7/8

 

Ep.1017

 

จะฆ่าข้า?

 

หวงไคอึ้งงันไปชั่วขณะ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าหนู เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงพูดจาอวดดีเช่นนี้!”

 

“แกไม่ใช่หวงไคแห่งเมืองเป่ยหมิงหรอกหรอ? เป็นสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 ถูกไหม?” ซูเฉินกล่าวอย่างสบายๆ สีหน้าท่าทีเขาราวกับไม่เห็นหวงไคอยู่ในสายตา

 

“ในเมื่อรู้แล้ว เจ้ายังกล้ามาหาเรื่องอีก?” หวงไคประหลาดใจมาก เผ่ามนุษย์ที่แสนอ่อนแอ แม้ล่วงรู้ตัวตนเขา ยังกล้าเข้ามาหาเรื่อง นี่ทำให้เขาไม่เข้าใจจริงๆ

 

หวูโหยวกับเฉินเจิงก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน จับจ้องซูเฉินอย่างเหม่อลอย ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

“รีบทำให้มันจบๆเถอะ ฉันกำลังรีบอยู่” ซูเฉิยมุ่ยปาก ยื่นมือไปทางหวงไค กระดิกนิ้วยั่วโมโห

 

“ในเมื่อเจ้าอยากตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้สมปรารถนา!” ความโกรธของหวงไคทะลุจุดเดือดแล้ว กลิ่นอายชั่วร้ายลุกฮือออกมา ตรงเข้าสังหารซูเฉิน

 

หวูโหยวกับเฉินเจิ้งรู้สึกตึงเครียดอย่างหาที่ใดเปรียบ สองพ่อลูกบน [รถศึกอัจฉริยะ] เองก็กัดฟันแน่น

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 5 ซูเฉินจะยังมีโอกาสรอดหรือไม่?

 

ขณะที่หวงไคกำลังวิ่งตรงเข้ามา ทั่วทั้งร่างของซูเฉินบังเกิดเสียงกระดูกลั่น

 

ในพริบตา ร่างกายเขาสูงชะลูดเป็นสิบจั้ง ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายอันบ้าคลั่งรุนแรงของผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 4 แผ่กระจายออกมา

 

ซูเฉินเป็นระดับเทวะขั้น 4 !?

 

หวูโหยวตื่นตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ในความเข้าใจของเขา ซูเฉินยังเป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้น 10 เท่านั้น

 

แต่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่เดือน ซูเฉินกลับก้าวเป็นระดับเทวะขั้น 4 ความเร็วในการยกระดับนี้ ส่งผลกระทบต่อจิตใจเขาเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเจ้าตัวตกอยู่ในห้วงภวังค์

 

“วิชาแปลงร่าง! ซูเฉินยังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ด้วย!” ซางอวิ๋น ตื่นเต้นขึ้นมาทันที หากซูเฉินก้าวสู่ระดับเทวะขั้น 4 เท่ากับว่าเขาอยู่ห่างจากหวงไคเพียงขั้นเดียว ด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉินที่สามารถสังหารศัตรูข้ามขั้นได้ ดังนั้นไม่น่าจะติดปัญหาใดหากคิดกำจัดหวงไค

 

หัวใจของซางอวิ๋นที่ตอนแรกเต้นระรัว เวลานี้กลับมาสงบ เป็นปกติดังเดิม

 

“เจ้าหนู ที่แท้เจ้าก็อยู่ในระดับเทวะขั้น 4 ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้กล้าอวดดีเช่นนี้!”

 

หวงไคหยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน ต้องสำรวจมองซูเฉินอีกครั้ง

 

กำลังรบของซูเฉินเพิ่มขึ้นเป็นระดับเทวะขั้น 4 แม้มันจะเหนือความคาดหมายของเขาไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะถึงอย่างไรซูเฉินยังห่างชั้นกับเขาถึง 1 ขั้น แล้วอีกอย่างประสิทธิภาพในการต่อสู้ของสัตว์ร้ายมิติก็เหนือกว่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์

 

“เจ้าหนู ข้าอยากให้เจ้าเข้าใจเรื่องหนึ่ง แม้เจ้าจะอยู่ในระดับเทวะขั้น 4 แต่เจ้าก็ยังเป็นเพียงมดในสายตาข้า!”

 

หวงไคแค่นเสียงหัวเราะ สีหน้าดูหยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่ง

 

“งั้นมาดูกันว่าใครกันแน่ที่เป็นมดปลวก!”

 

ซูเฉินแผดเสียงเย็น ขยับเท้าเก้าเดียว ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าหวงไคด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ จากนั้นฟาดฝ่ามือออกไป

 

“ว่องไวอะไรเช่นนี้!”

 

ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวและคนอื่นๆตกใจมาก หลังจากซูเฉินแปลงร่างแล้ว ความเร็วของเขาว่องไวยิ่งกว่าระดับเทวะขั้น 5 เสียอีก นี่ทำให้พวกเขาตื่นตกใจมาก!

 

หางตาของหวงไคกระตุก แต่ก็ยังไม่ถอยหนี วินาทีนั้นเกร็งหมัดแน่นแล้วชกสวนกลับไป

 

ปงงงงงง!

 

ยามเมื่อหมัดและฝ่ามือบรรจบกัน เสียงสั่นสะเทือนรุนแรงดังสะท้อนไปทั่วมิติภายนอก เห็นแค่เพียงภาพของหวงไคถูกฟาดปลิวออกไป พุ่งละลิ่วราวดาวหาง

 

“ช่างเป็นพละกำลังที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!” ซางอวิ๋นตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง พละกำลังของสัตว์ร้ายมิตินั้นสูงกว่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ ยิ่งเป็นพละกำลังของสัตว์ร้ายมิติขั้น 5 ยิ่งยากจะหาผู้ใดเทียมเทียบ

 

แต่ต่อหน้าซูเฉิน อีกฝ่ายไม่ต่างจากมดปลวก ถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย

 

นี่แสดงให้เห็นว่า พละกำลังของซูเฉินนะสะพรึงเพียงใด

 

หวงไคถูกซัดปลิวไปหลายกิโลเมตร เมื่อเขาสามารถกลับมารักษาสมดุลร่างกายได้ พลังที่มองไม่เห็นก็บีบรัดเข้ามาจากรอบด้าน พันธนาการเขาไว้อย่างสมบูรณ์

 

“ลอบโจมตี?”

 

หวงไคตอบสนอง เหลียวหลังกลับไป ไม่ช้า ก็พบซูเฉินอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในสายตา อีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มเย็นมาให้เขา

 

8/8

 

Ep.1018

 

“มีเจ้าเด็กน้อยสองคน?” หวงไคอ้าปากค้าง ในสมองเกิดเสียงอื้ออึง

 

ขณะที่กำลังสับสนอยู่นั้น เห็นแค่เพียงซูเฉินคนข้างหน้าชกหมัดเข้ามาจากระยะไกล แทบจะในทันทีหลังจากนั้น หวงไคบังเกิดอาการวิงเวียน ค่อยๆจมลงสู่ห้วงภวังค์

 

“นี่มันภาพลวงตา!” หวงไคคือผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 5 จิตใจค่อนข้างมั่นคง ไม่นานก็หลุดพ้นออกมา

 

กระนั้น ทันทีที่เขาได้สติ หลุมดำขนาดประมาณหนึ่งจั้งก็ค่อยๆตกลงมาจากเหนือศีรษะเขา พลังฉีกมิติแผ่ซ่านออกมาจากภายใน ชวนให้เกิดอาการใจสั่น

 

“พลังมิติ!” หวงไคหน้าเปลี่ยนสี ดิ้นรนสุดชีวิต

 

แต่เป็นการยากเกินไปหากคิดสลัดพลังจิตที่รัดพันไว้ กว่าจะดิ้นหลุด กระแสวังวนสีดำก็โถมลงมาถึงตัวเขาแล้ว

 

ตามมาด้วยเสียงฉีกกระชากอันน่าขนลุก และเสียงกรีดร้องของหวงไค หลังจากกระแสวังวนกระหน่ำได้ไม่กี่วินาที หวงไคก็แปรสภาพเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน หัวหายไปครึ่งซีก กลิ่นอายแห่งชีวิตเหือดหายไปเกือบสิ้น ดูท่ายังไงก็คงไม่รอด

 

จิตจำลองของซูเฉินกวาดสายตามอง จากนั้นระเบิดหมัดออกไป ตามมาด้วยเสียงปะทะรุนแรง ทั้งร่างของหวงไคกลายเป็นผุยผง หลังจากจิตจำลองเก็บชิ้นส่วน มันก็กลับมาหาซูเฉิน จมหายเข้าไปในร่างต้น

 

“หวงไคตายแล้วหรือ?” เฉินเจิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก งึมงำออกมาดังๆ

 

หวงไคผู้ซึ่งอาละวาดในมิติภายนอกมานานนับร้อยนับพันปี ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของซูเฉิน ถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย

 

แม้จะได้เห็นกับตาตัวเอง แต่เขายังคงรู้สึกเหลือเชื่อมาก

 

“จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

 

ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าไม่ช้าซูเฉินจะต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในมิติภายนอก เพียงแต่ไม่นึกฝันว่าซูเฉินจะเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้ก็เท่านั้น

 

ด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ปีนป่ายได้สูงถึงเพียงนี้ พรสวรรค์ในการฝึกตน ในใต้หล้านอกเหนือจากซูเฉิน เกรงว่าคงไม่มีคนที่สองอีกแล้ว

 

“วิชาแปลงร่าง … ไหนจะร่างแยก … ลูกเล่นของซูเฉินมีไม่สิ้นสุดจริงๆ!”

 

สีหน้าของซางอวิ๋นเต็มไปด้วยความตกใจ เป็นเวลาเนิ่นนานไม่สลายไป

 

เขาเคยเห็นอัจฉริยะมามากมาย แต่คนที่เหมือนกับซูเฉิน ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย มันมิใช่การกล่าวเกินจริง หากจะบอกว่าซูเฉินคือสัตว์ประหลาดที่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งในด้านฝึกตนแห่งหมื่นเผ่าพันธุ์ ไม่มีผู้ใดเทียบได้

 

เจ้าตัวเกิดความคิดขึ้นมาในใจ ว่าต่อให้เป็นผู้ปกครองโลกาอย่างหวูซาง ก็ยังเทียบไม่ได้กับซูเฉิน

 

“โชคดีที่ซูเฉินเป็นมิตร หากเป็นศัตรูล่ะก็ … ” ย้อนนึกไปถึงเรื่องที่ซูเฉินกระทำกับพวกต่างเผ่าที่ล่วงเกินตน ซางอวิ๋นอดเดาะลิ้นไม่ได้ ขณะเดียวกันก็โล่งใจ

 

เขาได้ลอบสาบานกับตัวเองแล้ว ว่าต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเป็นสหายกับซูเฉิน และจะปฏิบัติต่อซูเฉินดั่งแขกผู้ทรงเกียรติสูงสุดของตระกูลซาง

 

ซูเฉินถอนหายใจ หันไปมองหวูโหยว เผยรอยยิ้มบาง

 

“เหล่าหวู ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

“ซูเฉิน โชคดีที่เจ้าเข้ามาช่วยเหลือ มิฉะนั้นชีวิตชราของข้า วันนี้เกรงว่าคงดับสูญ”

 

หวูโหยวเดินมาเบื้องหน้าซูเฉิน กล่าวด้วยอาการใจสั่น

 

เฉินเจิงก็เดินเข้ามาเช่นกัน กล่าวกับซูเฉินด้วยความเคารพนอบน้อม “เราผู้เฒ่านามเฉินเจิงแห่งเกาะหลิงหยวน ขอบพระคุณผู้อาวุโสซูที่ช่วยชีวิต”

 

แม้ฐานฝึกตนของเขาจะสูงกว่าซูเฉิน แต่ความสามารถในการต่อสู้มิอาจทัดเทียมซูเฉินได้แม้เพียงครึ่ง ดังนั้นจึงแสดงกิริยานอบน้อม ยอมก้มหัว ลดฐานะตนเองเป็นผู้เยาว์

 

“ผู้อาวุโสจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว” ซูเฉินส่ายมือ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหันมามองหวูโหยว แล้วถามว่า “เหล่าหวู ทำไมพวกคุณถึงถูกหวงไคตามล่า?”

 

“หวงไคน่ะนะ เจ้าหมอนี่อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง ออกพเนจรไปทั่วมิติภายนอก ไล่ล่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ของพวกเรา ในตอนที่ข้ากับพี่เฉินกำลังจะไปยังหมู่บ้านหยวนเม่า ก็ถูกมันเจอเข้า นั่นคือต้นเหตุที่พวกเราถูกไล่ล่า” ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวอธิบาย