น่าสงสัย ถึงค่อยออกไปติดต่อกัน
“สวัสดีสหาย ข้าคือจิ้งจอกสาม ขุนนางเมืองธารกระจ่าง!”
ผู้ใช้วิญญาณก้าวออกมา เขาไม่เหมือนเผ่าจิ้งจอกตัวอื่นๆ ขนของชายผู้นี้เป็นสีขาว อุปกรณ์ทั้งตัวอยู่ในคุณภาพสูง เห็นได้ชัดว่ามีพลังรบไม่อ่อนแอ
เมื่อเห็นว่าบนตัวฮังอวี่ปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีฟ้า จิ้งจอกสามแสดงท่าทีประหลาดใจ
แม้จะรู้ดีว่าเผ่าพันธุ์ที่กล้าท้าทายเมืองธารทะเลทรายนั้นไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้พอเห็นด้วยตาตัวเอง เขาพบว่าพลังรบของอีกฝ่ายเกินกว่าที่คาดไว้
ฮังอวี่มองจ้าวหมิง
จ้าวหมิงหยิบหินสกิลออกมาแล้วมอบให้
จิ้งจอกสามพอเห็นหินสกิล ดวงตาของเขาเป็นประกาย ความหวาดระแวงในตอนแรกคลายลงอย่างมากในทันที
“พวกเจ้ารักษาคำพูดจริงๆ”
จ้าวหมิงเอ่ยปากบ้าง “แล้วฝั่งคุณล่ะ?”
จิ้งจอกสามพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถแทรกซึมเข้ากับกลุ่มของข้า แล้วข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองรังอินทรีย์ หากแค่หนึ่งหรือสองตน คิดว่าไม่น่าจะถูกค้นพบ”
พูดถึงจุดนี้ เขาเหลือบมองทั้งสองคนอย่างระแวดระวังอีกครั้ง
“แต่จงจำไว้ ว่าพวกเราสามารถช่วยเจ้าได้เท่านี้ ภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเอง อย่าหวังให้เราทำอะไรเกินเลย”
ฮังอวี่คิดทบทวนอยู่พักหนึ่ง เขาหยิบไอเท็มสีฟ้าแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
จิ้งจอกสามมองมัน “กริชแห่งการถือกำเนิดใหม่?”
ฮังอวี่กล่าวว่า “ถ้าจำเป็น คุณรู้ว่าควรทำอะไร ให้ใช้กริชนี้ฆ่าตัวตายซะ จะได้หลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น แล้ยังสามาถรฟื้นคืนชีพได้เร็วอีกด้วย”
จิ้งจอกสามพอใจมาก “ที่แท้เจ้าเตรียมการมาหมดแล้ว”
“แน่นอน ฉันไม่ยอมให้คนที่ช่วยพวกเราต้องทนทุกข์ทรมาน ความช่วยเหลือในครั้งนี้ จากนี้ไปถือว่าพวกเราเป็นสหายกัน” ฮังอวี่ปฏิบัติเหมือนเซ็นเช็คล่วงหน้าให้จิ้งจอกสาม “ผลประโยชน์ที่สัญญาไว้กับคุณ พวกเราไม่มีทางลืม รอจนปราบคาลิมัวได้ คุณจะได้รับยิ่งกว่านี้”
จิ้งจอกสามมุมปากกระตุก “นี่ไม่ใช่เรื่องน้ำใจ เป็นแค่การแลกเปลี่ยน ยังเร็วไปที่จะพูดถึงเรื่องอื่นๆ” เขาไม่สะทกสะท้าน กล่าวอย่างเฉยเมย “เราแค่ไม่ต้องการถูกใช้เป็นมีดของคาลิมัว หากพวกเจ้าสามารถเอาชนะคาลิมัวได้จริง ก็ไม่สายเกินไปที่จะเอ่ยถึงการเป็นสหายกัน ”
เป็นเรื่องปกติที่จิ้งจอกสามจะระแวง
อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องกังวลในส่วนของเรื่องนี้
ฮังอวี่พูดกับจ้าวหมิง “คุณกลับไปเตรียมตัวก่อน ”
บอกตามตรง สำหรับจิ้งจอกสาม จ้าวหมิงก็ไม่ได้ไว้ใจเขาเต็มที่เช่นกัน
แม้ชายผู้นี้จะเป็นคนเปิดเผยข้อมูลสำคัญแก่มนมุษย์
แต่ถ้ามันเป็นกับดักล่ะ? ตอนนี้ยังมีเรื่องไม่แน่นอนมาเกินไป
อย่างไรก็ตาม จ้าวหมิงเชื่อมั่นใจตัวฮังอวี่ เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถและความเฉียบแหลมของฮังอวี่ ต่อให้เกิดปัญหา ก็น่าจะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา และรับมือได้ดี
สลัดเรื่องไร้สาระออกจากหัว จ้าวหมิงแยกตัวออกไป
จิ้งจอกสามมอบโพชั่นมนตราให้ฮังอวี่ “นี่คือโพชั่นมนตราทหารจิ้งจอก เจ้าสามารถใช้มันเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นทหารจิ้งจอกได้ สามารถคงสถานะนี้ได้ประมาณ 2 3 ชั่วโมง”
ว่าจบ เขาวาดคทา ปล่อยลูกไฟสีเขียว
ทหารจิ้งจอกตัวหนึ่งถูกเผาตาย
“ตอนนี้จงดื่มโพชั่นมนตรา แล้วแทนที่ทหารตนนี้เสีย แทรกซึมเข้ากลุ่มของข้า นี่จะช่วยให้เข้าสู่เมืองรังอินทรีย์ และมีโอกาสถูกพบตัวน้อย”
ฮังอวี่ดื่มโพชั่นมนตรา ตามจิ้งจอกสามไปยังเมืองรังอินทรีย์
เมืองนี้อยู่ในตำแหน่งที่พิเศษมาก หากมองไกลๆจะพบว่ามันสูงถึง 400 – 500 เมตร หน้าผาสูงชันทำมุมเกือบเก้าสิบองศา สองในสามของที่ตั้ง ราวกับถูกขุดออกมาเป็นชั้นๆ
เมืองรังอินทรีย์ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ฝังอยู่ในหน้าผาสูงชันตระหง่าน เชื่อมต่อได้เฉพาะทางที่ค่อนข้างแคบเท่านั้น อีกทั้งเมืองรังอินทรีย์ยังมีทัศนียภาพที่กว้างหากมีศัตรูจำนวนมากปรากฏขึ้นในระยะไกล จะสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที
การลอบโจมตีในช่วงกลางวัน เป็นเรื่องยากมาก
ระหว่างเข้าสู่เมืองรังอินทรีย์ ฮังอวี่ฝ่าด่านและอุปสรรคมากมาย ในใจยังเตรียมตัวไว้เสมอ เผื่อกรณีที่จิ้งจอกสามหลอกลวง
รอจนเข้าเมืองรังอินทรีย์ได้สำเร็จ
ฮังอวี่ค่อยวางใจอย่างสมบูรณ์
ดูเหมือนจิ้งจอกสามจะทรมานจากเมืองธารทะเลทรายมาเป็นเวลานาน ครั้งนี้จึงไม่มีลูกเล่นใดๆกับเขาจริงๆ
สำหรับขุนนางเล็กอย่างจิ้งจอกสาม ถ้าฮังอวี่กับคาลิมัวพินาศไปด้วยกัน คงเป็นอะไรที่ดีที่สุด
ขณะเดียวกัน ด้านจิ้งจอกสาม เขาประหม่ามากถ้าถูกจับได้จริงๆคงแก้ตัวไม่ขึ้น เมื่อเข้ามาได้ถึงระบายลมหายใจโล่งอก นำฮังอวี่เข้าไปในห้องพักผ่อนของตัวเอง
“เอาล่ะ ข้าได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว สิ่งที่เจ้าจะทำต่อจากนี้ไม่ใช่ธุระของข้า อย่ามายุ่งเกี่ยวกับข้าอีก มิฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าข้าหรือขุนนางเล็กตนอื่นๆจะช่วยเหลือมนุษย์อีกในอนาคต”
“นอกจากนี้ นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้าย มีเผ่าพันธุ์ระดับสูงกว่า 90 ตนในเมืองรังอินทรีย์ 18 ตนเป็นขุนนางเล็ก และอีก 5 ตนมาจากเมืองธารทะเลทราย หนึ่งในนั้นคือรองขุนนางเมืองธารทะเลทราย”
ฮังอวี่พยักหน้า “ขอบคุณมาก!”
เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ฮังอวี่ซ่อนตัวไม่ให้ใครเห็น
รอจนช่วงเวลาตกดึกค่อยลงมือ
หน้าที่ของฮังอวี่คือการสร้างความวุ่นวายจากภายใน!
“ไม่ว่าเมืองรังอินทรีย์จะถูกทำลายได้หรือไม่ ทุกอย่างก็ล้วนส่งผลดีต่อสงครามครั้งนี้ จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับมัน!”
ฮังอวี่หยิบหนังสือโบราณบูชายัญแด่มอนสเตอร์ขุมนรกออกมา
ไอเท็มสีม่วงอันทรงพลังนี้ ปราศจากระยะเวลาคูลดาวน์
ปราศจากข้อจำกัดใดๆ
เรียกได้ว่าเป็นผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดจากคุกโบราณ!
อย่างไรก็ตาม
ถึงทุกอย่างจะดีหมด แต่ข้อเสียอย่างเดียวคือมันสิ้นเปลืองแต้มวิญญาณมากเกินไป และไม่เหมือนนกหวีดทองแดงที่สามารถแบ่งแต้มวิญญาณร่วมกันได้
ฮังอวี่สามารถรวบรวมแต้มวิญญาณของเขาได้ถึง 20,000 แต้ม เพื่อรอใช้ในวันนี้!
(นี่มันหักไม้ผีกลางมอร็อคนี่นาาาาาา)