Ep.10 – สวมใส่อุปกรณ์
เจียงหนานมองหินคริสตัลขาวจำนวนมากที่ถูกแบ่งให้ทั้งสามคน
ถึงเธอไม่ได้รับส่วนแบ่งเลยซักชิ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานะของผู้จัดสรรสินสงครามในทีมอย่างฮังอวี่นั้นมีสูงมาก และในทางกลับกันเจียงหนานรู้ตัวดี ว่าบทบาทของเธอในทีมมีน้อยที่สุด ส่วนใหญ่แล้วแทบไม่ได้ทำอะไร
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฮังอวี่แบ่งหินสกิลที่มีค่าที่สุดให้กับตน แล้วไหนเลยเธอจะกล้าขอหินคริสตัลขาวอีก?
ในโลกวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือสกิล โดยทั่วไปแล้วมีข้อจำกัดในการใช้งาน แค่ต้องมีเลเวลถึงที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ที่เลือกแต่อย่างใด
ตัวอย่างเช่นหากคุณเลือกพรสวรรค์นักเวทย์ ก็ยังสามารถเรียนรู้สกิลของนักรบได้ และนักรบก็สามารถเรียนรู้สกิลของนักบวชได้เช่นกัน
ตอนแรกฮังอวี่เคยคิดว่าพรสวรรค์นักรบคืออาชีพ แต่หลังจากได้รับความทรงจำมา เขาก็รู้ว่าพรสวรรค์ก็คือพรสวรรค์ มันคนละเรื่องกับอาชีพในเกมทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
เกมๆนี้ต่างจากเกมออนไลน์ทุกเกมที่เคยเล่น มันไม่มีข้อจำกัดด้านอาชีพ จะสกิลหรืออุปกรณ์ ไม่ว่าใคร หรือพรสวรรค์สายใดก็สามารถเรียนรู้ได้
คุณกำลังสงสัยว่า ถ้างั้นแล้วพรสวรรค์ทั้งสี่อย่างจะมีไว้ทำไมใช่ไหม?
ความแตกต่างที่จะเห็นได้ชัดของแต่ละพรสวรรค์ก็คือ ‘โบนัสค่าสเตตัส’ และ ‘ผลลัพธ์เวลาใช้งานสกิล’ นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น หากค่าสเตตัสพละกำลังเพิ่มขึ้น 1 หน่วย ในกรณีของนักรบจะสามารถยกน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ 100 จิน ขณะที่นักเวทย์จะยกน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ 50 จินเท่านั้น นี่คือช่องว่างที่เกิดจากอิทธิพลของพรสวรรค์
พรสวรรค์ต่างกันผลลัพธ์ของค่าสเตตัสก็จะต่างกันโดยธรรมชาติ
นักรบจะโดดเด่นในด้านพละกำลังและความว่องไว
นักเวทย์โดดเด่นในด้านจิตวิญญาณและความตื่นรู้ทางจิต
นักบวชโดดเด่นในด้านความศักดิ์สิทธิ์และเจตจำนง
สรุปก็คือ เมื่อพวกเขาเลเวลอัพ ก็จะได้รับโบนัสจากค่าสเตตัสในคุณสมบัติที่ตนถนัดมากกว่าอาชีพอื่นๆ
นอกเหนือจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว ยังคุณสมบัติทั่วๆไปอีกเช่น ความแข็งแกร่งทางกายภาพ , ประสาทสัมผัส , ความต้านทาน ฯลฯ
หากคุณต้องการเรียนรู้คุณสมบัติในสายที่พรสวรรค์ไม่ได้สนับสนุน ในทางทฤษฎีแล้วสามารถทำได้ก็จริง อย่างเช่นนักรบสามารถเน้นเพิ่มค่าสติปัญญาและความตื่นรู้ทางจิต กระทั่งเรียนรู้การใช้เวทมนต์ก็ยังทำได้
ในทางทฤษฏีด้านนักเวทย์ก็สามารถเสริมสร้างพละกำลัง , ความว่องไว และเรียนรู้สกิลโจมตีทางกายภาพได้เหมือนกัน จะเปลี่ยนตัวเองเป็นนักเวทย์สายบู๊ระยะประชิดก็ได้
ทว่าสองตัวอย่างที่กล่าวมานี้ มีต้นทุนและราคาที่ต้องจ่ายสูงเกินไป!
อย่างฮังอวี่จะเรียนสกิลของนักบวช นักเวทย์ หรือผู้ใช้วิญญาณก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่เขาจะไม่ได้รับโบนัสจากพรสวรรค์ ผลลัพธ์ยามใช้งาน เอฟเฟกต์สกิลจะลดลงเป็นอย่างมาก
จริงอยู่ที่เขาสามารถฮุบเอาหินสกิลรักษาที่พึ่งได้มาไว้กับตัวก็ได้ แต่เกรงว่ามันคงแทบไม่มีประโยชน์ หรือให้พูดตรงๆก็คือไม่มีมันเลยเสียดีกว่า
คุณกำลังคิดว่าในเมื่อใช้เองไม่ได้แต่เก็บไว้ขายเก็งกำไรก็ยังได้ใช่ไหม?
ฮังอวี่จะทำแบบนั้นก็ได้ แต่เขาไม่ทำ เพราะการมอบหินสกิลให้กับเจียงหนาน ในเวลานี้คือการตัดสินใจที่ให้ผลประโยชน์สูงสุด
ด้วยเรื่องราวทั้งหมด ฮังอวี่จึงตัดสินใจเช่นนี้
หลังจากที่เจียงหนานมีสกิลรักษาขั้นต้น เธอจะสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลให้แก่พวกเขา
เพียงแต่เจียงหนานยังไม่รู้ตัวก็เท่านั้น ตอนนี้สาวน้อยคิดแค่ว่ามหาเทพจงใจเสียสละให้ตัวเอง แค่เวทนาที่เธอไม่มีสกิลไว้ใช้งาน จึงมอบหินสกิลแก่เธอ
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอรู้สึกปลาบปลื้มมาก สองตาเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆ
…
ฮังอวี่เปลี่ยนไปสวมใส่อุปกรณ์ชิ้นใหม่ รองเท้าสีเทา ดาบสั้นสีขาว และเกราะหนังสีขาวอีกชิ้น
แม้รองเท้าเขาจะเป็นสีเทา ทว่ามันคืออุปกรณ์สีเทาใส ซึ่งมีคุณภาพดีที่สุดในบรรดาสีเทาทั้งหมด สำหรับช่วงเริ่มเกม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นของล้ำค่า
อุปกรณ์จากโลกวิญญาณในมุมมองจากฝั่งโลกปัจจุบัน ทุกชิ้นล้วนมีพลังเหนือธรรมชาติ!
ช่วงเวลาที่ฮังอวี่สวมใส่มัน พลังงานวิญญาณทั่วร่างแผ่ซ่านราวกับกระแสไฟฟ้า เขารับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้น ให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปราวกับเกิดใหม่ มันสดชื่นราวกับติดปีกโผบิน
‘ชุดเกราะหนังป่า’ ช่วยเพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ 3 หน่วย มันทำให้ฮังอวี่รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการฝึกวิชาชี่กงอย่างหนัก จนกลายเป็นคนหนังเหนียวแข็งแรง
ทั้งคนทั้งร่างมีความต้านทานต่อการต่อสู้และสามารถห้ำหั่นได้ดียิ่งขึ้น
ฮังอวี่รู้สึกว่าการตอบสนองและความปราดเปรียวของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะดาบสั้นและเกราะหนังแต่ละชิ้นล้วนเพิ่มความว่องไว 1 หน่วย
หลังจากฮังอวี่สวมใส่ทั้งสองชิ้นแล้ว ทำให้เขาได้รับค่าสเตตัสว่องไว 2 หน่วย ปฏิกิริยาตอบโต้และความปราดเปรียวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และเมื่อสวมใส่รองเท้าก็อบลิน เท้าทั้งสองข้างของเขาเกิดความรู้สึกเบาขึ้นมาทันที
อธิบายง่ายๆคือก่อนหน้านี้ที่ไม่ใส่รองเท้า เขาวิ่งเร็วสุด 10 เมตรต่อ 1 วินาที แต่ด้วยเอฟเฟกต์ ‘ความเร็วในการเคลื่อนที่ +1’ ทำให้เขาสามารถวิ่งได้ 11 เมตรต่อ 1 วินาทีแล้ว เมื่อบวกกับโบนัสสเตตัส ความว่องไว 2 หน่วยบนตัว บางทีอาจช่วยให้วิ่งเร็วถึง 13 เมตรใน 1 วินาทีเลยก็ได้
นี่แหละคือประโยชน์ของอุปกรณ์สวมใส่!
เมื่อใช้งานแล้วสามารถเห็นผลทันตา!
อุปกรณ์ในโลกวิญญาณล้วนแฝงไปด้วยพลังงานทางวิญญาณอันแข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มค่าสเตตัสโจมตีและป้องกัน แต่ยังช่วยเสริมคุณสมบัติต่างๆให้แก่ผู้สวมใส่อีกด้วย
ฮังอวี่รู้สึกว่าบนตัวเขาถูกเติมเต็มไปด้วยพลังสดใหม่อันเปี่ยมล้น
ด้วยเลเวลและอุปกรณ์ บวกกับประสบการณ์การต่อสู้ … เขาลองจินตนาการดู ว่าหากตอนนี้ตนต้องเผชิญหน้ากับนักรบก็อบลินแบบตัวต่อตัว มีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะชนะมัน!
ปัจจุบันสิ่งเดียวที่ยังไม่น่าพอใจก็คือกางเกง ร่างกายท่อนล่างยังคงเป็นกางเกงเก่าตัวใหญ่ …
เวลานี้คุณสามารถลองนึกภาพตามได้ ร่างท่อนบนสวมใส่เกราะหนังสีขาว ในมือถือดาบสั้นที่มีใบดาบกว้างถึงสองสามนิ้ว ดูโฉบเฉี่ยวและหล่อเหลา สองเท้าสวมบู๊ตยาวรูปทรงวิจิตรงดงาม …. แต่ร่างกายส่วนล่างดันสวมกางเกงเก่ามอซอราวกับมนุษย์ยุคหิน บางจุดขาดเป็นรูจนเห็นเข่าและต้นขา
ความรู้สึกไม่ลงตัวนี้รุนแรงสุดๆ แค่มองก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว อ๊าาา!
อีกสามคนก็เริ่มเปลี่ยนไปสวมชุดใหม่เช่นกัน
ในโลกวิญญาณไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดอุปกรณ์ ด้วยพลังงานทางวิญญาณมันสามารถแปลงสภาพให้เหมาะสมกับรูปร่างผู้สวมใส่ได้ ปรับขนาดให้พอดีตัวโดยอัตโนมัติ
จ้าวหมิงถือโล่ในมือซ้าย มือขวาถือกระบองเขี้ยวหมาป่า
“กระบางเขี้ยวหมาป่าสมแล้วที่เป็นอาวุธสีเทาใส พลังโจมตีในตอนนี้ของฉัน หวดแค่สองทีก็น่าจะสามารถฆ่าก็อบลินธรรมดาได้” เขาพอใจกับอาวุธใหม่นี้มาก
หากตอนนี้ไม่ได้เท้าเปล่า และสวมใส่อุปกรณ์ต่อสู้ทั้งตัว มันคงให้ความรู้สึกฟินและน่าเกรงขามไม่น้อย
“แต่ถ้าจะให้เทียบดู ฉันว่าโล่นี่มีประโยชน์มากกว่า ”
“แน่นอน เพราะโล่นี้ไม่ได้มีแค่คุณสมบัติป้องกันเดี่ยวที่สูงมากเท่านั้น แต่มันยังมีโบนัสพลังป้องกันทางกายภาพที่ไม่เลวอีกด้วย และนั่นช่วยเสริมพลังให้สกิลโล่ของคุณแข็งแกร่งขึ้นมาก”
ฮังอวี่หยุดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “อืม … ถ้าให้ผมคำนวณดู เดาว่าตอนนี้ต่อให้มีก็อบลินธรรมดาสี่ห้าตัวรุมคุณพร้อมกัน คุณก็ยังสามารถใช้กระบองในมือหวดพวกมันจนตายได้สองตัวสบายๆก่อนที่สกิลโล่พลังงานจะพัง หรือกระทั่งเผชิญหน้ากับก็อบลินนักรบที่ทรงพลัง มันก็ไม่สามารถใช้การโจมตีปกติทำลายโล่พลังงานของคุณได้ในการโจมตีเดียว นี่เท่ากับเพิ่มโอกาสรอดชีวิตไปอีกหนึ่งขั้น”
กระบองเขี้ยวหมาป่าและโล่ป่าล้วนเพิ่มค่าร่างกาย จ้าวหมิงที่ได้รับมันเพิ่มมาอีก 2 หน่วย ทำให้แม้เขาอยู่ในเลเวล 1 แต่ค่าพลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น 2 หน่วย กลายเป็น 12 หน่วย มีผลต่อการต่อสู้เป็นอย่างมาก
และด้วยสกิลติดตัวของจ้าวหมิง ยิ่งค่าพลังชีวิตและพลังป้องกันสูงขึ้นเท่าใด โล่พลังงานก็จะยิ่งทนทานมากขึ้นเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ตอนนี้ฉันว่ายิ่งมอง ลุงจ้าวก็ยิ่งเหมือนตัวแท็งหลักมากขึ้นเรื่อยๆ!” จางเสี่ยวเฉียงที่พึ่งสวมแหวนสีขาวและไม้เท้าเวทย์เสร็จได้เอ่ยขึ้น เขาหันไปหาฮังอวี่แล้วพูดต่อว่า “ลูกพี่! ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างน้อยลูกไฟน่าจะโจมตีแรงขึ้นหลายหน่วย”
ด้านเจียงหนาน เธอเปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมก็อบลินนักบวชสีเทาอ่อน ชุดนี้มีเนื้อหยาบของผ้าลินิน ทั้งยังมีอักษรรูนแปลกๆมากมายสลักไว้ตามเสื้อ หน้าตาโดยรวมดูไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งคุณสมบัติก็ยังค่อนข้างธรรมดา แต่ไม่ว่ายังไงก็ดีกว่าชุดผู้เล่นใหม่สีเทาขุ่น จากนั้นเธอก็ทดลองใช้งานหินสกิล เรียนรู้สกิลใหม่
[สกิลรักษาบาดแผลขั้นต้น] (ชิ้นส่วนมรดกของผู้รักษา) เลเวลปัจจุบัน 1 , แต้มวิญญาณ 0/10 , ในทุกๆ 1 ค่าพลังจิตที่เสียไป จะสามารถใช้รักษาเป้าหมายที่ระบุภายในรัศมี 5 เมตร , ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต 2 หน่วย , คูลดาวน์ 4 วินาที
เจียงหนานลองใช้งานดู เมื่อพบว่าสองมือของเธอสาดแสงเรืองรอง เจ้าตัวก็ไม่อาจเก็บงำความประหลาดใจไว้ในใจได้
“อา! อัศจรรย์จริงๆ ขอบคุณพี่มหาเทพ! ขอบคุณทุกคน! ในที่สุดฉันก็มีสกิลใช้แล้ว!”
ฮังอวี่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “สกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นโดยทั่วไปแล้วถือว่าเป็นสกิลพื้นฐานที่อ่อนแอที่สุด แต่ในช่วงเริ่มเกม มันถือว่ามีคุณค่ามาก แล้วอีกอย่าง ภายใต้ผลของสกิลติดตัว ‘พันธสัญญาของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ ประสิทธิภาพของมันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก’”
สกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นในเลเวล 1 จะช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต 2 หน่วย แต่หากเจียงหนานใช้สกิลนี้ มันจะสามารถช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตได้ 3 หน่วยในคราเดียว!
สกิลติดตัว ‘พันธสัญญาของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ’ สามารถเพิ่มผลของสกิลบัฟ 50%
นี่คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ฮังอวี่มอบหินสกิลให้กับเธอ
เมื่อเลเวลของเจียงหนานเพิ่มขึ้น เอฟเฟกต์ของสกิลนี้ก็จะยิ่งทรงพลัง!
