GOS ตอนที่ 127 – คนึงหา

 

เรือรบกำลังทอดสมออยู่ข้างชายฝั่งของเกาะ

 

ทหารเรือทุกคนบนเรือรบ ได้เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างโรจากับการ์ป พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเดินลงจากเรือ เมื่อเห็นว่าการปะทะกันของทั้งสองเกือบที่จะพังเกาะเล็กๆทั้งเกาะลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโจมตีครั้งสุดท้าย ที่ผลกระทบของมันก่อให้เกิดคลื่นยักษ์จนสร้างความปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อยบนเรือรบ

 

แม้ว่าพวกเขามักจะพบเจอกับคลื่นยักษ์อยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่คลื่นยักษ์ที่เกิดจากการต่อสู้กันในระดับนี้ — การต่อสู้ระดับนี้สำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นอะไรที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก!

 

หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ได้จบลง โรจาก็ได้เก็บฮิรุเข้าไปในฝัก ก่อนที่จะขอการ์ปนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินตามการ์ปกลับขึ้นไปบนเรือรบ

 

หลังจากที่ทั้งสองได้ขึ้นมา เรือรบก็ได้แล่นออกจากเกาะ

 

ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้กลับมาถึงศูนย์ใหญ่ แม้ว่าพลังวิญญาณของโรจาจะยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาเต็มที่ แต่จิตวิญญาณของเขานั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ดังนั้นสภาพร่างกายของโรจาจึงฟื้นฟูกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

 

“พลเรือโทการ์ป ! พลเรือโทโรจา!”

 

ณ ท่าเรือขนาดใหญ่ของมารีนฟอร์ด เมื่อโรจาและการ์ปเดินลงจากเรือรบ เหล่าทหารเรือที่มารอต้อนรับ ต่างก็พากันโค้งคำนับให้แก่พวกเขา

 

ในช่วงนี้ ชื่อของโรจาได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง นอกจากสมญานาม ดาบภูติแล้วผู้คนยังพากันกล่าวอีกว่า หากไม่มีตัวตนที่พิเศษอย่างการ์ปอยู่ในตำแหน่งพลเรือโท บางทีโรจานี่แหละ ที่อาจจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในยศนี้!

 

เสื้อคลุมของยศพลเรือโทที่เบื้องหลังมีตัวอักษรยุติธรรมเมื่อเทียบกับเสื้อคลุมยศพลเรือตรี มันจะมีรูปแบบแตกต่างกันเล็กน้อย

 

“อ่า … พอถูกเรียกด้วยยศพลเรือโท และได้รับความเคารพแบบนี้ มันช่างรู้สึกดีจริงๆ”

 

โรจาที่สวมเสื้อคลุมยศพลเรือโทและกำลังเดินอยู่ข้างๆการ์ป ได้เผยรอยยิ้มออกมา

 

ความรู้สึกนี้

 

มันเป็นความรู้สึกที่พวกโจรสลัดไม่มีวันเข้าใจ

 

กล่าวกันว่าเหล่าโจรสลัดนั้นรักอิสระจึงไม่มีการจัดลำดับยศอะไรมากมายนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกมันอาจถูกไล่ล่าโดยกองทัพเรือได้ตลอดเวลา และบัดนี้ หลังจากที่โรจาได้เลื่อนยศมาเป็นพลเรือโทแล้ว นับจากนี้ไป โรจาจะใช้ความทรงจำของเขาที่จดจำมาจากในมังงะ ตามหาที่อยู่ของเหล่าโจรสลัดและออกไล่ล่าพวกมัน!

 

สำหรับทหารเรือยศพลเรือโท พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แต้มคุณูปการแลกเปลี่ยนกับการขอที่อยู่อาศัย แต่จะสามารถขอรับสิทธิ เลือกบ้านหลังเล็กๆได้เลยหลังนึง

 

แต่โรจาก็ไม่ได้ขอรับสิทธินั้น เขายังคงเลือกที่จะอาศัยอยู่ในที่เดิม ซึ่งเป็นที่ๆเขาเคยอาศัยอยู่ตลอดมา

 

หลังจากกลับมาถึงบ้านของการ์ปแล้ว

 

โรจาก็ยังไม่อาบน้ำ หรือทำอะไรต่างๆที่ควรทำ แต่เขากลับเดินตรงเข้าไปในห้องของเขาและล้มตัวลงนอน แล้วผลอยหลับไปทันที — เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง เขาก็จะกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง พลังวิญญาณได้ถูกฟื้นฟูจนเต็ม และความเหนื่อยล้าจะหายไปอย่างสิ้นเชิง

 

ในช่วงชีวิตก่อนหน้าของโรจา เขานั้นไม่ได้มีพลังที่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ แต่ในตอนนี้ เขาได้ครอบครองพลังที่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว โรจาก็ตระหนักได้ว่ามันช่างเป็นความรู้สึกที่สดชื่นจริงๆ

 

วันรุ่งขึ้น โรจาก็กลับมาเริ่มงานของตัวเองอีกครั้ง

 

ณ เวลานี้ เขาได้เลื่อนยศเป็นพลเรือโทที่ประจำการในศูนย์ใหญ่ และมีสำนักงานเป็นของตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้กว้างขวางเหมือนกับสำนักงานของเหล่าพลเรือเอก มันเป็นสำนักงานที่มีขนาดทั่วๆไปเท่านั้น

 

ภายในศูนย์ใหญ่นั้น มีพลเรือเอกอยู่สามคน และพลเรือโทอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

 

ตลอดเส้นทางที่โรจาเดินผ่าน เขาได้พบกับเหล่าทหารเรือที่ยศต่ำกว่า เหล่าทหารเรือต่างพากันโค้งคำนับ และแม้แต่พลเรือตรีบางคนก็ยังโค้งคำนับเขาและกล่าวทักทายด้วยความเคารพ

 

ตอนนี้ทหารเรือเรือในศูนย์ใหญ่เกือบทุกคนต่างรู้ถึงตัวตนและรูปลักษ์ของโรจา ซึ่งยังเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม แต่กลับได้เลื่อนยศเป็นพลเรือโท แถมยังโค่นโดฟลามิงโก้ซึ่งเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงลงได้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความแข็งแกร่งของโรจานั้นอยู่ในระดับพลเรือโทขั้นสูง

 

และหากโรจาได้เป็นพลเรือเอกคนต่อไป มันก็ไม่น่าแปลกใจเลย

 

โรจาก็ไม่ได้มีท่าทีหยิ่งจนเกินไป เขากล่าวทักทายเหล่าทหารเรือทุกคนที่คำนับให้เขาด้วยความอ่อนโยน แต่ก็เป็นการกล่าวทักทายเพียงสั้นๆและไม่ได้หยุดฝีเท้า ไม่นานนัก โรจาก็หายเข้าไปในป้อมปราการยักษ์

 

“ฉันไม่คาดคิดเลยว่าพลเรือโทโรจาจะอ่อนน้อมขนาดนี้”

 

“แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ตั้งแต่อายุยังน้อย หากฉันแข็งแกร่งแบบเขา ฉันคงกลายเป็นคนที่หยิ่งทะนงไปแล้ว”

 

หลังจากที่โรจาได้จากไป ทหารเรือบางคนก็ได้เอ่ยถึงเขา แม้ว่าเหล่าทหารเรือจะพึ่งเคยได้พบเจอกับโรจาเป็นครั้งแรก แต่เมื่อโรจาแสดงท่าทีอ่อนน้อมมาอย่างไม่คาดฝัน สายตาของพวกเขาก็จ้องมองโรจาด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้น

 

ภายในศูนย์ใหญ่ พลเรือโทแต่ละคนนั้นมักจะมีท่าทีและลักษณะนิสัยที่โหดเหี้ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคาอินุ ที่ระหว่างทำภารกิจปราบปรามโจรสลัด แม้ว่าเหล่าผู้บังคับบัญชาของเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่อาคาอินุก็ไม่เหลียวแลพวกเขาแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับกล่าวว่า การได้รับบาดเจ็บระหว่างปราบปรามโจรสลัด นับว่าเป็นเกียรติสำหรับพวกแกแล้ว

 

 

หลังจากที่โรจาเข้ามาในป้อมปราการยักษ์ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง

 

ฉนวนกันเสียงของป้อมปราการช่างดีเยี่ยม ตลอดระเบียงทางเดินนั้นเงียบสนิท แม้จะว่าทหารเรือกำลังเดินอยู่ แต่มันก็ไม่ส่งเสียงใดๆออกมาแม้แต่น้อย

 

สำนักงานของโรจาตั้งอยู่ส่วนบนของป้อมปราการยักษ์

 

ชั้นบนสุดของป้อมปราการเป็นสำนักงานของเซนโงคุ รองลงมาเป็นของสามพลเรือเอก  และลงมาอีกก็จะเป็นสำนักงานขอพลเรือโท

 

โรจาไม่ได้หยุดอยู่ที่ชั้นแรก เขายังคงเดินขึ้นไปยังชั้นสอง

 

ณ ชั้นสองของป้อมปราการ โรจาได้เดินผ่านห้องโถงอันแสนคุ้นเคย ภายในห้องโถงนอกเหนือจากสโมคเกอร์และคนอื่นๆที่ขอจบการศึกษาไปแล้วนั้น เล่าบิงคนอื่นๆในค่ายชั้นยอดก็ยังคงฝึกซ้อมกันอยู่ที่นี่

 

โรจาจ้องมองเข้าไปภายในห้องโถงด้วยความคนึงหา ก่อนที่จะหันกลับไปเดินขึ้นบันไดชั้นสาม

 

ในระยะไกลออกไป

 

ฮินะ เดรค และคนอื่นๆกำลังฝึกฝนกันอยู่ และบางคนก็สัมผัสได้ว่ากำลังถูกจ้องมอง พวกเขาจึงหันไปยังทิศทางนั้น และก็ได้พบร่างของโรจาที่กำลังเดินจากไป

 

แม้ว่าในเวลานี้โรจาจะสวมเสื้อคลุมพลเรือโท แต่พวกเขาก็สามารถจดจำได้ทันทีว่าร่างๆนั้นคือโรจา

 

“นั่นมัน .. โรจานี่นา”

 

“จบการศึกษาไปได้ไม่นาน พริบตาเดียวเขาก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นพลเรือโทซะแล้ว”

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารเรือที่เก่งกาจที่สุดในค่ายสามัญ และได้รับเลือกให้เข้ามายังค่ายชั้นยอด แต่เมื่อพวกเขาจบการศึกษาและเริ่มต้นทำงานในฐานะทหารเรือ ส่วนใหญ่แล้วยศจะตันที่พลเรือตรีเท่านั้น มีน้อยมากที่จะได้เลื่อนยศไปถึงพลเรือโท

 

สำหรับยศพลเรือโทนั้น นับว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของใครหลายๆคน

 

ฮินะจ้องมองไปยังแผ่นหลังของโรจาด้วยอารมณ์อันซับซ้อน หลังจากที่เคยได้ร่วมรบกันในช่วงการประเมินผลการต่อสู้ เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่า ไม่ช้าก็เร็ว โรจาก็จะต้องทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่ามันจะรวดเร็วถึงขนาดนี้

 

ส่วนเดรคนั้นทำได้เพียงส่ายหน้า ณ เวลานี้เขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับโรจาอีกแล้ว ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างเขาและโรจามันห่างชั้นกันมากเกินไป

 

“เขาได้เดินนำหน้าพวกเราไปไกลมากแล้ว หากต้องการที่จะไล่ตามเขาให้ทัน พวกเราคงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอย่างหนัก”

 

ไอน์ที่ยืนอยู่ข้างฮินะได้กล่าวออกมา ดวงตาคู่โตของเธอเปล่งประกายเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา แล้วเผยให้เห็นถึงความแน่วแน่แล้วหันไปฝึกฝนต่อ

 

นอกจากชั้นสองที่เป็นสถานที่ฝึกฝนแล้ว ชั้นสามก็เป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ห้องฝึกฝนบนชั้นสามนั้น เหล่าเล่าบิงไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะการที่จะเข้าไป จำเป็นที่จะต้องใช้แต้มคุณูปการจำนวนหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน

 

เล่าบิงในค่ายชั้นยอดนั้น ถึงแม้จะได้รับภารกิจต่อสู้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับแต้มคุณูปการ อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นจะได้รับคำแนะนำในการฝึกฝนและทรัพยากรต่างๆไปแบบฟรีๆ แต่หลังจากที่จบการศึกษาแล้วพวกเขาจะไม่สามารถฝึกฝนที่นี่ได้อีกต่อไป และจะต้องออกไปทำภารกิจเพื่อสะสมแต้มคุณูปการ

 

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความสมดุล

 

เมื่อขึ้นมายังชั้นสาม โรจาก็เหลือบมองไปยังห้องฝึกฝน ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกาย อย่างไรก็ตาม โรจาก็ไม่ได้หยุดเดิน และยังคงก้าวเดินขึ้นไปยังสำนักงานของเขา