2/3

 

Ep.263 – เพลงดังที่ใครฟังก็รู้

 

ปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี

 

แม้ตัวฮังอวี่จะถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆในเจียงเฉิง

 

แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นประจันหน้ากับกลุ่มทรงพลังจากโลกวิญญาณได้

 

ต่อให้มีเสี่ยวไป๋ ก็ยังไม่มั่นใจมากพอ อีกฝ่ายมีมากกว่าหนึ่ง และภูมิหลังไม่ธรรมดา

 

อย่างไรก็ตาม แม้พวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต่อกรกับสมาชิกจำนวนมากของสกายเน็ตได้

 

ครั้งนี้พวกมันถูกสกายเน็ตไล่ต้อนจนหลบหนีไปใต้ดิน และทางสกายเน็ตได้ออกประกาศจับสูงสุด ดังนั้นคาดว่าคงไม่กล้าโผล่หัวมาอีกนาน แผนการอัญเชิญที่ไม่ทราบเบื้องหลังก็คงยิ่งล่าช้าออกไป

 

ฮังอวี่ลองคำนวณคร่าวๆถึงผลกระทบจากการแจ้งเตือนที่โผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้

 

มันย่อมก่อให้เกิดคลื่นของความโกลาหลลูกใหญ่ในเจียงเฉิงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

อันที่จริงแล้ว เรื่องสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาในโลกวิญญาณนั้นไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 

ในระบบของสกายเน็ตจากทุกๆเมืองและทั่วประเทศเคยมีรายงานที่คล้ายคลึงกับสถานการณ์นี้มานานแล้ว ซึ่งบางข้อมูลประชาชนเป็นคนแจ้งเข้ามา

 

มีข่าวลือหนาหู

 

ว่าบางเมืองสามารถจับมือเป็นพันธมิตรกับคนจากโลกวิญญาณได้

 

บุคคลจากโลกวิญญาณเหล่านั้นมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์เรื่องของโลกวิญญาณให้กับมนุษย์ หรือมีหน้าที่ให้คำแนะนำด้านการผลิตในสายงานที่พวกเขาถนัด

 

แต่ไม่ว่าอย่างไร

 

สำหรับประชาชนทั่วไปของเจียงเฉิง

 

นี่เป็นกรณีแรกที่ได้รู้ว่ามีผู้รุกรานที่ทรงพลังจากโลกวิญญาณ

 

ตั้งแต่รัฐบาลเจียงเฉิงไปจนถึงประชาชนทั่วไป ทั้งหมดต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ ชั่วขณะนี้ ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งก่อให้เกิดความแตกตื่นเป็นอย่างมาก

 

มนุษย์ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับชาวโลกวิญญาณ!

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องรีบแข็งแกร่งขึ้น!

 

จู่ๆฮังอวี่ก็นึกคำถามบางอย่างออก หันหมุนเก้าอี้หันไปมองซูหยุนปิง และเอ่ยว่า “ตามที่ประกาศจับระบุไว้ ใครก็ตามที่แจ้งเบาะแสจะได้รับรางวัล งั้นในเมื่อพวกเราเป็นคนแรกที่ค้นพบ แต้มบุญคงไม่น้อยเลย ถูกไหม?”

 

“นั่นคือเรื่องต่อไปที่ฉันกำลังจะรายงาน!”

 

มุมปากของซูหยุนปิงยกยิ้ม เธอหยิบโทรศัพท์โลกวิญญาณขึ้นมาด้วยมืออันบอบบาง และกดเล็กน้อยก่อนยื่นหน้าจอออกไปเพื่อแสดงข้อความที่ทางแบทเทิลเน็ตส่งมา

 

[เรียนพลเมืองเจียงเฉิง เมื่อเวลา 4:31 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ คุณได้รับแต้มบุญระดับหกจำนวน 1,500 แต้ม หมายเหตุ : รางวัลจากเบาะแสมนุษย์ปลาในแม่น้ำแยงซี หากมีคำถามใดๆ โปรดติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ฝ่ายบริการลูกค้าของสกายเน็ต : XXXXXXXXXX ]

 

[เรียนพลเมืองเจียงเฉิง เมื่อเวลา 5:08 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ คุณได้รับแต้มบุญระดับหกจำนวน 1,000 แต้ม หมายเหตุ : รางวัลจากเบาะแสบุคคลจากโลกวิญญาณ หากมีคำถามใดๆ โปรดติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ฝ่ายบริการลูกค้าของสกายเน็ต : XXXXXXXXXX ]

 

“รางวัลทั้งสองมาถึงแล้ว”

 

“รวมกันได้ 2,500 แต้มบุญระดับหก!”

 

ซูหยุนปิงดูเหมือนจะพอใจกับรางวัลดังกล่าวมาก

 

ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลมนุษย์ปลาหรือสมาคมฤาษีลี้ลับ ฮังอวี่ได้ขอให้ซูหยุนปิงส่งมันในนามของเธอ จึงไม่แปลกใจเลยที่แต้มบุญจะถูกส่งมายังบัญชีแบทเทิลเน็ตของซูหยุนปิง

 

2,500 แต้มบุญระดับหก เป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน!

 

ตอนที่ฮังอวี่ช่วยปกป้องแนวป้องกันในทะเลสาบซิงโกว เขาได้รับมาเพียง 300 แต้มบุญระดับห้าเท่านั้น

 

และตอนช่วยสกายเน็ตบุกยึดหมู่บ้านเจียงซินจากมนุษย์ปลา เขาได้มาเพียง 900 แต้มบุญระดับห้า

 

โดยรวมแล้วได้แค่ 1,200 แต้ม

 

แต่คราวนี้กลับได้มากถึง 2,500 แต้มบุญระดับหก หรือเทียบเท่า 5000 แต้มบุญระดับห้า!

 

นี่บ่งบอกว่าทางเจียงเฉิงให้ความสำคัญกับข้อมูลสองชิ้นนี้มาก!

 

และเมื่อนำแต้มบุญที่ได้รับจากข้อมูลทั้งสองมาบวกกับแต้มบุญที่ซูหยุนปิงมีอยู่แล้ว ทำให้ตอนนี้อันดับผู้มีผลงานสมทบในเจียงเฉิงของเธอติดหนึ่งในสิบอันดับแรก

 

การขึ้นมาอยู่ในระดับนี้

 

ไม่เพียงกลายเป็นที่รู้จักเท่านั้น

 

แต่ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมายหรือแม้กระทั่งยศทหารกิตติมศักดิ์

 

ในอนาคต เมื่อซูหยุนปิงเป็นตัวแทนของสมาคมมังกรฟ้าและติดต่อกับรัฐบาล จะสามารถอำนวยความสะดวกแก่ฮังอวี่ได้มาก

 

ซูหยุนปิงกล่าวว่า “ข้อมูลเรื่องมนุษย์ปลาในแม่น้ำแยงซี พวกเราจะแบ่งกันครึ่งหนึ่งตามข้อตกลง ส่วนข้อมูลสมาคมฤาษีลี้ลับ ทั้งหมดเป็นของนาย”

 

ฮังอวี่โบกมือปฏิเสธ

 

“แต้มบุญไม่สามารถแบ่งกันได้”

 

“ตอนนี้ขอฝากพวกมันในชื่อของอาจารย์ซูไปก่อน”

 

“ถ้าการพัฒนาสมาคมมังกรฟ้าต้องใช้แต้มบุญในการซื้อวัสดุ พวกเราก็ใช้มันตามอัตราส่วนที่แบ่งกัน และถ้าผมต้องการวัสดุเป็นการส่วนตัว ผมจะบอกอาจารย์แล้วฝากให้สั่งของอีกที”

 

ซูหยุนปิงพยักหน้า

 

นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

ฮังอวี่มีหน้าที่เป็นเพียงเจ้าของ ส่วนเรื่องอื่นๆเขาไม่สนใจ

 

หากเวลาต้องการซื้อวัสดุแล้วต้องขออนุญาตฮังอวี่ทุกครั้งมันคงยุ่งยากเกินไปหน่อย

 

“ฉันได้ติดต่อกับปรมาจารย์ค่ายกลของสกายเน็ตแล้ว พวกเขาสามารถสร้างค่ายกลให้พวกเราได้ แต่ต้องแลกกับแต้มบุญและหินคริสตัล” ซูหยุนปิงอธิบายอีกเรื่องหนึ่ง “ถึงราคาที่ขอจะแพง แต่ถนนมังกรฟ้าเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุด เพื่อความั่นคงในระยะยาว เงินที่เสียไปนี้คุ้มค่า”

 

“อาจารย์เป็น CEO เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมให้อำนาจพิจารณาเต็มที่ แต่ถ้าคิดว่าคนเดียวตัดสินใจไม่ได้ ก็ให้หวังเอ๋อมาคุย ไม่จำเป็นต้องรายงานผม” เอ่ยถึงจุดนี้ ฮังอวี่นึกบางอย่างออก “อ้อจริงสิ ได้ยินมาว่าบาร์เปิดแล้ว?”

 

“อืม พึ่งเปิดวันนี้วันแรก สนใจไปดูไหม?”

 

“ไม่น่าถามอะไรที่รู้คำตอบ ไปกันเถอะ!”

 

เดิมวันนี้ฮังอวี่ตั้งใจจะนำดอกบัวทองรวมวิญญาณไปไล่ฆ่ามอนสเตอร์ในเขาวงกตใต้ดินเพื่อรวบรวมแต้มวิญญาณ แต่ในเมื่อเป็นวันเปิดบาร์ และนี่คือกิจการสำคัญ ดังนั้นเขาจึงต้องแวะไปดู

 

นี่คือหนึ่งในสถานบันเทิงหลักของถนนมังกรฟ้า

 

แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดคือที่นี่คือสถานที่ของเขา

 

บาร์นักท่องราตรี

 

พิธีเปิดสิ้นสุดลงแล้ว

 

ขณะนี้ภายในเปิดให้บริการตามปกติ

 

ทั้งสองเดินเข้าไปในชุดลำลอง

 

บุคลิกของซูหยุนปิงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้านายใหญ่ ใกล้เคียงกับประธานกรรมการคนสวยที่มักพบเห็นในข่าวทีวี

 

สำหรับฮังอวี่? บุคลิกของเขาตอนนี้เหมือนเด็กฝึกงานที่พึ่งเรียนจบใหม่ และคอยเดินตามเจ้านายหญิงต้อยๆ

 

บรรยากาศที่นี่มีชีวิตชีวามาก

 

ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะบาร์ เก้าอี้สูง หรืออัฒจันทร์รอบๆ ก็แออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คน

 

อาจเป็นเพราะพึ่งเปิดใหม่

 

ธุรกิจเลยดีมาก!

 

ทั้งชายหญิง ไม่ว่าจะในชุดลำลองหรือชุดจากโลกวิญญาณ ต่างมาที่นี่เพื่อดื่มกินและพักผ่อน ร้องเพลง เต้นรำอย่างสนุกสนาน

 

ซูหยุนปิงมีบางสิ่งที่ต้องทำ

 

เธอขอให้หลินหลานมารับหน้าที่แทน

 

“บอสฮัง!”

 

ผู้จัดการบาร์หลินหลานตรงเข้ามาทักทายเขา

 

บุคลิกของประธานนักศึกษาสาวคนนี้ดูดีมากเช่นกัน ขณะนี้เธอสลัดชุดที่ปกติเหมือนหนอนหนังสือออกไป เผยรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวและทันสมัย “มาเถอะ ฉันจะพาชมร้านนะ!”

 

ตอนนี้หลินหลานรู้สึกชื่นชมในตัวฮังอวี่มาก

 

เพราะหลังจากเรื่องราวทั้งหมด คนอย่างอาจารย์ซูไม่ใช่ผู้ที่ง่ายจะรับมือ

 

ทว่านักศึกษาคนนี้ไม่เพียงสยบอาจารย์ให้กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่พลังรบของเขายังนำหน้าคนอื่นๆ หากมีเขาเป็นนายพลแห่งสมาคมมังกรฟ้า อนาคตต่อไปย่อมสดใส!

 

ฮังอวี่แสดงท่าทีว่าให้เบาเสียงลงหน่อย “อย่าเรียกฉันแบบนั้นในที่สาธารณะ ฉันแค่แวะมาหาความบันเทิง ไม่อยากออกตัวแรง”

 

หลินหลานยกมือขึ้นป้องปาก อดหัวเราะเบาๆไม่ได้

 

เถ้าแก่ใหญ่ผู้นี้เก่งกาจในทุกๆเรื่อง แต่เสียดายที่ชอบทำตัวติดดินไปหน่อย

 

ขณะพาฮังอวี่เดินชมรอบๆ หลินหลานได้อธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง แม้บาร์พึ่งเปิด แต่เครื่องดิมวิญญาณที่มีรสชาติอันทรงพลังกลับได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม นั่นทำให้ทางบาร์ฟันกำไรมหาศาล

 

ซูหยุนปิงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์เอาไว้แล้ว

 

บาร์จะมุ่งเน้นไปที่สามตลาดในอนาคต

 

ที่แรกก็คือสถานที่จัดงานหรือบาร์นั่นเอง

 

ที่สองคือการส่งออกเครื่องดื่มให้กับร้านอาหาร

 

ที่สามคือการขายส่งและขายปลีกเครื่องดื่มวิญญาณ

 

ตอนนี้ในร้านของอ้วนต้าไห้มีเครื่องดื่มวิญญาณหลายชนิดวางขายแล้ว นอกจากนี้ ตามแผนของซูหยุนปิง ในอนาคตเธอจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตบนถนนมังกรฟ้า และนำไวน์บางส่วนไปขายข้างในนั้น

 

ฟังดูดีนี่นา!

 

ไม่เพียงต่อยอด แต่ยังสามารถทำเงินได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด!

 

แต่ในตอนนั้นเอง

 

“หือ? นั่นไม่ใช่พี่ยอดฝีมือหรอกหรือ?”

 

หลายคนในชุดลำลองนั่งอยู่หน้าโต๊ะบาร์

 

เป็นเหลียงตง เหลียงชิว จีเหวิน ซุนเฉาเซิ่ง สี่หัวหน้าทีมแห่งสกายเน็ต

 

บนโตีะพวกเขามีเครื่องดื่มวิญญาณหลายขวดตั้งอยู่ รวมไปถึงของว่างอีก 5 – 6 อย่างที่โต๊ะบาร์จัดเตรียมเอาไว้ให้ ส่วนคนที่เอ่ยออกมาไม่ใช่ใครอื่น เป็นซุนเฉาเซิ่งที่ดูเหมือนกอริลล่า

 

ฮังอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย “ไหงคนของสกายเน็ตถึงมีเวลาว่างแบบนี้?”

 

“ว่างตูดฉันนี่!” ซุนเฉาเซิ่งหดหู่มาก “พวกเราไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว เลยอยากมีเวลาพักซักครึ่งวัน ได้ยินว่าบาร์นี้พึ่งเปิดบนถนนมังกรฟ้า เพราะงั้นพวกเราเลยแวะมา”

 

ก็ดีนี่!

 

ถ้าสกายเน็ตแวะมาบ่อยๆ

 

นั่นเท่ากับเป็นการรับประกันความปลอดภัยของถนนมังกรฟ้า!

 

หัวหน้าทีมสกายเน็ตชวนดื่มทั้งที เขาก็ต้องไว้หน้าจริงไหม?

 

ฮังอวี่ไม่ใช่คนเสแสร้ง เขาเดินไปนั่งข้างซุนเฉาเซิ่ง ถัดไปเป็นหัวหน้าทีมสาวสวยทั้งสอง

 

จี้เหวินเทเบียร์แก้วหนึ่งให้เขา

 

ฮังอวี่กระดกรวดเดียว ดื่มจนหมดแก้ว ความรู้สึกโล่งปลอดโปร่งกระจายไปทั่วร่างกาย

 

“ช่วงนี้นายยุ่งมากหรอ ไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ในบรรยากาศเช่นนี้ เหลียงชิวหัวหน้าทีมหญิงผู้กล้าหาญจริงจังก็ผ่อนคลายเหมือนคนอื่นๆ “หัวหน้ากองลั่วบ่นอยู่บ่อยๆว่าอยากหาโอกาสแวะมาเยี่ยมนาย”

 

“ก็ไม่ว่างนิดหน่อย” ฮังอวี่หัวเราะ “ไม่ต้องถึงขั้นมาเยี่ยมหรอก ผมรู้ว่าหัวหน้ากองลั่วงานเยอะ”

 

พวกเขาเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ดังนั้นไม่รู้สึกห่างเหิน สามารถสนทนาอย่างเป็นกันเอง

 

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงร้องเพลงอย่างกะทันหันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน

 

“หลองปัง ตึง ตึง ตึง~ หลองเหล่า ตึง ตึง ตึง~”

 

 

“อึก! ไอ้นักร้องเสียงเพี้ยนคนนี้มันอะไรกัน ใครมอบความมั่นใจให้เขาขึ้นไปร้องเพลงเนี่ย!” ซุนเฉาเซิ่งอดโพล่งขึ้นมาไม่ได้ “เสียงแย่จริงๆ ถ้าจะร้องแบบนี้ ฉันขึ้นไปร้องเองยังดีกว่า!”

 

“ว่าแต่ทำไมมฉันรู้สึกว่าเสียงนี้มันฟังดูคุ้นๆจัง?” เหลียงตงเอ่ยขึ้น

 

หลายคนพอตั้งใจฟังก็คิดว่าคุ้นจริงๆ พากันยืนขึ้นด้วยความสงสัย

 

จากนั้น สีหน้าของพวกเขาพลันแข็งค้าง

 

กลางเวทีที่รายล้อมไปด้วยแสงไฟ ปรากฏร่างในชุดหนังเท่ๆ สวมหมวกลิ้นเป็ดและแว่นกันแดด กระโดดร้องเพลงอยู่ข้างบน ซึ่งการเปลี่ยนนักร้องใหม่ เป็นเรื่องปกติไม่ใช่ปัญหา

 

แต่ปัญหาก็คือ

 

ไอ้ที่ขึ้นร้องดันไม่ใช่มนุษย์

 

แต่เป็นฮัสกี้!

 

เสียงที่ราวกับฆ้องแตกดึงความสนใจของทุกคน

 

“หม่าน เหล โถ้วโถ้ว ก๊อง โสย เหว่ง ปั๊ด เหย้า~”

 

“โถ่ว จน หลิวไส่ ก้าน สี่~”

 

“หวั่น จอก โถ่ว โถ่ว ยัด พิน ฉิ่ว เหล่า~”

 

ในเวลานี้ รอบข้างกลายเป็นเงียบงัน หลากหลายอารมณ์และความคิดปรากฏขึ้นในหัวของทุกคน แต่สิ่งที่เปล่งออกมาจากปากมีเพียงคำเดียว “เชี่ย!”

 

สุนัขกำลังร้องเพลงอยู่ในบาร์!

 

และกำลังร้องเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้!!

 

สายตาของหัวหน้าทีมสกายเน็ตทุกคนต่างจับจ้องมายังฮังอวี่

 

ฮังอวี่ยิ้มแหยจนปากเกือบเบี้ยว เจ้าหมอนี่แอบมาสนุกที่บาร์!

 

แถมยังกล้าขึ้นร้องเพลง ทำลายหน้าตาฉันเสียหมดแล้ว!