3/8

 

Ep.1053

 

ซูเฉินวิ่งไปได้ครึ่งทาง จู่ๆก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน

 

การเคลื่อนไหวอันคาดไม่ถึงนี้ ทำให้โม่ชางไห่รู้สึกอึดอัดมาก แท่งเหล็กที่เขากำลังฟาดลงก็หยุดกลางอากาศเช่นกัน

 

เมื่อคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าซูเฉินจะใช้ลูกเล่นอะไร เขาจึงรีบเปิดถุงเก็บสมบัติอย่างรวดเร็ว เรียกหุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 6 ออกมาเพื่อใช้ป้องกัน

 

“ซูเฉิน เลิกรากันแค่นี้เถอะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

 

พอเรียกหุ่นเชิด ระดับเทวะขั้น 6 ออกมา อาการตื่นตระหนกของโม่ชางไห่ ลดทอนลงกว่าเดิมมาก

 

ซูเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่มุมปากเขายกโค้งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แทน

 

โม่ชางไห่เห็นแบบนั้น ในหัวใจสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ เริ่มตะหงิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ

 

แต่ในเวลานั้นเอง พลันปรากฏแรงกดดันอันน่าสะพรึงลุกฮือจากเบื้องหลังเขา

 

“มีคนลอบโจมตี?”

 

โม่ชางไห่สะดุ้งโหยง รีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว ในสายตาเขา เห็นแค่เพียงซูเฉินอีกคนหนึ่ง กำลังแบกภูเขาหลากสี และทุ่มลงมาเหนือศีรษะ

 

“มีซูเฉินสองคนได้อย่างไร?” โม่ชางไห่ตื่นตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ขณะที่เขากำลังจะปัดป้อง ซูเฉินคนแรกที่หยุดฝีเท้า พลันง้างแขนเล็งชกเข้ามาจากระยะไกล ทันทีหลังจากนั้น อาการสับสนมึนงงหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจเขา การเคลื่อนไหวทั้งหมดบนมือและแขนชะงัดลงทันตา

 

จิตจำลองของซูเฉินฉวยโอกาสนี้ทุ่ม [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]

 

หุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 6 ของ โม่ชางไห่ เห็นท่าไม่ดี ยกสองแขนขึ้นพยายามสกัดกั้น [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]

 

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามันคาดไม่ถึงเรื่องน้ำหนักของ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]

 

เพียงสัมผัสมันเบาๆ หุ่นเชิดก็ถูกกดทับลงกับพื้นทันที โม่ชางไห่ เองก็โดนทุบจมลงไปพร้อมกับมันเช่นกัน

 

ณ ตอนนี้ เขาได้หลุดพ้นจากภาพลวงตาแล้ว กระนั้น ด้วยการถล่มทับของ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการต้านทานไปเรียบร้อย

 

“ซูเฉินแข็งแกร่งจริงๆ!”

 

เห็นซูเฉินจับโม่ชางไห่ ได้ราวเหยี่ยวโฉบจากฟ้าคว้ากระต่าย จินกวงตะลึงลาน จริงอยู่ที่เขาเดาได้ตั้งแต่ต้นว่า โม่ชางไห่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉิน แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าโม่ชางไห่จะพ่ายแพ้เร็วถึงเพียงนี้ ภายใต้เงื้อมมือของซูเฉิน อีกฝ่ายไม่ทันแม้จะต่อต้าน

 

อย่างไรก็ตาม มีอย่างหนึ่งที่เขามั่นใจ โม่ชางไห่มิใช่คนอ่อนแอ แต่สาเหตุที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของซูเฉินเหนือกว่าข่าวลือ

 

“อาศัยแค่เศษสวะอย่างแก ยังคิดจะฆ่าฉันอีกหรอ?” ซูเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เยาะเย้ยแดกดัน

 

ระหว่างทาง ดาบสงครามเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมามือเขา ใบดาบทอประกายเย็นเยียบ แค่มองก็ชวนให้รู้สึกพร่ามัว

 

“ซูเฉิน ข้าเองก็ถูกนักพรตเทียนซ่านบังคับมาอีกที ได้โปรดให้โอกาสข้าซักครั้ง!” โม่ชางไห่ อ้อนวานขอความเมตา

 

ณ เวลานี้ เขาได้กลายเป็นลูกแกะที่รอวันถูกเชือด ความเป็นความตายตกอยู่ในมือซูเฉิน

 

หากอยากมีชีวิตรอด วิธีเดียวคือต้องขอความเมตตาจากซูเฉิน

 

“ขยะอย่างแก เก็บไว้จะมีประโยชน์อะไร?”

 

ซูเฉินเบ้ปาก สับลงในดาบเดียว

 

ได้ยินเพียงเสียงแคว๊กกกก ร่างของโม่ชางไห่ ถูกผ่าแยกเป็นสองส่วน

 

“ฆ่ากันง่ายๆแบบนี้เลย … ”

 

ผู้สูงศักดิ์จินกวงหายใจไม่ทั่วท้อง โม่ชางไห่คือยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในระดับเทวะขั้น 7 เดิมอีกฝ่ายสามารถเที่ยวเตร่ไปทั่วมิติภายนอกได้ตามใจนึก แต่ดันมาวุ่นวายกับซูเฉิน สุดท้ายการจบชีวิตน้อยๆลง คงได้แต่ต้องโทษตัวเองแล้ว

 

ซูเฉินเก็บชิ้นส่วน กล่าวร่ำลาจินกวง เดินกลับเข้าไปบน [รถศึกอัจฉริยะ] ออกจากที่นี่

 

“บนโลกใบนี้ถือกำเนิดสัตว์ประหลาดเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร ..?”

 

เฝ้ามองทิศทางที่ [รถศึกอัจฉริยะ] หายไป ผู้สูงศักดิ์จินกวงผ่อนลมหายใจยาว

 

 

“ซูเฉิน พวกเราจะกลับไปป้อมปราการมิติเลย หรือไปที่อื่นต่อ?”

 

ระหว่างทาง ฉีมู่เฟิงเอ่ยถาม

 

“กลับไปที่ป้อมปราการมิติก่อน ” ซูเฉินลองทบทวนดูอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบกลับ

 

ก่อนหน้านี้

 

พวกเขาเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น พวกสัตว์ร้ายมิติคงเตรียมรับมือแล้ว มันไม่ปลอดภัยที่จะกลับทางค่ายกลเคลื่อนย้าย คงได้แต่บินกลับเท่านั้น

 

และด้วยเวลาที่ยืดเยื้อ หากแวะไปที่อื่น มีโอกาสจะกลับไม่ทันเขตแดนลับมิติ

 

4/8

Ep.1054

 

หลังจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] บินตรงไปกลับไปยังป้อมปราการมิติ สองสามวันแรกไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น แต่พอถึงวันที่ห้า นกสำรวจกลับร้องเตือนขึ้น

 

“เจ้านาย ข้ารู้สึกว่ามีคนกำลังจับตามองดูพวกเรา”

 

“หรือว่าจะมีคนสะกดรอยตาม?” ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากถาม

 

“ไม่ใช่การสะกดรอยตาม แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ในมุมมืด แต่อยู่ไกลจากพวกเรามาก” นกสำรวจอธิบาย

 

ซูเฉินนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ค้นหามัน ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] อัพเกรดเป็นขั้น 14 แล้ว รัศมีการค้นหากว้างถึง 200,000 กิโลเมตร ถ้ามีคนซุ่มโจมตีจริงๆ จะมากจะน้อยน่าจะตรวจหาร่องรอยได้

 

“เจ้านาย ตรวจไม่พบอะไรเลย”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] สแกนหาอยู่พักหนึ่ง ก่อนรายงานกลับมา

 

“งั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว เดินทางต่อได้ ”

 

ในเมื่อไม่พบร่องรอยของอีกฝ่าย ซูเฉินก็ไม่สนใจอีกต่อไป [รถศึกอัจฉริยะ] ยังคงบินต่ออีกเป็นเวลาสองวัน เมื่อผ่านกระจุกดาวอุกกาบาต นกสำรวจก็ร้องเตือนขึ้น “เจ้านาย พบที่มาของสัญญาณอันตรายแล้ว มันอยู่ในกระจุกดาวอุกกาบาต ”

 

ซูเฉินหรี่ตาลงมองไปทางอุกกาบาต โดยไม่ทันตั้งตัว ลำแสงสีขาวถูกยิงออกมาจากมัน ไม่นานก็มาถึงเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ]

 

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ลำแสงที่ว่าเริ่มเปลี่ยนรูป กลายร่างเป็นภูติเงาสัตว์ร้ายมิติตัวหนึ่ง

 

“ซูเฉิน! เราผู้เฒ่ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

 

ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติ กวาดตามองมาทาง [รถศึกอัจฉริยะ] กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

ซูเฉิน ไม่เสียเวลาคิดมากความ เปิดประตูรถ ก้าวออกไปคนเดียว ตะโกนใส่ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติว่า “เป็นแกสินะที่คอยจับตามองฉันในช่วงหลายวันมานี้”

 

“เป็นข้าเอง”

 

ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติยอมรับอย่างใจกว้าง

 

“แล้วแกมีธุระอะไร?” ซูเฉินถาม

 

อีกฝ่ายจับตามองเขามาหลายวันแล้ว ต้องมีเป้าหมายอะไรแน่ๆ

 

“ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่มิติภายนอก เจ้าสังหารคนของข้าไปไม่น้อย ถูกไหม?” สัตว์ร้ายมิติ ถามแทนคำตอบ

 

ซูเฉินพยักหน้า รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ

 

“ในเมื่อเจ้ายอมรับมัน เช่นนั้นพวกพวกเรามาว่ากันเรื่องต่อไป”

 

ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติกระแอมในลำคอ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ล่วงเกินพวกเราเหล่าสัตว์ร้ายมิติ ย่อมไม่พบจุดจบที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าที่สังหารชาวเผ่าเราไปนับไม่ถ้วน จักต้องทนรับการล้างแค้นของพวกเราจนกว่าจะตาย!”

 

“ยังไงก็ตาม เราผู้เฒ่าชื่นชมผู้มีพรสวรรค์ ดังนั้นสามารถมอบโอกาสรอดชีวิตแก่เข้าได้”

 

“ว่าต่อสิ ”ซูเฉินถูจมูกเขา สีหน้าท่าทีสงบนิ่งมาก

 

ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติทำหน้าตาขึงขัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยอมจำนนต่อพวกเราสัตว์ร้ายมิติ มิฉะนั้นเจ้าจักต้องตาย!”

 

“ก้มหัวให้พวกแกอะนะ?” ใบหน้าของซูเฉินเต็มไปด้วยความรังเกียจ อีกฝ่ายเป็นแค่ภูติเงาเท่านั้น แต่ดันกล้าเอ่ยวาจาใหญ่โตว่าจะฆ่าเขา ช่างน่าขันสิ้นดี!

 

“เราผู้เฒ่าให้โอกาสเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับมัน งั้นก็ไปลงนรกซะ!”

 

ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติหัวเราะร้ายกาจ ทันใดนั้น กระจุกดาวอุกกาบาตที่อยู่เบื้องหลังเริ่มสั่นไหว เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรง

 

วินาทีถัดมา เห็นแค่เพียงกระจุกดาวอุกกาบาตที่กระจัดกระจายอยู่โดยรอบทั้งหมดมาบรรจบกันในจุดเดียว

 

ไม่กี่อึดใจต่อมา มันได้หลอมรวมกันกลายร่างเป็นยักษ์อุกกาบาตสูงหลายร้อยจั้ง

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆ ตกตะลึง

 

และในเวลานั้นเอง ภูติเงาสัตว์ร้ายมิติทะยานขึ้นไปตรงส่วนหัวของยักษ์อุกกาบาต สุดท้ายจมหายเข้าไปในระหว่างคิ้วของมัน

 

ในพริบตา กลิ่นอายอันบ้าคลั่งของระดับเทวะขั้น 7 ได้แพร่กระจายออกมา

 

“ฮ่า ฮ่า​ … ” ยักษ์อุกกาบาตหัวเราะคลุ้มคลั่ง จับจ้องซูเฉินด้วยคู่ดวงตาที่ใหญ่โตอย่างหาที่เปรียบมิได้ กล่าวเสียงเย็นชา “ซูเฉิน ตอนนี้รู้หรือยังว่าความกลัวคืออะไร ? ”

 

“แค่ขั้น 7 ก็อวดดีใส่ฉัน? ซื่อบื้อซะไม่มี” ซูเฉินส่ายหัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

 

เขาไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

 

จริงอยู่ ว่าร่างอันใหญ่โตของ ยักษ์อุกกาบาต มันชวนให้ผู้คนตื่นตกใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันอยู่แค่ ระดับเทวะขั้น 7 เท่านั้น

 

คิดทำอวดเบ่งต่อหน้าเขา –ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ!