ตอนที่ 8 อย่าได้บาดหมางกับเทพเจ้าแห่งการทำอาหารในอนาคต

แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง

ข้าวผัดไข่เปล่งประกาย

รูม่านตาของเซียวเหยี่ยนหยู่ค่อยๆเปิดตากว้างออกมาช้าๆ และเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเซียวเสี่ยวหลงบอกนาง นางไม่เชื่อเขา ตอนนี้นางได้เห็นมันเหมือนว่าไม่ใช่ของจริง

กลิ่นหอมพวยพุ่งเข้าไปในโพรงจมูกของเซียวเหยี่ยนหยู่กลิ่นนั้นเหมือนกลิ่นของคนรักคอยนวดเฟ้นไปทั่วทั้งร่างกายทำให้ปลอดโปร่งรู้สึกสบาย สติของนางเริ่มหมดไปตอนนี้นางคิดเพียงอย่างเดียวคือกินมัน

เซียวเหยี่ยนหยู่นั้นเป็นดั่งเทพธิดาแห่งอาณาจักรสายลมแห่งแสง นางต้องรักษาภาพลักษณ์ของนางแม้ว่าจะมีอาหารรสโอชามาอยู่ต่อหน้า นางค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าออกมาเผยริมฝีปากที่มีสีกุหลาบออกมา

เมื่อนางใช้ช้อนกระเบื้องสีฟ้าขาวตักข้าวผัดไข่ออกมาหนึ่งช้อน ไข่เหลวที่ยังไม่สุกยืดออกมาจากช้อนเหมือนด้ายสีทองส่องสว่าง ความร้อนจากช้อนสีกระเบื้องฟ้าขาวให้ความรู้สึกร่าเริงและกลิ่นหอมที่แผ่กระจายไปทั่ว

ผิวที่สวยงามของเซียวเหยี่ยนหยู่ที่เหมือนกับเต้าหู้เปลี่ยนเป็นสีแดงจากอากาศอุ่นที่แผ่เข้ามา

“ท่านพี่รสชาติของข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงเป็นยังไงบ้าง?” เซียวเสี่ยวหลงได้กลิ่นหอมของข้าวผัดไข่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากดูพี่สาวของเขาตักช้อนเข้าปาก

ช้อนกระเบื้องสีฟ้าขาวที่ส่องประกายแสงกับทบกับฟันของเซียวเหยี่ยนหยู่ ข้าวทุกเม็ดหล่นลงไปในปากของนาง เซียวเหยี่ยนหยู่หรี่ตาลงความอร่อยล้ำระเบิดเข้าไปในสมองของนาง รสชาติระเบิดเข้าไปในปากของนาง

ราวกับดอกไม้ทั้งหมดบานสะพรั่งตั้งแต่ข้าวผัดไข่เข้าไป

“นี่…….อร่อยมาก”

เซียวเหยี่ยนหยู่ครวญครางอย่างมีความสุข นางไม่แสดงอาการใดๆอื่นเลย มีเพียงแต่ตักข้าวผัดไข่เข้าปากไปเท่านั้น ภาพลักษณ์ของนางถูกทำลายไปจนหมดสิ้น

นางไม่เคยได้กินข้าวผัดไข่รสชาติดีแบบนี้มาก่อน นางอยู่ในระดับนักรบวิญญาณขั้นสี่ นางไม่จำเป็นต้องกินอาหาร แต่นางก็ถูกข้าวผัดจานนี้กระตุ้นความหิวโหยจนแทบจะไม่น่าเชื่อ สมแล้วที่เซียวเสี่ยวหลงว่ามันเป็นข้าวผัดไข่มหัศจรรย์

อึก อึกอึก (เสียงกลืนน้ำลาย)

เซียวเสี่ยวหลงเห็นเสี่ยวเหยี่ยนหยู่กินอาหารโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของนางเขาไม่ได้หัวเราะเยาะเย้ยนาง เขามองไปที่นางอย่างอิจฉา เสียงกระเพาะอาหารของเขาก็ร้องดังออกมา

เสิ่นฉีเฉียงไม่พูดอะไรเขามองดูเทพธิดาในฝันของเขากินอาหาร เขาไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี้มีอะไรเกิดขึ้น

“ข้าวผัดไข่นี่…….ก็กินอย่างไม่คิดชีวิตเหรอ?”

ข้าวผัดไข่จานนี้กลิ่นหอมมากจริงๆ…แต่นางก็ยังเป็นเทพธิดาในฝัน นางไม่จำเป็นต้องทิ้งภาพลักษณ์ให้เจ้าข้าวผัดไข่จานนี้เลย

“เจ้าของร้านข้าวผัดไข่ของข้าอยู่ไหน ข้าหิวแล้วรีบยกมาเลย”

ยิ่งคิดเสิ่นฉีเฉียงก็ยิ่งอยากรู้เรื่องข้าวผัดไข่มากขึ้น เขาพับพัดกระดาษที่อยู่ในมือ เขาตะโกนใส่บู่ฟงแล้วยิ้มเมื่อมองเซียวเหยี่ยนหยี่กิน

บู่ฟงยกคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่เสิ่นฉีเฉียงอย่างไม่ได้สนใจ เขาไม่พูดอะไร แต่หันเข้าไปในห้องครัว

“เร็วสิวะ หากข้าไม่ได้กินข้าวผัดไข่ของเจ้าในสามนาทีข้าจะพังร้านเล็กๆของเจ้านี่ซะ”เสิ่นฉีเฉียงพูดออกมาอย่างหยิ่งยโสโอหัง

บู่ฟงเข้าไปในห้องครัวโดยไม่แสดงอาการใดๆ แล้วเอาถุงแป้งออกมาจากตู้เย็น

เขากำลังจะทำข้าวผัดงั้นเหรอ?ผิดแล้ว…..เสิ่นฉีเฉียงกล้าที่จะข่มขู่พ่อครัวเขาก็ต้องท้องว่างไปสักพัก ไม่นานเข้าก็จเข้าใจที่กล้าบาดหมางกันกับพ่อครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับใครบางคนที่ใจแคบ

บะหมี่แห้งเป็นอาหารพื้นๆ มันแค่เอาบะหมี่มาผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ

บะหมี่แห้งที่บู่ฟงทำทำด้วยมือ เขานวดมันด้วยเทคนิคพิเศษในการทำบะหมี่ รสชาติมันจะต้องพิเศษกว่าธรรมดา

บู่ฟงฝึกซ้อมมานับไม่ถ้วนการทำบะหมี่แห้งนั้นใช้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น ฝีมือการนวดของเขาเมื่อมองดูแล้วมันช่างดูน่าสนุกสนาน มันเหมือนกับว่ามือของเขาหายไปในขณะที่เขากำลังจะนวดแป้ง

หลังจากที่เขานวดเสร็จเขาก็ดึงเส้นบะหมี่ด้วยการออกแรงปานกลาง จากนั้นเขาก็โรบแป้งไว้บนเส้นบะหมี่บางๆ แล้วเอาจุ่มน้ำร้อนเพียงแค่ครั้งเดียว

น้ำที่ใช้ทำเส้นบะหมี่ก็ไม่ใช่น้ำธรรมดา มันใสสะอาดและโปร่งแสงไม่ได้มีสิ่งสกปรกใดๆ ไอน้ำที่ลอยมายังมีกลิ่นหอมหวานนิดๆลอยขึ้นมาอีกด้วย

ตอนที่บะหมี่ถูกลวกบู่ฟงก็กำลังเตรียมเครื่องปรุง เขาใส่ซอสถั่วเหลือง เกลือ ผงชูรส เข้าไปในชามสีฟ้าขาวแล้วเทน้ำร้อนลงไปนิดๆ เขาเอาบะหมี่ออกมาจากน้ำร้อนเทลงชาม เขาใช้ตะเกียบไม้พลิกบะหมี่ทำให้ซอสถั่วเหลืองซึมเข้าไปในบะหมี่ที่ใสสะอาด

บะหมี่แห้งจานนี้ก็เสร็จสมบูรณ์

มันไม่มีซุปผักหรือว่าไข่ มันเป็นเพียงแค่บะหมี่แห้งจานหนึ่งเท่านั้น

บู่ฟงยกชามก๋วยเตี๋ยวแห้งออกมาจากครัว กลิ่นหอมไม่มากเท่าตอนที่เขายกจานข้าวผัดไข่ออกมา แต่สีของก๋วยเตี๋ยวแห้งก็น่าสนใจ

เมื่อเสิ่นฉีเฉียงเห็นบู่ฟงเดินออกมาจากห้องครัวยกจานสีฟ้าขาวออกมาเขาคิดว่าข้าวผัดไข่ออกมาแล้วแลตื่นเต้นที่จะได้รับมัน

“นี่เป็นบะหมี่แห้งของหนุ่มหน้าหวาน” บู่ฟงออกมาจากด้านในแล้วไม่แสดงท่าทางใดๆแล้วพูดออกมาง่ายๆ

เสิ่นฉีเฉียงชะงักทันทีเขามองมาที่บู่ฟงด้วยความโกรธแล้วหรี่ตาลง “ข้าบอกให้เจ้าทำข้าวผัดไข่ไม่ใช่เหรอ? ใครบอกให้เจ้าทำบะหมี่แห้งออกมากัน เจ้าอยากจะให้ร้านของเจ้าถูกปิดลงเหรอ?”

บู่ฟงไม่สนใจเสิ่นฉีเฉียง เขายกบะหมี่แห้งลงตรงหน้าเซียวเสี่ยวหลงแล้วพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “นี่เป็นบะหมี่แห้งของเจ้า ได้โปรดมีความสุขกับอาหารมื้อนี้”

เซียวเสี่ยวหลงตาสว่างขึ้นมาทันที เขาเป็นคนที่หิวโหยอย่างมากหลังจากที่ถูกกลิ่นของข้าวผัดไข่ยั่วยวน จนเขาไม่สนใจที่บู่ฟงเรียกเขาว่าหนุ่มหน้าหวาน

แม้ว่ามันจะเป็นบะหมี่แห้งไม่ใช่ข้าวผัดไข่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน มันยังมีกลิ่นหอมแม้ไม่มากเท่าอีกจานหนึ่ง แต่กลิ่นของมันก็ไหลเวียนลึกอยู่ในโพรงจมูก

แม้มันเป็นบะหมี่แห้งแต่มันก็ไม่ใช่ของธรรมดาเมื่อขายในราคาหนึ่งร้อยเหรียญทอง

เซียวเสี่ยวหลงใช้ตะเกียบดูดเส้นบะหมี่เข้าไปในปาก

ซ๊วบ

เซียวเสี่ยวหลงเปิดตากว้างด้วยความตกใจ เส้นบะหมี่ลื่นไหเข้าไปในปากของเขาราวกับว่ามันมีชีวิต ความสดชื่นเด้งดึ้งไปทั่วปากเมื่อเขาเคี้ยว มันทำให้เขามีความสุขอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เหมือนกับว่ามีมือเล็กๆสะกิดไปรอบๆปากของเขา

โอ๊ะ….

เขาจับบะหมี่ยัดเข้าปากเซียวเสี่ยวหลงหรี่ตาลงเขาส่ายหัวขึ้นลงอย่างมีความสุข

ท่าทางของเซียวเสี่ยวหลงสะท้อนเข้าไปในตาของเสิ่นฉีเฉียง เขาไม่อาจที่จะห้ามความอยากรู้อยากเห็นอีกต่อไปได้ เขารอต่อไปไม่ได้แล้ว

“รีบกลับเข้าไปในห้องครัว ข้าต้องได้กินข้าวผัดไข่กับบะหมี่แห้งเดี๋ยวนี้”

เสิ่นฉีเฉียงจ้องไปที่บู่ฟงอย่างหนาวเย็นจับใจ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมที่ข้าพูดไปนะ? หากเจ้าไม่หยุดขู่ข้า หากข้าได้ยินอีกข้าจะขึ้นบัญชีดำเจ้า”

บู่ฟงขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยจะพอใจ เขาคิดว่า “เจ้าคนประหลาดนี่กำลังสร้างปัญหาอยู่”

“เจ้าอวดดีนัก ข้าจะพังร้านเจ้าทิ้งซะ” เสิ่นฉีเฉียงข่มขู่บู่ฟงแล้วเอาพัดกระดาษทุบออก

บู่ฟงยิ้มตอบแต่รอยยิ้มกลับไม่ยิ้มมันดูแข็งกระด้าง

เขาไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากกลับไปที่ห้องครัว

หลังจากนั้นสามสิบนาทีบู่ฟงก็กลับมาด้วยท่าทางสบายๆ

เซียวเสี่ยวหลงกับเซียวเหยี่ยนหยู่กินอาหารจนหมดแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ออกไปไหน พวกเขายังต้องจ่ายเงินและที่สำคัญกว่านั้นพวกเขาอยากจะเห็นผัดผัก

พวกเขาได้เห็นข้าวผัดไข่กับบะหมี่แห้งแล้วเหลือแต่เพียงผัดผักเท่านั้น

เหมือนกับเมนูอื่นๆผัดผักมันต้องไม่ใช่ของธรรมดาเหมือนกัน

เมื่อเสิ่นฉีเฉียงเห็นอาหารถูกยกออกมาจากครัว เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเขาจึงเดินไปคว้าถาดมาตรงหน้าบูฟง

มีจานสี่จานบนถาด มีข้าวผัดไข่สองจานกลิ่นของมันหอมฟุ้งไปทั่วทั้งร้าน นอกจากนี้ยังมีจานอื่นๆยังมีบะหมี่แห้งที่มีสีสันหลอกล่อ แล้วยัง….ใบของผักสด?

เมื่อเสิ่นฉีเฉียงสั่งมันมาทุกจาน บู่ฟงก็ปรุงมันมาหมดทุกจาน

ดูเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนผักในตำนาน……ผัดผัก

“เจ้ามันคนโง่?ทำไมเจ้าไม่ยกมาทีละจานละ? เจ้าพยายามจะปล่อยให้ข้าอดกินเหรอ?”เสิ่นฉีเฉียงสูดกลิ่นข้าวผัดแล้วหันไปตำหนิบู่ฟง

บู่ฟงไม่อาจที่จะตอบอะไรเขาได้ เสิ่นฉีเฉียงหวังอะไรที่ทำผิดกับพ่อครัวกัน? เขาน่าจะขอบคุณมากกว่าที่ทำให้เขาไม่ต้องรออีกสองสามชั่วโมง

ทำไมบู่ฟงถึงยกอาหารมาในเวลานี้?ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวเสิ่นฉีเฉียงแต่เขามีเหตุผลของเขา….

“ระบบแน่ใจเหรอว่าอยากจะให้ข้าทำงานนี้?”

“[ซอสพริกที่วัดระดับไม่ได้]พริกที่คัดสรรเป็นพริกที่เผ็ดอย่างมากภายนอกดูคล้ายพริกไทยสวรรค์มันเติบโตจากนรก มันดูดซับพลังจากปีศาจมากมาย เพียงแค่หยดเดียวจะทำให้รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาอยู่ในกองไฟ ทั้งหนึ่งช้อนชาจะทำให้คนประสาทหลอน ทั้งขวดจะทำให้ตายได้”

ระบบอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับซอสพริกที่บู่ฟงเอาใส่ลงในข้าวผัด

##############################################################################

สวัสดีครับ ฮ่าๆ แพนด้าคุงมาช่วยพี่ๆเขาแปลในทีมเทพอมตะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ สำนวนอาจจะแปลกตาดู จะพยายามแก้ไขให้นะครับ นี่เพจผมนะครับ ฝากติดตามที

https://www.facebook.com/pandatranslater/