GOS ตอนที่ 141 – หนวดขาว VS ไคโด

 

บนโต๊ะของโรจา มีเด็นเด็นมูชิที่สามารถถ่ายทอดภาพวิดิโอวางอยู่เป็นจำนวนมาก โรจาได้หยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา ก่อนที่แตะลงบนหัวของมันเบาๆ ทันใดนั้นเด็นเด็นมูชก็ยิงภาพออกตรงผนังทันทีราวกับโปรเจ็คเตอร์

 

ภาพที่ฉายออกมาเป็นภาพห้องประชุมของดินแดนศักดิ์สิทธิแมรี่จัวส์

 

ภายในห้องประชุมมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกอยู่หลายคน แม้กระทั่งจอมวางแผนซึรุหรือจอมพลเรือเซนโงคุก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย

 

“โอ้ ดูเหมือนว่าภารกิจของเธอจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น และไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นสินะ”

 

เด็นเด็นมูชินี้จะฉายภาพออกไปจากทั้งสองช่องทาง โรจาเห็นภาพของเซนโงคุ เซนโงคุก็จะเห็นภาพของโรจาเช่นกัน เมื่อเซนโงคุเห็นภาพของโรจาโดยมีแฮนค็อกยืนอยู่เบื้องหลัง เขาก็ยิ้มให้โรจา

 

คำพูดของเซนโงคุ ทำให้ท่าทีของโรจาแปลกไป

 

เหตุการณ์ไม่คาดฝัน …

 

เมื่อกล่าวถึงเหตุการ์ไม่คาดฝัน โรจาก็อดไม่ได้ที่จะระรึกถึงเรื่องเมื่อสองสามวันก่อน และหันไปมองแฮนค็อก ซึ่งเขาพบว่าแฮนค็อกก็กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน

 

ใบหน้าของแฮนค็อกไม่เผยให้เห็นถึงความโกรธ หรือความเขินอาย แต่ดวงตาของเธอกับเผยให้เห็นถึงความรู้สึกบางอย่าง ก่อนที่สายตาของเธอจะหันกลับไปมองจอภาพที่อยู่บนผนังอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นท่าทีของแฮนค็อก โรจาก็ยักไหล่ และหันกลับมามองเซนโงคุอีกครั้งแล้วกล่าวว่า

 

“ทางนี้พร้อมแล้ว เราจะเริ่มการประชุมกันเมื่อไหร่ครับ”

 

“เริ่มได้เลย”

 

เซนโงคุที่กำลังจ้องมองไปยังโรจาและแฮนค็อกไม่ได้สัมผัสถึงความผิดสังเกตุเมื่อครู่ แต่ซึรุกลับสามารถสังเกตุเห็นมันได้อย่างชัดเจน ดวงตาของเธอเป็นประกายและเผยให้ความเข้าใจบางอย่าง

 

ไม่นานนัก

 

เด็นเด็นมูชิแต่ละเครื่องก็เริ่มทำงาน พร้อมกับฉายภาพไปยังผนังสำนักงานของโรจา

 

ภาพแรกดูฉายออกมาดูเหมือนว่าจะเป็นห้องที่กว้างขวางบนเรือรบ แต่มันดูไม่เหมือนกับห้องสำนักงาน แต่เป็นเหมือนกับห้องโถงใหญ่ของเรือรบเสียมากกว่า

 

ภายในห้องโถงใหญ่นี้มีเจ้าหน้าที่ทหารเรือสองคนที่เบื้องหลังเสื้อคลุมของพวกเขามีตัวอักษร ยุติธรรม แต่ทั้งสองกลับกำลังดวลดาบกัน ขณะที่ทั้งสองพยายามดิ้นรนขัดขืน พวกเขาก็กรีดร้องออกมาราวกับว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้

 

“ไม่ ..! อย่าฟันฉัน!”

 

“แกนั่นแหละอย่าฟันฉัน!”

 

เจ้าหน้าที่ทหารเรือทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ก่อนที่ทั้งสองจะฟาดดาบลงไปยังร่างของอีกฝ่าย

 

เมื่อมองไปยังฉากนี้ ใบหน้าของเซนโงคุที่อยู่ในห้องประชุมในดินแดนศักดิ์สิทธิแมรี่จัวส์ก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด และแน่นอนว่าฉากนี้ก็ปรากฏอยู่ในสายตาของโรจาเช่นกัน

 

สำหรับโรจาแล้ว เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหน้าที่ทหารเรือทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกอยู่ใต้พลังปีศาจของโดฟลามิงโก้ ที่สามารถใช้เส้นด้ายชักใยอยู่เบื้องหลัง

 

“อยากจะโดนฉันทุบตีอีกซักรอบไหม? โดฟลามิงโก้”

 

โรจาที่กำลังยืนอยู่ จ้องมองไปยังโดฟลามิงโก้ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องด้วยท่าทีไม่แยแส

 

หากเป็นคนอื่น เขาก็คงขี้เกียจที่จะยุ่งกับเรื่องพวกนี้ แต่สำหรับโดฟลามิงโก้แล้ว มันแตกต่างออกไป โดฟลามิงโก้ทำราวกับว่ากำลังล้อเลียนทหารเรืออยู่ ซึ่งโรจาจะไม่ทนกับเรื่องแบบนี้

 

ในขณะเดียวกันกับที่โรจาเอ่ยปากพูด ซึรุที่อยู่ในห้องประชุมในดินแดนศักดิ์สิทธิแม่รี่จัวส์ก็กล่าวออกมาว่า

 

“มัวเล่นบ้าอะไรอยู่ โดฟลามิงโก้ ทำตัวเป็นเด็กดีแล้วปล่อยพวกเขาไปได้แล้ว”

 

“ฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุ … จอมวางแผนซึรุ ‘พลเรือโท’ โรจา อย่าจริงจังให้มันมากนักสิ”

 

โดฟลามิงโก้จ้องมองไปยังซึรุและโรจาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนที่จะกระตุกนิ้วทั้งสิบ แล้วปล่อยร่างของเจ้าหน้าที่ทหารเรือทั้งสองที่เต็มไปด้วยเลือดร่วงลงกับพื้น

 

ซึรุเคยได้ใช้วิธีการมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะบดขยี้โดฟลามิงโก้ และไล่ล่าเขาไปทั่วท้องทะเล ส่วนโรจาก็เป็นคู่ต่อสู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้ และยังครอบครองฮาคิราชันย์อันแข็งแกร่ง โดยเฉพาะโรจาที่ไม่สนกฏเกณฑ์ใดๆ นับว่าเป็นคนอันตรายอย่างยิ่ง

 

แม้ว่าเขาจะกลายเป็น7เทพโจรสลัดแล้วก็ตาม แต่หากต้องเผชิญหน้ากับโรจาอีกครั้ง โดฟลามิงโก้ ไม่สงสัยเลยว่าโรจาจะต้องแหกกฏ ไม่สนใจเรื่อง7เทพโจรสลัด และฆ่าเขาอย่างแน่นอน เขาจึงต้องยอมจำใจทำตามคำขอของซึรุ

 

ในทางตรงกันข้าม สำหรับจอมพลเรือเซนโงคุที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงสุนัขที่เชื่อฟังรัฐบาลโลก โดฟลามิงโก้ไม่หวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ที่เขาต้องระมัดระวังก็มีแค่ซึรุและโรจาที่เป็นพวกไม่สนใจกฏเกณฑ์หรือร้อยอสรูไคโดที่เป็นพวกบ้าบริสุทธิ์

 

สำหรับโดฟลามิงโก้แล้ว ซึรุยังยังพอที่จะคุยกับเธอได้ด้วย ‘เหตุผล’ แต่โรจากับร้อยอสูรไคโดนั้นมันเป็นพวกบ้า และไม่มีทางที่จะคุยกันด้วย ‘เหตุผล’ ได้อย่างแน่นอน

 

หลังจากที่ภาพของโดฟลามิงโก้ฉายขึ้น ภาพของคนอื่นๆก็ค่อยๆฉายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่การประชุมในครั้งนี้ไม่ได้มี 7 เทพโจรสลัดประชุมกันครบทั้ง7คน มีหนึ่งคนที่ส่งจดหมายผ่านนกพิราบมาว่าไม่สนใจที่จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ — คนๆนั้นก็คือมิฮอว์คตาเหยี่ยว

 

นอกจากตาเหยี่ยวแล้ว คนอื่นๆทั้งหมดต่างก็เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

 

ในความเป็นจริง เพียงแค่ 6 คนที่เข้าร่วม ก็นับว่าเกินคาดมากพอแล้ว

 

ในที่สุดการประชุมก็เริ่มขึ้น เหล่า 7 เทพเพียงแค่กล่าวถามคำถามง่ายๆอย่างเรื่องอำนาจและหน้าที่ที่พวกเขาต้องทำหลังจากรับตำแหน่ง และได้ยกข้อตกลงต่างๆที่ต้องการหลังจากที่รับตำแหน่ง 7 เทพโจรสลัด

 

การประชุมของ 7 เทพโจรสลัดก็ดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่าย จนโรจาเผลอหลับไปงีบหนึ่ง

 

ใน7เทพโจรสลัด นอกเหนือจากแฮนค็อกที่โรจาให้ความสนใจแล้ว ยังมีอีกสองคนที่เขาให้ความสนใจเล็กน้อย นั่นก็คือจอมดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก มิฮอว์คตาเหยี่ยว และบาโซโลมิว คุมะ

 

แต่เมื่อโรจาได้ทราบว่าตาเหยี่ยวจะไม่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ โรจาก็ขี้เกียจเกินไปที่จะใส่ใจกับมัน

 

เขาหันเหความสนใจไปยังคุมะ ซึ่งมีสถานะที่แท้จริงเป็นถึงหัวหน้าหน่วยของกองกำลังปฏิวัติ ซึ่งนำโดยลูกพี่ลูกน้องของโรจา มังกี้ D ดราก้อน … แต่มันก็เป็นความสนใจเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

การประชุม 7 เทพโจรสลัดช่างเป็นการประชุมที่แสนน่าเบื่อจริงๆ

 

แต่เมื่อการประชุม 7 เทพโจรสลัดได้จบลง ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คนทั้งโลกตกตะลึง และดึงดูดความสนใจของพวกเขามายังเรื่องนี้

 

 

ในช่วงครึ่งหลังของแกรนไลน์

 

ได้เกิดการต่อสู้กันระหว่าง4จักรพรรดิ ฝ่ายหนึ่งคือกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว

 

ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือ …

 

ร้อยอสูรไคโด!

 

และ

 

ทางฝั่งร้อยอสูรไคโดนั้น เขากำลังต่อสู้เพียงลำพัง!

 

ในโลกใบนี้คนที่กล้าหาญพอที่จะท้าทาย 4 จักรพรรดิคนอื่นๆ ก็คงมีเพียง ‘สัตว์ประหลาด’ ที่ไม่มีวันตาย — ร้อยอสูรไคโด!

 

ไคโดนั้นไม่เคยพ่ายแพ้ เขาเคยบุกเข้าไปโจมตีกองทัพเรือหลายต่อหลายครั้ง และถูกปราบลงโดยเหล่าพลเรือเอก หรือแม้กระทั่งการ์ป เซนโงคุ และคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้

 

เขานั้นเป็นอมตะไม่มีวันตาย แถมยังมีงานอดิเรกเป็นการ ‘ฆ่าตัวตาย’ เสียอีก — ร้อยอสูรไคโดคือ สัตว์ประหลาดที่ยากจะต่อกรที่สุดในสี่จักรพรรดิ!

 

ตูม ตูม ตูม—!

 

เสียงระเบิดดังสนั่นราวกับว่าจะสั่นสะเทือนโลกทั้งใบได้ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง  แม้แต่เกาะทั้งเกาะที่ใช้เป็นพื้นที่สู้รบก็ยังสั่นสะเทือน และรอบๆเกาะคลื่นทะเลก็กระเพื่อมไปมาไม่หยุด

 

หัวหน้าหน่วยโจรสลัดหนวดขาว มัลโก้ กับ ไดม่อนโจส กำลังยืนอยู่ตรงชายฝั่งของเกาะ และกำลังจ้องมองไปยังการต่อสู้ที่เกิดขึ้นใจกลางเกาะด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

 

“ร้อยอสูรไคโด ไอ้เจ้าหมอนั่น … มันบ้าของแท้เลยนี่หว่า”

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไคโดบุกเดี่ยวเข้ามายังกลุ่มโจรสลัดแบบนี้ หากเขาอยากตายเมื่อไหร่ เขาก็มักจะทำแบบนี้ราวกับเป็นคนบ้า แม้แต่หัวหน้าหน่วยมัลโกก็ยังรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

 

ตูม—!

 

เกิดเสียงระเบิดดังนั้น พื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ ร้อยอสูรไคโดกระเด็นถอยหลังออกไปด้วยกำปั้นแบบเต็มกำลังของหนวดขาว ไคโดกระอักเลือดออกมา แต่ใบหน้าของเขากลับเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและความตื่นเต้นเร้าใจ

 

“อีกครั้ง!”

 

มีเพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นที่สามารถทำร้ายเขาได้  ไคโดนั้นเคยกระโดดลงจากเกาะแห่งท้องฟ้าที่สูงกว่า 10000 เมตร แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย — ร่างกายของเขามันอยู่ในระดับผิดปกติ!

 

หนวดขาวเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ไคโดได้

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนวดขาวจะสามารถสร้างบาดแผลให้แก่เขาได้ แต่มันก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต ไม่ใช่ว่าพลังป้องกันของไคโดนั้นแข็งแกร่ง แต่มันเป็นเพราะพลังในการฟื้นตัวที่ผิดปกติของเขาต่างหาก แม้เขาจะถูกหนวดขาวทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ช่วงเวลาต่อมาร่างกายของเขาก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

 

“ถึงจะสามารถทำให้พ่อคนนี้กระเด็นถอยหลังได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะชนะ!”

 

หนวดขาวเหลือบมองไปยังร้อยอสูรไคโด ก่อนที่จะปรี่เข้าหาเขาอีกครั้ง ภายในสายตาของหนวดขาวเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงกำปั้นที่สามารถสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และโลกออกไป!

 

ตูม—!

 

ร้อยอสูรไคโดกระเด็นถอยหลังไปอีกครั้ง แต่ครู่ต่อมาเขาก็ลุกขึ้นและฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ

 

เกาะทั้งเกาะเต็มไปด้วยเสียงปะทะกันดังสนั่น

 

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป …

 

สองชั่วโมงผ่านไป …

 

สามชั่วโมงผ่านไป …

 

ข่าวที่ว่าร้อยอสูรไคโดได้บุกเดี่ยวเข้าไปในกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว และสู้ตัวต่อตัวกับหนวดขาวได้แพร่กระจายออกไปยังทั่วโลกทำให้จอมพลเรือเซนโงคุหรือแม้แต่ห้าผู้คุมกฏต่างก็พากันขมวดคิ้วออกมาด้วยความปวดหัว

 

ความบ้าคลั่งของไคโดสร้างความปวดหัวให้กับทุกผู้คนจริงๆ

 

เพราะในอีกความหมายนึงก็คือ การที่ไคโดกล้าบุกไปหาหนวดขาวได้ นั่นก็หมายความว่าเขากล้าที่จะบุกมายังศูนย์ใหญ่กองทัพหรือ หรือ อาจบุกเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิแมรี่จัวส์เช่นกัน