Ep.441

 

“ตราบใดที่ไม่นำออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ แม้จะเก็บทิ้งไว้เป็นเวลา 100,000 ปี หรือต่อให้ถึง 1,000,000 ปีก็ตาม คุณภาพของมันไม่มีทางลดลง” ต้นผลอายุวัฒนะกล่าวยืนยันด้วยความมั่นใจ

 

หลังจากได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากต้นผลอายุวัฒนะ ซูเฉินไม่รอช้า เริ่มเด็ดผลอายุวัฒนะออกมาทีละผล

 

หลังจากนั้น เขาก็มองไปยังต้นผลแก่นแท้

 

ถึงตอนนี้ต้นผลแก่นแท้ก็ยังคงหลับใหล แต่ผลไม้บนต้นที่ตอนแรกมีขนาดเท่าถั่วลิสง เวลานี้ขยายขึ้นมาเป็นเท่าไข่ไก่แล้ว

 

“เสี่ยวโซ่ว ต้นผลแก่นแท้ก็กำลังจะสุกเหมือนกันใช่ไหม?” ซูเฉินถาม

 

ผลแก่นแท้สามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งของพลังแห่งจิตวิญญาณได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันสามารถช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ในทันที นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในขณะนี้

 

เป็นผลให้เขาให้ความสำคัญกับผลแก่นแท้เป็นพิเศษ

 

“เจ้านาย ต้นผลแก่นแท้ตื่นขึ้นเมื่อไหร่ นั่นคือยามที่ผลไม้สุกงอม ส่วนเรื่องเวลาคาดว่าน่าจะอีกไม่นาน” ต้นผลอายุวัฒนะตอบกลับ

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วปิด [พื้นที่เพาะปลูก]

 

“เจ้านาย ตรวจพบพวกต่างเผ่าอยู่ในบริเวณใกล้เคียง”

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนขึ้น

 

“พวกต่างเผ่า?”

 

ซูเฉินเลิกคิ้ว มองบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

 

เขาพบว่า ห่างจากจุดนี้ไม่ถึงร้อยไมล์ ปรากฏจุดสีดำกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว

 

“เสี่ยวจือ ล็อคเป้าพวกต่างเผ่าตัวนี้ แล้วซูมขึ้นบนหน้าจอ” ซูเฉินสั่ง

 

“รับทราบ”

 

ไม่นาน บนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ภาพของชายคนหนึ่งที่มีคู่ปีกสีดำก็ปรากฏขึ้น อีกฝ่ายมีผิวสีฟ้าอ่อน และมีเขี้ยวสองซี่โผล่ออกมาบริเวณมุมปากแต่ละข้าง

 

“เผ่าปีศาจราตรี!”

 

ซูเฉินสามารถระบุสายพันธุ์ของอีกฝ่ายได้แทบจะในทันที สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ตอนที่อยู่ในเมืองหวังเยว่ เขาสังหารหญิงสาวของเผ่าปีศาจราตรีไปตนหนึ่ง และได้ข้อมูลจากเธอ ว่ามีทางผ่านเขตแดนบนเกาะว่านเหลียนซาน

 

ฉะนั้น ชายเผ่าปีศาจราตรีผู้นี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเดินทางมาจากเกาะว่านเหลียนซาน

 

ด้วยสถานะหนึ่งในห้าสุดยอดเผ่าพันธุ์ของเผ่าปีศาจราตรี มันได้ดึงดูดความสนใจของซูเฉิน

 

“เสี่ยวจือ อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนระดับไหน?” ซูเฉินถามอีกครั้ง

 

“ผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับทันควัน

 

“เลเวล 5!?” ซูเฉินเลิกคิ้ว

 

ผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหน ก็สามารถถูกเขาสังหารได้ในหมัดเดียว

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนทรมานหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี เขาได้ข้อมูลมาว่า ทางผ่านเขตแดนของเกาะว่านเหลียนซานไม่ค่อยเสถียร ส่งผลให้เลเวลสูงสุดของเผ่าปีศาจราตรีที่สามารถออกมา จะได้แค่เลเวล 3 เท่านั้น

 

หากหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีไม่โกหก นั่นไม่ได้หมายความว่าทางผ่านเขตแดนบนเกาะว่านเหลียนซานเสถียรขึ้นกว่าเดิมแล้วหรอกหรือ?

 

ผู้ฝึกตนเลเวล 5 สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ เช่นนั้นจะมีพวกเผ่าปีศาจราตรีที่เลเวลสูงกว่านี้ออกมาอีกหรือไม่?

 

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่า อีกไม่นานก็จะต้องเปิดทางไปยังเกาะว่านเหลียนซาน เช่นนั้น มันจะดีกว่าไหมหากล่วงรู้ถึงข้อมูลของเผ่าปีศาจราตรีไว้ล่วงหน้า

 

เขาจึงตัดสินใจว่าจะไปจับตัวชายเผ่าปีศาจราตรีคนนั้น เพื่อสอบปากคำ

 

หลังจากบอกหวู่หยางและคนอื่นๆ ซูเฉินก็ออกจาก [รถศึกอัจฉริยะ] เปิดใช้งาน [ก้าวเมฆามรกต] และ [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] รีบไล่ตามชายาเผ่าปีศาจราตรีไป

 

[รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ได้รับการอัพเกรดอยู่หลายครั้ง ส่งผลให้ประสิทธิภาพด้านความเร็วของมันเพิ่มพูนขึ้นทุกที

 

ปัจจุบันซูเฉินเป็นแค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 แต่ความเร็วตอนนี้ เทียบได้เลยกับผู้วิวัฒนาการเลเวล 7

 

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เขาก็ไล่ชายเผ่าปีศาจราตรีทัน

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีตระหนักว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเขา สีหน้าเจ้าตัวแข็งค้างไปเล็กน้อย ก่อนหันกลับมามอง

 

เมื่อเขาเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังไล่ตาม ก็อดตกใจเล็กน้อยไม่ได้ “เหตุใดมนุษย์ถึงสามารถบินได้?”

 

ไม่ว่าใครต่างก็รู้ ว่ามนุษย์ไม่มีความสามารถในการโบยบิน แล้วมนุษย์ตรงหน้าเขาทำได้อย่างไร?

 

แต่จะยังไงก็ช่าง เรื่องนี้ทำให้เขาเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก

 

Ep.442

 

“ฉันจะบินได้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องกังวลในตอนนี้หรอกนะ” มุมปากของซูเฉินยกสูงขึ้นเล็กน้อย เอ่ยตอบกลับไป

 

“เหตุใด .. เหตุใดเจ้าถึงพูดภาษาเผ่าปีศาจราตรีของพวกเราได้?” ชายเผ่าปีศาจราตรีรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขา ไม่ใช่แค่สามารถบินบนท้องฟ้าได้เท่านั้น แต่ยังพูดภาษาเผ่าปีศาจราตรีได้อีกด้วย เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจมาก

 

“จะพล่ามอะไรนักหนา?

 

ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “บอกที่มาที่ไปของแกซะ แล้วฉันจะช่วยให้ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการถูกถลกเนื้อหนัง!”

 

“นี่เจ้ากำลังขู่ข้า?”

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีตะลึงไปพักหนึ่ง ก่อนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “มนุษย์ เจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือ? ในเมื่อรู้สถานะของข้า แต่เจ้ายังกล้าพูดจาอวดดี สมองของเจ้ามีปัญหารึไง?”

 

เผ่าปีศาจราตรีคือสุดยอดเผ่าพันธุ์ในบรรดาเผ่าพันธุ์นับหมื่น และตัวเขาเองก็เป็นถึงผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 ทว่ามนุษย์ตรงหน้ากลับกล้าอาละวาดขมขู่ ช่างไร้สาระสิ้นดี

 

“ดูเหมือนว่าแกจะบังคับให้ฉันต้องลงมือ”

 

ซูเฉินปาดจมูก ไม่กล่าวยืดยาดอีกต่อไป เขาย่อตัวงอเข่าเตรียมส่งแรง แล้วทะยานเข้าหาชายเผ่าปีศาจราตรี

 

“นี่เจ้าก็เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 เช่นกัน? เหอ เหอ แต่แล้วอย่างไร? ด้วยความสามารถเพียงเท่านี้ เจ้าคิดหรือจ่าจะสัมผัสตัวข้าได้? ช่างฝันเฟื่อง!”

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีผุดสีหน้าดูแคลน จังหวะที่ซูเฉินใกล้เข้ามา เขาก็ชกหมัดสวนออกไป

 

แม้จะอยู่ในเลเวลเดียวกัน แต่ร่างกายของเผ่าปีศาจราตรีจัดว่าอยู่ในอันดับหนึ่งของสายพันธุ์นับหมื่น

 

ดังนั้น ในความคิดเขา ด้วยหมัดนี้ คนที่อยู่เบื้องหน้าย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส และอาจถึงขั้นตายเลยก็ยังได้

 

“ไปลงนรกซะ!”

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีหัวเราะชั่วร้าย ซัดกำปั้นเล็งไปยังใบหน้าของซูเฉิน

 

ซูเฉินริมฝีปากยกยิ้ม เอื้อมมือไปข้างหน้า และคว้าออกไปกำหมัดของชายเผ่าปีศาจราตรีเอาไว้แน่น บังคับไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหว

 

“ได้ไงกัน! เหตุใดความแข็งแกร่งทางกายภาพและพละกำลังของเจ้าถึงได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้?”

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีตกใจสุดขีด รู้สึกคล้ายลมหายใจติดขัด ร้องโวยวายด้วยความตกใจ

 

ณ ขณะนี้ เขาคล้ายเกิดภาพลวงตา ว่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ราวกับกลายเป็นภูเขาสูงตระหง่าน ที่ต่อให้เขาทุ่มสุดตัว ก็ไม่มีทางสะทกสะท้าน

 

“ยังมีอีกหลายอย่างที่แกกำลังจะได้รู้” มุมปากของซูเฉินวาดเป็นเส้นโค้งดูน่าขนลุก

 

ทันใดนั้นเอง แค่เขาออกแรงเพียงเล็กน้อย ได้ยินเสียงดัง ‘กร๊อบ’ กำปั้นของชายเผ่าปีศาจราตรี ถูกกำแน่นจนกลายเป็นก้อนเนื้อไม่น่าดู

 

“อ๊ากกกกกกกกก!”

 

ความเจ็บปวดไหลทะลักเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ชายเผ่าปีศาจราตรีกรีดร้องโหยหวนรุนแรง สะท้อนสะท้านไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

“เอะอะเสียงดังน่ารำคาญ!”

 

ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ หนึ่งหมัดซัดเข้าท้องน้อยชายเผ่าปีศาจราตรี จนสลบไป

 

จากนั้น เขาก็พาตัวอีกฝ่ายกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]

 

“มนุษย์ เจ้ามันบ้าไปแล้ว! กล้าดียังไงถึงลงมือกับเผ่าปีศาจราตรีเช่นข้า? จงรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น เจ้าจักต้องรับผลกรรมที่ตามมา!”

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีตื่นมาก็พบว่าตัวเองกำลังถูกมัดอยู่ในสถานที่แปลกตา จึงร้องคำรามด้วยความโกรธเคือง

 

“เจ้าหมอนี่มันโง่รึเปล่า? อยู่ในสภาพนี้แล้วยังกล้าอวดดีอีก”

 

“เอาแบบนี้ไหม ทำเหมือนทุกครั้ง ควักลูกตามันซะ”

 

“ฉันว่าใช้ค้อนทุบมันให้ตายเลยดีกว่า!”

 

หยางฮ่าวและสหายที่ยืนอยู่รอบๆ กำลังหารือถึงวิธีจัดการชายเผ่าปีศาจราตรี

 

ซูเฉิน เอ่ยขัดจังหวะ “วางใจเถอะ ฉันมีเรื่องจะถามเขาอยู่แล้ว ถ้าเขาปากแข็ง ก็ใช้วิธีการของพวกนายได้เลย”

 

ว่าจบ ซูเฉินก็หันมามองชายเผ่าปีศาจราตรี กล่าวอย่างเย็นชาว่า “แกมาจากเกาะว่านเหลียนซานใช่ไหม? บอกข้อมูลของสถานที่แห่งนั้นมาซะ”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

 

ชายเผ่าปีศาจราตรีหัวเราะเย้ยหยัน “มนุษย์ ข้ายอมรับว่าเจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง แต่หากต้องการก่อสงครามกับเผ่าปีศาจราตรีของพวกเรา … ”

 

“อ๊ากกกกกก”

 

ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ต้องกรีดร้องอีกครั้ง

 

คราวนี้ซูเฉินเหยียบลงขนแขนข้างหนึ่งของอีกฝ่าย

 

“ถ้ายังกล้าพูดจาข่มขู่ฉันอีก ฉันจะหั่นแกเป็นชิ้นๆ!” ซูเฉินเอ่ยเสียงเย็น เจตนาฆ่าลุกโชนในแววตาเขา

 

“เจ้า … ” ปากของชายเผ่าปีศาจราตรีสั่นระริก เขารู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่กล้าโต้เถียงซูเฉิน