GOS ตอนที่ 128 – เหตุน่าประหลาดใจของหน้าต่างสถานะ

 

เฟอร์นิเจอร์ต่างๆภายในสำนักงานของโรจานั้นถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย มีโต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บเอกสาร นอกเหนือไปจากเก้าอี้นวมที่อยู่ตรงกลางห้องแล้ว เมื่อเทียบกับสำนักงานในสาขาที่ 1 เขตเวสต์บลู ที่นี่ดูเรียบง่ายกว่ามาก

 

แต่โรจาไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้น

 

“หลังจากต่อสู้กับโดฟลามิงโก้ และการ์ปในวันนี้ ฉันน่าจะได้รับแต้มสเตมิน่ามาไม่น้อยทีเดียว”

 

หลังจากเข้ามาในสำนักงานของเขาแล้ว โรจาก็ได้เอนตัวนอนลงบนเก้าอี้นวม ก่อนที่จะใช้ความคิดสั่งหน้าต่างสถานะให้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา

 

ขั้นสี่ : จิตวิญญาณดาบแห่งความประณีต +1

 

สถานะ : พลังโจมตี +420 , พละกำลัง +140 , ว่องไว +140 , พละกำลังร่างกาย + 140

 

สกิลพิเศษ :  บันโช อิซไซ ไคจิน โตะ นาเสะ [คำปลดปล่อย] – จงเผาสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน — การโจมตีด้วยดาบจะเสริมความเสียหายด้วยไฟ (ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการวิวัฒนาการ)

 

สกิลพิเศษ :  เซ็มบงซากุระ (ซากุระพันดอก) [คำปลดปล่อย] – จงโปรยปราย

 

สกิลพิเศษ : เก็ทสึงะ เท็นโช (เขี้ยวจันทรา ทะลวงสวรรค์) — เมื่อใช้สกิลนี้ จะเกิดคลื่นพลังเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ฟาดฟันดาบออกไป

 

สเตมิน่า : 241/240

 

หลังจากที่เห็นว่าแต้มสเตมิน่าของเขามีมากพอที่จะเสริมความแข็งแกร่งไปยังขั้นต่อไป โรจาก็สั่งให้มันเสริความแข็งแกร่งทันที

 

“การเสริมความแข็งแกร่งในครั้งนี้ต้องการแต้มสเตมิน่า 240 แต้ม .. ถ้าอย่างนั้นการเสริมความแข็งแกร่งครั้งต่อไปก็ก็คงจะเป็น 250 แต้ม ใช่ไหม? ตัวเลข 250 … สำหรับฉันแล้วตัวเลขนี้มันค่อนข้างที่จะ …”

 

โรจาบ่นพึมพำในจิตใจ

 

ทันใดนั้นเอง แสงสีทองก็สว่างวาบ ตามมาด้วยข้อมูลบนหน้าต่างสถานะที่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ขั้นสี่ : จิตวิญญาณดาบแห่งความประณีต +2

 

สถานะ : พลังโจมตี +480 , พละกำลัง +160 , ว่องไว +160 , พละกำลังร่างกาย + 160

 

สกิลพิเศษ :  บันโช อิซไซ ไคจิน โตะ นาเสะ [คำปลดปล่อย] – จงเผาสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน — การโจมตีด้วยดาบจะเสริมความเสียหายด้วยไฟ (ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการวิวัฒนาการ)

 

สกิลพิเศษ :  เซ็มบงซากุระ (ซากุระพันดอก) [คำปลดปล่อย] – จงโปรยปราย

 

สกิลพิเศษ : เก็ทสึงะ เท็นโช (เขี้ยวจันทรา ทะลวงสวรรค์) — เมื่อใช้สกิลนี้ จะเกิดคลื่นพลังเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ฟาดฟันดาบออกไป

 

สเตมิน่า : 1/249

 

เดิมทีแล้วโรจาไม่ได้ใส่ใจดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และกำลังที่จะปิดหน้าต่างสถานะ  แต่ในตอนนั้นเองเขาก็เหลือบไปเห็นข้อมูลแต้มสเตมิน่า

 

“เอ๋? ทำไมแต้มสเตมิน่าเป็นแบบนี้?”

 

โรจารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้

 

แต้มสเตมิน่าที่ใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งแต่ละครั้งจะเพิ่มขึ้น 10 แต้ม แต่คราวนี้มันกลับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 9 แต้มเท่านั้น

 

โรจาที่กำลังนอนบนเก้าอี้นวมด้วยความขี้เกียจ ได้ลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมกับจ้องมองไปยังหน้าต่างสถานะอย่างรอบคอบ จากนั้นเขาก็เข้าสู่ห้วงสมาธิแล้วย้ายจิตสำนึกเข้าไปยังพื้นที่จิตวิญญาณแห่งดาบ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังดาบที่ล่องลอยอยู่ตรงกลางสถานที่แห่งนี้

 

นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาได้เสริมความแข็งแกร่งจนวิวัฒนาการเป็นขั้นสี่ โรจาไม่ได้ใส่ใจที่จะมองมันอย่างละเอียด แต่ตอนนี้พอได้สังเกตุมันอย่างรอบคอบแล้ว โรจาสัมผัสได้ว่า ดาบเล่มนี้นอกจากมันจะดูประณีตมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว มันยังดูสวยงามขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

 

และตรงใบดาบ บางครั้งก็เกิดประกายแสงสว่างจางๆ

 

“ 9 แต้ม …. 10 แต้ม … 249 .. 250 … เสริมความแข็งแกร่ง ..”

 

โรจาเริ่มครุ่นคิดหาสาเหตุเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นที่ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบ แต่มันอาจเป็นเพราะตัวเขาเองไม่ชอบเลข 250 ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนแปลงให้เขา

 

แต่นี่มันไม่สมเหตุสมผล

 

หากเขาสามารถควบคุมข้อมูลแต้มสเตมิน่าได้แล้วล่ะก็ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบจนมันขึ้นไปถึงระดับสูงสุดได้เลยหรอกหรือ?

 

“บางที … การคาดเดาก่อนหน้านี้ของฉันคงถูกต้อง”

 

โรจาค่อยๆออกจากห้วงสมาธิ ก่อนที่จิตสำนึกของเขาจะกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง พร้อมๆกับหน้าต่างสถานะที่หายไป ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกแล้วพึมพำออกมา

 

เขามักจะรู้สึกได้เสมอว่าระบบจิตวิญญาณแห่งดาบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหาคำใดๆมาอธิบายได้

 

แต่ในตอนนี้ระยะห่างที่จะเสริมความแข็งแกร่งจนวิวัฒนาการไปยังขั้นห้าก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น เดี๋ยวอะไรๆมันก็คงจะเริ่มที่จะเผยออกมาเองนั่นแหละ

 

หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

 

โรจาก็ลุกขึ้นยืน แต่เนื่องจากในเวลานี้ เขายังไม่ถูกเรียกไปทำภารกิจใดๆ ดังนั้นโรจาเลยเลือกที่จะออกไปฝึกในห้องฝึกฝนที่ชั้นสาม … นี่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว ที่เขาไม่ได้ฝึกฝนร่างกาย

 

พลเรือโทนั้น ไม่ค่อยได้รับภารกิจอะไรมากมายนัก แต่หากได้รับภารกิจ และไม่อยากจะไป พวกเขาก็สามารถเดินเรื่องขอปฏิเสธได้ เหมือนดั่งเช่น การ์ปที่ปฏิเสธทุกๆภารกิจ และไม่มีใครสามารถบังคับเขาได้

 

แต่ในตอนนั้นเอง ขณะที่โรจาลุกขึ้นและกำลังจะเดินตรงไปยังประตู เสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้นเสียก่อน

 

“เข้ามา”

 

โรจาชะงักฝีเท้า ก่อนที่จะหยุดยืนอยู่นิ่งๆ

 

ประตูได้ถูกเปิดออก พร้อมๆกับผู้ช่วย ของโรจาได้เดินเข้ามา เขาคนนี้มีหน้าที่เป็นเลขาและคอยดูแลเรื่องเล็กๆน้อยๆให้แก่พลเรือโทที่เป็นผู้บังคับบัญชา

 

ผู้ช่วยได้เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นเอกสารให้โรจา

 

“พลเรือโทโรจา …”

 

ดูเหมือนว่าเขาจะหวาดกลัวเล็กน้อยที่จะพูดคุยกับโรจา แม้กระทั่งมือที่ถือเอกสารอยู่ก็ยังสั่นเล็กน้อย

 

เห็นแบบนั้น โรจาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและกล่าวว่า

 

“ว่าไง? .. มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่า”

 

“โปรด .. ดูเอกสารนี้ด้วยครับ”

 

ผู้ช่วยจ้องมองไปยังโรจาด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะลังเลเล็กน้อยแล้วยื่นเอกสารหลายฉบับในมือของเขาให้แก่โรจา

 

โรจารับมันมาก่อนที่จะอ่านมันอย่างช้าๆ

 

“โอ้ ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลโลกจะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวโดฟลามิงโก้ .. ทั้งๆที่มันถูกจับได้แล้วแท้ๆ แต่ยังมีคำสั่งให้ปล่อยตัว … นี่มันน่าสนใจจริงๆ”

 

เมื่ออ่านเนื้อหาในเอกสารจบ โรจาก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มออกมา และโยนเอกสารลงบนโต๊ะ

 

ผู้ช่วยของเขา เมื่อเห็นท่าทีของโรจา เขาก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกงงงวยเล็กน้อย ในตอนแรก เขาคิดว่าโรจาจะโกรธและมุ่งตรงไปยังสำนักงานของจอมพลเรือเซนโงคุ เพื่อให้เขาอธิบายข้อเท็จจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าท่าทีของโรจาจะกลับกลายเป็นแบบนี้

 

“ท่านพลเรือโทโรจา ท่านอ่านเอกสารดีแล้วใช่ไหม? ภายในเอกสารได้เขียนเอาไว้ว่า …”

 

“ฉันไม่ได้ตาบอด”

 

โรจากล่าวออกมาด้วยใบหน้าป่วยๆ ก่อนที่จะถอนหายใจแล้วกล่าวต่อว่า

 

“อย่างไรก็ตาม แล้วเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”

 

“ … ”

 

เมื่อผู้ช่วยได้ยินคำกล่าวของโรจา ร่างทั้งร่างของเขาก็พลันแข็งค้าง และอดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมา ก่อนที่จะกล่าวว่า

 

“พลเรือโทโรจา คุณนั้นเป็นคนที่จับกุมตัวโดฟลามิงโก้ หากเขาถูกปล่อยออกมา ผมเกรงว่าบางทีมันอาจจะ …”

 

“กลับมาแก้แค้นฉันอย่างงั้นสินะ”

 

โรจายักไหล่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แยแสเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพราะเขาสามารถโค่นโดฟลามิงโก้ลงได้แล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น หากมันจะมีครั้งที่สองหรือครั้งที่สามมันก็ไม่น่าแปลกอะไร และกว่าจะถึงเวลานั้น ตัวเขาก็คงจะแข็งแกร่งขึ้นจนโดฟลามิงโก้ไม่อาจทำอันตรายใดๆแก่เขาได้อีกต่อไปแล้ว

 

โรจาจึงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ

 

ส่วนเรื่องที่โดฟลามิงโก้คิดจะแก้แค้นโดยการไปลงมือกับครอบครัวของเขานั้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

 

พ่อแม่ของโรจาในโลกวันพีช ไม่ได้เป็นทหารเรือระดับสูง แต่เป็นเพียงคนธรรมดาที่อาศัยอยู่ในอีสต์บลู และด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาทั้งคู่จึงได้เสียชีวิตลง จากนั้นการ์ปจึงรับตัวโรจามาและจับเขาโยนมาฝึกทหารเรือศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดแห่งนี้

 

ส่วนญาติที่เหลืออยู่ในโลกวันพีชของเขานั้นมีเพียงแค่สามคน

 

การ์ป ดราก้อน และลูฟี่

 

การ์ปนั้นอาศัยอยู่ที่นี่ หากโดฟลามิงโก้ต้องการที่จะแก้แค้นโดนการคิดที่จำทำร้ายเขา … ก็ให้มันมาเถอะ

 

ส่วนดราก้อนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโรจา และเป็นถึงผู้นำของกองกำลังปฏิวัติ แถมยังเป็นชายที่รัฐบาลโลกยังเกรงกลัว หากโดฟลามิงโก้เลือกที่จะแก้แค้นโดยการไปทำร้ายเขา นั่นก็เท่ากับหาที่ตาย

 

สำหรับลูฟี่ … เขานั้นมีโชคในฐานะที่เป็นพระเอกในมังงะ แถมในเวลานี้แชงคูสก็อยู่กับเขา ดังนั้นหากโดฟลามิงโก้ต้องการที่จะจัดการกับลูฟี่แล้วล่ะก็ .. โดฟลามิงโก้คงต้องข้ามศพแชงคูสไปก่อน ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น โรจาก็รู้สึกโล่งใจ

 

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปห้องฝึกซ้อมก่อนนะ”

 

โรจาตบไหล่ของเลขา ก่อนที่จะเดินไปหยิบดาบขาวฮิรุขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป