บทที่ 278 เปิดเผยตัวตน

เมื่อศูนย์การแสดงสินค้ามีชายร่างกำยำชุดดำถือท่อนเหล็กบุกเข้ามาภายใน เหล่าผู้คนก็ต่างตกใจแตกกระเจิงกันทันที

อาคารแรกของศูนย์การแสดงสินค้ามันเป็นเพียงบูธเครื่องประดับราคาต่ำ ส่วนใหญ่โฆษณาจะดึงดูดได้คนทั่วไป เครื่องประดับของบริษัทหยกฟ้าที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้ไม่ได้เข้าร่วมด้วย ทำให้พวกเขาดูผิดหวังเล็กน้อย แล้วตอนนี้ยังจะมีพวกอันธพาลมาก่อความวุ่นวายอีกจนทำให้พวกเขาอยากจะรีบจากไปโดยเร็วที่สุด

แต่เหตุการณ์ในขณะนี้ก็ทำให้พวกเขาอยู่ต่อเนื่องจากคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันชมชอบที่จะดูเรื่องราวที่น่าสนุกสนาน หลังจากที่กลุ่มคนร่างกำยำชุดดำบุกเข้ามาภายในศูนย์การแสดงสินค้า ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคนก็ปรากฏตัวขึ้น

ชายร่างใหญ่สวมใส่ชุดยามรักษาความปลอดภัย มีท่าทางที่ดูก้าวร้าวอย่างมาก ภายในมือไม่ได้ถืออาวุธใดๆ ด้วยท่าทางที่มั่นใจเต็มเปี่ยมเคลื่อนไหวไปยังกลุ่มชายชุดดำ

เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องปะทะกันแน่ ผู้คนทั้งหมดต่างถอยห่างออกไปไกลและพูดคุยโจษจัน

“สองคนนี้เป็นยามของงานแสดงสินค้านี้หรอ? ดูท่าทางป่าเถื่อนมาก แต่ทำไมมีแค่สองคนเอง?”

“จำนวนคนยังไม่ใช่ปัญหาแต่ในมือพวกเขากับไม่ยอมพกอะไรมาเลย โดนเละแน่”

“เฮอะ ช่างไม่รู้จักประมาณตน ได้ยินมาว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยงานแสดงสินค้านี้มีปัญหา เห็นตอนนี้่แล้วท่าจะจริง”

บางคนที่แอบดูพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้แต่ปรบมือยกย่อง

สิ่งที่สองคนนั้นกำลังจะทำคือสู้กับกลุ่มเจ็ดแปดคนที่มีท่อนเหล็กโดยมือเปล่าอย่างงั้นหรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ถ้าทำเช่นนั้นรับรองได้เลยว่าจะต้องถูกฆ่าแน่นอน!

จู้อี้ฉวินไม่ได้เดินจากไป ยิ้มอย่างพอใจมองไปยังฉากศึกที่กำลังจะปะทะกันในศูนย์การแสดงสินค้า

เขาคิดว่าเย่เฟิงจะมีความสามารถอะไรซะอีก ตอนนี้กลับส่งแพะรับบาปออกมาสองตัวแทน ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ คุณหนูใหญ่หลินตาบอดแล้วดันหาประเภทพวกไข่นิ่ม*มาเป็นคู่หมั้น แล้วก็ยังให้มันมาเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยงานแสดงสินค้านี้อีก

[คั่นหนังสือ : ไข่นิ่ม* คิดว่าน่าจะหมายถึงพวกกระจอกหรือขี้ขลาดละมั้งครับ คนจีนใช้คำว่า ‘ไข่’ เป็นส่วนหนึ่งของคำด่า ซึ่งแฝงความหมายประมาณดูถูก และมีการใช้ ‘ไข่’ ด่ามากมายหลายแบบ]

ในนามของหน่วยรักษาความปลอดภัยของงานแสดงสินค้าเป็นของบริษัทที่ไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งก็คือบริษัทของเย่เฟิงที่ได้สร้างไว้ใช้อำนวยความสะดวกภายในอนาคต เพียงจัดตั้งในนาม หน่วยเตาเฟิง

เนื่องจากเป็นที่ไม่รู้จัก ดังนั้นมันจึงไม่มีใครเชื่อถือ แต่พวกคนร่วมงานรู้ว่าเป็นบริษัทของเย่เฟิง และได้สอบถามมาแล้วว่ามันไม่มีความมั่นคงใดๆ มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ไม่ถึงสิบคนที่ลงอยู่บันทึกก็คือหน้าบากและลูกน้องทั้งแปดคนของเขา

และชายร่างใหญ่ทั้งสองคนในตอนนี้ แน่นอนว่าคือลูกน้องสองคนของหน้าบากที่ได้ฝึกวิถีอสุรา และตัวเย่เฟิงยังมอบผลหมื่นโคจรให้ไปอีกด้วย มันมีวรยุทธครึ่งปี!

หลังจากที่เย่เฟิงมายังโลกใบนี้ เพียงเริ่มฝึกเจินชี่ได้นิดเดียวก็ยังชกพวกอันธพาลกระเด็น

แต่ตอนนี้ลูกน้องของหน้าบากมีวรยุทธครึ่งปีมันก็น่ากลัวเกินว่าปกติแล้ว

ขณะที่ผู้คนทั้งหมดกำลังคิดว่าชายร่างใหญ่ทั้งสองกล้าที่จะออกมาจัดการกลับกลุ่มคนชุดดำนี้ พวกเขาทั้งสองจู่ๆก็พุ่งออกไปทันที ด้วยระยะห่างจากชายชุดดำประมาณสิบเมตร แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ไปถึงอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

เร็วมาก!

ทั้งสองต่างโคจรใช้ออกด้วยย่างก้าวคร่าวิญญาณประชิดไปยังอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และแกว่งหมัดต่อยออกไปอย่างหนักหน่วง

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง

หลังจากเกิดเสียงดังหลายครั้งกลุ่มชายชุดดำถือท่อนเหล็กก็ถูกต่อยกระเด็นลอยไปทีละคนโดยไม่มีแม้แต่เวลาทันตอบสนอง จากนั้นก็ตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ทั้งเจ็ดคนต่างถูกต่อยกระเด็นเหมือนกันหมด

เนื่องจากฉากเบื้องหน้านี้ ทำให้ฝูงชนทั้งหมดต่างนิ่งค้างตกอยู่ในอาการตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? พวกเขาทั้งสองคนเป็นยอดมนุษย์หรือยังไง?

ชายร่างใหญ่ทั้งสองก็วิ่งไปยังด้านข้างของเหล่ากลุ่มคนชุดดำที่ถูกต่อยกระเด็นไป และอุ้มทีละคนโยนออกไปจากศูนยฯราวกับไก่ทันที

จนกระทั่งเวลานี้ผู้คนรอบๆก็ต่างฟื้นสติกลับคืนมาก็พลันตระหนักได้ว่า เพียงชายมือเปล่าสองคนแต่กับต่อยอันธพาลเจ็ดแปดคนกระเด็นอย่างงั้นหรือ?

ว้าว!

เรื่องนี้มันจะน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?

ไม่ว่าอย่างไรผู้คนทั้งหมดก็ต่างไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น และจูอี้ฉวินก็เป็นเช่นเดียวกันซึ่งอ้าปากกว้างจนแทบยัดไข่เข้าไปได้ทั้งใบ แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่สามารถสรรหาคำอะไรมาบรรยายชายร่างใหญ่ทั้งสองนี้ได้เลย แม้แต่เสียงร้องตกใจยังหุบเอาไว้

@#$%!! ใครกันที่บอกหน่วยรักษาความปลอดภัยของงานแสดงนี้กระจอกกัน? ต้องตีขาสุนัขของมันทิ้งแล้ว!

“เสี่ยวฉี ไปจัดการตักเตือนพวกมันซะ”

เกิดเสียงหน้าบากดังออกมาจากด้านหนึ่ง “ทุกท่านไม่จำเป็นต้องเอะอะกัน เหตุการณ์เป็นเพียงอุบัติเหตุ ผู้จัดงานกำลังสืบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และจะมาอภัยต่อทุกท่านโดยเร็วที่สุด ขอให้ทุกคนเชื่อถือให้กำลังของพวกเราหน่วยเต้าเฟิง”

หลังจากคำพูดเหล่านี้กระจายออกไป บางคนก็พลันถอนหายใจอย่างเข้าใจในทันที ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อเช่นนั้น จากการกระทำของชายทั้งสองคนนั้นแน่นอนว่าคนที่เหลือของหน่วยนี้จะต้องเป็นคมกริบเหมือนกันแน่ พวกเขาช่างน่าหวาดหวั่นนัก

[คั่นหนังสือ : เตาเฟิง คมมีด]

เสี่ยวปาก็ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับอุ้มชายชุดดำอย่างเฉยชาราวกับอุ้มไก่เช่นเดียวกับที่ทำภายในศูนย์การแสดงสินค้า

เขาได้รับคำสั่งจากเย่เฟิงให้นำตัวอีกฝ่ายมาให้เย่เฟิง เนื่องจากเย่เฟิงต้องการที่จะสอบสวนว่าใครใช้พวกมันให้มาก่อกวนที่งานแสดงสินค้า

ส่วนพวกที่เหลือหน้าบากออกคำสั่งกับเสี่ยวหลิวให้จัดการกับพวกชายชุดดำหกคนที่เหลือ ให้แยกย้ายกันไปโยนพวกเขาใกล้กับรถบรรทุก จากนั้นหน้าบากก็กดโทรศัพท์โทรออก

ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จูอี้ฉวินก็กลับไปยังโรงแรมฝั่งตรงข้ามที่เปิดห้องเอาไว้ เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเหมือนกับเห็นเรื่องตลก

พวกเขาทั้งหมดเป็นใครกัน?

ช่างน่าสงสัยนัก หน่วยเตาเฟิงมันคือหน่วยอะไรกันแน่?

เขาได้ทำพลาดไปแล้ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็วโทรหาหลินเหรินเทียน เรื่องในวันนี้ทั้งหมดต่างเป็นการตัดสินใจของหลินเหรินเทียนหลังจากที่เขาได้หารือกันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเหรินเทียน ในฐานะประธานบริษัทเช่นเขาหรือที่จะกล้าส่งคนไปก่อกวนในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้?

แต่เมื่อเขากดโทรออกไปแล้วกับพบว่าเบอร์โทรของหลินเหรินเทียนไม่สามารถติดต่อได้อย่างไม่คาดคิด

เรื่องนี้ทำให้ใจของเขาสับสนไปหมด แทบไม่ยอมเก็บของอะไรเลยและเดินลงไปข้างล่างออกเดินทางหนีไปทันที

เย่เฟิงกับจื่อเจี้ยนหลานที่อยู่อาคารที่สองตรงหน้าต่าง ดูราวกับเป็นคู่รัก ห่างไกลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทางเข้าศูนย์การแสดงสินค้า

ผู้คนที่มาต่างรีบออกไปมันเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่ง แค่สายตาของผู้ชายหลายคนกลับจ้องไปยังจื่อเจี้ยนหลาน ภาพการต่อสู้ที่รุนแรงไม่สามารถเทียบได้กับจื่อเจี้ยนหลานที่สวยใดน่าดึงดูดใจเช่นนี้

“มันถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องเปิดเผยตัวตนแล้ว ถือว่าเป็นผลที่ดี”

ในใจเย่เฟิงกำลังคิดอย่างรวดเร็วถึงหน้าบากและเสี่ยวปาที่นำคนชุดดำมาให้เย่เฟิง

“ตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้”

เสียงของเสี่ยวปาเรียกอย่างหยาบกระด้าวพลางตบไปบนใบหน้าของคนชุดดำ “ผัวะผัวะ”

“อ๊าาก”

ชายชุดดำที่น้ำลายฟูมปากถูกตบสองครั้งในที่สุดก็ฟื้นสติขึ้นมา

“ใครส่งพวกแกมา?”

เย่เฟิงจ้องมองดวงตาทั้งสองของอีกฝ่ายและสะกดจิตในทันที

“จูอี้ฉวิน ประธานจู เป็นเขาที่ส่งพวกเรามา”

ชายชุดดำที่ตกอยู่ภายใต้การสะกดจิตก็คลายความลับออกมาในทันที

“อัดเสียงไว้แล้วใช่ไหม? เอามันไปให้พี่หลินด้วย”

มุมปากเย่เฟิงยกยิ้มขึ้น ที่แท้มันก็คือไอ้แก่นั้นจริงๆ ในเมื่อตอนนี้มีเทปอัดเสียงไว้แล้ว มันไม่เท่ากับตายทั้งเป็นเลยหรือ?

ฝ่ายตรงข้ามพลันตกอยู่ในกำมือของเย่เฟิงแล้ว!

……………………………..

แปลโดย คั่นหนังสือ GSI