บทที่ 95: เขตสีส้ม

 

 

 

ฮันซูมองไปยังเศษศิลาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชิ้นที่เขาครอบครองอยู่

สี่จากมัจฉาภัยพิบัติ รากกลืนและคาย อูโรโบรอส และราชินีตัวต่อ

อีกหนึ่งจากดอกไม้

สัญลักษณ์ของราชากำลังส่องสว่างอยู่ที่หน้าผากของฮันซู

สถานการณ์ที่เขามีสัญลักษณ์ของทั้งผู้ดูแลและราชาในเวลาเดียวกัน

จากนั้นฮันซูจึงเดินไปยังแท่นบูชาหลังบัลลังก์ใจกลางดอกไม้

ชายหนุ่มวางเศษศิลาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าลงทีล่ะชิ้นบนนั้นราวกับกำลังแก้ปริศนา

กิ้งงง

เศษศิลาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าที่ได้ส่งพลังงานจำนวนมหาศาลออกมาด้วยตนเองได้ถูกรวบรวม

และเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นก็เชื่อมต่อกันราวกับหลอมละลาย

จากนั้นศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กลายเป็นหนึ่งในที่สุดก็ได้ส่องแสงสว่างจ้า

ในวินาทีที่พายุลพงังานขนาดใหญ่จำปรากฏขึ้น ฮันซูก็ได้เริ่มส่งรีลิคทั้งห้าไปรอบศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นทีล่ะชิ้น

รีลิคเหล่านั้นถูกเสียบลงที่รูที่ดูเหมือนถูกเตรียมมาเพื่อรีลิคเหล่านั้นทีล่ะชิ้น

จากนั้น พลังงานมาศาลที่ดูเหมือนกำลังจะระเบิดออกก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

ไม่ช้า พลังงานมหาศาลที่สามารถระเบิดร่างของฮันซูได้หากเขาต้องควบคุมมันก็ได้เริ่มกระจายไปทั่วต้นไม้โลก

กิ้ง

พลังเริ่มที่จะกลับมาสู่ต้นไม้โลกที่กำลังแห้งเหี่ยว

รากที่ได้แผ่ขยายออกไปทั่วเริ่มที่จะดูดกลืนน้ำทะเลพิษและส่งมันไปยังลำต้นด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง ลำต้นใช้พลังงานจำนวนมหาศาลที่ได้รับจากศิลาศักดิ์สิทธิ์ในการกลั่นน้ำทะเลพิษเหล่านั้นเปลี่ยนมันเป็นน้ำแร่ธาตุแล้วส่งมันไปทั่วต้นไม้โลก

<หวา! อะไรกัน! จู่ๆ น้ำแร่ธาตุจำนวนมากก็ไหลออกมา!>

<แค่ลองดื่มมันดู!>

เสียงของผู้คนที่อยู่ระหว่างลำต้นและรากดังขึ้นที่ใบหูของฮันซูผ่านต้นไม้โลก

‘มันเสร็จแล้ว’

ฮันซูผงกศีรษะ

แม้ว่ามันจะยังดูแห้งเหี่ยว มันจะกลับไปสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วด้วยน้ำแร่ธาตุ

เหมือนกับฟองน้ำแห้งๆ ที่ดูดน้ำเข้าไป

ในเมื่อความทนทานของต้นไม้โลกมันมากมายเพียงนั้น

‘แม้ว่ามันจะน่าเสียดายที่จะต้องขึ้นไปโดยที่ไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น… มันก็ไม่มีอะไรที่ฉันจะทำได้’

การเปลี่ยนแปลงจะถูกรับรู้โดยคนที่มาทีหลังเขา

โซเฟียมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าประหลาดใจ

‘… เขารู้เรื่องทั้งหมดนี่ได้ยังไง?’

คนเพียงผู้เดียวที่รู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมนี้คือโซเฟีย

ผู้คนเบื้องล่างอาจจะคิดว่ามันเป็นเพราะการหายไปของภัยพิบัติ แต่โซเฟียรู้ผ่านห้องสมุด

ว่าเหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงนั้นคือรีลิคและศิลาที่กำลังส่องแสงสว่างจ้าออกมา

<แก่นกลางของเผ่าพันธุ์โบราณทำงาน>

<มีโอกาสที่ประชากรจะขยายตัว>

นี่คือบทสรุปของการจัดการและควบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ปรากฏขึ้นในสมองของเธอ

‘… เขาฆ่าภัยพิบัติโดยที่มีเรื่องนี้เป็นเป้าหมาย? เขารู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?’

โซเฟียเคยไปมาทุกมุมในเขตสีแดงเพราะเธอแข็งแกร่งแม้ว่าจะมาที่นี่ได้เพียงสามปี แต่เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันจะมีสถานที่แบบนี้อยู่

และโซเฟียไม่ใช่คนเดียวที่สงสัย

เตกิลอนทั้งสองที่สูญเสียพลังทั้งหมดและถูกแช่แข็งโดยมีแค่ส่วนหัวที่โผล่ออกมามองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าสับสน

พวกเขาสามารถเข้าใจที่อีกฝ่ายรวบรวมรีลิคกับศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้

ในเมื่อของพวกนั้นจะสามารถมอบพลังมากมายที่ไม่อาจกระทั่งจินตนาการออกมาได้

แม้เศษศิลาศักดิ์สิทธิ์จะไม่อาจเคลื่อนย้ายผ่านเทเลพอร์ตได้ แต่พลังของรีลิคเพียงอย่างเดียวก็ดึงดูดมากพอ

แต่หมอนั่นยอมปล่อยทุกอย่างและวางมันเหนือแท่นบูชา ราวกับว่ามันคือเป้าหมายของเขาตั้งแต่ต้น

‘เขาจะได้อะไรจากการช่วยเหลือต้นไม้โลก?’

แน่นอน จากเผ่าพันธุ์ทั้งหมด มันไม่มีผลประโยชน์ไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ แต่พลังของต้นไม้โลกส่งผลแต่ภายในโลกนี้เท่านั้น

ซึ่งหมายความว่ามันจะไร้ประโยชน์สำหรับเขาที่จะขึ้นไปยังเขตต่อไป

ฮันซูเดินตรงไปยังเตกิลอน

ความทรงจำของราชาคนก่อนยังคงถ่ายเทเขามาในศีรษะของเขาอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งคือความสามารถของสัญลักษณ์ราชา

ราชาจำต้องใช้ความทรงจำของราชาคนก่อนเพื่อที่จะลดความผิดพลาดและนำเผ่าพันธุ์ของพวกเขาสู่หนทางที่ดีกว่า

และเพราะแบบนี้ เมื่อราชาเปลี่ยนมือ พวกเขาจึงส่งต่อความทรงจำสู่ราชาคนต่อไป

ฮันซูรู้เพราะแบบนั้น

เหตุผลที่เหล่าเอลวินไฮล์มสงสัยมาอย่างยาวนาน

สิ่งที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงให้ราชาของพวกเขาบ้าคลั่ง

‘… พวกเขาพยายามที่จะช่วยเผ่าพันธุ์ของตนเองงั้นสินะ’

“พวกนาย พวกนายคืออคารอนงั้นเหรอ”

<อคารอน>

เผ่าพันธุ์โบราณที่ครอบครองซากที่เขาต้องฟื้นฟูเป็นเป้าหมายต่อไป <การดัดแปลงร่างกาย> ในเขตสีส้ม

เตกิลอนทั้งสองแสดงสีหน้าประหลาดใจ

อีกฝ่ายสามารถค้นพบได้ว่าพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างออกไป

ในเมื่อความทรงจำได้ถูกส่งผ่านสัญลักษณ์

แต่วิธีการที่ฮันซูพูดมันต่างออกไป

มันเหมือนกับว่าเขารู้บางสิ่งมากกว่านั้น

ฮันซูเริ่มครุ่นคิดขณะที่มองไปยังทั้งสอง

‘… พวกเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ พวกเขายังไม่สูญพันธุ์’

เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลัง <อคารอน> ที่มีร่างครึ่งคนครึ่งสัตว์

หากเจ้าพวกนี้อาศัยอยู่ที่อีกฝั่ง งั้นมันก็จะเป็นเรื่องที่ต่างออกไป

“โซเฟีย เราขอเวลาส่วนตัวหน่อยได้ไหม?”

โซเฟียยักไหล่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะเดินออกไป

ฮันซูสูดลมหายใจเข้าออกก่อนจะเริ่มพูดออกมา

“พวกนายอยากจะฟื้นคืนชีพเผ่าพันธุ์ของพวกนายไหม?”

“…เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”

ฮันซูหัวเราะคิกคักก่อนจะเอ่ยพูด

“ง่ายๆ มาสร้างสัญญากัน”

“…”

ชายหนุ่มอธิบายแผนของเขาออกมา จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ

“พวกนายสองคนช่วยฉัน หนึ่งในพวกนายตามฉันขึ้นไปข้างบน และ… อีกคนอยู่ที่นี่ในฐานะของราชา”

หนึ่งคนจะตามฮันซูไปยัง <เขตสีส้ม> และทำตัวเป็นผู้นำทางสำหรับภารกิจที่เขาต้องทำให้สำเร็จ

คนที่เหลืออยูที่นี่ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พวกมนุษย์แล้วส่งพวกเขาขึ้นไป

นี่คือสถานการณ์แบบวิน-วิน

โฮกาสที่ฮันซูจะทำภารกิจในเขตสีส้มสำเร็จจะเพิ่มมากขึ้นถ้าได้ความช่วยเหลือของทั้งสอง รวมทั้งโอกาสที่เหล่าอคารอนจะมีชีวิตรอดก็จะสูงขึ้นเช่นกัน

เตกิลอนวัยหนุ่มหัวเราะไปยังการอธิบายง่ายๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้น

“อืม ข้าเชื่อในอีกเรื่องหนึ่งของเจ้า แต่… เจ้าต้องการให้หนึ่งในพวกเราเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ที่นี่? ด้วยการดูแลพวกมนุษย์อย่างระมัดระวังไม่ให้พวกมันได้รับบาดเจ็บ?”

ฮันซูหัวเราะเสียงเย็นเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ไม่มีทาง มันตรงกันข้ามต่างหาก”

“…อะไรนะ?”

“ถ้าพวกนายอยากจะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกนาย… ไล่ต้อนพวกเขา พวกมนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็ส่งพวกนั้นไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรื่องแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายที่เคยเป็นราชามาครั้งหนึ่งแล้วถ้าฉันจะมอบพลังของต้นไม้โลกกลับไปให้”

คนที่ได้เป็นราชาของเหล่าเอลวินไฮล์มมากว่าร้อยปี

พวกเขาเป็นระดับที่อยู่คนล่ะมิติกับมนุษย์ที่ได้มายังสนามรบแห่งนี้จากชีวิตแสนธรรมดา

และอีกสิ่งหนึ่ง

‘มันไม่มีทางที่หมอนี่จะมีความเมตตา’

หากเขามอบให้มนุษย์เป็นราชา ราชาผู้นั้นอาจจะปล่อยให้มนุษย์อาศัยอยู่อย่างสงบสุขด้วยตนเอง

และพวกเขาอาจจะไม่ทำงานของตนเองอย่างจริงจังเมื่อราชาอาจจะถูกอารมณ์และความโลภบางอย่างกลืนกิน

แต่หากหมอนี่นั่งอยู่บนตำแหน่งนั้น เรื่องราวก็จะต่างออกไป

หมอนั่นจะฝึกฝนมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม

ในเมื่อโอกาสที่จะเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะมีชีวิตรอดจะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแกร่งของมนุษย์

หมอนั่นจะไม่ทำตัวเป็นทรราชเช่นกัน

ในเมื่อยิ่งมนุษย์ขึ้นไปมากเท่าไหร่มันจะยิ่งดีเท่านั้น

ฮันซูมองไปยังเตกิลอนวัยหนุ่มที่มองมาที่เขาราวกับมองคนเสียสติ จากนั้นจึงมอบบางสิ่งให้

ตัวเก็บข้อมูลภายในรากกลืนและคายที่แฟรี่ได้ใส่เข้าไป

“ถ้านายนำสิ่งนี้เชื่อมต่อเข้ากับโรงงาน สัตว์อสูรจะถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นพวกมนุษย์ไปเรื่อยๆ ด้วยสิ่งนี้ เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นนักรบแล้วส่งขึ้นมา และนาย… ขึ้นไปกับฉัน”

ในเมื่อราชาที่เขาต้องการจะสร้างขึ้นนั้นคือราชาผู้ไร้ใจ ไม่ใช่ราชาผู้เมตตา

ราชาที่จะฝึกฝนมนุษย์ทุกคนอย่างโหดเหี้ยมจนกลายเป็นนักรบ

แต่เอลวินไฮล์มทั้งสองแสดงสีหน้าสับสนออกมาราวกับพวกเขายังคงไม่เข้าใจ

พวกเขาไม่อาจเชื่อใจหมอนี่ได้ แต่ในทางกลับกันอีกฝ่ายก็เหมือนกัน

“เจ้าใช้อะไรมาเชื่อใจที่จะทิ้งโลกใบนี้ไว้ให้ข้า? ถ้าข้าตัดสินใจที่จะกลั่นแกล้งพวกมนุษย์ของเจ้าล่ะ?”

เมื่อคนผู้หนึ่งได้ครอบครองพลังของผู้ดูแลและราชา พวกเขาสามารถออกคำสั่งได้ราวพระเจ้าแม้จะไม่มีสามง่ามอัสนีหรือทหารพันเกราะ

ในเมื่อพวกเขาสามารถทำเพียงแค่โยนใครที่พวกเขาไม่ชอบออกไปจากมิตินี้

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“พูดได้ถูก ดังนั้นฉันเลยคิดอยู่… ถ้านายตกลงฉันก็ต้องมีหลักประกันสำหรับสหายผู้ที่จะอยู่ที่นี่หน่อย”

“อะไรนะ?”

ในวินาทีนั้น บางสิ่งได้ออกมาจากมุมหนึ่งของร่างกายของฮันซู

ด้วยข้อมูลและพลังที่เพียงพอ

เศษชิ้นส่วนที่แยกออกมาจากมุมหนึ่งของร่างชายหนุ่มปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของเขา

“มันคือ…”

ฮันซูหัวเราะเสียงเย็นเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“มันคือหลักประกัน”

 

รางวัลจากประตูทั้งสาม

ราลวัลของประตูที่สองคือรูน

และรางวัลที่ราล์ฟ ลอเรนได้รับมาจากแฟรี่เมื่อนานมาแล้วหลังจากที่ไปยังจุดสิ้นสุดของประตูแรก

<ลักษณะพิเศษ>

ราล์ฟ ลอเรนเลือกลักษณะพิเศษ <เบอร์เซิก> กลายเป็นเครื่องจักรต่อสู้ อาละวาดไปทั่วอีกโลกจนกระทั่งสามารถกลายเป็นหนึ่งในกองพันสุดท้ายได้

แต่สิ่งที่ฮันซูต้องการนั้นไม่ใช่พลังต่อสู้ แต่เป็นข้อจำกัด

เผ่าพันธุ์มนุษย์ รวมทั้งตัวฮันซู ครุ่นคิดมาอย่างมากมายก่อนที่จะส่งคนคนหนึ่งกลับมา

การแต่งตั้งราชาที่สามารถควบคุมมนุษย์ทั้งหมดได้เป็นเรื่องดี

แต่หากพวกเขาไม่อาจควบคุมราชานั้นได้ หลายๆ เรื่องก็จะกลายเป็นเรื่องยากลำบาก

ในเมื่อฮันซูต้องจากไปทันทีที่เขาทำงานของเขาเสร็จ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม

จากนั้นโซเฟียจึงเอ่ยออกมา

<นายบอกว่ารางวัลของประตูแรกแห่งสามประตูคือลักษณะพิเศษใช่ไหม? ใช้มันกัน>

สามตัวเลือกในการควบคุมราชาได้ปรากฏขึ้น

ลักษณะพิเศษแห่งลอร์ด

ลักษณะพิเศษแห่งสัญญา

ลักษณะพิเศษแห่งเจ็ดเสี้ยววิญญาณ

ลักษณะพิเศษของลอร์ดถูกถอดออก

จากการทดสอบ มันไม่สามารถส่งผลต่อคนอีกมิติได้

สัญญาก็เช่นกัน

เหมือนกับที่มิยาโมโตะได้แสดงให้เห็น มันมักจะมีช่องว่างและทางลัดเสมอถ้าคนต้องการจะหา

ลักษณะพิเศษที่ถูกเลือกในที่สุดคือ <เจ็ดเสี้ยววิญญาณ>

จากการทดสอบ มันแสดงให้เห็นว่ามันสามารถข้ามผ่านกำแพงของมิติและส่งผลต่อคนได้อยู่

ในเมื่อพวกเขาสามารถยืมพลังของฮันซู ถ้าราชาถูกคุกคาม พวกเขาก็สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ด้วยพลังที่ราวกับสัตว์ประหลาด

และในเมื่อพวกเขาสามารถได้รับความทรงจำของฮันซู มันก็จะไม่มีความจำเป็นในการอธิบายหรือต้องช่วยให้พวกเขาเข้าใจ

ในเมื่อมันไม่จำเป็นต้องสอน

การร่วงหล่นสู่อบิสอาจจะรวดเร็วขึ้น แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หากเขาส่งความทรงจำที่ถูกเลือกให้

‘พวกนายต้องการเป็นผู้ควบคุม’

ผู้ควบคุมที่แข็งแกร่งที่จะพลักดันให้มนุษย์กลายเป็นทหารที่แข็งแกร่ง

“เลือก ว่านายต้องการจะทำมันยังไง”

ฮันซูมองไปยังเอลวินไฮล์มทั้งสอง ไม่สิ อคารอนทั้งสอง ขณะที่อีกฝ่ายมองไปยังเศษเสี้ยวบนมือเขา

 

 

หลังจากที่ทั้งสองตกลงรับข้อเสนอและจากไป ฮันซูที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็เริ่มตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของเขา

‘รู้สึกเหมือนไม่ใส่เสื้อผ้า… ตอนที่ไม่มีรีลิค’

พลังที่รีลิคมอบให้นั้นแข็งแกร่ง

แต่มันไม่มีอะไรให้เสียใจ ในเมื่อยังไงเขาก็ต้องจากที่นี่ไป

‘ฉันเองก็ได้รับมาเยอะเหมือนกัน’

สามง่ามอัสนีและทหารพันเกราะจะถูกนำขึ้นไปพร้อมเขา

สองสิ่งนี้ถูกเตรียมขึ้นเพื่อรับมือโอกาสที่พวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับห้าแม่ทัพพยัคฆ์ พลังของราชา หรือกระทั่งเศษเสี้ยววิญญาณของเขา

แม้ว่าฮันซูจะไม่สามารถแสดงพลังราวกับพระเจ้าได้โดยไร้ซึ่งศิลาศักดิ์สิธิ์ มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องพูดมากในเมื่อเกราะของเขามีสกิลที่จะคัดลอกสิ่งที่เป็นเหมือนกับอาร์ติแฟคระดับหมายเลขเดี่ยว

‘อีกเรื่องหนึ่ง’

“ออกมา ฉันฆ่าพวกมันหมดแล้ว”

อากาศแยกออกขณะที่แฟรี่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากคำพูดนั้น

แฟรี่เอ่ยชมเขาทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น

“ว้าว คุณฆ่าทั้งห้าหมดเลยจริงๆ เหรอ?”

ฮันซูมองไปยังแฟรี่เบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น

“มันถึงเวลาที่ต้องรักษาสัญญา”

แฟรี่ยักไหล่ขณะที่มันเอ่ยขึ้น

“แน่นอน เราค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องพวกนี้ แต่มันคงจะไม่สนุก ดังนั้นฉันจะมอบตัวเลือกให้กับคุณ”

“… นายชอบตัวเลือกจริงๆ”

“ไม่ใช่ว่ามันคือส่วนที่สนุกเหรอ?”

ฮันซูยักไหล่

“พูด”

“สิ่งที่แน่นอนกับสิ่งที่ไม่แน่นอน”

“…”

“ถ้าคุณเลือก ฉันก็จะมอบสกิลที่คุณเลือกให้ ในทางกลับกัน ถ้าคุณเลือกที่จะสุ่ม ฉันก็จะมอบสกิลที่ไม่มีใครได้รับมาก่อนให้กับคุณ”

“หืมม”

ฮันซูแสดงสีหน้าอึกอัด

เขาไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แต่รางวัลของพวกมันก็ค่อนข้างน่าเชื่อถือ

มันไม่มีอะไรจะเสียทั้งสองแบบ

‘เอาเถอะ แบบนี้มันดีกว่ามีสกิลระดับหมายเลขเดี่ยวห้าสกิล…’

ในเมื่อสกิลระดับหมายเลขเดี่ยวก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเช่นกัน

มันมีระดับหมายเลขเดี่ยว หรือกระทั่งเลขสองหลักจำนวนไม่มากที่สามารถเข้ากันได้ดีกับเขา

โดยเฉพาะคนที่มีขีดจำกัดแค่เจ็ดแบบเขา

ฮันซูคิดถึงทางที่แน่นอนก่อน

‘ฉันควรจะเลือกดวงวิญญาณเทพเจ้าหรือชุดแห่งธาตุ?’

สกิลทั้งสิบถูกพิจารณา แต่สองสกิลนี้ปรากฏขึ้นก่อน

สกิลหมายเลขเดี่ยว 1

<ดวงวิญญาณเทพเจ้า>

สกิลที่คังเต้มี

มันจะเปลี่ยนร่างกายของผู้ครอบครองให้ใกล้เคียงกับระดับของพระเจ้า

คังเต้เชื่อมั่นใจสกิลนี้และต่อสู้ราวกับนักรบที่บ้าคลั่งอยู่ด้านหน้า

ในเมื่อเขาสามารถต่อสู้ราวกับเทพเจ้าที่บ้าคลั่งได้ตราบเท่าที่เขายังไม่ตายด้วยการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

สกิลหมายเลขเดี่ยว 3

<ชุดแห่งธาตุ>

สกิลที่เคลเดียนมี

ดึงดูดธาตุรอบกาย สร้างชุดแห่งธาตุขึ้น ทำให้สามารถใช้พลังของธาตุจำนวนมหาศาลได้ดังที่ใจต้องการ

ในเมื่อมันเป็นชุดที่สร้างขึ้นจากสภาพแวดล้อมรอบกาย มันย่อมมอบโอกาสรอดชีวิตและพลังป้องกันจำนวนมหาศาลให้ต่อต้านกับสภาพแวดล้อม

หากเขาต่อสู้ในทะเลทรายเพลิง เกราะเพลิงก็จะปรากฏขึ้น ถ้าเขาสู้ในเกาะแห่งอัสนี ชุดแห่งอัสนีก็จะถูกสร้างขึ้น

เขายังจำถึงภาพของเคลเดียนที่ใส่ชุดแห่งธาตุและสาดสกิลนับพันสกิลออกมาได้

หากเขาสามารถใช้หนึ่งในสองสกิลด้านบนนั้นได้ มันก็จะไม่ด้อยกว่าแม้จะเทียบกับระดับหมายเลขศูนย์ พลังสนับสนุนมังกรปีศาจ

แต่สิ่งที่แฟรี่จะมอบให้กับเขาได้ติดอยู่ในความคิดของเขา

แม้ว่าเขาจะฆ่าภัยพิบัติเพื่อช่วยคนจำนวนมาก ส่วนที่เขาทำก็ไม่ได้น้อย

และในเมื่อไอ้ตัวพวกนี้ไม่ใช่พวกที่จะล้อเล่นในเรื่องแบบนี้ สกิลที่แฟรี่จะมอบให้กับเขา สกิลที่ยังไม่มีใครเคยได้รับมาก่อน มันย่อมยอดเยี่ยม

‘… แต่เรื่องที่มันสุ่มก็ยังอยู่’

ไม่ใช่ทุกสกิลที่เหมาะสมกับฮันซูเหมือนพลังสนับสนุนมังกรปีศาจ

ไม่สิ สกิลส่วนมากไม่เหมาะสม

พลังสนับสนุนมังกรปีศาจมีความสมดุลที่ยอดเยี่ยม และเข้ากับวิธีการต่อสู้ของฮันซูอย่างสมบูรณ์

เหมือนกับชุดแห่งธาตุหรือดวงวิญญาณเทพเจ้า

ในทางกลับกัน เขาก็ไม่อาจที่จะนำความสามารถของสกิลทั้งหมดออกมาได้แม้ว่ามันจะเป็นสกิลระดับหมายเลขศูนย์หากมันไม่เหมาะกับวิธีการต่อสู้ของเขา

สกิลที่เขาสามารถใช้ความสามารถมันจนถึงขีดสุด

หรือสกิลที่มีคุณภาพสูงกว่า หากยากกว่า แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยืนยันได้ว่ามันจะเข้ากับตัวเขา

ฮันซูจับคางของตนและเริ่มครุ่นคิด

 


TL: ถ้าเป็นทุกคนจะเลือกอะไรเหรอคะ//เลียนแบบท่าปู่