5/8

 

Ep.987

 

ฉีมู่สือไม่อาจข่มความโกรธในใจได้อีกต่อไป พุ่งเข้าประชิดซูเฉิน เริ่มโจมตีด้วยหมัดหนัก

 

หมัดนี้รวดเร็วมาก อีกทั้งกระแสลมที่ปลดปล่อยออกมา ยังผสมผสานไปด้วยพลังตัดมิติ นี่ถือได้ว่าเป็นกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

 

ซูเฉินเห็นแบบนี้แต่ก็ยังหัวเราะออกมา ไม่ได้ตั้งใจมองด้วยซ้ำ เพียงยื่นมือออกไปคว้าแบบส่งๆ

 

ในคราเดียว การโจมตีทั้งหมดของฉีมู่สือกระจัดกระจายไปในอากาศ หมัดหนักอันทรงพลังหยุดกึกลงอย่างกะทันหัน

 

“พละกำลังของเจ้า ..!”

 

ดวงตาของฉีมู่สือเบิกกว้าง มองลึกเข้าไปจะเห็นได้ถึงระลอกคลื่นของความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ

 

เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าหมัดอันทรงพลังของเขา ไฉนภายใต้ฝ่ามือของซูเฉินจึงไม่อาจขยับเขยื้อนได้

 

ซูเฉินต้องมีพละกำลังมากมายขนาดไหนกันจึงจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?

 

ระหว่างช่วงเวลาเหม่อลอย ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลกำลังโถมเข้ามา ถูกยกตัวลอยขึ้นไปในอากาศอย่างไม่อาจขัดขืนใดๆ

 

“กลับไปสงบสติอารมณ์ซะนะ”

 

มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้มหยอกเย้า จากนั้นเหวี่ยงแขนออกไป

 

วูบบบบ!

 

ฉีมู่สือราวกับดาวหาง ถูกขว้างหายวับไปจากสายตา

 

หลังจากนั้นไม่นาน ก็บังเกิดเสียงปะทะอย่างแรง ดังสะท้อนกลับมาจากระยะไกล

 

“ … ”

 

เห็นภาพนี้ ฉีมู่เสวี่ยและอีกสองคนต่างอ้าปากค้าง เป็นเวลานานก็ไม่สามารถหุบได้

 

ทุกคนต่างรู้ดีว่าฉีมู่สือไม่ใช่คู่มือของซูเฉิน แต่ไม่คาดหวังว่าจะเลวร้ายถึงขนาดนี้

 

มันคงไม่เกินจริงเลยหากจะบอกว่า ถ้าซูเฉินเอาจริง การสังหารฉีมู่สือ ไม่ต่างอะไรจากการบี้มด

 

“ผู้ชายคนนี้ … แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”

 

ฉีมู่เสวี่ยพึมพำด้วยอาการเหม่อลอย แม้เธอจะเกลียดซูเฉินมาก แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าซูเฉินคือผู้มากพรสวรรค์ที่สุดที่เธอเคยพบเจอมา

 

ซูเฉินเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่พบกัน ไม่เจอแค่ไม่กี่เดือน เขาก็แกร่งพอที่จะเล่นตลกกับระดับเทวะขั้น 1 แล้ว

 

บางที อาจจะสู้กับหานเจี้ยนอู่ได้จริงๆ

 

“ไปต่อเถอะ”

 

ส่งฉีมู่สือถึงที่หมาย ซูเฉินกล่าวอย่างสงบ จากนั้นเดินเข้าไปในคฤหาสน์

 

ฉีมู่อวี้ได้สติกลับมา รีบวิ่งไปข้างหน้า เพื่อนำทางซูเฉิน

 

ไม่นาน ทั้งสี่ก็เข้ามาถึงห้องเล็กๆที่ดูเรียบง่าย มีเพียงคนเดียวรออยู่ในห้อง

 

–เป็นฉีมู่เฟิง

 

ขณะนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียงไม้ ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย

 

“ซูเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มา!”

 

เมื่อเห็นซูเฉิน ดวงตาของฉีมู่เฟิงเป็นประกาย กัดฟันลุกขึ้นนั่ง

 

“พี่ฉี อาการบาดเจ็บร้ายแรงรึเปล่า?”

 

ซูเฉินก้าวเข้าไป เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

 

“แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ”

 

ฉีมู่เฟิงเค้นรอยยิ้ม

 

ซูเฉินสำรวจมอง เห็นสีหน้าของฉีมู่เฟิงไม่ค่อยดี แต่บาดเจ็บไม่สาหัสมาก ก็ถอนหายใจโล่งอก

 

ต่อมา เขาหยิบ [โพชั่นรักษา] ออกมาถึงสามขวด วางบนมือของฉีมู่เฟิง แล้วสั่งให้ดื่ม

 

[โพชั่นรักษา] มาจากระบบ ไม่ว่าผู้ฝึกตนขั้นไหนดื่มไปก็ล้วนได้ผล

 

สำหรับสิ่งที่ซูเฉินให้มา ฉีมู่เฟิงไม่เคลือบแคลงสงสัยแม้แต่น้อย เงยหน้ากระดกซดทันที

 

ไม่นาน ใบหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ร่างกายเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ลุกจากเตียงได้อย่างไม่ตัดขัด และการเดินเหินไปรอบๆไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

 

ฉีมู่อวี้และอีกสองคนตกตะลึง พวกเธอเคยได้ยินเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ แต่สิ่งมหัศจรรย์อย่าง [โพชั่นรักษา] ที่เห็นผลทันตาได้อย่างกับภาพฝัน เพิ่งเคยพบเคยเจอเป็นครั้งแรก

 

“พี่ฉี หานเจี้ยนอู่ขอท้าประลองกับคุณ ถ้างั้นพวกเราก็ขอท้าประลองเขาได้เหมือนกันสิใช่ไหม?”

 

รอจนฉีมู่เฟิงฟื้นตัวดี ซูเฉินก็เริ่มเข้าประเด็น

 

“ต้องทำได้อยู่แล้ว แต่หานเจี้ยนอู่คือยอดฝีมือรุ่นเยาว์ หากเราต้องการท้าทาย คงทำได้แค่ให้รุ่นเยาว์ไปท้าเท่านั้น” ฉีมู่เฟิงกล่าว

 

ในบรรดารุ่นเยาว์ของตระกูลฉี ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือฉีมู่เล่ย แต่ฉีมู่เล่ยเพียงอยู่ขั้น 2 ระดับเทวะ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานเจี้ยนอู่

 

ด้วยประการฉะนี้ จึงไม่มีผู้ใดเหมาะสม

 

แม้จะรู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน

 

6/8

 

Ep.988

 

“พี่ฉี แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ ฉันสามารถขอท้าประลองในนามตระกูลฉีได้รึเปล่า?” ซูเฉินลองเลียบเคียงถาม

 

“เจ้าน่ะหรือ?” สีหน้าของฉีมู่เฟิงชะงักงันไปครู่หนึ่ง

 

ซูเฉินคือพี่น้องร่วมสาบานกับเขา หากเป็นตัวแทนขอท้าประลอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ

 

แต่ประเด็นก็คือ ไม่ใช่ว่าซูเฉินมีฐานฝึกตนอยู่แค่ระดับเทวะขั้น 1 หรอกหรือ? ต่อให้แข็งแกร่งกว่าในลำดับชั้นเดียวกันมากแค่ไหน ก็ไม่น่าจะสู้กับหานเจี้ยนอู่ได้กระมัง?

 

“ทำได้ ย่อมทำได้อยู่แล้ว แต่หานเจี้ยนอู่อยู่ในระดับเทวะขั้น 3– ”

 

“ไม่เป็นไร” ฉีมู่เฟิงยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซูเฉินขัดจังหวะ “ในสายตาฉัน หานเจี้ยนอู่ก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ใช้มือเดียวก็บดขยี้ได้แล้ว!”

 

ระดับเทวะขั้น 3 เป็นแค่มดปลวก?

 

ฉีมู่เฟิงตกใจ อีกสามคนที่เหลือพากันอ้าปากกรามค้างเช่นกัน

 

ซูเฉินเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าเทวะขั้น 1 ไม่ถือเป็นมดปลวกในสายตาเขา ซึ่งหลังจากทั้งสามได้เห็นฝีมือของซูเฉิน ต่างก็เห็นด้วยกับคำนี้

 

ทว่าหานเจี้ยนอู่มีระดับสูงกว่าซูเฉินถึง 2 ขั้น แต่ซูเฉินก็ยังพูดเช่นนี้ มันจะโอ้อวดไปหน่อยกระมัง?

 

“ซูเฉิน นี่เจ้าพูดจริงหรือ?”

 

ฉีมู่เฟิงกลืนน้ำลาย เหม่อมองซูเฉินอย่างว่างเปล่า ลองถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

 

“พี่ฉีแค่บอกให้ใครสักคนไปส่งคำเชิญท้าประลองก็พอแล้ว”

 

ใบหน้าของซูเฉินเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

ฉีมู่เฟิงลังเลเล็กน้อย เขารู้จักกับซูเฉินมาซักพักหนึ่งแล้ว และรู้ดีว่าซูเฉินไม่ใช่คนพูดอะไรพล่อยๆ

 

ทุกครั้งที่ซูเฉินบอกว่าจะทำอะไรซักอย่าง แสดงว่าอีกฝ่ายมั่นใจว่าทำได้อย่างแน่นอน

 

กระนั้น หานเจี้ยนอู่ถือเป็นยอดฝีมือในบรรดาผู้แข็งแกร่งเช่นกัน พรสวรรค์ของเขาสูงกว่าหานเจี้ยนฉีซะอีก ฉีมู่เฟิงกลัวจริงๆว่าซูเฉินจะพลาดท่า

 

“ซูเฉิน หานเจี้ยนอู่ไม่ใช่ธรรมดา แข็งแกร่งยิ่งกว่าซอมบี้ระดับเทวะขั้น 3 ที่เจ้าเคยสังหารหลายเท่า” ฉีมู่เฟิงเตือน

 

เขาเกิดความสงสัยขึ้นมา ว่าที่ซูเฉินมั่นใจขนาดนี้ ใช่เป็นเพราะเคยสังหารซอมบี้เทวะขั้น 3 มาก่อนหรือไม่?

 

ซูเฉินรู้ดี ว่าหากไม่ยอมสารภาพเรื่องฐานฝึกตนของตัวเองออกไป เกรงว่าพวกฉีมู่เฟิงคงจะไม่เชื่อ

 

แต่ขณะที่กำลังจะสารภาพ ในตอนนั้นเอง เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังเข้ามาจากนอกคฤหาสน์

 

“ซูเฉิน! ออกมาหาเราผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้!”

 

“ไม่ได้การ! นั่นเสียงของลุงสอง!” สีหน้าของฉีมู่เสวี่ยและคนอื่นๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ผู้ตะโกนมีชื่อว่าฉีฉง เป็นลุงสองของพวกเธอ ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 3 อีกด้วย

 

ฉีฉงผู้นี้เป็นคนอารมณ์ร้อน ทั้งยังรักลูกหลานอย่างกับไข่ในหิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉีมู่สือ เขายิ่งชอบเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ทุกคนจึงรู้ได้ทันที ว่าที่เขามา คงเป็นเพราะฉีมู่สือนำเรื่องที่ตนถูกรังแกไปฟ้องแน่ๆ

 

“ซูเฉิน เจ้าของเสียงคือลุงสองของพวกเราฉีฉง เขาเป็นคนใจร้อนวู่วาม เจ้าอย่าได้ถือสา” ฉีมู่เฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้มเจื่อน

 

“ไม่เป็นไร ” ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย เขาเคยเห็นคนอารมณ์ร้อนอย่างว่ามานักต่อนักแล้ว แต่จะเป็นคนแบบนั้นก็เป็นไป ตราบใดที่ไม่มาหัวร้อนต่อหน้าเขา แค่นั้นก็พอ ไม่งั้นก็เตรียมเป็นเหมือนกับเผ่าอสูรอัคคีได้เลย

 

แน่นอน ถึงอย่างไรฉีฉงเป็นลุงสองของฉีมู่เฟิง ด้วยความสัมพันธ์นี้ ซูเฉินอย่างมากสุดทำได้แค่มอบบทเรียนแก่อีกฝ่าย

 

“ซูเฉิน ลุงสองของข้ามาเพื่อช่วยทวงคืนความยุติธรรม เจ้าไม่กล้าออกมาหรือ?”

 

เห็นเรียกตั้งนานแล้วแต่ซูเฉินก็ยังไม่ออกมา ฉีมู่สือตะโกนบ้าง

 

“ดูเหมือนน้องชายของคุณก็กำลังขาดคนอบรมสั่งสอนเหมือนกัน” ซูเฉินถอนหายใจเบาๆ ค่อยๆก้าวออกไปนอกห้อง

 

สีหน้าของฉีมู่เฟิงแปรเปลี่ยนไปทันที ผลลัพธ์ของการทำให้ซูเฉินขุ่นเคืองร้ายแรงมาก ฉีมู่สือกระตุ้นซูเฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า คราวนี้หากอยากรักษาชีวิต เกรงว่าคงต้องมีกรีดเลือดเฉือนเนื้อกันบ้าง

 

ทางหนึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ทางหนึ่งเป็นน้องชายเขา ตอนนี้ฉีมู่เฟืงตกอยู่ในสภาวะลำบากใจมาก ได้แต่ด่าทอฉีมู่สื่อในใจ

 

ซูเฉินเดินออกจากห้อง หรี่ตากวาดมองไปทางฉีฉง เผยรอยยิ้มบาง “ผมคือซูเฉิน ไม่ทราบผู้อาวุโสต้องการชี้แนะสิ่งใด?”

ฉีฉงมองซูเฉิน กล่าวเสียงเย็น “ซูเฉิน เห็นแก่ที่เจ้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานของมู่เฟิง จงขอโทษมู่สือเสีย แล้วเรื่องนี้เป็นอันเลิกรา”

 

ซูเฉินเบ้ปาก ผุดยิ้มดูแคลน “คนที่ต้องการให้ผมก้มหัวขอโทษ–

 

–ในชาตินี้ตายหมดแล้ว และยังไม่มีใครได้กลับมาเกิดใหม่เลยซักคนเดียว!”