1/10

 

Ep.637

 

“องค์หญิง ตามเขาไปกันเถอะ”

 

อาวุโสหยูฉีส่งสายตาให้เยว่หลิง

 

เยว่หลิงลังเลเล็กน้อย สุดท้ายทำตามอาวุโสหยู ไล่ตามซูเฉินไป

 

ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองจากไป ก็ปรากฏผู้หญิงสองคนจากเผ่าเอลฟ์เดินออกมาจากห้อง VIP หมายเลข 3

 

อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีหน้าตาเหมือนกับเยว่หลิงไม่ผิดเพี้ยน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ ดวงตาของเธอมีแต่ความโหดเหี้ยม ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแววตาที่สดใสของเยว่หลิง

 

“องค์หญิงอวี้ชิง พวกเราควรตามไปดีหรือไม่?” หญิงชราเอลฟ์ที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนต้นไม้เฉาข้างกายเธอ เอ่ยถามเสียงกระซิบ

 

“อาวุโสหยูหลง ข้ารู้สึกว่ามนุษย์ผู้นั้นไม่ธรรมดา ดูเหมือนเขาไม่น่าจะอยู่แค่ในขั้น 5 เท่าที่แสดงออกมา” อวี้ชิงพึมพำ

 

อาวุโสหยูหลงกล่าวเสียงหยันว่า “แล้วยังไง? ดูเขาสิ อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ มากสุดสมควรอยู่ในขั้น 6 เรื่องนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเลย”

 

อวี้ชิงพยักหน้าเล็กน้อย แสยะยิ้มเย็น “อาวุโสหยูหลงพูดถูก ไม่ว่ายังไงต้องหยุดเขาไม่ให้มอบไข่มุกวิญญาณแก่เยว่หลิง ถ้าเขายังพอฉลาดอยู่บ้าง พวกเราก็แค่จัดการฆ่าให้ตายอย่างไม่ต้องทรมาน”

 

อวี้ชิงกับอาวุโสหยูมีความเห็นตรงกัน ก้าวออกไปจากงานประมูลอย่างรวดเร็ว

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง ชายวัยกลางคนสองคนก้าวออกมาจากห้อง VIP หมายเลข 1 ทั้งสองกระซิบกระซาบกันหลายคำ เร่งออกจากงานประมูลตามไปติดๆ

 

 

หลังจากซูเฉินเดินออกมานอกตึกประมูล เขารู้สึกได้ว่ามีดวงตาหลายคู่กำลังจ้องมองมา

 

เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร นี่คงเพราะระดับฐานฝึกตนของเขาไม่สูงนัก จึงเริ่มดึงดูดความสนใจจากผู้คน เกิดแรงจูงใจที่จะปล้นเขา

 

‘ช่างไม่รู้จักที่ตาย!’

 

ซูเฉินยิ้มเยาะในใจ เร่งความเร็วขึ้นอย่างไร้เหตุผล มุ่งหน้าออกจากเมือง

 

ในเมืองมีทั้งผู้คนและสายตาพลุกพล่าน ไม่สะดวกที่จะลงมือ จะดีกว่าหากหาที่รกร้างนอกเมือง แล้วสังหารพวกมันทั้งหมด

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเฉินปรากฏตัวในป่าเล็กห่างจากเมืองหยานจื่อกว่า 20 ไมล์

 

“เสี่ยวจือ ตรวจสอบให้ที ว่ามีตามฉันมากี่คน”

 

อย่างแรกที่ทำ ซูเฉินเปิดถุงเก็บของ เอ่ยถาม [รถศึกอัจฉริยะ]

 

“เจ้านาย มีทั้งสิ้นสิบกลุ่มกำลังมุ่งมาทางนี้ อีกทั้งระดับฐานฝึกตนของพวกเขาไม่ได้ต่ำต้อยเลย ในบรรดาคนเหล่านั้น มีผู้ฝึกตนเลเวล 8 อยู่สามคน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบอย่างรวดเร็ว

 

“เยอะขนาดนั้นเชียว?”

 

ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้กังวลเรื่องความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เพราะต่อให้มาจะยกโขยงกันมามากเพียงใด เขายังคงมั่นใจว่าจะสามารถสังหารทั้งหมดได้

 

สิ่งที่เขากังวลคือ คิดตีงู ต้องอย่าแหวกหญ้าให้มันตื่น เพราะท่ามกลางศัตรูนับสิบนี้ ต้องมีผู้ครอบครองสัตว์จำแลงอยู่ในนั้นแน่

 

และหากกำลังรบของซูเฉินถูกเปิดเผยออกมา เกรงว่าอาจทำให้มันกลัว และหลบหนีไปได้

 

ขณะที่ซูเฉินกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนขึ้น “เจ้านาย มีกลุ่มนึงมาถึงแล้ว!”

 

ซูเฉินหมุนตัว กวาดมองไปเบื้องหลัง เห็นแค่เพียงชายสี่คนที่มีปีกสีขาวร่อนลงจากฟากฟ้า กระจายปิดล้อมเขาเหมือนนัดแนะกันมาอย่างดี

 

“เผ่าวิหคเหิน?”

 

ซูเฉินเลิกคิ้ว เมื่อตอนอยู่บนเกาะเฉียนหยูในเขตหยูหลิน เขาได้สังหารคนของเผ่าวิหคเหินไปไม่น้อย และเนื่องจากลักษณะของพวกมันค่อนข้างเด่นชัด เขาเลยจดจำได้ในแวบแรกที่เห็น

 

“ฮี่ ฮี่ .. เด็กน้อย ในเมื่อรู้ว่าพวกเรามาจากเผ่าวิหคเหินก็ดี ถ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง จงมอบของออกมา แล้วพวกเราสัญญาว่าจะเหลือศพเจ้าทิ้งไว้ให้ผู้อื่นดูต่างหน้า!”

 

คนเผ่าวิหคเหินกวาดมองซูเฉินด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

 

ซูเฉินตรวจสอบการเหนี่ยวนำของลูกปัดในถุงเก็บของ หลังจากพบว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เขาก็รู้ว่าพวกเผ่าวิหคเหินทั้งสี่ ไม่มีสัตว์จำแลง

 

ทว่าแม้ไม่มีสัตว์จำแลง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ซูเฉินจะยอมปล่อยพวกมันไป

 

มุมปากของซูเฉินโค้งงอเล็กน้อย ระเบิดพลังจิตออกมา กวาดไปทางเผ่าวิหคเหินทั้งสี่ทันที

 

2/10

 

Ep.638

 

“พลังจิตแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!”

 

“ผู้อาวุโส … ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”

 

ผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเผ่าวิหคเหิน มีเลเวลอยู่แค่ 6 เท่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับพลังจิตของซูเฉินซึ่งเทียบเท่าได้เลยกับเลเวล 8 ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อต้าน

 

ณ จุดนี้ ต่างคนต่างหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉินไม่หยุด

 

ซูเฉินไม่หวั่นไหว ควบคุมพลังจิตเข้าบดขยี้ ได้ยินเพียงเสียงระเบิดรุนแรงสี่ครั้ง เผ่าวิหคเหินทั้งสี่ตัวแตก แขนขากระเด็นไปทุกทิศทาง กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

 

ขณะเดียวกัน ประกายวาววับของชิ้นส่วนสะท้อนแสงเข้ามาในสายตาเขา

 

ซูเฉินเพิ่งเก็บชิ้นส่วน ก็เห็นเงาสิ่งมีชีวิตวูบไหวอยู่ในป่า ผู้มาเยือนอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา

 

ครั้งนี้มิใช่ใครอื่น เป็นหลิงเยว่และหยูฉี ที่ต้องการแลกเปลี่ยนไข่มุกวิญญาณกับเขาในงานประมูลครั้งก่อน

 

“พวกแกสองตัวเองก็แส่หาที่ตายกับเขาด้วยหรือ?”

 

เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร สีหน้าของซูเฉินกลายเป็นมืดมนและเย็นชา

 

“สหาย พวกเรามาดี ข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับเจ้าจริงๆ”

 

เห็นสีหน้าท่าทีของซูเฉินแสดงออกถึงความไร้ปรานี เยว่หลิงรีบอธิบาย

 

“ไสหัวไป!”

 

ซูเฉินตะโกน ไล่แขกอย่างไร้เยื่อใย

 

หากไม่ใช่เพราะมีผู้ครอบครองสัตว์จำแลงอยู่ใกล้ๆ และกังวลเรื่องที่อาจเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองจนอีกฝ่ายเกิดกลัวแล้วหนีไป เขาคงไม่เปิดโอกาสให้เยว่หลิงพูด

 

เยว่หลิงตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้างดงามของเธอซีดเผือด

 

มุมปากของอาวุโสหยูฉีสั่นเทาด้วยความโกรธ กวาดสายตาที่สามารถหักแขนป่นกระดูกไปทางซูเฉิน กล่าวเสียงหม่นว่า “มนุษย์ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ แต่โลกภายนอก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เจ้าไม่คิดว่าตัวเองบ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ?”

 

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินหรี่ตาลง มองไปทางอาวุโสหยูฉี

 

“อึก ..!”

 

สบตาเข้ากับซูเฉินเพียงเสี้ยวเดียว อาวุโสหยูฉีรับรู้ได้ถึงจิตสังหารอันเย็นเยือกโจมตีไปทั่วร่างกายเธอ กระทั่งระดับฝึกตนขั้น 7 อย่างเธอ ยังต้องใจสั่น อดกลืนน้ำลายไม่ได้

 

เยว่หลิงเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี กล่าวด้วยความกังวล “ไข่มุกวิญญาณมีไว้เพื่อช่วยให้สัตว์อสูรสายโลหิตปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตาม แม้ฟังดูดีแต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะปลุกพลังสำเร็จ … แต่ข้ามีบางอย่างอยู่ในมือ ซึ่งสามารถรับประกันว่าปลุกพลังได้ และจะขอใช้สิ่งนั้นแลกเปลี่ยนกับเจ้า”

 

“หือ?”

 

ซูเฉินที่ตั้งท่ากำลังจะโจมตีต้องชะงักไป กวาดสายตาสำรวจเยว่หลิงอีกครั้ง เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบว่า “นี่แกพูดจริงหรือ? ถ้าแกกล้าโกหก ก็อย่าตำหนิว่าฉันไร้ปรานี!”

 

เป็นอย่างที่เยว่หลิงกล่าว ไข่มุกวิญญาณไม่สามารถช่วยปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ของ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ได้ 100% จริงๆ ต่อให้มีไข่มุกวิญญาณสองลูกก็ไม่แน่ว่าจะทำได้

 

ทว่าหากบางสิ่งบางอย่างในตัวเยว่หลิงสามารถรับประกันว่าจะปลุกพลัง แน่นอนว่ามันสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้

 

“ข้ามีศิลาจิตโลหิต มูลค่าของมันเหนือกว่าไข่มุกวิญญาณของเจ้าอย่างเทียบไม่ติด สิ่งนี้น่าจะพอใช้แลกเปลี่ยนกับเจ้าได้” เยว่หลิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าซูเฉินรู้จักศิลาจิตโลหิตหรือไม่

 

“ศิลาจิตโลหิต?”

 

ซูเฉินทวนชื่อ เปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] อย่างเงียบๆ สื่อสารกับหงส์เพลิงผ่านทางความคิดของเขา

 

“เสี่ยวเหยียน นายรู้จักศิลาจิตโลหิตไหม?”

 

“เจ้านาย ศิลาจิตโลหิตคือศิลาวิญญาณชนิดหนึ่งที่มีค่ามากในโลก!” หงส์เพลิงกล่าวอย่างตื่นเต้น

 

การแสดงออกของซูเฉินเริ่มตื่นตัว กล่าวว่า “ศิลาจิตโลหิตสามารถช่วยเสี่ยวจินปลุพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ใช่ไหม?”

 

“ต่อให้เป็นขยะแต่ก็ยังสามารถใช้ปลุกพลังได้ หากเจ้ายุงตัวใหญ่ปลุกพลังไม่ได้จริงๆ เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ เจ้านายฆ่ามันได้เลย” หงส์เพลิงกล่าวด้วยความั่นใจ

 

[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ที่อยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจมาก แต่มันระงับความโกรธเอาไว้ ไม่กล้าพูดอะไร

 

ได้รับคำตอบยืนยันจากหงส์เพลิง ซูเฉินปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] หันไปหาเยว่หลิง แล้วพูดว่า “ฉันยอมแลกเปลี่ยนก็ได้ แต่ก่อนหน้านั้น มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”