Ep.517
“เรื่องนี้ง่ายมาก ตราบใดที่มีผลกำเนิดมารอยู่กับตัว เขตแดนลับจะตอบสนองกับมัน และเปิดออกได้เอง” ต้นผลอายุวัฒนะอธิบาย
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสนทนากับต้นผลอายุวัฒนะอีกเล็กน้อย แล้วปิด [พื้นที่เพาะปลูก]
“ผู้อาวุโส พวกเราจะเดินทางไปสังหารสัตว์กลายพันธุ์ที่ภูเขาอวี้หลินจริงๆหรือ?”
ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง หวงหลิงเดินเข้ามาข้างซูเฉิน เอ่ยถามด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“เธอไม่อยากฆ่าพวกมันเพื่อล้างแค้นให้กับคนในชนเผ่าหรอ?” ซูเฉินถามกลับ
“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ” หวงหลิงปฏิเสธ แล้วรีบอธิบาย “ที่ภูเขาอวี้หลินมีสัตว์วิญญาณธาตุไฟเลเวล 6 ที่ทรงพลังมากอยู่ตัวหนึ่ง ฉันก็แค่เป็นห่วงว่า … ”
ซูเฉินขัดจังหวะ “พวกสัตว์ลายพันธุ์เลเวลต่ำ ฉันไม่ได้สนใจมันเลย กับอีแค่เลเวล 6 มันแทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“ … ” หวงหลิงกลืนน้ำลาย จ้องมองซูเฉินอย่างเหม่อลอย ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายผุดขึ้นในหัวใจเธอ
สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 ยังแทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขางั้นหรอ?
นี่เขาไม่เห็นสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 อยู่ในสายตาเลยรึไง? อ๊าาา!
เขามันวัวที่เอาแต่เชิดหน้าขึ้นฟ้าชัดๆ! สงสัยจะลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องก้มหน้าลง ถึงจะกินหญ้าเป็นอาหารได้!
แน่นอน หวงหลิงบ่นในใจเท่านั้น ไม่กล้าพูดมันออกมาตรงๆ
ซูเฉินไม่สนใจเธอ หันไปกล่าวกับหยางฮ่าวว่า “หยางฮ่าว เตรียมอาหารได้เลย”
อินทรียักษ์ตัวเมื่อครู่ ถูกชำแหละและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มันแค่รอถูกยกขึ้นเตาและย่าง
“จัดไปพี่เฉิน!”
หยางฮ่าวและคนอื่นๆเริ่มวุ่นกับภารกิจใหม่ที่ได้รับ
ซูเฉินว่างๆไม่มีอะไรทำ หันไปเฝ้าหน้าจอควบคุมส่วนกลาง เริ่มค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของภูเขาอวี้หลิน
เดิมที เขาตั้งใจว่าจะไปเมืองเทียนหวังเพื่อตรวจสอบเวลาเปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่หลังจากได้รู้ที่อยู่ของศิลาวิญญาณเหินแล้ว กลับต้องเปลี่ยนใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้วศิลาวิญญาณเหินมีความสำคัญมากสำหรับ [รถศึกอัจฉริยะ] การเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการบิน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็นมาก
ไม่นาน ตำแหน่งของภูเขาอวี้หลินก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
ซูเฉินประเมินระยะทางคร่าวๆ สองวันก็น่าจะถึง
หลังจากนั้น เขาก็ไม่สนใจอีก หลับตาลงพักผ่อน
ผ่านไปพักหนึ่ง ภายในรถก็อบอวลไปด้วยกลิ่นเนื้อย่าง
หยางฮ่าวปลุกซูเฉินให้มากินบาร์บีคิวด้วยกัน
ซูเฉินลุกขึ้น เติมเต็มกระเพาะอาหาร เมื่อคิดว่าพอแล้วและกำลังจะกลับไปยังเก้าอี้คนขับ หวงหลิงก็ใช้โอกาสนี้เตือนเขาอีกรอบ “ผู้อาวุโส ถ้าอยากไปภูเขาอวี้หลิน พวกเราจะใช้เส้นทางนี้ไม่ได้ ควรอ้อมสันเขาหวังโป๋ไปจะดีกว่า”
“ทำไม?”
ซูเฉินชะงัก หันมาถามด้วยความสงสัย
“เพราะที่นั่นมีราชาซอมบี้เลเวล 6 อาศัยอยู่ และการรับรู้ด้านอาณาเขตของเขาค่อนข้างดีมาก หากพวกเราเลือกผ่านไปทางนั้น เขาจะโจมตีพวกเราอย่างแน่นอน” หวงหลิงอธิบาย
ซูเฉินส่ายหัว ตรงกลับไปยังที่นั่งคนขับ
กับอีแค่ซอมบี้เลเวล 6 ยังต้องให้เขาเปลี่ยนเส้นทางหรือ?
ตรงกันข้าม หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องภูเขาอวี้หลิน เขานี่แหละจะเป็นคนไปล่าราชาซอมบี้เลเวล 6 เอง
“น้องหวงหลิง ก็แค่ซอมบี้เลเวล 6 เธอกังวลเกินไปแล้ว”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของหวงหลิง ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้
พวกเขาติดตามซูเฉินมานาน เคยเห็นศัตรูผู้แข็งแกร่งมาทุกประเภท
กระทั่งผู้วิวัฒนาการเลเวล 8 ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้กับซูเฉิน แล้วซอมบี้เลเวล 6 จะนับเป็นสิ่งใด?
“ … ” หวงหลิงตะลึง
สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?
ทำไมพวกเขาถึงไม่มีใครกลัวกันเลยซักคน?
แม้แต่สือตั้วตั้วในวัยเจ็ดขวบยังมีสีหน้าผ่อนคลาย หรือซอมบี้เลเวล 6 จะไม่ได้น่ากลัวดังข่าวลือ?
เวลาต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] วิ่งไปตลอดเส้นทาง ระหว่างทางไม่มีอุปสรรคขัดขวางใดๆ จนถึงเที่ยงในวันถัดมา สันเขาหวังโป๋ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
“เจ้านาย ตรวจพบซอมบี้เลเวล 6 กำลังใกล้เข้ามา” [รถศึกอัจฉริยะ] เตือน
ซอมบี้ที่มาจะเป็นใครอื่นไปได้อีก หากมิใช่ราชาซอมบี้เลเวล 6 –เจ้าของสันเขาหวังโป๋!
ได้ยินข่าวนี้ หวงหลิงเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา
Ep.518
“หวงหลิง ในสันเขาหวังโป๋มีซอมบี้แค่ตัวเดียวเองหรอ?” ซูเฉินค่อยๆลืมตาขึ้น ถามเสียงต่ำ
“ผู้อาวุโส มีซอมบี้เลเวล 6 เพียงตัวเดียวในสันเขาหวังโป๋” หวงหลิงตอบอย่างมั่นใจ
ซอมบี้เลเวล 6 ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ล้วนสามารถยกตนอยู่เหนือผู้คน ตามหลักเหตุผลแล้วมันควรมีลูกน้องซอมบี้เป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกแปลกๆ
“พี่เฉิน ซอมบี้มาถึงแล้ว” หยางฮ่าวเตือน
ซูเฉินเงยหน้าขึ้น และมองออกไปนอกรถ เห็นแค่เพียงชายวัยกลางคนที่หน้าตาหล่อเหลาและให้กลิ่นอายสง่างามยืนขวางทางอยู่เบื้องหน้า
หากไม่ใช่เพราะจอควบคุมแสดงผลว่านั่นคือจุดสีแดง ซูเฉินคงไม่ทันคิดว่ามันเป็นซอมบี้ด้วยซ้ำ
“ไม่นึกเลยว่าในโลกนี้จะมีซอมบี้หน้าตาดีกับเขาด้วย”
ซูเฉินปาดจมูกเขา เดินลงจากรถเพียงลำพัง
หวงหลิงอดไม่ได้ที่จะกังวลแทนซูเฉิน ดึงชายเสื้อของหยางเฉียน กล่าวด้วยความกังวลว่า “ผู้อาวุโสซูลงไปคนเดียวจะไม่เป็นไรหรอ?”
หยางเฉียนยิ้มและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่ซูเฉินทำไม่ได้ และไม่มีใครในโลกใบนี้เป็นคู่ต่อสู้ของซูเฉิน!”
“ … ” หวงหลิงอ้าปากค้าง ถึงกับพูดไม่ออก
ตะลึงงันไปพักหนึ่ง ก่อนเลียบเคียงถามว่า “ผู้อาวุโสซูเป็นผู้ฝึกตนเลเวลไหนกัน?”
ซูเฉินคือผู้ฝึกตนทุกอาชีพเลเวล 6 แต่หลังจากเข้าสู่เกาะหวังซวี่ ระดับฐานฝึกตนของเขาถูกปรับลดลงหนึ่งขั้น
หยางเฉียนคิดได้แบบนั้น ก็ตอบว่า “ตอนนี้ซูเฉินน่าจะอยู่ในเลเวล 5”
“เลเวล 5 ?”
หวงหลิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าเธอเริ่มดูน่าเกลียดเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนเลเวล 5 ปะทะซอมบี้เลเวล 6 นี่มิใช่การนำไข่ไปทุบหินหรอกหรือ?
ผู้ใดกันหนอที่มอบความกล้าเช่นนี้ให้แก่ซูเฉิน อ๊าาา!
แล้วคนในรถนี่เป็นบ้ากันไปหมดแล้วใช่ไหม? ทำไมถึงไม่มีใครหยุดเขาเลย?
เฉินเมิ่งเฟยมองไปยังท่าทีการแสดงออกของหวงหลิง ในใจเกิดความคิดอยากเฝ้าดูเรื่องราวขบขันที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในฐานะผู้เพิ่งผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาหมาดๆ หวงหลิงคิดอะไรอยู่ในใจ มีหรือที่เธอจะไม่รู้
เธอกระจ่างแจ้งแก่ใจ เพราะตอนแรกที่เจอซูเฉิน เธอยังคิดว่าซูเฉินกำลังรนหาที่ตาย แต่ทุกครั้งที่เห็นเขาสู้ เธอก็ต้องตกใจเกินบรรยายกับกำลังรบอันทรงพลังของเขา
จากนั้นจึงค่อยๆได้เรียนรู้ความจริงข้อหนึ่งอย่างช้าๆ ว่าซูเฉินนี่แหละคือผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
ตอนนี้เธอตั้งตอรอเป็นอย่างมาก ว่าหวงหลิงจะมีท่าทีอย่างไรเมื่อเห็นฉากต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินเดินเข้าหาซอมบี้เลเวล 6 หลังจากกวาดสายตามอง เขาก็เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “แกมาทำอะไรที่นี่?”
เห็นซูเฉินทำท่าทางเหมือนไม่กลัว ซอมบี้เลเวล 6 อุทานขึ้นมาเบาๆ “นี่แกไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร?”
“แกมันซอมบี้เลเวล 6 ไม่ใช่หรอ? ถ้าเรื่องนั้นฉันเคยได้ยินมาบ้างแล้ว” ซูเฉินกล่าวอย่างสบายๆ
“หือ?”
ซอมบี้เลเวล 6 สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนเพ่งมองซูเฉินอย่างตั้งใจ เขายิ้มและกล่าวว่า “น่าสนใจนี่ เจ้าหนู แกนี่มันน่าสนใจจริงๆ”
“น่าสนใจพี่สาวแกสิ!”
ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ หันมาพูดว่า “รู้ไหมทำไมฉันถึงไม่รีบฆ่าแกให้จบๆไป? นั่นเพราะฉันอยากรู้ว่าทำไมซอมบี้เลเวล 6 อย่างแกถึงอยู่ตัวคนเดียว? ถ้ายอมบอกความจริงกับฉัน ฉันจะให้แกตายแบบสบายๆ ไม่ต้องทรมาน”
“นี่แกจะฆ่าฉัน? แถมยังจะให้ตายแบบสบายๆอีก?”
ซอมบี้เลเวล 6 อ้าปากค้าง เกือบคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
มนุษย์อ่อนแอคนหนึ่งจู่ๆก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เอ่ยปากจะฆ่าเขา?
นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มนุษย์สามารถอาละวาดได้ตามใจชอบเช่นนี้?
“ฮ่า ฮ่า … ”
ซอมบี้เลเวล 6 ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและไร้ปราณี “เจ้าหนู แกนี่มันช่างอวดดีซะจริงๆ เป็นเวลานานแล้วที่เราราชาไม่ได้เจอใครที่แสร้งทำเป็นเก่งเช่นนี้”
ซูเฉินปาดจมูกเขา “ก่อนหน้านี้ก็มีคนพูดแบบแกเยอะเหมือนกัน แต่จุดจบของพวกมันทุกตัวน่าสังเวชมาก”
สิ้นเสียง ประกายแสงสีม่วงกระพริบวาบบนสองเท้าเขา ทั้งร่างกลายเป็นพร่าเลือน หายวับไปด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงดั่งภูติผี
