Ep.511

 

“เธอไปได้ศิลาวิญญาณเหินก้อนนี้มาจากที่ไหน?” ซูเฉินมองหวงหลิง เอ่ยถามเสียงต่ำ

 

ของดีเช่นศิลาวิญญาณเหิน แน่นอนว่าg-kย่อมต้องการมากกว่านี้ จึงอย่างรู้แหล่งที่มาของมัน

 

หวงหลิงได้สติกลับมา รีบตอบ “ผูhอาวุโส ศิลาวิญญาณเหินมาจากทะเลสาบโลหิตบนภูเขาอวี้หลิน ”

 

“งั้นในทะเลสาบโลหิตก็น่าจะมีศิลาวิญญาณเหินอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหม?” ซูเฉินเลียบเคียงถาม

 

หากมีศิลาวิญญาณเหินจำนวนมากถูกเก็บไว้ในทะเลสาบโลหิต เขาตัดสินใจว่าจะลองแวะไปดู

 

หวงหลิงลังเล คล้ายมีความลับบางอย่างที่ไม่อยากจะพูด แต่สุดท้ายกัดฟันตอบว่า “ผู้อาวุโส หากท่านต้องการศิลาวิญญาณเหินจากทะเลสาบโลหิต จำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษ”

 

“วิธีอะไร?” ซูเฉินอุทานออกมาเบาๆ

 

“มันต้องใช้เลือดคนชนเผ่าเฟิงหลิงของพวกเราเป็นตัวเชื่อมต่อ จึงจะสามารถกลั่นศิลาวิญญาณเหินขึ้นมาได้” ครั้งนี้หวงหลิงไม่ลังเล บอกตามความจริง

 

“ชนเผ่าเฟิงหลิงของพวกเธอก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ใช่ไหม?” ซูเฉินขมวดคิ้วเล้กน้อย

 

หวงหลิงอธิบายว่า “พวกเราเป็นเผ่ามนุษย์ แต่จัดอยู่ในสายเลือดสาขารองที่อ่อนแอมากในเผ่ามนุษย์”

 

ซูเฉินเข้าใจขึ้นมาทันที ชนเผ่าเฟิงหลิง พูดง่ายๆก็คือชนกลุ่มน้อยของเผ่ามนุษย์ และสายเลือดของคนกลุ่มน้อย มักจะมาพร้อมกับความสามารถที่พิเศษมากๆ

 

เขายังจำได้ดี ว่าบนเกาะเฉียนหยู มนุษย์ในเมืองเทียนถานเองก็เป็นชนกลุ่มน้อยเช่นกัน เลือดของพวกเขาค่อนข้างพิเศษ หลังจากถูกซอมบี้กัด ทุกคนจะกลายเป็นซอมบี้ที่มีสติปัญญา และยังสามารถรักษาสติอารมณ์ตอนยังเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ หากไม่นับอัตลักษณ์ที่แตกต่าง อย่างอื่นล้วนคงเดิม

 

เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ ซูเฉินยังคงถามต่อไปว่า “แล้วต้องใช้เลือดมากแค่ไหนถึงจะสามารถกลั่นศิลาวิญญาณเหินได้?”

 

หากไม่ต้องใช้เลือดมาก เขาน่าจะพอขอจากหวงหลิงบางส่วน ให้เธอช่วยกลั่นจนครบสิบก้อน เอาแค่เพียงพอต่อความต้องการของ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็พอแล้ว

 

“มันจำเป็นต้องใช้เลือดทั้งตัวของคนๆหนึ่ง”

 

หวงหลิงตอบอย่างไม่คิดเก็บงำ

 

ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินรู้สึกตกใจเล็กน้อย

 

ตามคำกล่าวของหวงหลิง ไม่ใช่ว่าศิลาวิญญาณเหินหนึ่งก้อน เท่ากับต้องแลกหนึ่งชีวิตหรอกหรือ?

 

“งั้นศิลาวิญญาณเหินในมือเธอ ก็แลกกับชีวิตของสมาชิกชนเผ่าคนหนึ่ง?” ซูเฉินพยายามสอบสวน

 

หวงหลิงเม้มริมฝีปากเธอ คล้ายนึกเรื่องน่าเศร้าขึ้นมาได้ พยักหน้าอย่างแรง

 

เห็นแบบนี้ ซูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย

 

ศิลาวิญญาณเหินมีค่ามากก็จริง แต่หวงหลิงก็ไม่ควรถึงขั้นยอมใช้ชีวิตสมาชิกชนเผ่าแลกมาหรอกใช่ไหม?

 

“ทำไมเธอถึงยอมแลกเปลี่ยนชีวิตคนรู้จักกับศิลาวิญญาณเหิน?” ซูเฉินไม่เข้าใจ

 

หวงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “ผู้อาวุโส พวกเราไม่ได้มีใครอยากตาย! แต่ทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกสัตว์กลายพันธุ์จากภูเขาอวี้หลิน”

 

สีหน้าของซูเฉินกลายเป็นเย็นชา กล่าวเสียงหม่น “เธอหมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าพวกสัตว์กลายพันธุ์จากภูเขาอวี้หลินต้องการศิลาวิญญาณเหิน เลยจับคนในตระกูลของเธอ แล้วโยนลงไปในทะเลสาบเลือด?”

 

“ใช่”

 

หวงหลิงตอบยืยัน

 

เพลิงโทสะลุกโชนขึ้นในอกซูเฉิน

 

ที่แท้ความจริงก็เป็นเช่นนี้ มนุษย์กับสัตว์กลายพันธุ์ มีความสัมพันธ์เป็นปฏิปักษ์กันเสมอมา แต่การกระทำแบบนั้น มันเลือดเย็นมากเกินไป

 

ซูเฉินสูดหายใจลึก ระงับความโกรธในใจเขา ถามต่อว่า “สมาชิกชนเผ่าของเธอถูกพวกสัตว์กลายพันธุ์ฆ่าไปกี่คน?”

 

“ชนเผ่าเฟิงหลิงของฉันมีคนอยู่น้อยมาก ราวๆ 25 คน นอกจากฉันที่รอดมาได้ ที่เหลือก็มีแต่ลุงสองของฉันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยชีวิตฉัน ลุงสองเลยยอมเป็นเหยื่อล่อ ไม่รู้ว่าเขาถูกพวกสัตว์กลายพันธุ์จับตัวไปแล้วรึยัง”

 

หวงหลิงพูดถึงจุดนี้ เธอก็ยกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้

 

“วางใจเถอะ ฉันจะช่วยกวาดล้างสัตว์กลายพันธุ์ทั้งหมดในภูเขาอวี้หลินให้เธอเอง” ซูเฉินปลอบประโลม

 

เดิมที เขามีตั้งใจจะล้างบางพวกสัตว์กลายพันธุ์บนเกาะหวังซวี่อยู่แล้ว

 

ยิ่งได้รู้ถึงเรื่องนี้ เขายิ่งไม่ยอมปล่อยพวกมันไปแม้แต่ตัวเดียว

 

หวงหลิงหยุดร้องไห้ จ้องมองซูเฉินด้วยความว่างเปล่า

 

ตอนแรก ที่ยอมเอ่ยปากบอกความลับเรื่องศิลาวิญญาณเหิน เธอกังวลมาก กลัวว่าซูเฉินจะคิดไม่ดี จับเธอไปแลกเป็นศิลาวิญญาณเหิน

 

แต่เห็นได้ชัดว่าซูเฉินไม่เพียงไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เขายังต้องการจะล้างแค้นพวกมันให้อีกด้วย–

 

–ตรงจุดนี้ทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก

 

 

Ep.512

 

ที่จริงแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่หวงหลิงคิดไม่ถึง

 

ที่ซูเฉินยืนกรานว่าจะสังหารพวกสัตว์กลายพันธุ์ มิใช่เพื่อแก้แค้นให้ชนเผ่าเฟิงหลิงเพียงอย่างเดียว ในทางกลับกัน เขาทำเพื่อแย่งชิงศิลาวิญญาณเหิน

 

หากเรื่องที่ชนเผ่าเฟิงหลิงถูกสังหารเป็นความจริง เช่นนั้นเขาจะไม่ยอมให้ศิลาวิญญาณเหินไปตกอยู่ในมือของพวกสัตว์กลายพันธุ์เป็นอันขาด

 

“ผู้อาวุโส ฉันซาบซึ้งในความปรารถนาดีของคุณ อย่างไรก็ตาม ในภูเขาอวี้หลินมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 อาศัยอยู่ คุณอย่าเสี่ยงดีกว่า” หวงหลิงพยายามเกลี้ยกล่อม

 

มีข่าวลือว่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 ที่นั่นคือสัตว์ววิญญาณธาตุไฟ มันทรงพลังอย่างหาที่ใดเปรียบ ในเลเวลเดียวกันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรับมือกับมันได้

 

ดังนั้นบนเกาะหวังซวี่ เจ้าสิ่งนี้แทบจะเรียกได้เลยว่าเป็นตัวตนคงกระพัน

 

และถึงแม้ว่าซูเฉินจะแข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเขายังเยาว์วัยเกินไป

 

ในความคิดของเธอ อย่างมากที่สุดซูเฉินคงเป็นผู้ฝึกตนเลเวล 4

 

หากต้องต่อกรกับสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 แค่ถูกจ้องทีเดียวก็ตายแล้ว

 

ซูเฉินไม่ได้อธิบาย เขานำขวด [โพชั่นกายภาพ เลเวล 3 ] ออกมาจากถุงเก็บของ ยื่นให้หวงหลิง “ศิลาวิญญาณเหินของเธอมีความสำคัญต่อฉันมาก ขอแลกเปลี่ยนมันกับน้ำยาเสริมความแข็งแกร่งขวดนี้”

 

แม้ศิลาวิญญาณเหินจะมีมูลค่าสูง แต่ [โพชั่นกายภาพ เลเวล 3 ] เองก็เป็นของดีไม่แพ้กัน มันสามารถช่วยให้ยกระดับขึ้นเป็นเลเวล 3 ได้ในพริบตา มูลค่าของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าศิลาวิญญาณเหินเลย

 

“นั่นไม่จำเป็นเลย ผู้อาวุโส ศิลาวิญญาณเหินนี้ขอมอบให้ท่าน” หวงหลิงปฏิเสธที่จะรับของ

 

เพราะถึงอย่างไรชีวิตเธอถูกซูเฉินช่วยเอาไว้ การมอบหินพลังงานเป็นค่าตอบแทน ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

 

สำหรับ [โพชั่นกายภาพ] ที่ซูเฉินมอบให้ เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก

 

“ฉันให้เธอก็รับไว้เถอะน่า ” ซูเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงห้ามปฏิเสธ

 

หวงหลิงสะดุ้ง กล่าวเสียงสั่นเครือ “ถ้าอย่างนั้น … ขอบคุณผู้อาวุโส”

 

ขณะที่เธอกำลังจะใส่ [โพชั่นกายภาพ] ลงในกระเป๋า ตันหลินก็ก้าวออกมาข้างหน้า “น้องหวงหลิง เธอควรดื่มขวดยานั่นนะ บางทีมันอาจช่วยให้เกิดประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง”

 

“เกิดประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง?”

 

หวงหลิงเพ่งมอง [โพชั่นกายภาพ] ในมือเธออย่างรอบคอบ หลังจากลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็เปิดจุกมันแล้วกระดกยกขึ้นดื่ม

 

ไม่กี่ลมหายใจต่อมา กลิ่นอายของเธอก็เริ่มพุ่งสูงขึ้น ไม่ช้าก็ไต่ขึ้นมาถึงระดับใหม่

 

“นี่ฉันเลื่อนขั้นเป็นเลเวล 3 แล้ว?”

 

แม้เธอจะรู้ดีกว่าใครว่าตัวเองยกระดับขึ้นอีกขั้น แต่หวงหลิงก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อนัก

 

เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ว่าหนทางแห่งการฝึกตนนั้นยากเย็นแสนเข็ญ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีพรสวรรค์ทั่วไปอย่างเธอ หากต้องการเลื่อนขั้นสู่ระดับต่อไป มันยากดั่งการปีนป่ายขึ้นสรวงสวรรค์!

 

กระนั้น หลังจากดื่มน้ำยาเพียงขวดเดียว เลเวลของเธอกลับกระโดดไปอีกขั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับความฝันไป

 

เมื่อต้องเผชิญกับความประหลาดใจอันคาดไม่ถึงนี้ หวงหลิงสับสนนิ่งงัน กลายเป็นเหม่อลอย

 

หยางฮ่าวและคนอื่นๆเห็นสีหน้าท่าทีของหวงหลิง พวกเขารู้สึกเข้าอกเข้าใจเธอเป็นอย่างดี

 

ในหมู่ผู้คนในที่แห่งนี้ เกรงว่าคนเดียวที่งุนงง ไม่เข้าใจสถานการณ์ คือเฉินเมิ่งเฟย

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งมหัศจรรย์เช่น [โพชั่นกายภาพ] เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมัน

 

“ขอบพระคุณผู้อาวุโส !”

 

ใช้เวลาอยู่นาน หวงหลิงค่อยได้สติกลับมา เดินไปหยุดเบื้องหน้าซูเฉิน ก้มหัวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ด้วยพรสวรรค์ของเธอ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากซูเฉิน เกรงว่าคงหยุดอยู่แค่เลเวล 2 ไปทั้งชีวิต

 

ส่งผลให้ความรู้สึกสำนึกคุณที่มีต่อซูเฉิน ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

“มันคือสิ่งที่เธอสมควรได้รับ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”

 

ซูเฉินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนเหลือบมองไปยังพงหญ้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป “ไสหัวออกมานี่! อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือ!”

 

“มีคนอื่นอยู่ด้วยหรือ?”

 

หยางฮ่าวและคนอื่นๆสีหน้าตึงเครียด ทั้งหมดเบนสายตามองไปยังพงหญ้า

 

ณ ขณะนี้ ตรงพงหญ้าเกิดเสียงดังแคว่ก แคว่ก แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนที่มีสีผิวดำคล้ำวิ่งเหยาะๆเข้ามาหาพวกเขา

 

“ที่แท้มันก็เป็นซอมบี้!”

 

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของแขกผู้มาเยือนชัดๆ ดวงตาของหยางฮ่าวและคนอื่นๆเริ่มทอประกายสังหาร