บทที่ 279 จับกุมจูอี้ฉวิน

หลินชื่อฉิงรู้สึกไม่คาดฝันอย่างมากสำหรับที่เย่เฟิงสามารถเปิดปากผู้คนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

แม้แต่ตอนที่เธอได้รับเทปบันทึกเสียงนี้แล้วความประหลาดใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเข้าไปใหญ่ ที่แท้มันก็คือจูอี้ฉวินจริงๆ มันไม่มีอะไรที่จะสามารถที่จะรักษาความชั่วร้ายของชายผู้นี้ได้เลยหรือ?

เธอได้ไปยังห้องกระจายเสียงของศูนย์การแสดงสินค้าในทันที อธิบายเรื่องราวด้วยตัวเอง “ดิฉันขอภัยที่ได้รบกวนทุกท่าน ดิฉันขออธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อครู่นี้ที่ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ซึ่งเนื่องจากเป็นเพราะความขัดแย้งในสัญญาการร่วมมือกับบริษัทหยกฟ้า ซึ่งตัวประธานจูอี้ฉวินรู้สึกไม่พอใจจึงได้จ้างกลุ่มคนเพื่อมากระทำการก่อกวนให้การแข่งขันไม่เป็นธรรมทางการค้าด้วยวิธีสกปรก ดิฉันตัวผู้จัดงานได้มีหลักฐานอยู่และจะส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อเป็นคนดำเนินการ ในท้ายที่สุดนี้ ดิฉันหวังว่าทุกคนจะได้เลือกซื้ออย่างมีความสุขและขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน!”

เสียงของเธอดังชัดแจ๋วดึงดูดให้ตั้งใจฟัง ในเวลานี้หัวใจของเหล่าผู้ชายราวกับถูกเธอชิงเอาไปแล้ว

เมื่อสิ้นเสียงลง ผู้คนทั้งศูนย์การแสดงสินค้าทั้งหมดต่างพูดคุย แน่นอนว่าหัวข้อเรื่องจะเป็นอะไรไปได้นอกจากสองเรื่องนี้

เรื่องแรกก็คือประธานของบริษัทหยกฟ้าได้จ้างกลุ่มคนมาก่อกวนอย่างคาดไม่ถึง หรือว่าเป็นเพราะมันไม่มีสินค้าของเขาใช่ไหม? โดยไม่สงสัยเลยว่าทำไมงานแสดงสินค้าถึงไม่มีสินค้าของบริษัทหยกฟ้า ที่แท้ก็เป็นเพราะมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่ในตอนแรกแล้วนี้เอง

ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ มันจำเป็นที่จะต้องจ้างกลุ่มคนมาก่อกวนเช่นนี้เลยหรือ?

เรื่องนี้ทำให้หลายคนต่างเปลี่ยนความคิดที่มีต่อบริษัทหยกฟ้าทั้งหมดโดยพลัน! จากภาพลักษณ์ที่ดูดี หรือว่าสินค้าของบริษัทหยกฟ้าจะไม่ดีเหมือนกับพฤติกรรมเช่นนั้น?

พฤติกรรมอันเลวร้ายของตัวประธานคนนี้ ทำให้หลายคนมีความสงสัยใคร่รู้!

บางคนก็พูดคุยกันเรื่องเกี่ยวกับเสียงของหลินชื่อฉิง

“สาวที่ไหนกันที่เป็นคนประกาศเมื่อกี้? เสียงช่างหวานจับใจจริง!”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่างเสียงดีหวานจับใจจริง แต่หน้าตาไม่รู้ว่าจะดีเหมือนเสียงด้วยหรือไม่?”

“ไสหัวไป นั่นมันก็คือผู้จัดงานไม่ใช่หรือ? เมื่อกี้ก็เห็นเธอกำลังคุยอยู่กับกลุ่มหมูกลุ่มหนึ่ง บอกได้เลยว่าเธอสวยมาก!”

หลายคนต่างไม่รู้ถึงฐานะของหลินชื่อฉิง แต่ด้วยเสน่ห์ของหลินชื่อฉิงแล้วมันได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเลยทีเดียว

หลังจากนี้เธอไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำให้หลายคนที่กลับไปแล้วต่างเพ้อฝันไปตามกัน

“จูอี้ฉวิน? ฉันเพิ่งเห็นเขาเมื่อกี้เองหลังจากที่เขาเดินไปแล้วไม่นาน”

หลินชื่อฉิงกลับไปยังศูนย์การแสดงสินค้าและมองหาเจ้าหน้าที่ของตระกูลหลินเพื่อสอบถาม

“ครับ ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่โรงแรมฝั่งตรงข้าม”

เจ้าหน้าที่หนุ่มที่อยู่หน้าประตูทางเข้า เมื่อเห็นหลินชื่อฉิงได้เข้ามาถามคำถามกับตัวเขา อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงก่ำทันทีและพูดไม่ออกอยู่ชั่วครู่

เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้พูดคุยกับพี่สาวสวยอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ อ๊า ในใจเขาร่ำร้องว่านี้มันนางฟ้าชัดๆ

โอ้ สวรรค์ นางฟ้ายิ้มให้เขา

“ขอบคุณ”

หลินชื่อฉิงก็ยิ้มให้เล็กน้อยและหันไปหาคนด้านข้างหน้าบาก

“เสี่ยวหลิว แกไปจัดการจับมันที่โรงแรม เสี่ยวอู แกไปปิดกั้นดักไว้ที่ประตูหลัง”

หน้าบากโบกมือส่งพวกเขาทั้งสองออกไป หน้าบากคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้คนมากมาย เพื่อที่จะไปจับเจ้าอ้วนที่ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง

ชายร่างใหญ่ทั้งสองก็ออกไปจากศูนย์การแสดงสินค้าทันที รีบเร่งวิ่งไปยังโรงแรมฝั่งตรงข้ามถนนที่สูงกว่า 20 ชั้น

“ช้าไปก้าวหนึ่ง ช่างน่าเสียดายนัก”

จ้าวอี้เปยที่ล่องหนลอยอยู่บนท้องฟ้าส่ายหัว

จากที่เขาได้มาตรวจดูก็พบว่าจูอี้ฉวินเรียกแท็กซี่ออกไปจากประตูหลังของโรงแรม มันน่าเสียดายที่ตอนนี้เป็นเพียงวิญญาณไม่มีร่างกายไม่งั้นตัวเขาก็คงจะไปหยุดได้แล้ว

เขาทำได้เพียงกลับไปรายงานกับเย่เฟ่งจากนั้นปล่อยเป็นหน้าที่เย่เฟิงที่จะคิดหาวิธีรับมือ

จากหน่วยของเย่เฟิงด้วยการปฏิบัติงานของพวกเขา เกี่ยวกับพื้นที่ที่จะต้องดูแลความปลอดภัยของงานแสดงสินค้าเครื่องประดับพวกนี้มันก็เพียงพอแล้ว! ต่อให้เป็นกองกำลังทหารที่ขับรถถังเข้ามาปล้นชิงอย่างโจ่งแจ้งก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสำเร็จ

แม้แต่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เย่เฟิงยังระเบิดกระจุย แล้วจะต้องมากลัวแค่รถถังด้วยงั้นหรือ?

ขณะที่ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม เย่เฟิงที่ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณและผู้ฝึกวิญญาณทั้งสองต่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่

จูอี้ฉวินหนีออกมาจากประตูหลังของโรงแรมได้คาดเดาถูกต้องแล้วว่าเขาจะต้องถูกเปิดโปง

“บัดซบ หลินเหรินเทียนมันก็เป็นคนตระกูลหลิน ฉันมันโง่นัก ยังจะมาเชื่อว่าเขาจะมาให้ความร่วมมืออีกหรือ? ครั้งนี้ตกหลุมพรางอย่างอนาถแล้ว! ”

จูอี้ฉวินที่นั่งอยู่เบาะหลังขบคิดอย่างขมขื่น

ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แม้แต่แผนแรกเริ่มก็ปลอดภัยดี ด้วยกลุ่มคนชุดดำเจ็ดถึงแปดคนนั้นต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ผสมผสาน เพียงแค่ต้องจัดการหน่วยเตาเฟิงมันจะยากเกินไปหรือ?

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกน้องของเย่เฟิงมันจะน่ากลัวขนาดนั้น!

ตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องดี หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินเหรินเทียนได้ทอดทิ้งตัวเขา ไม่ว่าเรื่องจะเป็นแบบไหน หลินเหรินเทียนเป็นไปได้ยากที่จะถูกเปิดโปง หรือว่าเปิดโปงตัวเขาเพื่อเอาหน้าดี?

ต่อให้เป็นคนของตระกูลหลินด้วยกันแต่ไปขัดขวางหลินชื่อฉิงที่เป็นตระกูลของตัวเองอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ ถ้าหลินเต๋อเทียนรู้เรื่องนี้จะต้องทำให้เขาชดใช้เป็นแน่

สถานการณ์ปัจจุบันนี้เขาทำได้แค่เพียงวิ่งหนีและที่สำคัญที่สุดต้องไม่โดนจับได้ เขาหวังเพียงว่ากลุ่มคนชุดดำจะปากแข็งได้นานพอ ภายในเหยียนจิงตระกูลหลินมีอำนาจมากและไม่อยากจะคิดถึงเลยว่าตัวเขาที่ไม่มีคนใหญ่คนโตหนุนหลังจะต้องพบเจอเรื่องน่าเศร้าแน่ๆ

อย่างไรก็ตามเขาคงคาดคิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงสามารถสะกดจิตชายชุดดำคนนั้นเพียงพริบตาเขาก็ไม่สามารถปากแข็งได้แล้ว

แต่ความจริงแล้วต่อให้ไม่สะกดจิตเขา เหล่ากลุ่มชายชุดดำพวกนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดปากเอาไว้เช่นกัน พวกเขาเพียงแค่โดนเงินฟาดปาก ต่อให้เป็นผู้ว่าจ้างที่เป็นปีศาจชั่วร้าย ทำไมพวกเขาจึงต้องปิดปากเงียบล่วงเกินคนตระกูลหลินด้วย?

“เพียงขอแค่ออกจากเมืองเหยียนจิงก่อน เมื่อถึงเวลานั้นก็พูดได้แล้วว่าพวกเขากล่าวหาฉันใส่ร้ายจนตกเป็นเหยื่อ”

จูอี้ฉวินสมกับเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้ที่มีประสบการณ์มากมายหลายปี เขาก็สามารถหาวิธีการรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ได้แล้ว

เขาแค่พูดอย่างหัวชนฝาว่าไม่รู้เรื่องและเพียงกล่าวหาหลินชื่อฉิงว่าเป็นคนที่จ้างกลุ่มคนชุดดำนี้เองเพื่อเล่นละครใส่ร้ายตัวเขาจูอี้ฉวิน เพียงแค่นี้ก็พ้นผิดแล้วไม่ใช่หรือ? ต่อหน้าภาพลักษณ์ของผู้คน สถานการณ์จะต้องพลิกพันในทันทีแน่นอน!

แต่น่าเสียดายนักความคิดนี้มันเสียเวลาเปล่า

เอี๊ยด!

รถแท็กซี่ที่จูอี้ฉวินขึ้นไปก็หักเลี้ยวอย่างกะทันหัน ตัวคนขับรถเหยียบเบรคอย่างเร่งด่วนพลางตะโกนด่า “@#$%! รนหาที่ตายหรือไงกันเจ้าเด็กคนนี้”

จูอี้ฉวินก็เงยหน้าขึ้นมองก็มีอาการลนลานในทันที

เห็นเพียงชายหนุ่มสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำยืนยิ้มขวางอยู่หน้ารถแท็กซี่ นั่นมันเย่เฟิงไม่ใช่หรือ?

จนกระทั่งตอนนี้ จูอี้ฉวินแทบจะมีเงาติดตามตัวเป็นเย่เฟิง มันทำให้เขาป่วยจนอยากจะไปนอนโรงพยาบาลสักสองสามวัน แต่มันคงจะใช้เงินมากมายแม้แต่ค่ายาก็คงแพงจนไม่คุ้มค่าเลย

“ขอโทษด้วยพี่ชาย ผู้โดยสารของพี่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม จะต้องขอความร่วมมือจากเขาเพื่อสอบสวน”

เย่เฟิงเดินไปหาอย่างสงบนิ่ง หลังจากที่พูดกับคนขับแท็กซี่เสร็จแล้วก็เปิดประตูรถ จากนั้นก็คว้าคอจูอี้ฉวินลากเขาออกมา

แบงค์สีแดงลอยไปในแท็กซี่ ทำให้คนขับเป็นปลื้มยินดี ชายหนุ่มคนนี้ช่างใจกว้างจริง มาจับคนยังจ่ายเงินให้เขาตั้ง 100! ถ้าให้เปลี่ยนเป็นตำรวจคนอื่นแล้วก็คงเอาตัวเขาไปยืนยันด้วยฐานสมคบคิดจากนั้นก็ต้องเสียเงินแน่

ในใจคนขับรู้สึกมีความสุขมากเหยียบคันเร่งขับจากไปทันที

“จูอี้ฉวินสินะ มันเหมือนว่าบทเรียนครั้งสุดท้ายจะไม่พอสินะ?”

เย่เฟิงที่อยู่ข้างถนนหรี่ตามองคว้าคอของจูอี้ฉวินผู้เป็นชายวัยกลางคนที่จมูกมีไฝเม็ดโตจนดูน่ากลัว นอกจากนี้ยังสูงแค่หนึ่งเมตรหกสิบ แม้กระทั่งต่อหน้าหลินชื่อฉิงยังต้องเงยหน้ามอง

……………………………..

แปลโดย คั่นหนังสือ GSI