GOS ตอนที่ 157 – โรจาออกโรง

 

กำปั้นแม็กม่าจำนวนมากที่กำลังลุกไหม้ได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับอุกกาบาต ก่อนที่จะปะทะกับพื้นทะเลน้ำแข็งเบื้องล่าง แม้ว่าไคโดและเหล่าสามภัยพิบัติจะสามารถปัดป้องมันได้บางส่วน แต่เนื่องจากระยะโจมตีมันกว้างเกินไป ทำให้ไม่สามารถปัดป้องมันได้ทั้งหมด

 

เมื่อแม็กม่าปะทะเข้ากับพื้นน้ำแข็ง มันก็ส่งเสียงชี่ ชี่ พร้อมๆกับพื้นทะเลน้ำแข็งที่เริ่มละลาย

 

ทันทีที่พื้นน้ำแข็งละลาย ‘น้ำทะเล’ก็เริ่มไหลทะลักขึ้นมา

 

สำหรับผู้ใช้พลังจากผลปีศาจแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย  

 

“เร็วเข้า! รีบวิ่งไปที่ท่าเรือ!”

 

“ตามท่านไคโดไปเร็ว!”

 

กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรต่างพากันโห่ร้องออกมา พร้อมกับกำอาวุธในมือแน่น และวิ่งตามไคโดและสามภัยพิบัติมุ่งตรงไปยังท่าเรืออย่างบ้าคลั่ง

 

เส้นทางที่ไคโดเปิดทางให้ แทบจะไร้อุปสรรค แม้เหล่าพลเรือเอกจะพยายามโจมตีเพื่อตรึงไคโดให้หยุดอยู่กับที่ แต่ก็ไม่อาจทำได้ ยิ่งต้องพยายามหยุดพวกเหล่าสามภัยพิบัติและพวกหัวหน้าหน่วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง เพราะเพียงแค่อาโอคิยิ อาคาอินุ และ คิซารุ แค่สามคน ดูเหมือนว่าจะเป็นการยากเกินไปที่จะหยุดกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรทั้งหมด

 

ตูม ตูม ตูม—!

 

พลังจากผลปีศาจของคิซารุ อาคาอินุ ถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระสุนแสงและกำปั้นลาวาที่ลุกไหม้นับพันปรากฏขึ้นเต็มท้องฟ้า พร้อมๆกับอุณหภูมิภายในสนามรบที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น

 

ขณะที่เหล่ากลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ค่อยๆวิ่งเข้ามาใกล้ท่าเรือมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าทหารเรือที่ยืนอยู่ภายในจตุรัสก็ยิ่งกระชับอาวุธในมือของพวกเขาแน่น

 

คนแรกที่เริ่มโจมตีออกไปจากขบวนรบก็คือโรจา

 

เขาได้จินตนาการถึงฉากนี้หลายต่อหลายครั้งภายในจิตใจ แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตาของเขาตัวเขาก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ดี พลเรือเอก อาคาอินุ อาโอคิยิ คิซารุ พลังจากผลปีศาจ แม็กม่า น้ำแข็ง และแสง เพียงแค่ความแข็งแกร่งของทั้งสาม ก็เพียงพอที่จะทำลายเกาะทั้งเกาะได้อย่างง่ายดาย

 

แม้ความแข็งแกร่งนั้นจะไม่มากพอที่จะต้านทานร้อยอสูรไคโดที่อยู่ในระดับผิดปกติ  แต่แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมานั้นมหาศาลเป็นอย่างยิ่ง!

 

“แจ็คแห่งภัยแล้ง เจ้าหมอนั่นยังไม่ตายจริงๆด้วย”

 

สายตาของโรจาที่กำลังจ้องมองสามพลเรือเอกได้ตกลงมายังกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ก่อนที่จะหยุดลงตรงร่างอันมหึมาของแจ็คแห่งภัยแล้ง

 

แจ็คแห่งภัยแล้งยังไม่ตาย แต่มันก็อยู่ในการคาดการณ์ของโรจาอยู่แล้ว

 

“เกือบถึงระยะโจมตีแล้ว”

 

เมื่อมองไปยังกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรที่กำลังใกล้เข้ามา ใบหน้าของโรจาก็ค่อยๆเผยให้เห็นถึงความกระหายเลือดและความตื่นเต้น ก่อนที่เขาจะค่อยๆชักดาบขาวฮิรุขึ้นมา

 

นี่คือ 1 ใน 12 ดาบชั้นเลิศ เมื่อมันถูกชักออกมา ใบดาบก็ได้เปล่งประกายแสงระยิบระยับ ราวกับดวงอาทิตย์ในยามเช้า อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“บังไค เซมบงซากุระคาเงโยชิ!”

 

โรจาหันปลายดาบลงบนพื้น ก่อนที่จะผละมือออกแล้วให้ฮิรุร่วงหล่นลงไปตามแรงโน้มถ่วง และเมื่อปลายดาบถึงพื้น ก็พลันเกิดระรอกคลื่นขนาดเล็ก พร้อมกับดาบขาวฮิรุที่จมหายลงไปในพื้นดิน

 

ตามมาด้วย

 

ภายใต้สายตาของเหล่าทหารเรือนับไม่ถ้วนที่อยู่เบื้องหลังของโรจา พื้นดินพลันเกิดระรอกคลื่นขนาดใหญ่ และตามมาด้วยใบดาบขนาดยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน และพริบตาต่อมามันก็กลายเป็นกลีบดอกซากุระ!

 

“นี่มัน .. !?”

 

“นี่คือวิชาดาบของพลเรือโทโรจา ที่ทำให้เขาได้สมญานามดาบภูติ!”

 

ทหารเรือที่เคยติดตามโรจา และเคยเห็นวิชาดาบของเขามาก่อน ต่างก็ดวงตาเป็นประกาย หัวใจของพวกเขารู้สึกสั่นไหว และพากันจ้องมองไปยังโรจาพร้อมกับโห่ร้องออกมา

 

ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าทหารเรือที่ไม่เคยเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า

 

“นี่เป็นวิชาดาบจริงๆน่ะหรือ ฉันนึกว่าเป็นพลังจากผลปีศาจซะอีก”

 

“ช่างสวยงามจริงๆ”

 

“กลีบดอกซากุระ??”

 

ทหารเรือบางคนเมื่อได้เห็นฉากที่กลีบดอกซากุระอันสวยงามกำลังโปรยปรายอยู่บนท้องฟ้า ต่างก็พากันตกตะลึง และเผยให้เห็นถึงท่าทีประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วกลีบดอกซากุระเหล่านี้คืออะไรกันแน่

 

“ไป!”

 

ภายในสายตาของโรจาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความตื่นเต้น เมื่อเขาเหยียดมือออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นคลื่นกลีบดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายอยู่บนท้องฟ้าก็พากันพุ่งเข้าหาเหล่ากลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรที่กำลังวิ่งตรงมายังท่าเรือ

 

ในตอนที่สู้กับเรือโจรสลัดแมมมอส(แจ็ค) โรจาไม่อาจสำแดงพลังของเซมบงซากุระ คาเงโยชิออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันต่างออกไป!

 

วิซ–!

 

คลื่นกลีบดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายอยู่ทั่วท้องฟ้าได้รวมตัวกันก่อนที่จะโหมกระหน่ำลงไปยังกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรราวกับน้ำหลาก

 

“นั่นมันบ้าอะไรน่ะ?”

 

“ระวังตัวให้ดี มันจะต้องเป็นพลังแปลกๆจากผลปีศาจแน่นอน!”

 

เหล่าลูกเรือกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ไม่มีใครรู้จักเซมบงซากุระ คาเงโยชิของโรจา เมื่อเห็นกลีบดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาต่างเผยให้เห็นถึงความสงสัย แต่ก็ยังระมัดระวังตัวอยู่

 

อย่างไรก็ตาม

 

แม้จะระวัดระวังตัว มันก็เปล่าประโยชน์!

 

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ—!

 

เมื่อคลื่นกลีบดอกซากุระได้โหมกระหน่ำเข้าไปกลางดงของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร เหล่าโจรสลัดที่อยู่ท่ามกลางกลีบดอกซากุระก็รู้สึกราวกับถูกพายุดาบอันแหลมคมกรีดแทง และพากันกรีดร้องโหยหวนออกมา พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว

 

“อ๊า อ๊า อ๊า—!”

 

เสียงกรีดร้องดังระงมออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

เลือดสดๆ ได้ย้อมกลีบดอกซากุระจนกลายเป็นสีแดงสดราวกับลูกเชอร์รี่ หากมองเป็นศิลปะ กลีบดอกซากุระเหล่านั้นช่างดูงดงาม แต่ในขณะเดียวกันมันก็ให้ความรู้สึกน่าสยดสยอง!

 

ทุกคนที่มองไปยังฉากนี้ต่างพากันเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง!

 

“นี่มัน … ”

 

“ช่างเป็นพลังจากผลปีศาจ / วิชาดาบ ที่แข็งแกร่งอะไรอย่างงี้”

 

ทางฝั่งกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรและทหารเรือต่างอุทานออกมาพร้อมกัน

 

“นี่น่ะเหรอ … ดาบภูติโรจา?”

 

ทางด้านกลุ่มลูกเรือโจรสลัดร้อยอสูร ที่ตกอยู่ภายใต้คลื่นกลีบดอกซากุระ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัด และไม่ล้มลงเนื่องจากใช้ฮาคิเกราะบีบอัดลงไปในร่างกาย แต่พวกเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ดี

 

ไม่ว่าจะเป็นเหล่าโจรสลัดที่อยู่ภายในระยะโจมตีของเซมบงซากุระ คาเงโยชิ หรือโจรสลัดที่อยู่นอกระยะโจมตี ต่างก็พากันเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก และจ้องมองไปยังกลีบดอกซากุระที่ถูกย้อมด้วยเลือด

 

ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนทั้งหมดที่กำลังเฝ้ามองอยู่

 

มิใช่เพียงแค่ทางฝั่งกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรเท่านั้น

 

แม้แต่ทางฝั่งกองทัพเรือ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าพลเรือตรี หรือพลเรือโทที่ยืนอยู่ข้างๆโรจาต่างก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกตกตะลึง

 

ในขณะที่คิซารุที่กำลังต่อสู้กับหนึ่งในสามภัยพิบัติ ได้จ้องมองไปยังโรจาแล้วกล่าวว่า

 

“มีวิชาดาบแปลกๆอันแสนน่ากลัวเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว สมแล้วที่เป็นญาติของการ์ปซัง … ”

 

“นี่คงจะเป็นวิชาดาบที่ใช้โค่นโดฟลามิงโก้อย่างงั้นสินะ?”

 

อาคาอินุเหลือบไปมองกลีบดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะละความสนใจจากมันและหวดกำปั้นแม็กม่าใส่ร้อยอสูรไคโด ซึ่งทางด้านไคโด ก็หวดกำปั้นสวนกลับมาเช่นกัน

 

ปัง—!

 

กำปั้นทั้งสองได้พุ่งเข้าปะทะกัน ก่อนที่ร่างของอาคาอินุจะสั่นสะท้าน และกระเด็นถอยหลังไป เห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ตัวต่อตัว เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไคโด และสามารถทำได้ดีที่สุดคือเพียงรั้งตัวไคโดเอาไว้เท่านั้น

 

โรจาไม่ได้สนใจอาคาอินุ และไคโด ณ เวลานี้ เขาเป็นคนที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดของขบวนรบและกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการควบคุมคลื่นกลีบดอกซากุระให้โจมตีกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร

 

โรจานั้นเป็นพลเรือโทคนแรกที่เริ่มทำการโจมตีหลังจากพลเรือเอกทั้งสาม และการโจมตีของโรจาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า การโจมตีของเหล่าสามพลเรือเอกเลย

 

“จงลอยขึ้น!”

 

เลือดในกายของโรจาเดือดพล่าน ก่อนที่เขาจะกางฝ่ามือทั้งสองข้างออก และยกสูงขึ้น

 

ตูม—!

 

ตามการเคลื่อนไหวของโรจา กลีบดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายอยู่ทุกหนทุกแห่งได้แยกออกเป็นสองฝั่งอย่างฉับพลัน ก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

“แบบนี้ไม่ดีแน่!!”

 

“รีบหนีเร็ว!”

 

กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรบางคน เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของพวกเขาก็จมลงสู่ความสิ้นหวัง ก่อนที่จะพากันวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง แต่ฝีเท้าของพวกเขา ดูเหมือนจะด้อยกว่าความเร็วของกลีบดอกซากุระของโรจา!

 

“จงโหมกระหน่ำ!”

 

ภายใต้ฝ่ามือทั้งสองของโรจาที่โบกสะบัดลงมา คลื่นกลีบดอกซากุระทั้งสองฟากฝั่งที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อครู่พลันกลายเป็นสีดำหมึก ก่อนที่จะหลอมรวมกันจนดูราวกับมังกรที่กำลังร่อนลงมาจากท้องฟ้า และพุ่งลงสู่พื้นน้ำแข็งที่ ณ เวลานี้กลายเป็นสนามรบ!

 

ในตอนแรก พวกโจรสลัดที่เหลืออยู่สามารถทนต่อการโจรตีของกลีบดอกซากุระของโรจาได้ ก็เนื่องมาจากพวกเขาใช้ฮาคิเกราะบีบอัดลงไปในร่างกาย แต่หากโรจาบีบอัดฮาคิเกราะลงไปในกลีบดอกซากุระแล้วล่ะก็ .. ต่อให้บีบอัดฮาคิเกราะเพิ่มลงไป มันก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของโรจาได้!