1/3

 

Ep.171 – สุนัขเก่าไม่ดีเท่าคนใหม่

 

ไม่มีอะไรต้องพูดอีก

 

ฮังอวี่กินแก่นแท้ที่ดรอปจากราชินีมดทันที

 

คุณสมบัติช่วยฟื้นฟูเป็นอะไรที่สำคัญมาก

 

คุณสมบัติประเภทนี้หาได้ยากกว่าการเพิ่มพลังชีวิตหรือพลังจิต มันหายากกว่าพวกที่ช่วยเพิ่มโบนัสความว่องไว ร่างกาย หรือพละกำลัง มูลค่าของแก่นแท้นี้ ในอนาคตมันจะมีราคาสูงกว่าอุปกรณ์สีขาวใสหรือแม้แต่หินสกิลขั้น 2

 

ดูดซึมแก่นแท้สำเร็จ!

 

ฮังอวี่สัมผัสได้ว่าพลังสายหนึ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเขา

 

พลังสายนี้ช่วยเสริมคุณสมบัติใหม่ที่เขาไม่เคยมี

 

นับจากนี้ไป ตราบใดที่ไม่ตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ถูกคำสาปที่ระงับการฟื้นฟู หรือโดนบัฟเชิงลบต่างๆ เขาสามารถฟื้นฟูค่าพลังจิตได้ในทุกๆวินาที!

 

แม้เสบียงและโพชั่นจะหมด

 

แม้พลังจิตในตัวจะถูกใช้จนเกลี้ยง

 

ขอแค่ได้พักซักครึ่งนาที ฮังอวี่สามารถฟื้นพลังจิตของเขาให้กลับมาเต็มเปี่ยมได้อีกครั้ง

 

พลังฟื้นฟูที่เกินจริงแบบนี้เรียกได้ว่ามีอยู่ในระดับ BOSS เท่านั้น!

 

ในระยะแรก ค่าพลังจิตโดยรวมของทุกคนไม่สูงนัก ฉะนั้นการได้รับคุณสมบัตินี้เพิ่มเข้ามา เป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้

 

เพียงแก่นแท้ราชินีมดและสามแก่นแท้ราชามดก็มากพอแล้วที่จะทำให้ฮังอวี่ต้องประหลาดใจ

 

ฉะนั้นผลกำไรที่กำลังจะได้ต่อจากนี้ยิ่งไปต้องกล่าวถึง!

 

ราชามดยังมอบวัตถุดิบชั้นดีชิ้นอื่นๆให้แก่เขาผ่านเทคนิครวบรวม

 

สำหรับราชินีมด ในฐานะเจ้านายใหญ่แห่งเนินเขามด รางวัลที่เธอมอบให้เขาใจกว้างกว่าทุกๆตัว

 

นอกเหนือจากแก่นแท้แล้ว ฮังอวี่ยังใช้เทคนิครวบรวมได้รับไข่ขนาดเท่าลูกฟุตบอลที่แผ่กลิ่นายแก่กล้าออกมาได้อีกด้วย เขานำมันใส่ลงไปในมิติเก็บของเพื่อดูข้อมูลทันที

 

[ไข่มดยักษ์หน้ามนุษย์] ไข่ของสัตว์วิญญาณ ต้องใช้ 300 แต้มวิญญาณในการฟักตัว

 

ถูกต้อง!

 

ไข่สัตว์วิญญาณ!

 

ไข่สัตว์วิญญาณอันแสนหายาก!

 

ที่ฮังอวี่ต้องการจัดการกับราชินีมด นี่ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญเช่นกัน ไข่สัตว์วิญญาณมีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะได้มันผ่านเทคนิครวบรวม กล่าวได้ว่าทริปนี้ฮังอวี่โชคดีมากที่ได้มันตั้งแต่ครั้งแรกที่สังหารศัตรู

 

หลังจากราชินีมดหน้าคนถูกฆ่าตาย

 

ไม่ทราบเหมือนกันว่าราชินีตัวต่อไปจะปรากฏขึ้นอีกเมื่อไหร่

 

แต่ในอนาคต เมื่อรอยแยกมิติจากโลกวิญญาณทรงพลังขึ้น มอนสเตอร์ที่ปรากฏในเนินเขามดแห่งนี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน และที่นี่สุดท้ายก็จะมีเจ้าถิ่นตนใหม่

 

โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกๆวัน

 

หนึ่งหรือสองเดือนก็มากพอแล้วที่จะเกิดช่องว่างความห่างชั้น

 

การได้รับสัตว์วิญญาณคุณภาพสูงล่วงหน้าจะช่วยได้มากในการพัฒนานับจากนี้ไป

 

แม้ในทางทฤษฏีแล้ว มนุษย์จะสามารถทำสัญญากับสัตว์วิญญาณได้มากกว่าหนึ่งตัว แต่การมีสัตว์วิญญาณเยอะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะการเลี้ยงพวกมันแต่ละตัวต้องใช้ทรัพยากร ไม่เพียงในด้านการฝึกฝน แต่สัตว์วิญญาณไม่ใช่เครื่องจักร ดังนั้นจำเป็นต้องให้อาหาร มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

 

ฮังอวี่ระมัดระวังในการเลือกสัตว์วิญญาณมาก

 

แม้ตามทฤษฏีแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าสัตว์วิญญาณทุกตัวไม่ไร้ค่า ต่อให้เป็นหมู ไก่ หรือหมาฮัสกี้ ตราบใดที่ฮังอวี่มอบทรัพยากรมากพอก็สามารถส่งเสริมวิวัฒนาการของพวกมันไปสู่ตัวตนที่ทรงพลังและกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หรืออสูรเทพได้

 

อย่างไรก็ตาม สัตว์วิญญาณแต่ละตัวน่ะมีความสามารถต่างกัน

 

ตรงจุดนี้แหละที่ต้องเลือกอย่างรอบคอบ

 

เหตุผลหลักที่ฮังอวี่ทำสัญญากับหวังเอ๋อก็เพราะมันเป็นสัตว์วิญญาณทรงภูมิปัญญาที่แสนหายาก

 

ขณะที่ราชินีมดยักษ์หน้าคนแม้ไม่น่าจะเปิดภูมิปัญญาได้ แต่มันมีความสามารถในการอัญเชิญ

 

สามารถกล่าวได้ว่าเลี้ยงมันแค่ตัวเดียว อาจสั่งการมดได้ทั้งรัง!

 

และสัตว์วิญญาณที่เป็นสายอัญเชิญเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก

 

สัตว์วิญญาณประเภทนี้ค่อนข้างยากที่จะฝึกฝน แต่การสนับสนุนของมัน สามารถนำมาซึ่งความช่วยเหลืออย่างใหญ่หลวง

 

ฮังอวี่พอใจมาก เขาจะไม่พอใจได้อย่างไร ครั้งนี้ไม่เพียงผลกอบโกยไม่เล็กน้อย แต่การต่อสู้ยังผ่านไปได้อย่างราบรื่น

 

แม้จะคิดไว้ก่อนแล้วว่าพลังรบของเสี่ยวไป๋นั้นไม่เลว แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังขนาดนี้ เธอระดมโจมตีด้วยสกิลขั้น 2 และ 3 แบบไม่หยุดพัก ผลลัพธ์คือราชามดบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่แรกเริ่ม

 

กระทั่งราชินีมดที่เป็นถึงระดับเจ้าถิ่น ก็ยังต้านทานการโจมตีของเธอได้แค่ประมาณ 10 รอบเท่านั้น

 

ฮังอวี่รู้สึกว่าเขาประเมินพลังรบของเสี่ยวไป๋ต่ำไป

 

โชคดีที่เสี่ยวไป๋เป็นภูติมายาที่มีนิสัยโอนอ่อนและแทบไม่เคยเข้าสังคมมาก่อน

 

หากเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์จากโลกวิญญาณตัวอื่นที่ชั่วร้าย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องพากลับบ้าน แค่คิดถึงตอนหลบหนีจากมันก็เป็นปัญหายุ่งยากแล้ว

 

“ทั้งสองคนมานี่หน่อย”

 

ฮังอวี่เรียกหวังเอ๋อกับเสี่ยวไป๋มาข้างหน้า

 

หมาหวังเอ๋อกระดิกหางอย่างร่าเริง

 

เสี่ยวไป๋เดินเข้ามาเงียบๆไม่แสดงสีหน้าใดๆ

 

หมาหวังเอ๋อรู้นิสัยของฮังอวี่ ตราบใดที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ เขาย่อมมอบรางวัลเป็นการตอบแทน ดังนั้นบนหน้าผากหวังเอ๋อตอนนี้ แทบจะมีคำว่า ‘รางวัล’ แปะติดอยู่

 

เสี่ยวไป๋มีส่วนร่วมมากที่สุด และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่เธอยังคงมีสีหน้าว่างเปล่า ไม่คิดขอรางวัลใดๆ

 

ในความคิดของเธอ การต่อสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้านายอย่างฮังอวี่เป็นสิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว

 

“เสี่ยวไป๋ หวังเอ๋อ ทำได้ดีมาก ครั้งนี้ช่วยฉันได้เยอะเลย เพราะงั้นแก่นแท้ฟื้นฟูพลังชีวิตพวกนี้ ขอมอบให้กับทั้งสองคน”

 

ฮังอวี่รวบรวมแก่นแท้ฟื้นฟูของราชามดมาได้ 3 ชิ้นก็จริง แต่เจ้าสิ่งนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และระยะเวลาคงอยู่ของไอเท็มก็จำกัดเหมือนแก่นแท้ของราชินีมด ดังนั้นปล่อยทิ้งไว้มันจะกลายเป็นของเสียซะเปล่าๆ

 

ฉะนั้นคงดีกว่าหากมอบมันเป็นรางวัลให้แก่เสี่ยวไป๋และหวังเอ๋อ

 

หวังเอ๋อทำตัวโอเวอร์ คุกเข่ากราบกรานเจ้านายของมันทันที

 

มันไม่รอช้า กลืนกินแก่นแท้ฟื้นฟูพลังชีวิตอันล้ำค่าลงท้องด้วยการงับแล้วกลืนในวินาทีเดียว เจ้าสิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มคุณสมบัติอย่างถาวร แต่ยังเป็นสมบัติสวรรค์ที่ดี และช่วยเพิ่มแต้มวิวัฒนาการแก่สัตว์วิญญาณ

 

เสี่ยวไป๋แสดงสีหน้าสับสน

 

ไฉนฮังอวี่ถึงแบ่งปันสินสงครามที่ริบมาได้แก่ตน?

 

เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในที่ที่เธอเคยอาศัยอยู่

 

“รับไป ที่นี่ไม่ใช่โลกวิญญาณ เธอไม่จำเป็นต้องคิดมาก” ฮังอวี่ตบไหล่เสี่ยวไป๋และพูดว่า “นับจากนี้ขอให้เธอปฏิบัติกับฉันเหมือนพี่ชาย ระหว่างพี่ชายน้องสาวไม่จำเป็นต้องเกรงใจต่อกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พี่ชายจะดูแลและแบ่งปันของดีๆแก่น้องสาว”

 

ฮัสกี้ที่อยู่ข้างๆได้ยินประโยคนี้

 

ดวงตาของมันกลอกขึ้นไปข้างบน ถึงกับต้องลอบบ่นในใจ ‘เจ้านาย พูดแบบนี้มโนธรรมไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างหรือ? ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือเสี่ยวไป๋ทั้งนั้น เอาจริงๆเป็นเธอต่างหากที่ดูแลและมอบสินสงครามให้เจ้านาย!’

 

ฮังอวี่เหลือบมองหวังเอ๋อที่กำลังทำสีหน้าแปลกๆ

 

ฮัสกี้ฉลาดมาก ดังนั้นมันย่อมเข้าใจทุกอย่าง

 

แต่ประเด็นก็คือการแสดงออกของมันชัดเกินไป มองแวบเดียวฮังอวี่ก็รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่

 

ฮังอวี่คว้าหูฮัสกี้แล้วดึงทันที “อย่าแอบด่าเจ้านายในใจ เข้าใจไหม!”

 

ฮัสกี้ร้องโอดครวญ

 

แม้แต่ในใจก็ไม่ได้หรือ? ว่าแต่เจ้านายรู้ได้ยังไง??

 

อย่าบอกนะว่าเจ้านายมีความสามารถในการอ่านใจ แม้แต่ความคิดในหัวสุนัขก็ยังได้ยิน

 

“ภารกิจของนายยังไม่จบ” ฮังอวี่พูดกับหวังเอ๋อต่อว่า “เนินเขามดเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ ทั้งยังมีตัวตนระดับเจ้าถิ่นอาศัยอยู่ แสดงว่าที่นี่ต้องมีสมบัติซ่อนอยู่แน่นอน ไปหามันมาให้ฉัน!”

 

“น้อมรับคำสั่ง”

 

ฮัสกี้เปิดใช้งานเรดาห์ทันที ดมกลิ่นไปรอบๆ

 

สีหน้าทึ่มๆที่ดูน่ารักของฮังเสี่ยวไป๋ดูสับสนเล็กน้อย เธอเอ่ยถามว่า “แล้ว … พี่ชายน้องสาวมันหมายความว่าอย่างไร?”

 

จู่ๆก็ถูกถาม ฮังอวี่เกือบสะดุดล้มหัวทิ่ม

 

เด็กน้อยคนนี้จะเฉื่อยชาไปหน่อยไหม?

 

ก็เห็นว่าเงียบไปนึกว่าเข้าใจแล้ว ที่แท้เธอกลับยังไม่รู้อะไรเลย!

 

“พี่ชายน้องสาวก็เหมือนเป็นญาติกัน และญาติคือคนสำคัญ พวกเขาถือเป็นสมาชิกในตระกูลที่มีความสัมพันธ์ยิ่งกว่าเพื่อนฝูง สามารถดูแลกัน ปกป้องซึ่งกันและกันได้ ไว้วางใจกันและกัน สามารถพึ่งพากันอย่างไม่มีเงื่อนไข” ฮังอวี่อธิบายกับน้องสาวเสี่ยวไป๋ “ถ้ามีใครรังแกเธอ ฉันจะเป็นคนแรกที่ก้าวออกไป ถ้าเธอป่วยหรือมีปัญหาอะไร ฉันจะช่วยเธอโดยไม่ปริปากบ่น”

 

ดูแล ปกป้อง เชื่อใจ พึ่งพาอาศัยกัน?

 

ฮังเสี่ยวไป๋ตะลึงอยู่พักหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเธอนึกไม่ถึงว่าสิ่งมีชีวิตจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้แก่กันและกันได้

 

“ถึงแม้เราเสี่ยวไป๋จะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ของเจ้า” ดวงตาสีม่วงอ่อนที่ดูงดงามและบริสุทธิ์ของเธอกะพริบ ก่อนพูดกับฮังอวี่ด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แต่เราจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อเป็นน้องสาวของเจ้า”

 

เอ่อ …

 

ทำไมประโยคนี้มันฟังดูแปลกๆยังไงไม่รู้

 

อันที่จริง ตอนพาเสี่ยวไป๋กลับบ้าน ฮังอวี่แค่ต้องการใช้ความสามารถของเธอเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว

 

แต่หลังจากอยู่ด้วยกันมาวันหนึ่ง เด็กสาวที่เหมือนกระดาษขาวกลับสามารถสร้างความประทับใจแก่เขา มันทำให้ฮังอวี่อยากจะฝึกฝนเธอให้กลายเป็นคนสนิทจากใจจริง

 

นอกจากนี้

 

ตั้งแต่วินาทีที่เขารับเธอมา ชะตากรรมก็ลิขิตให้ทั้งสองไม่อาจแยกจากกัน

 

หวังเอ๋อวิ่งเข้ามา “ฮ่ง เจ้านาย ได้กลิ่นสมบัติแล้ว มันอยู่ทางนั้น!”

 

ฮังอวี่พยักหน้า “แล้วมัวรออะไรอยู่ รีบนำทางไป!”

 

“เปิ่นหวังคิดว่าเจ้านายควรปฏิบัติต่อสุนัขอย่างอ่อนโยนนะ ถึงเปิ่นหวังจะเป็นแค่ฮัสกี้ แต่ก็เป็นคนที่อยู่กับเจ้านายมาก่อน”

 

ฮัสกี้นำทาง แต่ปากบ่นไม่หยุด

 

“เปิ่นหวังไม่ปฏิเสธเรื่องที่เสี่ยวไป๋ทรงพลัง แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มีไหวพริบและฉลาดเท่าเปิ่นหวัง ในเมื่อเธอสามารถเป็นญาติของเจ้านายได้ งั้นเปิ่นหวังก็ต้องเป็นญาติของเจ้านายด้วย”

 

“เรื่องแบบนี้มันขอกันได้หรือ?” ฮังอวี่เหลือบมองสุนัข “นายนี่มันไร้ยางอายที่สุดที่ฉันเคยเจอมาจริงๆ”

 

“ฮ่ง เจ้านายไม่ต้องกังวล เปิ่นหวังไม่กล้าเรียกเจ้านายว่าพี่ชายหรอก ขอเป็นแค่ลูกก็พอ”

 

ฮังอวี่เตะตูดหมา “ไสหัวไปเลย!”

 

หวังเอ๋อถอนหายใจ บ่นโอดครวญ “เฮ้อ ชีวิตสุนัขช่างยากเข็ญ สุนัขเก่าไม่ดีเท่าคนใหม่!”

 

คนใหม่มาถึงก็ได้เป็นน้องสาว แต่มันกระทั่งลูกยังเป็นไม่ได้ ขนาดป้าหลี่ข้างบ้านยังเรียกตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ว่าลูกชายเลย