GOS ตอนที่ 121 – หรือว่าพวกเราจะมาช้าไป?

 

บนท้องทะเล

 

เรือรบขนาดใหญ่สองลำกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มกำลัง ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัว

 

เบื้องหน้าเรือรบ เริ่มที่จะปรากฏเงาดำๆของเกาะๆหนึ่ง ที่ซึ่งเป็นเกาะเป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้

 

“รายงาน! พวกเราใกล้ถึงฐานสาขาที 1 เขตเวส์ตบลูแล้วครับ!”

 

ทหารเรือที่ยืนอยู่บนเสากระโดงเรือ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดบนเรือรบ ได้ตะโกนรายงานลงมา ขณะที่ดวงตาของเขายังคงแนบชิดอยู่กับกล้องส่องทางไกล

 

ในเวลานี้

 

การ์ปและพลเรือโทอีกสองคนที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือได้จ้องมองไปยังเงาดำๆของเกาะที่เป็นเป้าหมายด้วยความกังวล หลังจากที่ได้รับรายงานเรื่องโดฟลามิงโก้ พวกเขาก็ได้สั่งให้เรือรบแล่นเพิ่มความเร็วเต็มกำลัง แต่ถึงกระนั้นก็ยังใช้เวลาราวๆ 2-3 ชั่วโมงอยู่ดี

 

ช่วงระยะเวลา 2-3ชั่วโมงที่ผ่านมา ตลอดการเดินทาง บนเรือรบตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด

 

และในที่สุด

 

เบื้องหน้าของพวกเขาก็เริ่มที่จะเห็นสภาพของฐานสาขาที่ 1 — คราวนี้ความตึงเครียดก็พลันพุ่งสูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม

 

พลเรือโทจากสาขาย่อยทั้งสองอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังการ์ป

 

แม้ใบหน้าของการ์ปยังคงสงบและไม่เผยให้เห็นถึงความกังวลใดๆ แต่จริงๆแล้วพวกเขารู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

หากมีอะไรเกิดขึ้นกับโรจาแล้วล่ะก็ .. พวกเขาคงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าการ์ปจะระเบิดความโกรธออกมามากมายขนาดไหน

 

“เกือบสามชั่วโมง …”

 

เมื่อได้รับรายงานว่าโดฟลามิงโก้ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ฐานสาขาที่ 1 และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รับรายงานใดๆจากฐานสาขาที่ 2 อีกเลย ทำให้หัวใจของพลเรือโททั้งสองเริ่มที่จะจมลงสู่ความสิ้นหวัง

 

เกือบสามชั่วโมงที่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของโดฟลามิงโก้ … เกรงว่าต่อให้เป็นพลเรือโทจากทางศูนย์ใหญ่ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะต้านท้านโดฟลามิงโก้เอาไว้ได้นานขนาดนั้น

 

พลเรือโททั้งสองไม่กล้าที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้

 

การ์ปยังคงยืนอยู่เงียบๆบนดาดฟ้าเรือ แต่เขาไม่ได้ยืนหลับเหมือนครั้งก่อน ในเวลานี้เขากำลังจ้องมองไปยังฐานสาขาที่ 1 ที่กำลังใกล้เข้าไปเรื่อยๆด้วยความสงบ และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มีเพียงฝ่ามือของเขาเท่านั้นที่ค่อยๆหุบลงจนกลายเป็นกำปั้นขนาดยักษ์อย่างช้าๆ

 

ในมังงะ เมื่อลูฟี่เดินทางออกทะเลไปค้นหาประสบการณ์ชีวิตและพบเจอกับวิกกฤตที่อาจถึงตาย การ์ปก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการ์ปนั้นจะไม่สนใจลูฟี่ ตรงกันข้าม เขาแทบจะรับรู้ถึงทุกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับลูฟี่ แต่กลับเลือกที่จะไม่ออกไปช่วยต่างหาก!

 

หากลูฟี่ต้องตกอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเขา ลูฟี่จะไม่มีทางเติบโตเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งบนท้องทะเลได้เลย การได้พบเจอกับวิกฤติ และช่วงเวลาระหว่างความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ละครั้งจะช่วยให้ลูฟี่นั้นแข็งแกร่งขึ้น และในที่สุดก็จะได้แข็งแกร่งจนยืนหยัดอยู่เหนือผู้อื่น

 

และสำหรับโรจาก็เช่นกัน การ์ปนั้นเป็นแบบนี้มาโดยตลอด แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการที่จะเห็นโรจาล้มลงกลางทาง ถึงแม้ว่าท่าทีที่แสดงออกมาจะยังคงสงบ แต่หัวใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่อย่างไรเสียเขาก็รู้ดีว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคอยปกป้องโรจาอยู่ตลอดเวลา

 

เส้นทางสายนี้ … โรจาจะต้องฟันฝ่ามันไปให้ได้ด้วยตัวเอง!

 

ในมุมมองของการ์ป นี่อาจจะเป็นการ ‘ทดสอบ’ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่โรจาเคยประสบพบเจอมา

 

การ์ปทำได้เพียงอธิษฐานภายในจิตใจให้โรจาสามารถก้าวผ่านการทดสอบในครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

 

เรือรบค่อยแล่นเข้าไป ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

 

จนในที่สุดสภาพของฐานสาขาที่ 1 ก็สะท้อนเข้าไปในแววตาของพวกเขา — ฐานสาขาที่ 1 ในเวลานี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง! และไม่มีแม้แต่ตึกเดียวที่ยังคงอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้!

 

เมื่อเห็นฉากนี้ กำปั้นของการ์ปก็พลันเกร็งแน่นจนสามารถเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาได้อย่างชัดเจน ส่วนพลเรือโททั้งสองก็เกิดความรู้สึกเย็นเยียบขึ้นภายในจิตใจ

 

นี่พวกเรามาไม่ทันเวลา?

 

วิซ วิซ—!

 

พวกเขาไม่เสียเวลารีรอให้เรือรบแล่นไปเทียบท่าอีกต่อไป พลเรือโททั้งสองได้กระโดดขึ้นไปในอากาศ ส่วนการ์ปนั้นได้พุ่งนำหน้าพวกเขาไปก่อนแล้ว

 

เมื่อเท้าสัมผัสลงบนพื้น การ์ปก็หายตัวไปแทบจะในทันที

 

ทางด้านพลเรือโททั้งสอง พวกเขานั้นช้ากว่าการ์ปเล็กน้อย หลังจากที่ขึ้นมาบนเกาะและเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบได้ประมาณ2-3นาที ทั้งสองก็พลันเกิดประกายแปลกๆขึ้นในสายตา

 

ถึงแม้ว่าเกาะจะเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอยู่เลย อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้ได้จากฮาคิสังเกตุ ว่ามีผู้คนเป็นจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ทางด้านหน้า

 

ทั้งสองค่อยๆชะลอฝีเท้าลง

 

แต่ก็ยังคงมุ่งตรงไปเบื้องหน้า หลังจากก้าวข้ามผ่านท่ามกลางซากปรักหักพังแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็พบกับกลุ่มทหารเรือที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ และกำลังพยายามที่จะขุดซากปรักหักพังอยู่

 

เมื่อร่างของคนสองคนในชุดพลเรือโทได้ปรากฏขึ้น เหล่าเจ้าหน้าที่และทหารเรือที่กำลังขุดซากปรักหักพังอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมไปแล้วว่ากำลังเสริมจะมาสมทบภายในวันนี้

 

แต่เมื่อเทียบกับเหล่าเจ้าหน้าที่และทหารเรือ พลเรือโททั้งสองรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งกว่า ภายในจิตใจของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสับสน

 

ทำไมถึงมีคนรอดชีวิตมากมายขนาดนี้?

 

พลเรือโททั้งสองทราบดีถึงนิสัยของโดฟลามิงโก้ เขานั้นไม่ใช่เทวดาที่แสนใจดี ตั้งแต่ที่โดฟลามิงโก้บุกมายังฐานสาขาที่ 1 นั่นก็หมายความชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาต้องการสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่!

 

ไม่

 

นี่มันไม่ถูกต้อง

 

เจ้าหน้าที่และทหารเรือจำนวนมาก ไม่มีร่องรอยของบาดแผลบนร่างกาย .. หรือบางทีพวกเขาอาจจะเป็นทหารเรือจากฐานทัพอื่นๆที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและไม่ใช่ผู้รอดชีวิตของฐานสาขาที่ 1 ?

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หนึ่งในสองพลเรือโทก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา และเอ่ยถามออกไปว่า

 

“พวกคุณมาจากฐานสาขาไหน? แล้วโดฟลามิงโก้ล่ะ?”

 

เมื่อได้ยินคำถามของสองพลเรือโท นาวาเอกคนหนึ่งได้ก้าวออกมา พร้อมกับรายงานแก่พลเรือโททั้งสองว่า

 

“รายงาน! พวกเราคือทหารเรือจากฐานสาขาที่ 1 ในเขตเวสต์บลูครับ”

 

“ส่วนโดฟลามิงโก้ เอ่อ … เขาอยู่ทางนั้น”

 

เพียงแค่ประโยคแรกที่นาวาเอกได้รายงานออกมา ก็ทำให้พลเรือโททั้งสองตกตะลึงอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินประโยคหลังทั้งสองก็เกือบที่จะกระโดดโหยงด้วยความหวาดกลัว

 

โดฟลามิงโก .. อยู่ตรงนั้น?

 

เนื่องจากพลเรือโททั้งสองนั้นเป็นเพียงพลเรือโทจากสาขาย่อย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโดฟลามิงโก้ ภายในจิตใจของพวกเขาก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ

 

โชคยังดี

 

หลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าการ์ปก็มากับพวกเขาด้วย และอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องโดฟลามิงโก้ให้มันมากมายนัก — ทั้งสองจึงสูดหายใจลึกและค่อยๆสงบลง

 

แต่เมื่อทั้งสองจ้องมองไปยังทิศทางที่นาวาเอกชี้ไป

 

แว่บแรก ใบหน้าของพลเรือโททั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เมื่อจับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งด้วยฮาคิสังเกต ใบหน้าของทั้งสองก็พลันเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ และรีบวิ่งไปยังทิศทางดังกล่าวโดยไม่รู้ตัว

 

“นี่ … นี่มัน …”

 

เมื่อมองไปยังฉากนี้ สองพลเรือโทพยายามที่จะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ ภายในแววตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ!

 

แม้ว่าร่างที่นอนแผ่อยู่บนพื้นจะเต็มไปด้วยเลือด แถมเสื้อผ้ายังขาดวิ่น จนแทบจะดูไม่ออกว่าเขาคือใคร แต่ร่างๆนั้นได้ถูกสวมกุญแจมือที่ทำจากหินไคโร ดังนั้นถึงแม้จะไม่สามารถระบุตัวตนที่แน่ชัดของเขาได้จากสภาพใบหน้าและร่างกาย แต่ก็ยังพอที่จะคาดเดาได้

 

ดองกี้โฮเต้ เดอ ฟลามิงโก้!

 

โจรสลัดที่แข็งแกร่ง ป่าเถื่อน และมีชื่อเสียงโด่งดัง ในครึ่งหลังของแกรนไลน์ การดำรงอยู่ของหนึ่งในตัวตนเหล่านั้นได้พ่ายแพ้ลงในเขตทะเลเวสต์บลู!!

 

หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มันจะเปรียบดั่งชนวนระเบิด ที่ก่อให้เกิดความสนใจอย่างมากมายมหาศาล และจะต้องสร้างปัญหาตามมาอย่างแน่นอน

 

ว่าแท้จริงแล้วใครกันนะ … คือผู้ที่สามารถโค่นโดฟลามิงโก้ลงได้!?