GOS ตอนที่ 120 – ไม้ตายของทั้งสอง

 

ทั่วทั้งผืนฟ้าเต็มไปด้วยคลื่นกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายอยู่นับไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้กระทั่งพื้นดินเบื้องล่าง จนดูราวกับว่ามันกำลังเชื่อมต่อสวรรค์และโลกเข้าด้วยกัน

 

และที่สำคัญมันยังงดงามจนยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด

 

ขณะนี้

 

แม้ว่าเหล่าทหารเรือทั้งหมดที่ได้ถอยร่นไปไกลถึงเกาะข้างเคียง และไม่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ แต่พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังตกอยู่ท่ามกลางห้วงพายุที่รุนแรง รุนแรงจนอาจกล่าวได้เลยว่ามันสามารถพลิกโลกได้ทั้งใบ!

 

เมื่อจ้องมองไปยังคลื่นกลีบดอกซากุระที่กำลังโถมลงมาจากฟากฟ้าราวกับฝนกระหน่ำ และปะทะเข้ากับเส้นด้ายขนาดยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายกับงูขาว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องภายในจิตใจ และเต็มไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

 

ไม่มีใครกล่าวคำใดๆออกมา

 

ภายใต้ฉากอันน่าตกตะลึงเช่นนี้ พวกเขาคงไม่อาจอธิบายความรู้สึกในจิตใจออกมาเป็นคำพูดได้ แม้กระทั่งสมองก็ยังสูญเสียความสามารถในการนึกคิดไปโดยสมบูรณ์ และทำได้เพียงยืนอยู่ที่อย่างเงียบๆ คอยเฝ้ามองการต่อสู้อันน่าสยดสยองนี้จากระยะไกล

 

การต่อสู้ยังคงดำเนินไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

 

โรจาควบคุมคลื่นกลีบดอกซากุระ ส่วนโดฟลามิงโก้ก็ควบคุมทะเลเส้นด้าย เข้าห้ำหั่นกันอย่างต่อเนื่อง

 

ในเวลานี้ แม้โรจาจะกำลังได้เปรียบ แต่เขาก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีของโดฟลามิงโก้ได้โดยสมบูรณ์ ตามร่างกายของโรจาขณะนี้เต็มไปด้วยรอยเลือด อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขากลับไม่เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก แต่กลับเผยให้เห็นถึงเจตจำนงแห่งการต่อสู้! — และความบ้าคลั่ง ที่ต้องการทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง!

 

ทางด้านของโดฟลามิงโก้ เมื่อเทียบกับโรจาแล้ว สถานการณ์ทางฝั่งเขาร้ายแรงยิ่งกว่ามาก เสื้อคลุมขนสัตว์สีชมพูของเขาขาดวิ่น และร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลที่กำลังมีเลือดไหลซิบๆ

 

ก่อนหน้านี้ ในตอนที่พลังของผลปีศาจยังไม่ตื่นขึ้น โดฟลามิงโก้สามารถใช้ใยแมงมุมของเขาหยุดยั้งคลื่นจันทร์เสี้ยวของโรจาได้ แต่เขาไม่สามารถหยุดยั้งเซมบงซากุระได้

 

แต่เมื่อโดฟลามิงโก้สามารถปลุกพลังของผลปีศาจให้ตื่นขึ้น เขาก็สามารถยับยั้ง ชิไค เซมบงซากุระ ของโรจาได้ แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้ง บังไค เซมบงซากุระ คาเงโยชิ ได้!

 

ในเวลานี้ เรื่องฮาคิราชันย์นั้นไม่ต้องกล่าวถึง หากไม่ใช่เพราะว่าฮาคิเกราะของเขาแข็งแกร่งกว่าโรจาเพียงเล็กน้อยแล้วล่ะก็ … เขาคงได้หายไปจากโลกนี้ตั้งนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ภายใต้คลื่นกลีบดอกซากุระที่กำลังโหมกระหน่ำ โดฟลามิงโก้ก็พลันนึกได้ถึงบางสิ่ง และบางสิ่งที่ว่านั้นก็คือการ ‘ถ่วงเวลา!’

 

ส่วนเรื่องที่คิดจะหลบหนีนั้นตัดทิ้งออกไปได้เลย

 

หากโดฟลามิงโก้หลบหนีออกจาที่นี่ โรจาจะต้องใช้เก็ปโปไล่ตามเขาไปอย่างแน่นอน และที่สำคัญพลังจากผลปีศาจของเขานั้น หากปราศจากซึ่งพื้นดิน ตึก และสภาพแวดล้อมที่สามารถแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเส้นด้ายแล้วล่ะก็ … ในกรณีนั้นเขาก็จะได้พบกับความพ่ายแพ้ที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน!

 

ณ เวลานี้ โรจากำลังยืนอยู่กลางอากาศ พร้อมๆกับคลื่นกลีบดอกซากุระที่กำลังโปรยปรายอยู่รอบกายเขา และกำลังควบคุมมันให้โจมตีลงไปยังเบื้องล่างอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกัน ก็หลบหลีกเส้นด้ายที่แปรเปลี่ยนเป็นสีดำหมึกที่กำลังพุ่งโจมตีเข้ามา

 

ฉัว ฉัวะ ฉัวะ—!

 

เซมบงซากุระ คาเงโยชิของโรจาได้ฉีกกระชาก ‘เอเวอร์ไวท์ — ธนูพันดอก’ ของโดฟลามิงโก้อย่างต่อเนื่อง โดฟลามิงโก้จึงทำได้เพียงถอยและหลบหลีกคลื่นกลีบดอกซากุระที่พุ่งตรงเข้ามา พร้อมๆกับเลือดที่กระเซ็นเป็นสาย

 

แต่

 

โดฟลามิงโก้ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เขายังคงไม่ล้มลงและเฝ้ารอให้โรจารีดพลังงานในร่างกายออกมาอย่างต่อเนื่อง!

 

ดูเหมือนว่าโดฟลามิงโก้จะพบกับหนทางสุดท้ายที่จะทำให้เขาสามารถเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้เสียแล้ว!!

 

ทางด้านโรจา เขาก็สามารถตระหนักถึงความตั้งใจของโดฟลามิงโก้ได้เช่นกัน ว่าต้องการให้เขารีดพลังออกมาเรื่อยๆจนพละกำลังร่างกายและพลังวิญญาณหมดลง!

 

ทันใดนั้นดวงตาของโรจาก็เป็นประกาย และได้วาดมือออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“การโจมตีรูปแบบที่สองของเซมบงซากุระ คาเงโยชิ — เซ็นเคย์!”*(เงาพิฆาต)

 

ทันใดนั้นเอง คลื่นกลีบดอกซากุระก็พลันล่องลอยกลับมาโปรยปรายอยู่รอบตัวของโรจา ก่อนที่จะค่อยๆแปรเปลี่ยนรูปร่างของมันให้กลายเป็นดาบเล่มเล็กๆจำนวนหลายร้อยเล่มที่มีรูปร่างคล้ายกับดาบขาวฮิรุ

 

ดาบขาวฮิรุนับร้อยเล่มที่เกิดจากหลมอรวมกันของคลื่นกลีบดอกซากุระได้ล่องลอยเรียงกันเป็นทิวแถวอยู่กลางอากาศ

 

เมื่อโดฟลามิงโก้ที่ซึ่งบัดนี้ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือดได้แหงนหน้าขึ้นไปมองเบื้องบน และเห็นว่ากคลื่นลีบดอกซากุระรอบตัวของโรจา จู่ๆก็หลอมรวมกันและเปลี่ยนเป็นคมดาบนับร้อยเล่ม เขาก็เผยให้เห็นประกายแห่งความดุร้ายในสายตา

 

“เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีกล้ามายืนค้ำหัวฉัน … มังกี้ D โรจา เจ้าสารเลวน้อย!”

 

นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่โดฟลามิงโก้นั้นได้สูญเสีย ‘ตัวตน’ อันเย่อหยิ่ง ซึ่งเป็นเอกลักษ์ของเผ่ามังกรฟ้าไป นับตั้งแต่ที่เขาได้ก่อตั้งดองกี้โฮเต้แฟมิลี่ขึ้นมากับไดอาเมนเต้และคนอื่นๆ … เขาก็ไม่เคยเผยให้เห็นถึงท่าทีเช่นนี้อีกเลย นับจากนั้นมา!

 

โดฟลามิงโก้จ้องมองไปยังโรจาพร้อมกับเผยให้เห็นจึงเจตนาฆ่า ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็ได้วาดมือทั้งสองขึ้นไปยังจุดที่โรจายืนอยู่บนท้องฟ้าทันที!

 

“เซย์นารุ … เคียวดัน — สิบหกกระสุนศักดิ์สิทธิ์!!”

 

ภายใต้ฝ่ามือของโดฟลามิงโก้ เส้นด้ายจำนวนนับไม่ถ้วนได้พลันบลิดเป็นเกลียว ก่อนที่จะหลอมรวมกันกลายเป็นกลายเป็นเส้นด้ายสีขาวขนาดใหญ่ถึง 16 เส้น! แต่พริบตาเดียวมันก็ถูกบีบอัดด้วยฮาคิเกราะจนกลายเป็นสีดำหมึก! และพุ่งขึ้นไปยังโรจาที่อยู่เบื้องบน!

 

“ทัณฑ์เทพสังหาร!!!”(ก็อดทรีด)

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการทุ่มสุดกำลังของโดฟลามิงโก้ โรจาก็ได้โบกสะบัดมือขึ้นเหนือหัว — ดาบขาวฮิรุนับร้อยเล่มที่เกิดจากคลื่นกลีบดอกซากุระได้พากันบินขึ้นไปเหนือหัวตามมือที่โรจาพึ่งได้โบกสะบัดไป

 

ต่อมา ใบดาบเหล่านั้นก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำหมึกด้วยฮาคิเกราะที่ถูกบีบอัดลงไป! และในเวลาเดียวกันโรจาก็สะบัดมือลง!

 

เปรี้ยง—!

 

พริบตานั้นเอง สิบหกกระสุนศักดิ์สิทธิ์ของโดฟลามิงโก้ก็ได้พุ่งเข้าปะทะกับ เซ็นเคย์ เซมบงซากุระ คาเงโยชิ ของโรจา — เกิดเสียงหวีดหวิวดังสนั่นระหว่างเหล็กปะทะเหล็ก พร้อมๆกับเกิดประกายแสงสีขาวสว่างวาบ จนไม่มีใครสามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นณ ขณะนั้นได้!!

 

วินาทีต่อมา ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับเสียงคำรามของพื้นโลก และคลื่นโซนิคบูมกวาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง!

 

แรงปะทะกันในครั้งนี้ก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายขนาดใหญ่ มันได้กวาดออกไปทั่วทุกทิศทางจนเหล่าทหารเรือที่เฝ้ามองจากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะปิดตาลง และไม่อาจฝืนลืมตาขึ้นมาได้

 

พรึ่บ—!

 

เศษฝุ่นละอองฟุ้งกระจายออกไปทั่วท้องทะเล ไม่เว้นแม้แต่บนเกาะที่เหล่าทหารเรือเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนมันถึงจะค่อยๆถูกพัดพาให้หายไปตามสายลม

 

หลังจากที่เศษฝุ่นละอองค่อยๆสลายไป เหล่าทหารเรือที่กำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนกได้รีบจ้องมองไปยังฐานทัพของพวกเขาทันที โดยไม่มีความคิดที่จะปัดชุดเครื่องแบบที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่นคละคลุ้งแม้แต่น้อย — พวกเขาต่างจ้องมองไปกลางซากปรักหักพังด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด

 

ผลการต่อสู้ล่ะ?

 

ทุกคนต่างหันมามองหน้ากันและกัน และเมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆภายในฐานทัพ พวกเขาจึงค่อยๆก้าวออกมาข้างหน้า … หนึ่งคน … สองคน … ตามมาด้วยคนที่สามที่ต้องการจะทราบว่าผลการต่อสู้ในครั้งนี้ออกมาเป็นอย่างไร

 

พวกเขาเดินออกมาทั้งๆที่ยังคงกำดาบและปืนที่อยู่ในมือแน่น

 

ฐานสาขาที่ 1 ได้ถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์ ตึกทั้งหมดได้พังทลายลง และไม่มีตึกใดเลยที่ยังคงสภาพดีเอาไว้ได้ แถมยังเต็มไปด้วยรอยด่างดำจากการถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ และรอยตัดอันเรียบเนียนที่เกิดจากเส้นด้าย

 

ทหารเรือหลายคนที่เดินออกมาเป็นคนแรกๆ จู่ๆก็ชะงักไปเมื่อพวกเขาเห็นอะไรบางอย่างท่ามกลางซากปรักหักพัง

 

เคร้ง …

 

มือของเขาสั่นจนไม่สามารถที่จะกำอาวุธในมือเอาไว้ได้ ขณะที่บางคนก็ล้มตัวลง และร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

หลังจากที่เหล่าทหารเรือคนอื่นๆค่อยๆเดินออกมาดูผลการต่อสู้ พวกเขาก็ต่างพลันชะงักค้างไป ก่อนที่จะค่อยๆวางอาวุธในมือลงอย่างเงียบๆ

 

ทุกสายตา

 

ต่างจ้องมองไปยังร่างๆที่ยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางสนามรบ

 

ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เอ่ยคำใดๆออกมา … แต่ความจริงแล้วนั่นก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีต่างหาก! จิตใจของพวกเขาว่างเปล่าไปโดยสมบูรณ์ ขณะที่ภายในสายตานั้นเต็มไปด้วยความยำเกรงและความเคารพอย่างสุดซึ้งภายในจิตใจ!!

 

ในสนามรบ

 

มีเพียงร่างของโรจาที่ยังคงยืนหยัดอยู่ พร้อมๆกับดาบขาวฮิรุที่อยู่ในมือมั้งสองข้าง ตามร่างกายของเขา ขณะนี้ เต็มไปด้วยบาดแผล และบาดแผลบางจุดก็ยังคงมีเลือดหยดย้อยลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

บนพื้นดิน

 

เบื้องหน้าโรจา ได้มีร่างๆหนึ่งนอนแน่นิ่งและอยู่ในสภาพปางตาย

 

ถึงแม้ว่าเสื้อคลุมของชายที่นอนแผ่อยู่เบื้องหน้าจะขาดวิ่นและเต็มไปด้วยคราบเลือด จนเรียกได้ว่าแตกต่างจากรูปลักษ์เดิมของเขาอย่างสิ้นเชิง — แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวตนของเขานั้นก็คือ ..

 

ดองกี้โฮเต้ เดอ ฟลามิงโก้!

 

 

ในยุคสมัยของเหล่าโจรสลัดปีที่ 12 ชายผู้ซึ่งในอดีตเป็นถึงคนของเผ่ามังกรฟ้า และได้รับสมญานามในท้องทะเลว่า ‘ปีศาจสวรรค์’ ขณะที่สมญานามในโลกใต้ดินถูกเรียกว่า ‘โจ๊กเกอร์’ และเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ดองกี้โฮเต้ เดอ ฟลามิงโก้

 

ภายใต้ฐานสาขาที่ 1 เขตทะเลเวสต์บลู …

 

ได้สิ้นท่าลงภายใต้น้ำมือของทหารเรือนามว่า มังกี้ D โรจา!