บทที่ 68: หายนะ (1)

 

 

 

 

 

สกิลสนับสนุนนั้นจริงๆ แล้วก็คือการเลียนแบบ

บางสิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถเลียนแบบบางสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้

มันมีสกิลสนับสนุนที่ถูกร้างขึ้นจากการเลียนแบบสัตว์อสูร และมีสกิลสนับสนุนที่เลียนแบบเปลวเพลิงที่รุนแรงอย่างลูกแก้วหยกแดง

บางอย่างถูกสร้างขึ้นเลียนแบบเสือ และบางอย่างได้ถูกสร้างขึ้นโดยเลียนแบบสายฟ้า

แน่นอนว่ามันมีข้อยกเว้น แต่ส่วนมากเป็นเช่นนั้น

เพราะแบบนี้ สกิลพิเศษนั้นจึงเป็น <จุดแข็งของสิ่งที่ต้องการจะเลียนแบบ> และเพราะแบบนี้ จุดสำคัญของสกิลพิเศษจึงได้ถูกกำหนดขึ้น

การกลายเป็นสิ่งนั้นที่คนคนหนึ่งต้องการจะเลียนแบบ

และความพิเศษของฮันซูก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้

หากเขาเรียนรู้สกิล เช่นนั้นเขาก็จะได้รับความตั้งใจและประสบการณ์ของผู้สร้างหรือผู้ใช้สกิลนั้นและย่อยพวกมัน

เขาสามารถเข้าใจสกิลได้ดีกว่าคนอื่นๆ เพิ่มความเชี่ยวชาญของสกิลนั้นๆ อย่างรวดเร็ว และเข้าใกล้คำว่าเชี่ยวชาญกว่าผู้อื่นที่เคยครอบครองมันมาก่อนทั้งหมด

และผลลัพธ์จากความพิเศษเช่นนี้กับสกิลพิเศษรวมกันก็ได้เกิดขึ้น

<การกลายพันธุ์>

ตูมมมม!

“อ๊ากกกก!”

ร่างของคนคนหนึ่งกระเด็นลอยห่างออกไปหลังจากทั่วทั้งร่างถูกบดขยี้ด้วยลูกเตะของฮันซู

“ไอ้เวรบัดซบ! ตาย!”

ร่างของอีกคนหนึ่งพุ่งเข้าไปยังชายหนุ่มหลังจากที่อาบร่างของตนเองด้วยสกิลตั้งแต่หัวจรดเท้า

‘ไอ้สัตว์ประหลาดเวร!’

พวกเขาทุกคนล้วนถูกฆ่าโดยหมอนั่น

‘เวรเอ้ย ทุกอย่างมันยุ่งยากขึ้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!’

พวกเขาเคยคิดว่าพวกเขาจะสามารถเฝ้ามองพวกเด็กใหม่ตายและนำรีลิคกลับไป แต่กับการที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ฉึบ

สกิลสนับสนุนของฮันซูตัดผ่าร่างของพวกเขา ทว่าพวกเขาไม่อาจที่จะทะลวงผ่านเกล็ดของอีกฝ่ายได้

เกล็ดแข็งแกร่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังป้องกันที่เหนือกว่าชุดเกราะ

ทว่าพวกเขาไม่ยอมแพ้

เมื่อพวกเขาไม่ได้ตัวคนเดียว

ฉัวะ!

ร่างของผู้ที่พุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มจากเบื้องหลังได้เสือกดาบใหญ่เข้าไปยังบริเวณที่อีกฝ่ายถูกเฉือนด้วยมีดสั้น

แคร่ก

รอยแตกปรากฏขึ้นบนเกล็ดโปร่งแสง

และในเวลาเดียวกัน เสียงขรุขระก็ได้ดังขึ้นยามที่ดาบนั้นแทงเข้าไปภายในทรวงอกของฮันซู

ครึ่ก

แต่มันก็ได้แค่นั้น

ดาบนั้นไม่อาจที่จะทำลายซี่โครงภายในร่างของอีกฝ่ายได้

เจ้าของการโจมตีอึ้งตะลึงไปจากสิ่งที่เขาเห็น

‘ไม่มีทาง!’

ไม่ว่าพลังป้องกันของคนผู้หนึ่งจะสูงเท่าไหร่ มันก็ยังคงมีขีดจำกัดของความทนทานของกระดูกมนุษย์อยู่

แต่กระดูกนั่นมันแข็งเสียจนคมของดาบใหญ่ไม่อาจที่จะสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน

ฉัวะ ฉัวะ!

แน่นอนว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลอีกต่อไป

วินาทีที่ดาบไร้ลักษณ์ในมือของฮันซูตัดผ่าอากาศร่างของคนสองคนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดก็ถูกหั่นครึ่ง

“อั่กก…”

ทั้งสองส่งเสียงครางออกมาขณะที่ล้มลง ฮันซูมองไปยังคนเหล่านั้น จากนั้นจึงมองไปยังร่างของเขาที่เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ

อาการบาดเจ็บที่ถูกรักษาด้วยความเร็วสูง

ภายนอกของเขาเหมือนมนุษย์ ทว่าภายในนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

โครงสร้างกล้ามเนื้อที่ หัวใจ และกระดูกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงได้ประกอบขึ้นเป็นร่างกายของเขา

ไม่เหมือนเช่นมนุษย์ที่จะตายจากการถูกแทงด้วยดาบ เผ่าพันธุ์มังกรนั้นแทบจะไม่มีจุดอ่อนและมีพลังชีวิตสูง ดังนั้นพวกมันจึงสามารถมีชีวิตรอดในข้อกำหนดที่เลวร้ายกว่ามนุษย์มากได้

และเพราะแบบนี้ พวกมันจึงแข็งแกร่งกว่าอย่างน้อยสองสามเท่าตัว แม้ว่าพวกมันจะมีรูนจำนวนเท่าๆ กันกับมนุษย์

ความจริงแล้วมันไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่อ่อนแอกว่ามนุษย์ในการต่อสู้

โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่มีสกิลที่ถูกสร้างเลียนแบบพวกมัน เพราะมนุษย์ต้องการที่จะเลียนแบบพวกมัน

‘แต่มันก็ยังลำบากไปหน่อยอยู่ดี’

เขารู้ตั้งแต่วินาทีที่เขาเรียนรู้มัน

ว่าเขาไม่อาจใช้มันได้ตลอดเวลาเพราะความเชี่ยวชาญที่ต่ำ

ความแตกต่างระหว่างร่างกายของมังกรปีศาจและร่างกายของมนุษย์ยังคงมากมายเกินไป

‘เวลาจะแก้ไขทุกสิ่ง ฉันเดาว่างั้น’

ฟุ่บ

ฮันซูที่มองไปยังชั้นเกล็ดที่บางสุดๆ บนร่างของเขาได้รวบรวมรูนบนพื้น จากนั้นจึงรวบรวมอาร์ติแฟคที่มีประโยชน์มากที่สุดจากสิ่งที่ดรอปอยู่บนพื้น

เขาจะเรียกความสนใจของทุกคนถ้าเขาเดินไปรอบๆ พร้อมด้วยของพวกนี้บนตัว แต่เขาสามารถซ่อนมันด้วยผ้าคลุมได้

‘มันไม่ใช่เวลาที่จะไปกังวลกับสายตาคนอื่น’

เขาแค่ต้องโยนพวกมันทิ้งไปถ้าพวกมันกลายเป็นสิ่งรบกวน

ในตอนนี้ เขาต้องให้ความสนใจกับการเพิ่มพลังต่อสู้ของเขา

เมื่ออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดยังไม่มาถึง

ฮันซูโยน <ดาบที่ถูกลืม> ที่เขาใช้จนถึงตอนนี้ทิ้งไป จากนั้นจึงแตะ <รีลิคของกาลาเดรียง> ที่เอวของเขา

‘รูนของฉันตอนนี้อยู่ที่… ราวๆ 35%’

ถ้าคิดว่าคนทั่วไปมักจะใช้เวลาราวๆ 3 ปีในการเพิ่มระดับรูนให้เข้าสู่อีกระดับ งั้นเขาก็ได้เพิ่มพวกมันทั้งหมดขึ้นทีเดียวด้วยจำนวนที่เขาควรจะได้รับหลังจากล่าสัตว์อสูรไปปีหนึ่ง

นับจากนี้มันจะง่ายขึ้นมากสำหรับเขา

ตึกตึกตึก

ชายหนุ่มเหลือบตามองทหารศพที่พุ่งเข้าหาร่างของเขา จากนั้นจึงมองขึ้นไปที่คอร์ข้างบน

จากนั้นเขาจึงเริ่มวิ่งออกไปก่อนที่ทหารศพจะมาถึงตัวเขา

ไปยังสถานที่ที่ขยะและเศษซากทั้งหมดกองสูงที่สุดและใกล้กับคอร์มากที่สุด

เขาต้องโจมตีมันในระหว่างที่กาบาเดรียงกำลังตายและดิ้นรนที่จะประกอบตัวเองกลับเข้าหากัน

หลังจากปีนภูเขาขยะขึ้นไป คอร์ก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

ตัวตนของคอร์ที่ส่องแสงราวกับดวงอาทิตย์ได้ถูกเปิดเผยออก

ดวงตาขนาดยักษ์

ดวงตาที่ดูเล็กในระหว่างทางมานั้นใหญ่เสียยิ่งกว่าเรือสำหรับ 2,000 คน

ดวงตาที่ส่องสว่างไปทุกทิศทางกระพริบปริบขณะที่มันจ้องไปยังชายหนุ่ม

‘ฉันต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายใน 30 นาที’

มันไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเปิดปิดได้ทุกเวลา

หรือมิเช่นนั้น เขาคงใช้มันไปแล้ว

เขาต้องทำลายคอร์และบดขยี้หัวใจก่อนที่การแปลงร่างของเขาจะสิ้นสุดลง

ฮันซูที่กระโดดไปยังคอร์ที่เป็นเสมือนดวงอาทิตย์เริ่มที่จะขมวดเกร็งร่างกายของเขา

เมื่อเอลวินไฮลม์ไม่ได้ถูกฆ่าและเปลี่ยนให้กลายเป็นภูตผีอย่างไร้เหตุผล

แม้ว่ามันจะยังอยู่ห่างออกไปเล็กๆ มันก็ไม่ใช่ปัญหา

‘ที่วางเท้าจะลงมา’

จากนั้นชายหนุ่มจึงยืดดาบไร้ลักษณ์ของเขาและฟาดมันไปยังเบื้องบน

ในตอนนั้นเองที่ความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้น

จากม่านสีดำที่เชื่อมโยงอยู่กับดวงตาได้ปรากฏหนวดจำนวนมากพรั่งพรูออกมาอย่างรุนแรง

พรวดดด

หนวดนับหมื่น

ฉัวะ

การโจมตีของฮันซูได้ตัดมันออกไปนับร้อย ทว่ามันหายไปก่อนที่จะถึงคอร์

มันเป็นระบบป้องกันที่ปกป้องภายในของมัจฉาภัยพิบัติ

มันไม่มีสิ่งใดปกป้องภายนอกของมัจฉาภัยพิบัติ

เมื่อไม่มีสิ่งใดล่ามันได้

แต่เมื่อภายในมีขนาดใหญ่ ระบบป้องกันสำหรับภายในจึงถูกสร้างขึ้นอย่างดี

หนวดที่แหวกว่ายผ่านเส้นเลือดของมัจฉาภัยพิบัติจะออกมาจากร่างกายของมันหากพวกมันพบว่าผู้บุกรุกอันตรายต่อพวกมัน

เหมือนกับเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างของมนุษย์

หากเขาไปยังหัวใจโดยใช้ทิศทางที่แตกต่างออกไป เขาก็ยังคงต้องรับมือกับพวกนี้อยู่ดี

ซึ่งมันอาจจะอันตรายต่อเขาที่มีเวลาในการแปลงร่างจำกัดมากกว่า

‘เอาเถอะ ที่นี่ก็ไม่ได้ปลอดภัยจริงๆ เหมือนกัน’

ที่นี่ ที่คอร์ หนึ่งในส่วนหลักของร่างกาย มันมีหนวดมากกว่าส่วนอื่นของร่างมัจฉาภัยพิบตินับร้อยเท่า

และหัวใจนั้นกระทั่งมีมากกว่านี้

‘ฉันต้องจัดการมันให้เร็ว’

จำนวนของหนวดที่ล้อมรอบร่างกายของเขานั้นมากกว่าจำนวนที่เขาสามารถมองเห็นด้วยตาของเขาได้

แม้ว่าเขาจะมีเวลาราวๆ 30 นาทีเหลือในการแปลงร่าง ชายหนุ่มก็คำนวณไว้ว่าเขามีเวลาราวๆ 15 นาทีแทน

เขาต้องทำลายคอร์และบดขยี้หัวใจให้ได้ภายในระยะเวลานี้

หากไม่เช่นนั้น เขาก็จะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นโดยหนวดที่เคลื่อนไหวไปทั่วเส้นเลือด

ไม่สิ เขาไม่ได้ถูกฉีกกระชากจริงๆ หรอก

เขาก็แค่จะกลายเป็นเหมือนพวกทหารศพพข้างล่าง

เขาจะกลายเป็นภัยพิบัติที่เหนือกว่ากาลาเดรียง และจากนั้นก็เกิดใหม่ในฐานะโล่ที่แข็งแกร่งที่จะปกป้องมัจฉาภัยพิบัติ

ซ่า!

ฮันซูราดน้ำยาหินไปทั่วร่างของเขา จากนั้นจึงราดมันลงบนดาบของเขาแล้วมุ่งหน้าออกไปพร้อมกับฟาดฟันไปทุกทิศทาง

ฉัวะ

ร่างของเขาที่กลายเป็นเหมือนมังกรปีศาจได้ส่งมานาไปยังรีริคของกาลาเดรียงอย่างไร้ที่สิ้นสุด

พลังเวทของเขากระจายกลายเป็นเส้นลวดนับร้อยด้วยรีลิค นำน้ำยาหินส่วนหนึ่งไป จากนั้นจึงโจมตีหนวด

กรี๊ซซซซซซ

เหล่าหนวดกรีดร้องออกมาและดีดดิ้นเมื่อพวกมันถูกสะกิดจากดาบไร้ลักษณ์

ร่างกายของพวกมันกลายเป็นหินก่อนที่จะร่วงหล่นลงบนพื้น

น้ำยาหินที่สร้างขึ้นจากการรวมมือกันของเหล่านักวิจัยนั้นเป็นเหมือนพิษร้ายของพวกมัน

แม้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นด้วยสารสกัดคุคูลจาเป็นพื้นฐาน แต่ผลลัพธ์ของมันนั้นไม่อาจแม้แต่จะเทียบกันได้

ฮันซูเหวี่ยงดาบของเขาอย่างบ้าคลั่งขณะที่เคลื่อนไปเบื้องหน้าด้วยการเหยียบลงไปบนหนวด

แคร่กก

เกล็ดทั่วทั้งร่างของเขาแตกกระจายออก แขนขาของเขาแตกหักและถูกรักษากลับซ้ำๆ

มันมีบางครั้งที่เขาเกือบจะร่วงลงไปเมื่อหนวดที่เป็นเหมือนที่วางเท้าหายไป แต่หนวดที่พุ่งเข้ามาหาเขาแค่มีมากเกินไป

ชายหนุ่มเหยียบลงไปบนหนวดที่กลายเป็นหินขณะที่เคลื่อนไหวไปยังคอร์

ฉัวะ

หลังจากฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง ดวงตาขนาดยักษ์ก็ได้เข้ามาใกล้เพียงพอสำหรับเขาจนถึงจุดที่มันอยู่ในระยะการโจมตีของเขา

‘ฉันมาถึงแล้ว!’

ดวงตายักษ์จ้องไปยังร่างของฮันซูราวกับว่ามันต้องการที่จะฉีกกระชากร่างของเขาเป็นชิ้นๆ ทว่าไม่มีสิ่งใดที่มันสามารถทำได้ เมื่องานเพียงอย่างเดียวของมันคือการสร้างและคงสภาพพื้นที่แห่งนี้เอาไว้

ฟ้าวววว

หนวดเส้นหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกลๆ ทะลวงผ่านซี่โครงและบดขยี้หัวใจของเขา

ชายหนุ่มสามารถเห็นรอยยิ้มของดวงตาได้

ทว่าฮันซูเองก็หัวเราะใส่มัน

‘หัวเราะให้มากเท่าที่ต้องการเถอะ’

ฉัวะ!

ชายหนุ่มที่ตัดหนวดที่แทงทะลุหัวใจของเขาออก เหยียบขึ้นไปบนมันและกระโดดออกไป

จากนั้นจึงใช้พลังทั้งหมดในร่างแทงดวงตานั้น

 

 

 

“ไอ้เวรเอ้ย! นายทำอะไรของนาย! จับต้นไม้เอาไว้!”

คามิลลี โรวล์ขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปยังผู้คนที่วิ่งอยู่บนพื้น

ที่เอวของเหล่าเด็กใหม่ปรากฏเชือกที่ดูหนาอย่างมากมัดเอาไว้

หนึ่งในเด็กใหม่ที่กำลังมัดเชือกที่มัดไว้กับต้นไม้เอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ

“เวรเอ้ย! เราไม่ควรหาเรือในระหว่างนี้แล้วหนีไปเหรอ! หรือรวมพลังของเราแล้วทะลวงผ่านเกอร์ทาสไป! เธอบอกว่าเธอจะช่วยพวกเรา แต่นี่มันอะไร?”

ทุกคนผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ปลายักษ์ได้เข้ามาใกล้จนถึงจุดที่พวกเขาสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตัวเอง

นี่มันการกระทำบ้าบออะไรเมื่อไอ้ตัวแบบนั้นกำลังจะมากินพวกเขา

คามิลลีเอ่ยขึ้นขณะที่เธอคิดถึงฮันซู

‘หมอนั่นบอกว่าให้ต่อยพวกนี้ถ้าพวกนี้ไม่เชื่อฟังใช่ไหม’

มันเป็นสิ่งที่เธอจะทำแม้ว่าฮันซูจะไม่ได้บอก

โดยเฉพาะกับพวกเด็กวใหม่ที่ไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ของตัวเอง

พลั่ก

“อ๊ากก!”

“ไอ้โง่ ฉันบอกให้พวกนายไปถ้าต้องการไม่ใช่รึไง? ทำไมพวกนายถึงเอาแต่ขอให้ฉันเคลียร์ถนนให้พวกนายอยู่เรื่อย?”

“คึอั่ก…”

ชยาที่ส่งเสียงแปลกๆ กลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับกุมท้องของเขาเอาไว้

คนอื่นๆ มองไปยังคามิลลีจากนั้นจึงยึดตัวเองเข้ากับต้นไม้อย่างเงียบๆ

เด็กใหม่ที่ยึดร่างของตนเองกับไม้หนานับพันในป่ากับคนอื่นๆ มองไปยังทะเลที่ห่างออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ความจริงแล้วคามมิลีเองก็กังวล

เมื่อพวกเขาจะตายกันหมดถ้าหมอนั่นพลาด

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างได้เกิดขึ้น

กร๊าซซซซซซซ!

เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วอากาศ

ผู้คนตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ทว่าคามิลลีกลับแย้มรอยยิ้มยินดี

‘ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไร แต่เขาทำร้ายมันได้!’

แต่ไม่ช้าคามิลลีก็ตระหนักได้ว่าทำไมฮันซูถึงได้บอกให้เธอเกาะต้นไม้เอาไว้

มัจฉาภัยพิบัติที่มีสีหน้าเจ็บปวดเริ่มที่จะอ้วกออกมา

อย่างไร้ที่สิ้นสุด

คามิลลีรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร

ในเมื่อเธอเคยเห็นพวกมันมาก่อน

‘พวกนั้นมัน… เศษซากที่อยู่ในท้องของมัน?’

เศษซากจำนวนมหาศาลที่พรั่งพรูออกจากปากของมันจมลงในท้องทะเลพร้อมกับสร้างคลื่นสึนามิขนาดยักษ์

คามิลลีตะโกนเสียงลั่น

“เกาะไว้!!!”

จากนั้นคลื่นยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นในทะเลห่างออกไปก็ได้กวาดรากไม้ที่พวกเขายืนอยู่

 

 

พรวดดดด!

เลือดสีดำสนิทกำลังไหลทะลักออกจากคอร์ขนาดยักษ์

เมื่อคอร์ได้รับความเสียหาย พื้นที่ขนาดใหญ่ที่คงอยู่ได้ด้วยคอร์ก็เริ่มที่จะสั่นสะเทือน

ในเวลาเดียวกันพื้นที่นั้นก็ได้หดเล็กลงพร้อมกับที่เศษวากภายในเริ่มที่จะทิ่มแทงภายในร่างกายของมัจฉาภัยพิบัติ

กร๊าซซซซซ

‘แต่แค่นี้ฆ่ามันไม่ได้’

แม้ว่ามันจะดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด มันก็จะเริ่มฟื้นฟูหลังจากที่มันคายทุกสิ่งออกไปแล้ว

คอร์ต้องใช้พลังงานจำนวนมากที่สุด ดังนั้นมันจึงอยู่ใกล้กับหัวใจและได้รับเลือดจากเส้นเลือดที่ใหญ่ที่สุดในร่างของมัจฉาภัยพิบัติ

‘มาจบมันกันเถอะ’

หากเขาผ่านเส้นเลือดนี้ไป เขาจะไปถึงหัวใจ

ฮันซูขบฟันแน่นขณะที่เขากระโดดเข้าไปยังเส้นเลือดขนาดใหญ่ที่ปรากฏเลือดไหลทะลักออกมา

 


TL: รู้สึกเสียวแขนขาขึ้นมาทันทีเลยล่ะค่ะ//ปิดตา