Ep.26 – บ้านเก่าในตรอกมังกรฟ้า

ถงจิ่งอายุ 23 ปี เป็นหญิงสาวหน้าตาดี มีอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเจียงเฉิง

เวลานี้ เธอสวมหมวกกันน็อคบนหัว ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามือสองโยกซ้ายปาดขวา คอยหลบหลุมบ่อและวัชพืชมากมายบนท้องถนน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ด้วยการรุกรานอย่างฉับพลันของโลกวิญญาณ มันได้เร่งวิกฤตฟองสบู่ด้านอสังหาที่เปราะบางอยู่แล้วให้สูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม

เวลานี้ ผู้คนเริ่มขายอสังหาที่มีกันอย่างบ้าคลั่ง นำไปแลกเงินสด เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

จำนวนบ้านปล่อยขายพุ่งสูงขึ้นอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ราคากลับตกลงอย่างน่าใจหาย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะสุดท้ายบ้านก็เป็นแค่กองเหล็กผสมคอนกรีต มันไม่สามารถใช้กินดื่ม ภายใต้ช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ มันมิใช่สถานที่ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้มีคนมากมายดิ้นรนผ่อนบ้าน หลายครอบครัวเจียดเงินเดือนที่มี แบกหนี้มานานเป็นสิบปี แต่ตอนนี้จู่ๆทุกอย่างกลับสูญเปล่า ราคาบ้านดันลดลงพรวดๆเหมือนกับไปกินยาระบายมาสิบแพ็ค และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

‘น่ากลัวว่าฉันคงทำอาชีพนี้ได้อีกไม่นานแล้ว’

‘เพื่อนร่วมงานก็ทยอยกันลาออก ธุรกิจอสังหาที่เดิมน่าจะไปได้อีกไกล ไม่นึกฝันเลยว่าจะมีวันนี้’

จุ๊ จุ๊ โชคชะตาช่างเล่นตลกจริงๆ!

ถงจิ่งคิดว่าเธอต้องรีบหาทางออกอื่นให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องเดือนถัดไปได้

เธอนึกไปถึงพี่สาวของเธอ เนื่องจากพี่สาวได้รับสกิลพรสวรรค์ที่ดีจากโลกวิญญาณ เลยถูกบริษัทใหญ่ซื้อตัวไปด้วยเงินเดือนหลักล้านต่อปี ก้าวกระโดดครั้งเดียวสูงถึงสรวงสวรรค์ ใครมองต่างก็อิจฉา

ขณะที่เธอกลับไม่มีชีวิตเช่นนั้น ตอนนี้ยังต้องทำงานหนักต่อไป

แต่จะว่าไปมันก็แปลกนะ ขณะที่อสังหาในเวลานี้กำลังถูกมองว่าเป็นเผือกร้อน ผู้ที่มีบ้านทุกคนต่างพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะขายมันก่อนราคาจะตกลงไปมากกว่านี้

ไม่ว่าใครต่างอยากเก็บเงินก้อนไว้กับตัว ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะมีคนมาขอดูบ้านในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้

ในที่สุดก็ถึงซักที!

ถงจิ่งมาถึงสถานที่นัดหมายกับลูกค้า

แต่เมื่อเธอถอดหมวกกันน็อค และมองไปรอบๆ เจ้าตัวก็อึ้งไปทันที

นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน?

ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่? ฉันคงไม่ได้เห็นภาพหลอนหรอกนะ!

สถานที่ที่ถงจิ่งมาถึง เดิมเป็นย่านเก่าแก่ในเจียงเฉิงที่ค่อนข้างห่างไกล ถ้าให้อธิบายก็คล้ายๆกับหมู่บ้านในเมือง

สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า ‘ชุมชนตรอกมังกรฟ้า’

อาคารภายในตรอกมังกรฟ้า มีอายุอย่างน้อย 20-30 ปีขึ้นไปทั้งนั้น ไม่เพียงเก่าและทรุดโทรม แต่พื้นที่บริเวณนี้ ปัจจุบันมันรกทึบไปด้วยวัชพืช แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

แม้ที่อื่นๆในเมืองจะมีวัชพืช เถาวัลย์ มอส และพืชอื่นๆที่คล้ายกัน แต่โดยรวมแล้วสร้างผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตรงกันข้ามกับชุมชนเบื้องหน้าเธอ ที่นี่มีวัชพืชจำนวนมาก แถมยังสูงขึ้นมาเกือบครึ่งตัวคน

ต้นไม้หลายต้นไม่ทราบงอกขึ้นมาจากพื้นถนนได้อย่างไร เวลานี้พวกมันสูงใหญ่หลายเมตร ทำให้ถนนที่เดิมคับแคบอยู่แล้วถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์

กบและแมลงหลากชนิดส่งเสียงร้องไม่หยุด ไหนจะมีสัตว์ป่าที่คล้ายกับกระต่าย วิ่งผ่านกอหญ้าหนาทึบไปอีก สถานที่แห่งนี้สามารถเรียกว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนได้เลย!

นี่คือชุมชนที่อยู่ในเมืองใหญ่จริงๆน่ะหรอ? มองยังไงก็เหมือนซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้งมานานเป็นร้อยปีชัดๆ!

ถงจิ่งรู้ว่านับแต่การรุกรานของโลกวิญญาณ โลกจริงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีพืชและสัตว์จำนวนมากย้ายมาจากโลกวิญญาณและปรากฏตัวขึ้นในเมือง

แม้สถานการณ์จะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาคก็จริง แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าสถานที่แห่งนี้คือตำแหน่งที่เสื่อมโทรมและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเลวร้ายที่สุด

“สวัสดี ผมชื่อฮังอวี่ เป็นคนนัดคุณมาขอดูบ้านที่นี่”

ถงจิ่งหันกลับมา และพบกับชายหนุ่มที่หน้าตาสะอาดสะอ้านยืนอยู่ข้างหลัง อายุอาจน้อยกว่าเธอซักหนึ่งหรือสองปี เขาทักทายเธออย่างสุภาพ

“ขอโทษจริงๆ ฉันไม่นึกเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว … คุณแน่ใจนะว่าอยากดูบ้านในตรอกมังกรฟ้าอยู่?” ถงจิ่งถามแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอดูถูกว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็ก  “บริษัทเรายังมีบ้านที่น่าสนใจอีกมาก ฉันแน่ใจว่าทางเราสามารถหาบ้านที่ราคาถูกและอยู่ในสภาพดีกว่านี้ให้คุณได้”

“ไม่จำเป็น ผมอยากอยู่กับธรรมชาติ ผมจะเอาบ้านในตรอกนี้”

สีหน้าของถงจิ่งเต็มไปด้วยความงุนงง เธออยากจะถาม ว่าเอ็งล้อกันเล่นใช่ไหม?

อยากอยู่กับธรรมชาติ? แต่ข้างในนั่นมันเหมือนเอาชีวิตไปเสี่ยงในป่าดงดิบชัดๆ!

แต่จะยังไงก็ช่าง ลูกค้าคือพระเจ้า เธอไม่สามารถพูดอะไรมากได้

“นั่นสินะ อย่างน้อยที่นี่ก็อากาศดีมากๆ ถ้าอยากเข้าเมือง ก็มีรถไฟใต้ดินกับป้ายรถประจำทางอยู่ไม่ไกล เป็นสถานที่เงียบสงบท่ามกลางเมืองใหญ่อันวุ่นวาย ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ … มาเถอะ​ ฉันจะพาคุณไปดูบ้าน”

เมืองเจียงเฉิงเดิมเป็นเมืองที่มีความชื้นสูง เดือนมกราคมจะหนาวมาก แต่เนื่องจากการเติบโตอย่างบ้าคลั่งของต้นไม้และพืชพรรณต่างๆ บวกกับสัตว์ทุกชนิดที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลเลยกลายเป็นว่าอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น ไปอยู่ในระดับเดียวกับช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ถงจิ่งพาฮังอวี่เดินลัดเลาะไปตามหญ้ารกทึบ ไม่นานก็ร้อนเหงื่อแตก เกิดความคิดฟุ้งซ่านขึ้นมา

ฉันเป็นใคร? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วกำลังทำบ้าอะไรอยู่??

ที่นี่คือเมืองเจียงเฉิงจริงๆน่ะหรอ? มองยังไงก็ป่าทึบกลางภูเขาชัดๆ นี่ฉันกำลังจะพาลูกค้าไปดูบ้าน หรือพาไปออกรายการสำรวจโลกกันแน่?

ชุมชนตรอกมังกรฟ้าเป็นสถานที่ที่คล้ายกึ่งสลัมในเมือง ส่วนใหญ่เลยมีเฉพาะแรงงานต่างด้าว , นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางาน และคนชรายากจนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเก่าๆแห่งนี้

ฮังอวี่เดินดูบ้านประกาศขายไปแล้วสองหลัง แต่สุดท้ายก็ยังไม่ถูกใจ “ผมต้องการบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ถ้าจะให้ดีขอบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างๆ หรือมีลานบ้านยิ่งใหญ่ยิ่งดี”

“บ้านที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าค่อนข้างหายาก แต่จะว่าไป มีบ้านเก่าอยู่หลังหนึ่งเข้าเงื่อนไขของคุณพอดี มันอยู่ข้างหน้าไม่ไกลจากที่นี่ ลองไปดูกั– ”

ระหว่างที่ถงจิ่งกำลังพูด จู่ๆเธอก็สะดุ้งโหยง เห็นแค่เพียงในมือของฮังอวี่สาดแสงประกายระยับ ดาบสั้นปรากฏขึ้นในมือเขา

เธอตกใจมาก เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไร?

อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจจะทำมิดีมิร้ายฉัน!

ถงจิ่งคาดเดาได้ทันที ว่าคนตรงหน้าอาจแค่ใช้เหตุผลในการขอดูบ้านเป็นข้ออ้างเท่านั้น ที่จริงแล้วเขาแค่ต้องการหลอกสาวสวยอย่างเธอมาปู้ยี่ปู้ยำต่างหาก!

ประกายเย็นเยียบวาบผ่าน วัชพีชรอบๆถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ

ในเวลานี้ถงจิ่งถึงค่อยสังเกตเห็น ว่ามีงูตัวหนึ่งถูกฟันนอนดิ้นอยู่บนพื้น

งูตัวนี้มีสีเขียวทั้งตัว หนาประมาณนิ้วหัวแม่มือ มันถูกดาบเดียวฟันแยกเป็นสองท่อน

ฮังอวี่หันมายิ้มให้เธอ  เป็นรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรมาก เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ระวังหน่อย แถวนี้มีงูเยอะ พวกมันเป็นงูที่ย้ายมาจากโลกวิญญาณ ดังนั้นทุกตัวน่าจะมีพิษ”

ใบหน้าของถงจิ่งซีดเผือดทันที เธอมาจากชนบท ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่กลัวมากที่สุดคืองูพิษ  ไม่นึกเลยว่าแม้ได้มาเมืองใหญ่แล้ว ก็ยังต้องพบกับเจ้าตัวน่าเกลียดน่ากลัวนี้อีก

“ที่นี่ … ที่นี่อันตรายเกินไป ฉันว่าพวกเรากลับกันเถอะ!”

“ไม่ต้องกังวล ปกติงูชนิดนี้มักไม่โจมตีคนก่อน ขอแค่ไม่เข้าไปใกล้พวกมันก็พอ”

ถงจิ่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สายตาของเธอจับจ้องไปยังดาบสั้นของฮังอวี่ แล้วจู่ๆก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้

“ดาบเล่มนี้คืออาวุธจากโลกวิญญาณมใช่ไหม?”

“ใช่”

“สุดยอดไปเลย! ตอนนี้ได้ยินว่ามีบริษัทใหญ่หลายแห่งกำลังรับซื้ออาวุธจากโลกวิญญาณ โดยให้ราคาสูงลิ่ว ดาบเล่มนี้ดูไม่เลว ฉันว่ามันน่าจะใช้แลกบ้านดีๆทั้งหลังได้เลย”

ไร้สาระน่า!

ดาบเล่มนี้ของฉันเป็นอาวุธสีขาวเชียวนะ!

เจียงเฉิงเป็นเมืองใหญ่ มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน แต่ตอนนี้มีอาวุธสีขาวซักกี่ชิ้นกัน?

ดังคำกล่าวที่ว่าของมีค่ามักหายาก ตราบใดที่ฮังอวี่ต้องการ เขาสามารถใช้ดาบเล่มนี้แลกเปลี่ยนกับวิลล่าหลังใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น

ถงจิ่งตัวสั่นงันงก กลั้นใจเดินฝ่าพงหญ้า ระหว่างทางเธอตกใจร้องกรี๊ดๆเพราะเจองูพิษหลายต่อหลายครั้ง

ภายใต้การคุ้มครองของฮังอวี่ ในที่สุดก็มาถึงบ้านหลังเก่าที่ถงจิ่งพูดถึง

หน้าทางเข้าเป็นลานสี่เหลี่ยมแยกเป็นสองทางเดิน โครงสร้างอิฐและคอนกรีตดูแข็งแรง ครอบคลุมพื้นที่ 789 ตารางเมตร พื้นที่อาคาร 410 ตารางเมตร

ทั้งที่อยู่มานานกว่า 50 ปี แต่ก็ยังคงทนทาน

ถงจิ่งสังเกตเห็นว่าต้นไม้ในบ้านเก่าหลังนี้ปกคลุมมากกว่าในที่อื่นๆมากเป็นพิเศษ พวกต้นไม้ที่เดิมทีปลูกไว้ในกระถาง มีไว้ใช้แค่ประดับตกแต่ง เวลานี้กลายพันธุ์ แต่ละต้นสูงชะลูดไปมากถึง 5-6 เมตร

กิ่งก้านและใบดูน่าเกลียด หากบอกว่าตกดึกเหมือนบ้านผีสิง คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง

–มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะต้องมาอาศัยอยู่เพียงลำพัง!

กระเบื้องปูพื้นบนลานกว้างถูกพืชพรรณเจาะทำลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย  พงหญ้าสูงเท่าหัวคน รกทึบกว่าข้างนอกเยอะมาก ถ้าเล่นซ่อนแอบกันคงแทบไม่มีทางหาเจอ

กำแพงก่ออิฐชั้นนอกถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนาม ตามจุดต่างๆภายในบ้านมีความเสียหายที่เกิดจากการกัดเซาะมากน้อยต่างกันไป

ฮังอวี่ลองสำรวจดูรอบๆ และพบว่าบ้านหลังนี้ใช้ได้ ตอนนี้แหล่งจ่ายไฟยังไม่มีปัญหา แต่กันไว้ก่อนแก้ หลังจากนี้เขาคงต้องไปซื้อเครื่องปั่นไฟมาเตรียมไว้

ถงจิ่งเกิดอาการกระอักกระอ่วน “ดูจากสภาพที่นี่สิ .. ฉันว่าคุณคงไม่–”

“มันดีมาก ดีจริงๆ ผมจะซื้อมัน!” ฮังอวี่นั่งลงบนม้านั่งหินในลานบ้าน

“ให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง!”

ถงจิ่งไม่กล้าจะบ่น ได้แต่ถามย้ำกับเขา “คุณจะไม่ลองตัดสินใจดูอีกครั้งหรอ?”

“ไม่จำเป็น ผมพอใจมาก เอาหลังนี้นี่แหละ!”

‘เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วรึไง??’

จะยังไงก็ช่างแล้ว ตอนนี้ถงจิ่งแค่อยากรีบออกไปให้เร็วที่สุด เธอเอ่ยขึ้นทันทีว่า “เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองเจียงเฉิง เขาย้ายไปอยู่เมืองโม่ตู่ได้สองปีแล้ว แต่ได้มอบหมายให้ทางบริษัทเราเสนอขาย … ”

แม้สถานที่แห่งนี้จะค่อนข้างห่างไกล และเก่าและทรุดโทรมมาก แต่มันหลังใหญ่ ราคาไม่ต่ำแน่นอน

หากฮังอวี่มาซื้อมันในอาทิตย์ก่อน ต่อให้มีเงินเป็น 10 ล้านหยวนก็อย่าได้ฝัน

แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เจ้าของก็อยากรีบปล่อยมือ สุดท้ายตกลงราคากันได้ที่ 4.8 ล้านหยวน

ฮังอวี่เซ็นสัญญาณอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของถงจิ่งยังเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่นึกฝันเลยว่าภายใต้สภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเช่นนี้ จะสามารถทำสัญญากับลูกค้าได้จริงๆ

อีกฝ่ายใช้เงินก้อนโตซื้อบ้านแบบนี้โดยไม่กะพริบตา

ฮังอวี่ยืนขึ้น เชคแฮนด์กับถงจิ่ง “ลําบากคุณแล้ว สุดท้ายผมอยากแนะนำอะไรซักอย่าง”

ถงจิ่งถาม “อะไร?”

“จงให้ความสำคัญกับพื้นที่ในเมืองที่มีพืชเติบโตมากผิดปกติ ผมรับประกันว่าในอนาคต บ้านพวกนั้นจะต้องมีค่ามหาศาล”

“เพราะอะไร?”

“เหอ เหอ ผมบอกได้แค่นี้ จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”

ตอนนี้ถงจิ่งอาจยังไม่รู้ตัว ว่าประโยคที่เหมือนพูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจของฮังอวี่ แท้จริงแล้วคือข้อมูลที่ไม่อาจประเมินค่าได้