GOS ตอนที่ 150 – ก่อนที่จะเกิดพายุโหมกระหน่ำ

 

หลังจากที่ปิดหน้าต่างสถานะแล้ว โรจาก็นั่งไขว้ขา ก่อนที่จะขบคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย

 

กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรดูเหมือนว่าจะค่อนข้างใส่ใจกับผลปีศาจ ‘เสือเขี้ยวดาบ’ ผลนี้เป็นอย่างมาก และเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของไคโดก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใช้ปีศาจสายโซออน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พวกกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรจะให้ความสำคัญกับผลปีศาจผลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นรูปแบบโบราณ

 

แต่จุดสำคัญในเวลานี้ก็คือ เขาได้เผลอไปกระตุ้นไคโดเข้าให้แล้ว ซึ่งนั่นทำให้ไคโดอาจจะมาสร้างปัญหาให้แก่เขา หรือกองทัพเรือก็เป็นได้

 

แม้โรจาจะไม่ได้หวาดกลัว แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะเป็นฝ่ายถูกไคโดกดดันหรือไล่ล่า

 

“เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ต้องรีบทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

 

โรจาส่ายหัว ก่อนที่จะโยนความคิดนี้ทิ้งไป จากนั้นเขาก็นำดาบขาวฮิรุมาวางไว้บนเข่า แล้วจมดิ่งลงสู่ห้วงสมาธิเพื่อตระหนักรู้ถึงความความลึกลับของศิลปะการต่อสู้ด้วยดาบ และ‘จดจ่อ’อยู่กับมัน

 

ในเวลานี้ โรจาต้องการตวัดดาบเดียวซ้อนทับกันสิบสามครั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะเสริมพลังโจมตีของเขาให้สูงยิ่งขึ้น หากพบกับแจ็คแห่งภัยแล้งอีกครั้ง เขาจะได้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ ชูเคย์ ฮาคุเทย์เค็น ซึ่งเป็นตัวเลือกสุดท้ายในการโจมตี เพราะการใช้มันแต่ละครั้งโรจาจะสูญเสียพลังวิญญาณออกไปเป็นจำนวนมาก

 

หากต้องพบกับแจ็คแห่งภัยแล้งอีกครั้ง โรจาต้องการที่จะให้พลังโจมตีของเขา รุนแรงมากพอจนเพียงแค่ใช้เก็ทสึงะ เท็นโช ก็เพียงพอที่จะทะลวงพลังป้องกันของแจ็คได้

 

และเมื่อถึงเวลานั้น หากเขาต้องเผชิญหน้ากับพลเรือเอก หรือศัตรูระดับพวก 4 จักรพรรดิ โรจาคงจะสามารถต้านทานได้อย่างน้อยก็เป็นระยะเวลาสั้นๆ

 

 

ณ ศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด

 

ภายในห้องประชุมระดับสูง นอกจากคิซารุที่กำลังเดินทางกลับมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาโอคิยิ อาคาอินุ หรือแม้แต่จอมพลเรือเซนโงคุ และจอมวางแผนซึรุ ก็นั่งอยู่ที่นี่

 

ส่วนการ์ปยังไม่กลับมา เขายังคงอยู่กับหลานชายของเขา — ลูฟี่ ที่อีสต์บลู ทางด้านเซเฟอร์นั้นหลังจากที่มีการประชุมเรื่อง 7 เทพโจรสลัด เขาก็ไม่เคยมาเข้าร่วมประชุมอีกเลย

 

เซนโงคุได้กล่าวเพียงสั้นๆว่าเกิดอะไรขึ้นในนิวเวิลด์ แต่คำกล่าวเพียงแค่สั้นๆนั้นก็ทำให้ดวงตาของอาคาอินุและอาโอคิยิหดแคบลง ส่วนซึรุนั้นเผยให้เห็นถึงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย

 

แม้ซึรุจะเคยคาดคิดเอาไว้แล้วว่าโรจาอาจจะสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร แต่สาเหตุของความไม่พอใจนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องผลปีศาจรูปแบบโบราณเสียมากกว่า เธอไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าโรจาจะสามารถโค่นฝ่ายตรงข้ามที่ทรงพลังราวกับเทพเจ้าได้

 

“อะรารา นี่มันเรื่องใหญ่เลยนี่นา … ชอบทำให้ประหลาดใจอยู่เสมอเลยนะ เจ้าปีศาจน้อย มังกี้ D โรจา”

 

อาโอคิยิวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ และกล่าวออกมา

 

“ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเราจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร?”

 

ทัศนคติของอาคาอินุที่มีต่อโรจายังคงไม่ดีนัก แม้ว่าโรจาจะสร้างชื่อเสียงให้แก่กองทัพเรือเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าอย่างไร โรจาก็ยังคงเป็นลูกพี่ลูกน้องของดราก้อน ซึ่งเป็นอาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุด และยังคงไม่สามารถกำจัดได้

 

สำหรับอาคาอินุแล้ว ปลาเน่าตัวเดียว ก็จะพลอยทำให้ทั้งบ่อเหม็นเน่าตามไปด้วย

 

หากวันหนึ่งโรจาได้ปะทะกับดราก้อน มันจะเกิดอะไรขึ้น? นั่นยากที่จะกล่าวออกมาได้

 

“ถูกต้อง”

 

เซนโงคุพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยเสียงนุ่มลึกว่า

 

“เวลานี้ไคโดยังคงต่อสู้กับผมแดงอยู่ แต่เมื่อการต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้สิ้นสุดลง หลังจากที่ไคโดกลับไปยังอาณาเขตของเขาแล้ว เขาจะทำอะไรต่อไปก็คงไม่อาจคาดเดาได้”

 

ในระหว่างการประชุม เซนโงคุได้เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่ตึงเครียด แน่นอนว่าทัศนคติที่เขามีต่อพวกโจรสลัดคือ ‘ทำลายพวกมันให้สิ้นซาก’ โดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว ไม้เว้นแม้แต่พวก 4 จักรพรรดิ!

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไคโดจะบุกมายังกองทัพเรือ และทุกครั้งไคโดก็ถูกปราบปรามและขับไล่โดยพวกเขา … ดังนั้นครั้งนี้ หากไคโดบุกมามันก็จะยังเป็นเหมือนทุกครั้ง!

 

ความยุติธรรมจะไม่พ่ายแพ้ต่อความชั่วร้าย!

 

เมื่อได้ยินคำพูดอันแฝงไปด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังของเซนโงคุ สายตาของอาโอคิยิก็จมลึกลงไปในห้วงความคิด ก่อนที่เขาจะพยักหน้าออกมาอย่างช้าๆ ส่วนอีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของอาคาอินุยังคงสงบ แต่สายตาของเขาเป็นประกายเย็นเยียบ

 

“สงครามกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง”

 

จอมวางแผนซึรุได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ก่อนที่จะยกชาขึ้นมาจิบ แล้วมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องล่างผ่านทางหน้าต่าง

 

 

หลายวันต่อมา

 

การต่อสู้ระหว่างไคโดและผมแดงก็ได้จบลง  และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของไคโด แม้ว่าไคโดจะสามารถทำให้แชงคูสเหนื่อยล้าได้ แต่เขาก็ยังต้องต่อสู้กับลูกเรือมากมายของแชงคูสอยู่ดี

 

สุดท้าย แม้ไคโดจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ทรงพลังพอที่จะต้านทานกลุ่มโจรสลัดทั้งกลุ่มของหนึ่งในสี่จักรพรรดิได้ด้วยตัวคนเดียวและสุดท้ายเขาก็หมดแรง และต้องพบกับความปราชัยลงในที่สุด

 

แม้ว่าไคโดจะพ่ายแพ้

 

แต่ผมแดงหรือแม้แต่หนวดขาวก็ไม่สามารถรั้งตัวเขาเอาไว้ได้ และต้องจำใจปล่อยให้ไคโดจากไป

 

หลายวันผ่านไป ไคโดก็ได้กลับมายังอาณาเขตของเขา

 

และหลังจากที่ได้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น — หนึ่งในผลปีศาจสายโซออนรูปแบบโบราณได้ถูกยึดไปโดยพวกทหารเรือ ขณะเดียวกันผู้ใตับังคับบัญชาของเขา แจ็คแห่งภัยแล้งก็ได้พบกับความพ่ายแพ้

 

แม้ว่าสุดท้ายพวกมนุษย์เงือกจะสามารถพาเขากลับขึ้นมาได้ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันเป็นการตบหน้าของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรอย่างแรง!

 

เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในเวลาที่ไคโดออกจากอาณาเขตของเขา และเกิดขึ้นในช่วงที่เขาต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดผมแดง!

 

ดังนั้น

 

ไคโดรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ แล้วจะให้เขาทนฝืนกล้ำกลืนความเจ็บปวดแล้วแสร้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร!?

 

หากเขาเลือกที่จะนิ่งเฉย ไคโดคนนี้ก็คงไม่เหมาะสมกับสมญานาม ‘อมตะ’ และได้เป็นถึง 4 จักพรรดิ ที่หลากหลายกองกำลังต่างพากันอิจฉาและหวาดกลัว!

 

ยามที่กษัตริย์รู้สึกโกรธเกรี้ยว พวกเขาจะย้อมผืนดินกว่าพันลี้จนเป็นสีแดงฉาน แต่หากเป็นจักรพรรดิที่โกรธเกรี้ยว พวกเขาจะพลิกท้องทะเลทั้งผืนให้ลุกเป็นไฟ!

 

ในเวลานี้ ต่อให้กองทัพเรือส่งผลปีศาจเสือเขี้ยวดาบคืนให้แก่เขา มันก็ไม่ทำให้ไคโดรู้สึกดีขึ้น … นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับผลปีศาจอีกต่อไป!

 

“ดูเหมือนว่ามันจะผ่านมานานเกินไปแล้วนับตั้งแต่ที่บุกไปยังกองทัพเรือครั้งสุดท้าย … พวกมันคงลืมไปแล้วว่าพ่อคนนี้นั่นน่าหวาดกลัวขนาดไหน!”

 

ในอาณาเขตของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ไคโดได้ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับคำรามลั่น จนเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่รอบตัวเขาล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัว ร่างกายสั่นสะท้าน และไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา

 

แม้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นฝีมือของโรจาเพียงผู้เดียว แต่ในสายตาของไคโดนั้น มิใช่แค่โรจาคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำในครั้งนี้ แต่เป็นพวกกองทัพเรือทั้งหมด!

 

“พวกเราจะก่อสงครามแบบเต็มรูปแบบ!”

 

ใบหน้าของไคโดเผยให้เห็นถึงความดุร้าย เขากางแขนทั้งสองข้างออก ก่อนที่จะปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสยดสยอง จนสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดินกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางจนเหล่าโจรสลัดต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมๆกับร่างกายที่สั่นสะท้าน

 

ถึงเวลานี้

 

ข่าวของโรจาที่สามารถเอาชนะแจ็คแห่งภัยแล้ง และขโมยผลปีศาจอันแสนหายากไปจากกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรได้แพร่กระจายออกไปทั่ว แม้แต่เรือโจรสลัดแมมมอสก็ยังถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์!!

 

การมาของข่าวนี้ ทำให้คนทั้งโลกตกอยู่ในความตกตะลึง!

 

ก่อนหน้านี้ การที่โรจาสามารถโค่นโดฟลามิงโก้ลงได้ เขาก็ทำให้โลกทั้งใบตกตะลึงมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นเพราะดองกี้โฮเต้แฟมิลี่นั้นมีอำนาจและเครือข่ายใต้ดินกระจัดกระจายออกไปทั่วทั้งท้องทะเล

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วอิทธิพลและความน่าเกรงขามของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่นั้นพด้อยกว่า 4 จักรพรรดิ!

 

อาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าสี่จักรพรรดิคนไหนหากต้องเผชิญหน้ากับดองกี้โฮเต้แฟมิลี่ พวกเขาก็สามารถทำลายดองกี้โอเต้ได้อย่างสิ้นเชิง ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองนั้นเป็นอะไรที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก มากจนเกินไป

 

การเคลื่อนไหวของสี่จักรพรรดิ ในแต่ละครั้งก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วทั้งโลก

 

ในทางตรงกันข้าม การที่โลกเกิดผลกระทบในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความแข็งแกร่งของโรจา

 

ในตอนที่เขาสามารถเอาชนะ โดฟลามิงโก้ได้นั้นอาจจะนับว่าเป็นโชคช่วย  แต่การที่เขาสามารถโค่นแจ็คแห่งภัยแล้งอันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนสำคัญของไคโด นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของโรจานี่แหละเป็นของจริง!

 

แต่ในอีกมุมหนึ่ง .. กองทัพเรือก็ได้ไปกระตุ้นคนที่บ้าที่สุดในโลกเข้าให้แล้ว!

 

หากเป็นสี่จักพรรดิคนอื่นๆพวกเขาคงไม่โกรธขนาดนี้ — แต่เขานั้นคือร้อยอสูรไคโด! ตัวตนที่ได้ชื่อว่าบ้าคลั่งที่สุดในโลก! โรจาได้กล้าที่จะท้าทายเขา … นี่โรจาไม่กลัวว่ากองทัพเรือทั้งหมดจะถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ?

 

“สงคราม .. กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”