3/10

 

Ep.993

 

“จบสิ้นแล้ว!”

 

สีหน้าของฉีมู่งเฟิงและอีกสามคนแปรเปลี่ยนไป

 

พละกำลังของซูเฉินยิ่งใหญ่มาก แทบจะไม่มีใครในโลกเทียบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉีมู่เฟิง เขากระจ่างดีในเรื่องนี้ วันนั้นบนเกาะในอาณาจักรซอมบี้ ซูเฉินได้ยกภูเขาสายฟ้าต้าเชี่ยนที่หนักนับแสนจินขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

 

ภาพของพละกำลังมหาศาล ได้ติดตราตรึงใจมาจนถึงวันนี้

 

ฉะนั้นต่อให้ฉีชิงเฉวียนจะสามารถระเบิดพละกำลังออกมาได้ถึงสิบเท่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูเฉินมันก็ยังไม่มากพอ

 

“ซื่อบื้อซะจริง”

 

ซูเฉินแค่นเสียงเย็น เริ่มโคจร [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] ระเบิดโคตรพละกำลังออกไป

 

ปงงงงงง!

 

ตามมาด้วยเสยีงปะทะสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดิน ณ จุดกึ่งกลางที่หมัดทั้งสองบรรจบกัน คล้ายเกิดพายุลูกใหญ่ แผ่ซ่านกลิ่นอายบ้าคลั่งไปทั่ว กลบกลืนสีสันเดิมของป้อมปราการมิติ

 

“อ๊าาาาา!”

 

จากนั้นพลันได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เห็นแค่เพียงฉีชิงเฉวียนพุ่งกระเด็นกลับไปด้านหลังราวลูกกระสุนปืนใหญ่ ไม่ทราบว่ามีตึกถล่มไปกี่หลัง ทิ้งร่องลึกเป็นทางยาวไว้ตามพื้น

 

“ท่านบรรพชนถูกซัดปลิวในหมัดเดียว?”

 

ได้เห็นฉากอันน่าเหลือเชื่อนี้ ฉีมู่เล่ยสีหน้าเหม่อลอย สมองส่งเสียงหึ่ง หึ่งไม่หยุด

 

แม้เขาไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงมันอยู่ตรงหน้า

 

ฉีชิงเฉวียนถูกต่อยจนหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ฉีมู่เฟิงและสองสาวคาดเดาเรื่องนี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ดังนั้นเลยไม่ตกใจเท่ากับฉีมู่เล่ย

 

ครืนนนน ตึง!

 

ไม่นานหลังจากนั้น ฉีชิงเฉวียนวิ่งกลับมาจากระยะไกลอย่างทุลักทุเล ใบหน้ามอมแมมฝุ่นติดเต็มไปหมด

 

ฉีมู่เสวี่ยและคนอื่นๆหัวเราะขมขื่น

 

“ผู้อาวุโส ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า ท่านยังอยากจะให้สู้ต่อหรือไม่?” ซูเฉินกล่าวอย่างใจเย็น

 

ใช้พละกำลังเพียวๆเข้าบดขยี้ฉีชิงเฉวียน ซูเฉินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก หากฉีชิงเฉวียนยอมสู้ต่อ ครั้งนี้เขาจะบังคับให้อีกฝ่ายยอมแพ้แล้ว

 

“สู้กันต่อ!”

 

ฉีชิงเฉวียนคำรามโกรธเคือง ต่อหน้าผู้คนมากมาย ศักดิ์ศรีที่สั่งสมมามลายหายสิ้น ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ต้องเอามันกลับคืนมาบ้าง

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต่อกันเถอะ” ซูเฉินหัวเราะ

 

มองไปยังรอยยิ้มของซูเฉิน ฉีชิงเฉวียนโกรธจนลมออกหู ตะโกนเสียงเย็น “ซูเฉิน อย่าได้ใจเกินไปนัก ครั้งนี้ข้าเอาจริงแล้ว!”

 

ว่าจบก็เอื้อมมือหย่อนลงไปในถุงสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ผูกไว้ข้างเอว แล้วชูมันขึ้นมา

 

แสงสีดำสะท้อนตาม ไม่นานก็กลายร่างเป็นเสือดาวทมิฬที่มีความยาวมากกว่าสามจั้ง

 

พิจารณจากกลิ่นอาย เสือดาวตัวนี้สมควรอยู่ในระดับเทวะขั้น 4

 

“นั่นเสือดาวศิลาวิญญาณทมิฬ!”

 

ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆอุทานออกมาพร้อมกัน

 

เสือดาวศิลาวิญญาณทมิฬคือสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ฉีชิงเฉวียนกำราบได้เมื่อนานมาแล้ว เป็นสัตว์ร้ายที่ครอบครองพลังการต่อสู้มากเป็นพิเศษ

 

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ฉีชิงเฉวียนในฐานะผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 5 ระหว่างสู้ตัวต่อตัวกับซูเฉิน กลับเรียกสัตว์เลี้ยงวิญญาณระดับเทวะขั้น 4 ออกมา

 

นี่มัน … ไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรอ?

 

ในฐานะสมาชิกของตระกูลฉี วิธีการรับมือซูเฉินของฉีชิงเฉวียน ค่อนข้างน่าเกลียดเล็กน้อย

 

“สัตว์เลี้ยงวิญญาณ … ”

 

ซูเฉินประหลาดใจเล็กน้อย

 

“สัตว์เลี้ยงวิญญาณก็เหมือนกับภาพสะท้อนความสามารถในการต่อสู้ของข้า หากเจ้ากลัว ก็จงยอมแพ้ซะ!” ฉีชิงเฉวียนกล่าวหยามเหยียด

 

หลังจากที่ได้งัดเหล็กแข็งกับซูเฉิน เขาก็รู้ตัวแล้วว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย หากอยากได้ศักดิ์ศรีคืนมา มีแต่ต้องเรียกผู้ช่วยเท่านั้น แม้วิธีนี้อาจไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง แต่เพื่อกู้หน้าแล้ว เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

 

ได้ยินแบบนั้น ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆถึงกับอ้าปากค้าง

 

ฉีชิงเฉวียนเอ่ยคำนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าเพราะถูกซูเฉินกดดัน จนไม่มีทางเลือกอื่น

 

“ถ้าใช้สัตว์เลี้ยงวิญญาณได้ ก็น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้สิ”

 

ซูเฉินถูจมูกเขา ล้วงมือลงไปในถุงเก็บของ เรียกหุ่นเชิดทองคำออกมา

 

หุ่นเชิดทองคำเดิมมีฐานฝึกตนอยู่ในระดับเทวะขั้น 1 แต่หลังจากติดตั้งหุ่นเชิดระดับเทวะเข้าไปสามตัว มันก็ทะยานขึ้นมาอยู่ในระดับเทวะขั้น 4 เป็นที่เรียบร้อย

 

4/10

 

Ep.994

 

“หุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 4!”

 

สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันบ้าคลั่งที่เล็ดลอดออกมาจากหุ่นเชิดทองคำ ดวงตาของฉีชิงเฉวียนแทบถลนออกมา

 

เดิมทีเขาต้องการบดขยี้ซูเฉินโดยร่วมมือกับเสือดาวศิลาวิญญาณทมิฬ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะคำนวณผิดไป

 

ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆเองก็ตกตะลึงและงงงันไม่แพ้กัน พวกเขารู้ดีว่าซูเฉินมีหุ่นเชิดทองคำ แต่หุ่นเชิดทองคำมิใช่ระดับเทวะขั้น 1 หรอกหรือ?

 

ไม่เจอกันแค่สองสามเดือน สามารถพัฒนาจนก้าวกระโดดได้ขนาดนี้เชียว! บรรลุถึงขั้น 4 ของระดับเทวะแล้วจริงๆ น่าเหลือเชื่อนัก

 

“ลูกเล่นของซูเฉินมีไม่สิ้นสุดจริงๆ ” ฉีมู่เล่ยตกใจมาก อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจ

 

“เหล่าตี๋ อัดมันให้ฉัน!”

 

ซูเฉินเหยียดมือ ชี้ไปทางเสือดาวศิลาวิญญาณทมิฬ พร้อมออกคำสั่ง

 

“ไม่มีปัญหา” หุ่นเชิดทองคำแสยะยิ้มหยัน กระโจนเข้าใส่คู่ต่อสู้

 

เสือดาวศิลาวิญญาณทมิฬเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่ช้าทั้งสองก็เข้าปะทะกับ

 

ซูเฉินหันกลับมามองฉีชิงเฉวียน เผยรอยยิ้มบาง “ผู้อาวุโส เช่นนั้นมาต่อกันเถอะ”

 

ฉีชิงเฉวียนไม่ต้องการให้ซูเฉินลงมืออีกต่อไป เพราะเขารู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่มือของซูเฉิน กระนั้น ซูเฉินไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเลย พรวดเข้ามาอย่างกล้าหาญ เริ่มโจมตีเขาอีกแล้ว

 

“สู้ก็สู้วะ!”

 

ฉีชิงเฉวียนหยิบขวานยักษ์สีดำสนิทออกมาอย่างรวดเร็ว ตัดกวาดเป็นแนวนอน ฟันไปทางซูเฉิน

 

ไปได้ครึ่งทาง จู่ๆซูเฉินก็หยุดฝีเท้า ซัด [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน] ขณะที่ฉีชิงเฉวียนยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดซูเฉินจึงทำเช่นนั้น จู่ๆพลันรู้สึกว่าจิตสำนึกเกิดความปั่นป่วน เสียสมาธิไป

 

อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างไรเขาคือผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 5 จิตวิญญาณทรงพลังเป็นพิเศษ ไม่นานก็หลุดพ้นจากอาการดังกล่าวได้

 

แต่วินาทีถัดมา เขารู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็นโถมทับมาสะกดตนเองอีกครั้ง

 

เมื่อตระหนักได้ว่าที่มาเยือนคือพลังจิต เขาไม่ตื่นตระหนกใดๆ ขณะกำลังคิดว่าจะสลัดให้หลุด จู่ๆกลิ่นอายที่ทรงพลังจนผิดปกติก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกโจมตีเข้าเต็มเหนี่ยวแล้ว หน้าคว่ำลงกับพื้น

 

แรงปะทะเมื่อครู่ไม่ใช่เล็กน้อย สมองของฉีชิงเฉวียนอื้ออึงเกิดเสียงดังหึ่งๆ เลือดไหลย้อนขึ้นมาจากลำคอ แต่ดีที่เขาปิดปากไว้จึงไม่กระอักมันออกมา

 

ฉีชิงเฉวียนบังคับฝืนทนอดกลั้นความเจ็บปวด เหลียวหลังไปมอง เมื่อเห็นว่าซูเฉินอีกคนปรากฏกายขึ้นพร้อมถือขุนเขาลูกหนึ่งไว้ในมือ ก็ตกลงในความสับสนอย่างสิ้นเชิง

 

เพราะเขามองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ว่ามีซูเฉินอีกคนที่เหมือนกับร่างนี้ทุกประการยืนนิ่งอยู่ในจุดที่ไม่ไกลออกไป

 

แต่นั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญ ส่วนสำคัญก็คือกลิ่นอายที่ซูเฉินทั้งสองปลดปล่อยออกมานั้นไม่ต่างกันเลย ทั้งสองล้วนมาถึงระดับเทวะขั้น 4 แล้ว

 

แค่ซูเฉินคนเดียวเขายังรับมือไม่ไหว การปรากฏตัวของซูเฉินทั้งสองคน ทำให้เขาสูญสิ้นความตั้งใจที่จะต่อต้านไปอย่างสมบูรณ์

 

“เป็นร่างแยกงั้นหรือ? ว่าแต่ทำไมทั้งสองถึงได้เหมือนกันทุกประการเช่นนี้?”

 

ฉีมู่เล่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นี่นับเป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่เขาตกใจกับลูกเล่นของซูเฉิน

 

“เฮ้อ!” ฉีมู่เฟิงและน้องสาวทั้งสองถอนหายใจพร้อมกัน ทั้งสามต่างรู้ดี ว่าความพ่ายแพ้ของฉีชิงเฉวียนได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งเมื่อซูเฉินใช้ร่างแยก ผลสรุปก็ยิ่งชัดเจน แต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือ ไม่นึกว่าฉีชิงเฉวียนจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนี้

 

เขาถูกโค่นในเวลาอันสั้น ราวกับว่าฉีชิงเฉวียนวนอยู่ภายใต้มือของซูเฉินตลอดเวลา ไม่สามาถต้านทานการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว!

 

และพวกเขายังรู้อีกด้วย ว่าซูเฉินยังไม่ได้เอาจริง กระบวนท่าสังหารอันทรงพลังที่เคยเห็น ยังไม่ถูกนำออกมาใช้เลย

 

และหากซูเฉินใช้มัน เกรงว่าฉีชิงเฉวียนคงไม่มีโอกาสรอดชีวิต

 

“ซูเฉิน … จะน่ากลัวเกินไปแล้ว” ฉีมู่อวี้มองซูเฉินด้วยอาการเหม่อลอย กล่าวด้วยอารมณ์อันลึกล้ำ

 

หลังจากทุบฉีชิงเฉวียนจนล้มลง ซูเฉินก็ถอนจิตจำลองกลับคืนมา และไม่ได้ลงมือต่อ

 

เพราะท้ายที่สุดแล้วฉีชิงเฉวียนคือบรรพชนตระกูลฉี ควรจะไว้หน้าเขาบ้าง

 

เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ได้ลงมืออีก ฉีชิงเฉวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผุดลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว

 

แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขารู้สึกขายขี้หน้านัก ใบหน้าชราเวลานี้แดงก่ำ