…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ซูวเทียนเขวียนนั้นรู้สึกเสียววาบอยู่ในใจทันที เขารู้ดีว่าทั้ง20คนนั้นเป็นคนที่ไร้ความปราณีเป็นอย่างมากและก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เอาชีวิตเขาแต่ก็ได้ทำร้ายพวกเขาอย่างบาดเจ็บสาหัส

ถ้าหาก…..

หากว่าเขาไม่ได้ให้เงิน อาจารย์ของเขาจะช่วยพวกเขาทั้งห้าคนไหม ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วเขาเองก็ได้แต่ทำใจและตอบออกไปอย่างไม่มีทางเลือกว่า

“ฉันจะให้ !”

คังเซี่ยนตบมือเสียงดังพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คนที่สามารถเข้าใจถึงสถานการณ์ได้นั้นเป็นคนที่โดดเด่น เงินนั้นต่อให้เราเสียไปเราก็สามารถหากลับมาเมื่อไหร่ก็ได้แต่หากว่าเราเสียชีวิตไปนั้นก็คงไม่มีโอกาสจะได้หาอะไรอีกต่อไป”

ซูวเทียนเขวียนพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดว่า

“เงินตั้ง100ล้านนั้นไม่ใช่น้อยๆและฉันเองก็ต้องการเวลานิดหน่อยแล้วจะส่งให้พวกเธอทันที”

ท่าทางของคุงเซี่ยนเปลี่ยนไปทันทีพร้อมพูดออกมาว่า

“พวกนายคิดว่าพวกฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไงห๊า ? ง่ายมากนักหรอที่จะหลอกล่อ ? ฉันให้เวลานายครึ่งชั่วโมงและหากเงิน100ล้านยังไม่ถูกส่งให้บอสของเราแล้วละก็ นายก็ไม่จำเป็นต้องไปหามาอีกแล้ว”

“ผม……..”

ซูวเทียนเขวียนได้เดินไปที่เจียงเฟิงพร้อมพยายามพูดเพื่อขอให้เขาช่วย

เจีงเฟิงได้ถอนหายใจออกมาเพราะเขารู้ว่าหากวันนี้ไม่สามารถทำให้ถังซิ่วถึงพอใจได้นั้นพวกเขาจะต้องเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนพร้อมพูดออกมาช้าๆว่า

“เงินนั่นฉันจะเป็นคนจ่ายเอง เรื่องในวันนี้ก็ขอให้จบลงตรงนี้ !”

ถังซิ่วมองอย่างประหลาดใจไปที่คังเซี่ยน เขายอมรับในความฉลาดของเธอจริงๆแม้ว่าเธอจะใช้ความแข็งแกร่งเพื่อเรียกร้องเงินจากพวกเขาแต่ผลลัพธ์นั้นเป็นอะไรที่เกิดคาดเป็นอย่างมาก พูดนิดหน่อยก็สามารถทำเงินได้ถึง100ล้านและตอนนี้บริษัทของเขาเองก็กำลังขาดเงินอยู่ด้วย ถ้าหากได้เงินนี้มาก็คงจะสามารถเพิ่มความคล่องตัวของบริษัทได้บ้าง

“คังเซี่ยน เธอเอาเลขบัญชีให้พวกเขาไป ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะโกหกฉันอย่างแน่นอน เราไปกันได้แล้ว ! วันนี้เราเสียเวลาไปมากแล้วและเจ้าพวกนั่นก็ต้องรอฉันอีกแล้วแน่นอน”

ถังซิ่วยืนขึ้นขณะที่ไม่มองไปที่เจียงเฟิงด้วยซ้ำพร้อมตรงไปทางประตู

ท่าทางของเจียงเฟิงเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับเรียกออกมาอย่างดังว่า

“คุณผู้สูงส่ง คุณยังไม่ได้บอกชื่อของคุณเลย คุณมีชื่อว่า ?”

“ถังซิ่ว ฉันบอกพวกนายเลยนะว่าอย่าได้มาล่วงเกินฉันอีกไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าพวกนายทั้งหมดหรอกนะ”

ถังซิ่วได้พูดขณะที่เขากำลังเดินออกไป

ถังซิ่ว!

เจียงเฟิงสลักชื่อนี้เอาไว้ในหัวใจของเขา

หยางเซียนหยูที่อยู่ข้างๆเขานั้นก็มีท่าทีเปลี่ยนไปจณะที่มองไปที่หลังของถังซิ่วที่กำลังเดินจากไป เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าถังซิ่วนั้นเป็นใครกัน ? ไมใช่แค่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแต่ตัวเขาเองก็ต้องเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน

หลังจากที่ผ่านไปหลายนาที

คนที่อยู่บนลานฝึกในตอนนี้นั้นมีแค่คนของสำนักเท่านั้น เจียงเฟิงได้เดินไปที่ที่ถังซิ่วได้นั่งก่อนหน้านี้พร้อมมองไปที่ซูวเทียนเขวียนและพูดออกมาด้วยเสียงเคร่งครึมว่า

“หากว่าเป็นการต่อสู้ธรรมดาแล้วเธอแพ้ ฉันก็จะไม่เอาความอะไรแม้แต่น้อยแต่การที่เอาคนของสำนักออกไปเพื่อทำร้ายคนข้างนอกนั้นเป็นสิ่งที่ฉันรับไม่ได้ เงิน100ล้านที่ฉันจ่ายให้พวกเธอนั้นถือเป็นสิ่งสุดท้ายจากอาจารย์ที่จะมอบให้ได้และนับจากนี้เป็นต้นไป พวกเธอไม่ใช่ศิษย์ของฉันหรือคนจากสำนักนี้แล้ว หากว่าในอนาคตพวกเธอกล้าที่จะอ้างชื่อสำนักของเราเพื่อทำสิ่งที่ชั่วร้ายแล้วละก็ ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเป็นคนจัดการเพราะฉันจะเป็นคนฆ่าพวกเธอทั้งหมดเอง ถ้าเข้าใจแล้วก็ปลุกพวกเขาซะแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ !!!!”

“ท่านอาจารย์………..”

อารมณ์ของซูวเทียนเขวียนนั้นพังทลายโดยทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พร้อมกับโห่ร้องออกมาเสียงดัง

เจียงเฟิงได้คำรามออกมาด้วยความโกรธว่า

“แกหุบปากเดี๋ยวนี้ ! ฉันไม่ใช่อาจารย์ของแกอีกแล้ว ! แกไม่ต้องมาขอร้องอะไรอีกต่อไปเพราะฉันตัดสินใจแล้ว ตอนนี้แกก็ไสหัวออกไปซะ !!!”

ปากของซูวเทียนเขวียนกระตุกสองสามครั้งก่อนที่จะก้มหัวและคาราวะเจียงเฟิงไปสามครั้งพร้อมกับปลุกพี่น้องของเขาทั้งสี่และเดินจากไปทันที

เจีงเฟิงมองไปที่ศิษย์คนอื่นๆพร้อมคำรามออกมาว่า

“ไปหาไอ้เฟย์เขวียนสี่ตัวนั่นมาและบอกให้มันมาหาฉันเดี๋ยวนี้”

“ครับผม !”

ศิษย์คนนั้นปฏิบัติตามพร้อมรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หยางเซียนหยูได้มองไปที่ท่าทางโกรธเกรี้ยวของเจียงเฟิงจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาพร้อมแตะไหล่ของเขาแล้วพูดว่า

“เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เราควรจะเข้าใจคำนี้ดี แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือใครหรือไปเอาคนเหล่านั้นมาจากไหนแต่ที่เรารู้คือพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก มันถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วที่พวกเขายอมหยุดอยู่เพียงเท่านี้ !”

เจียงเฟิงได้พยักหน้าพร้อมพูดออกมาด้วย

“อื้ม คนพวกนี้นั้นไร้ความปราณีเป็นอย่างมาก ฉันแพ้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกแค่ว่าฉันรู้สึกว่าชื่อี้มันคุ้นๆ อ๊า !”

หยางเซียนหยูได้พูดออกมาด้วยความสับสนว่า

“ชื่อไหนกัน ? ”

เจียงเฟิงได้พูดต่อว่า

“เด็กหนุ่มคนนั้นไง นายไม่รู้สึกว่าชื่อของเขาฟังดูคุ้นๆบ้างหรอ ? ”

ชื่ออะไรนะ ?

หยางเขียงได้ระลึกถึงชื่อนี้อยู่ภายในจิตใจก่อนที่นัยน์ตาของเขาจะเบิกกว้างพร้อมพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“ถังซิ่ว ? เมื่อกี้เขาบอกว่าเขาชื่อถังซิ่วงั้นหรอ ?”

เจียงเฟิงได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่ เขาชื่อนั้นแหละ”

หยางเจียงเฟิงได้พุ่งออกไปที่ประตูทางออกอย่างรวดเร็วโดวยไม่พูดอะไรแม้แต่น้อยแต่เขาก็ต้องผิดหวังเพราะว่าไม่เหลือร่องรอยอะไรของถังซิ่วแม้แต่น้อย

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ? นาย…….”

เจียงเฟิงถามออกมาด้วยความรู้สึกสับสน

หยางเจียงฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันเรื่องอะไร ? เหตุผลที่ฉันมาที่เมืองนี้นั้นก็เพื่อจะมาตามหาหมอหนุ่มศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่าถังซิ่วและเด็กหนุ่มคนนั้นเองก็ชื่อเดียวกับเขาและอายุก็ประมาณเดียวกัน หากว่าฉันเดาไม่ผิดแล้วละก็ เขาจะต้องเป็นคนๆเดียวกันอย่างแน่นอน”

“เขางั้นหรอ ? ”

เจียงเฟิงรู้สึกเหมือนมีอะไรกระเพื่อมอยู่ในอกของเขาขณะที่มองไปที่หยางเซียนหยูด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความไม่อยากจะเชื่อ

หยางเซียนหยูได้พูดต่อว่า

“น่าจะใช่ นายบอกว่านายรู้จักผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองนี้ใช่ไหม ? นายของโทรไปถามเขาหน่อยสิว่ารู้จักถังซิ่วคนนี้ไหมและหากว่ารู้ก็ถามเขาด้วยว่าเด็กคนนั้นทำงานอะไร”

“ได้เลย !”

เจียงเฟิงรีบโทรหาเบอร์ของหลี่ฮงจี้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“เพื่อนเก่า ที่ฉันโทรหานายนั้นเพราะว่าฉันมีเรื่องที่ต้องการสอบถามนาย”

“ว่ามาสิ !”

เสียงของหลี่ฮงจี้ได้ถูกส่งออกมาทางโทรศัพท์

เจียงเฟิงได้พูดต่อว่า

“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้นั้นได้มีหมอหนุ่มศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่ชื่อว่าถังซิ่วปรากฏตัวขึ้นบนเกาะจิงเหมินแต่ว่ามีข่าวลือว่าเขาคนนั้นเป็นคนของเมืองนี้และนายนั้นเป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลของเมืองแห่งนี้ก็น่าจะพอมีเส้นสายบ้างและหากว่าเขานั้นอยู่ที่เมืองนี้จริงแล้วล่ะก็ นายก็น่าจะพอรู้อะไรบ้าง”

เสียงสดใสของหลี่ฮงจี้ได้ถูกส่งผ่านออกมาว่า

“นายถามถูกคนแล้วหละ ในเมืองแห่งนี้นั้นคนที่รู้ถึงการดำรงอยู่ของเขาแล้วนอกจากโรงพยาบาลของเราก็มีไม่เยอะนัก นายจะหาตัวเขาไปทำไมกัน ? ”

เจียงเฟิงถามออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุขว่า

“ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นหมออยู่ที่โณงพยาบาลไหนกัน ? หรือว่าโรงพยาบาลจีนของนาย ? ”

หลี่ฮงจี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“รอหน่อยแล้วกัน ประมาณครึ่งเดือนเขาหน้าจะสอบเข้ามหาลัยเสร็จและจะมาเป็นหมอรับเชิญที่โรงพยาบาลของเรา เพื่อนเจียง! นายรู้ไหมว่าการที่ฉันจะสามารถเชิญเขามาได้นั้นจะต้องใช้ความพยายามไปเท่าไหร่กัน ? เด็กคนนั้นเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์ใจมาก เขามีความสามารถด้านการแพทย์ที่สูดเสียดฟ้าแต่กลับไม่ต้องการที่จะเป็นหมอแต่เขาแค่มาที่โรงพยาบาลของเราชั่วคราวเท่านั้น”

เจียงเฟิงถามออกมาด้วยความรู้สึกช๊อคว่า

“เขาเป็นแค่นักเรียนงั้นหรอ ? กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย? ”

“ใช่แล้วล่ะ ”

หลี่ฮงจี้ได้ตอบกลับมา

เจียงเฟิงได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“เพื่อนหลี่ นายพอจะมีวิธีติดต่อเขาบ้างไหม ? เพื่อนของฉันต้องการที่จะเจอเขาและต้องการให้เขารักษาคนป่วย”

“นี่………..เฮื้อ เอางั้นก็ได้ ฉันจะให้เบอร์โทรของเขากับนายแต่นายก็ย้ำเตือนกับเพื่อนของนายด้วยว่าห้ามเอาเบอร์นี้ไปให้ใครอีกไม่อย่างงั้นเด็กคนนั้นจะต้องโมโหมากอย่างแน่นอน”

หลี่ฮงจี้ได้พูดย้ำเตือนหลายครั้ง

“เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม ขอบคุณมากเพื่อนเก่า วันหลังเราค่อยมาดื่มกัน ”

“ว่าไงบ้าง!”

หลังจากที่วางสายนั้นเจียงเฟิงก็ได้มองไปที่หยางเซียนหยูแล้วฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ดูเหมือนว่านายจะเดาถูกนะ ! เด็กหนุ่มคนนั้นคือหมอศักดิ์สิทธิ์!”

การที่ไปล่วงเกินหมอนั้นเป็นสิ่งที่เจียงเฟิงไม่อยากทำเป็นอย่างมาก ยิ่งแล้วใหญ่คือเขาเป็นหมอศักดิ์สิทธิ์ด้วย เขาคิดว่าวันนี้นั้นเป็นวันที่เขาโชคร้ายเป็นอย่างมาก

หยางเซียนหยูได้พูดออกมาว่า

“ดูเหมือนว่าการขัดของฉันในวันนี้นั้นจะต้องสร้างปัญหาเป็นอย่างมากแน่นอน ฉันไม่รู้เลยว่าพื้นฐานทางอารมณ์ของเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างไรและหากว่าเขาเป็นคนแค้นฝังใจแล้วละก็ แม้ว่าฉันจะไปขอให้เขาช่วยเขาก็คงไม่หันมามาแต่หางตาด้วยซ้ำ”

เจียงเฟิงได้พูดออกมาด้วยท่าทางขอโทษว่า

“เพื่อนเก่า ฉันทำให้นายต้องตกที่นั่งลำบากแล้ว ฉันขอโทษจริงๆ เราจะไปพบเขาอีกครั้งและต่อให้เขามีเงื่อนไขอะไรฉันก็จะพยายามทำมันให้สำเร็จให้ได้”

หยางเซียนหยูได้ส่ายหัวพร้อมพูดว่า

“เรื่องนี้เราค่อยคิดกันอีกครั้งในภายหลัง !”

ท่าทางของเจียงเฟิงได้เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“เมื่อกี้ที่ฉันได้ถามหลี่ฮงจี้ไป เขาได้บอกฉันมาว่าหลังจากที่ถังซิ่วนั้นเสร็จสิ้นการสอบภายในอีกครึ่งเดือนนั้นเขาจะไปที่โรงพยาบาลของเพื่อนฉันเพื่อวินิจฉัยโรคให้ผู้ป่วย นายก็ควรจะเอาภรรยาของนายไปที่นั้นแล้วไปสืบมาว่าเขาจะเข้าไปในโรงพยาบาลวันไหนพร้อมกับเมื่อถึงเวลานั้นนายก็แฝงตัวเข้าไปในหมู่ผู้ป่วยธรรมดา นายคิดว่าวิธีนี้เข้าท่าไหม ? ”

ดวงตาของหยางเซียนหยูนั้นสว่างขึ้นก่อนที่เขาจะพูดออกมาพลางพยักหน้าว่า

“ความคิดนี้เยี่ยมยอดมาก ! หากว่าเขาสามารถรักษาภรรยาฉันได้ละก็ เมื่อถึงเวลาแล้วฉันจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาแน่นอน”

หลังจากถังซิ่วและคังเซี่ยนได้ออกไปจากสำนักมังกรรุ่งโรจน์นั้น พวกเขาก็ได้ตรงไปที่วิลล่าที่เมืองประตูทิศใต้ทันที

ที่หลังด้านหลัง

ถังซิ่วยิ้มหลังจากได้สูดดมกลิ่นหอมที่ถูกส่งออกมาจากคังเซี่ยนพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เป็นไง โชว์วันนี้สนุกไหม ? ไม่ใช่แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าชมเท่านั้นแต่ยังได้กลับมาตั้ง100ล้านแหนะ”

คังเซี่ยนยิ้มออกมาพร้อมพูดหยอกล้อว่า

“มันเยี่ยมมากเลยหละ มีบอสแบบคุณนี่เป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดเลย หรือว่าเอาอย่างงี้ไหม ? เราปิดบริษัทของเราเลยแล้วคุณก็พาฉันไปดูโชว์แบบนี้ทุกวันแล้วฉันก็จะเป็นคนเรียกเงินพวกเขาเองทุกวัน”

(*555555555555 เออได้ ความคิดมันดีอะแอดชอบ)

ถังซิ่วพูดออกมาพลางที่เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“เธอคิดได้ยังไงกันเนี้ย ? คนสมัยนี้นั้นฉลาดเป็นอย่างมากและไม่สามารถไปไถเงินใครได้ง่ายๆหรอกนะและยิ่งไปกว่านั้นฉันคงจะตายแน่หากมีคนมาพยายามสร้างปัญหาให้ฉันทุกวันแบบนี้”

คังเซี่ยนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สวยเหมือนดั่งดอกไม้ว่า

“เหนื่อยกับปัญหาแล้วไงหละ ? แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอ ? วันเดียวสามารถทำเงินได้ถึง100ล้าน อีกเพียงไม่กี่ปีคุณก็จะเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกแน่นอน ถึงตอนนั้นแล้วบิลเกทเองก็ต้องอยู่ภายใต้คุณ ? ”