บทที่ 180: เขาวงกต (4)

 

 

 

ครืนนนนน

ภายในอุโมงค์ที่มืดมิด

กลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ วิ่งผ่านอุโมงค์ยาวจนเกิดเสียงดังก้อง

กลุ่มของคนสี่คน

ที่ทั่วทั้งร่างส่องประกายสีฟ้าใส

และบริเวณที่พวกเขาวิ่งผ่านก็ได้ส่องประกายสะท้อน

ตึกตึกตึกตึก

นักล่ากัดฟันกรอดขณะที่พุ่งผ่านอุโมงค์ไปด้วยพลังของหยกฟ้า

‘แฮ่ก… แฮ่ก ไอ้สารเลวนั่น’

ความเร็วที่พวกเขาไม่อาจกระทั่งที่จะวาดฝันได้

พลังป้องกันมหาศาลที่กระทั่งมากมายกว่าสกิลของพวกเขา

มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเพียงแค่พวกเขาสี่คนก็สามารถต่อกรและชนะอสูรขั้นหนึ่งได้ด้วยตนเอง

พลังทั้งหมดนี่มาจากแสงสีฟ้าที่ลำคอของพวกเขา

พลังที่โดยปกติแล้วพวกเขาคงฆ่ากันเองเพื่อที่จะได้ครอบครอง

แต่ก็ต่อเมื่อมันไม่มีความเสี่ยงใดๆ ต่อพวกเขาเท่านั้น

ระเบิดเป็นสิ่งที่ดี แต่คงไม่มีใครดีใจถ้ารู้ว่าที่กดระเบิดไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา

‘เวรเอ้ย! ฉิบหาย! ไอ้เวรนั่นต้องอยู่ทางนี้!’

ดาร์ลตัน การ์ดที่กำลังวิ่งผ่านอุโมงค์ไปพร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาทั้งสามกำมือที่สั่นสะท้านของเขาแน่น

และอาวุธในมือของดาร์ลตัน <เส้นทางอสรพิษ> ที่เขาต้องการอย่างมากได้ปรากฏอยู่

มันได้มาอยู่ในมือของเขาหลังจากที่มารูนตาย

แต่ดาร์ลตันไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย

ในเมื่อเขาเห็นมารูนที่แข็งแกร่งนั่นถูกบดขยี้ราวกับเศษขยะ

ไอ้เจ้าอารูคอนสารเลวนั่นพูดเอาไว้อย่างชัดเจน

ว่าสร้อยคอของพวกเขาจะระเบิดถ้าพวกเขาหาไอ้คนแปลกประหลาดนั่นไม่เจอ

และใครบางคนที่กระทั่งฆ่ามารูนได้คงไม่ลำบากอะไรในการฆ่าเขาเช่นกัน

‘ไอ้เวรเอ้ย สารเลว…’

คนเกือบ 500 คนได้วิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาคนคนเดียว

พวกเขาจะสามารถหาหมอนั่นเจอได้ถ้าพวกเขาค้นหา

ในเมื่อมันยังไม่นานถ้านับจากเวลาที่พวกเขาแยกกัน

และนี่คือปัญหา

ถ้าหมอนั่นเข้าไปในป่าใหญ่ล่ะ?

งั้นนักล่าที่ไปทางป่าใหญ่ก็จะหาพวกนั้นเจอ และอาคิทรัสก็จะมุ่งหน้าไปทางนั้น

ซึ่งหมายความว่าเขาและคนอื่นๆ จะต้องตายในขณะที่ค้นหาในอุโมงค์เวรๆ นี่

ในเมื่อเจ้าอารูคอนที่แข็งแกร่งนั่นไม่ต้องการพวกเขาในการจับหมอนั่น

‘ได้โปรด… ได้โปรด!’

ดาร์ลตันเค้นเอาพลังทั้งหมดที่มีออกมาขณะที่เขาพุ่งผ่านเขาวงกต

และมันมีร่องรอยของบาดแผลอยู่จำนวนหนึ่งบนร่างกายของดาร์ลตัน

อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการหลบสัตว์อสูรที่เขาเจอในระหว่างทาง

เขาไม่มีเวลามาจัดการกับอะไรพวกนี้

ดาร์ลตันเค้นมานาทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างของเขาและส่งมันไปยังสกิลเคลื่อนไหวของเขา

และความเร็วของดาร์ลตันที่รวดเร็วอยู่แล้วก็เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

เขาต้องหาพวกนั้นให้เจอให้เร็วที่สุด

ก่อนคนอื่น

ในตอนนั้นเอง

ตูมมมม!

ตูม!

เสียงดังสนั่นดังขึ้นก้องใบหูของดาร์ลตันและเพื่อนๆ ของเขา

‘หมอนั่นรึเปล่า?’

สีหน้าของดาร์ลตันดูดีขึ้น

ในเมื่อเขาแค่ต้องหาพวกนั้นให้เจอ

‘ยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นคนสู้กับหมอนั่นอยู่แล้ว’

ความแข็งแกร่งของหมอนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ และเขาก็แค่ต้องถ่วงเวลาหมอนั่นเอาไว้จนกว่าอคิทรัสจะมาถึง

และเขามั่นใจมากพอที่จะทำเช่นนั้น

‘ไปกันเถอะ!’

ดาร์ลตันเผาไหม้มานาของเขาและพุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่เกิดเสียงขึ้น

 

 

 

“นี่นายจะไปไหน!”

ฮันซูส่ายศีรษะขณะที่คาร์ฮาลตะโกนออกมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจำนวนมาก

“เราเกือบจะถึงแล้ว”

“เวรเอ้ย! นายพูดแบบนั้นมาสักพักแล้วนะ!”

ขณะที่ฮันซูเอ่ยตอบและเลี้ยวขวาที่สี่แยก

กรรรรร!

สัตว์อสูรที่ไม่มีแขนขวาก็พุ่งตรงมาหาพวกเขาจากปลายอุโมงค์

สัตว์อสูรขั้นหนึ่ง เมียร์ทิน

คาร์ฮาลกัดฟันกรอดขณะที่มองไปยังสัตว์อสูรที่มีหน้าตาคล้ายกับกอริลล่า

“เวรเอ้ย! นี่มันโคตรจะเป็นรังสัตว์อสูรเลย”

ฮันซูไม่ได้บอกว่ามันอันตรายโดยไร้เหตุผล

พวกเขาเจอสัตว์อสูรทุกๆ 5 นาที

จากพวกที่อ่อนแอที่สุดจนถึงพวกที่แข็งแกร่ง

แต่ไอ้เจ้าตัวนี้มันอยู่คนละมิติกับไอ้พวกที่เจอมาก่อนหน้านี้

มันมีความทนทานสูงมากและนับเป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่งระดับสูง สัตว์อสูรที่นักล่าทุกคนในพื้นที่หนึ่งต้องรวมตัวกันเพื่อที่จะเอาชนะมันได้อย่างยากลำบาก

‘มันติดอยู่ในนี้หลังจากที่เข้ามาตอนที่ประตูถูกเปิดออกงั้นเหรอ? พวกมันเข้ามาได้ยังไง!’

สัตว์อสูรล้วนแข็งแกร่ง แต่พวกมันล้วนมีอาการบาดเจ็บที่คล้ายคลึงกัน

ร่องรอยที่เกิดขึ้นจากสัตว์อสูรสามสายพันธุ์

พวกมันได้หนีมายังอุโมงค์เล็กหลังจากที่ถูกสัตว์อสูรสามสายพันธุ์โจมตีหลังจากที่พวกมันกลับมายังเขาวงกต

พวกที่ติดอยู่ที่นี่มานานได้เริ่มเสียสติไม่น้อย

กึงงงงง!

กึงง!

กอริลล่ายักษ์ที่สูงเกือบห้าเมตรพุ่งผ่านอุโมงค์ตรงมาหาก็ดูจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวด้วยตัวมันเองแล้ว

ในตอนนั้นเอง

ฮันซูกระโดดออกมาด้านหน้าและโจมตีสัตว์อสูรด้วยหอกของเขา

ฉัวะ!

กอริลล่ายักษ์ไม่มีแขนขวา ทว่าสถานการณ์ของฮันซูก็ไม่ได้ดีกว่าเท่าไหร่

ทหารกันเกราะได้ละลายลงจากลำแสงทำลายล้าง และกระทั่งผิวหนังของเขาเองก็ถูกเผาไหม้

และแขนซ้ายของเขาเองก็ยับเยินเหมือนกับแขนของเมียร์ทิน

กรรรรร!

เมียร์ทินชะงักไปกับมนุษย์ที่พุ่งเข้ามาหามันอย่างดุดัน ทว่าจากนั้นก็คำรามขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวก่อนจะพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย

กรรรรรร!

ออร่าสีแดงได้ปรากฏขึ้นจากหัวใจของมันและโอบล้อมแขนซ้ายของมันเอาไว้

ในตอนนั้นเอง เมียร์ทินส่งแขนซ้ายที่ถูกครอบคลุมไปด้วยแสงสีแดงออกไป

ฮันซูเองก็เหวี่ยงหอกสายฟ้าของเขาด้วยแขนข้างเดียวและปะทะกับหมัดที่ลอยตรงมาหา

วินาทีที่แขนสีแดงยักษ์และหอกสีทองที่ดูเหมือนไม้แคะฟันปะทะกัน

กร๊อบบ!

เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นจากแขนซ้ายของเมียร์ทิน

กรรรรรร!

วินาทีที่กอริลล่าสีแดงยักษ์ชะงักไปกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการที่กระดูกของมันหัก

ฮันซูก็นำหอกไปไว้ด้านหลังก่อนจะพุ่งเข้าไปหากอริลล่า

‘มันจะขวางทาง’

ในการต่อสู้ระยะประชิด กำปั้นของเขามีประโยชน์กว่าหอกยาวมาก

และฮันซูเองก็คุ้นเคยกับการต่อสู้โดยไม่มีอาวุธอย่างมาก

ตูมมมมม!

ครืนนนนน!

กร๊อบบ!

ฮันซูเข้าไปใกล้กอริลล่าและเริ่มที่จะกระทืบเมียร์ทิน

เขาเริ่มด้วยเข่าที่เป็นเป้าที่ง่าย จากนั้นจึงเปลี่ยนไปเป็นสะโพก อวัยวะเพศ และท้องของมัน

ไม่ช้า ส่วนล่างของเมียร์ทินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

กรรรรร!

เมียร์ทินคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดขณะที่มันครอบคลุมทั้งร่างของมันด้วยออร่าสีแดงมากกว่าเขาและพยายามจะโจมตีฮันซูด้วยแขนซ้ายหักๆ ของมัน

ทว่าฮันซูหลบการโจมตีของมันและโจมตีมันต่อ

ตัวอุโมงค์นั้นค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของสัตว์อสูร ดังนั้นแล้วมันจึงทำได้เพียงรับการโจมตีของฮันซูแม้ว่าจะมีความคล่องแคล่วสูง

และคาร์ฮาลหรี่ตาลงเมื่อเขาเห็นภาพนั้นจากห่างออกไป

‘นั่นมันบ้าอะไร’

กิ้งงงง!

ทุกครั้งที่ฮันซูเหวี่ยงแขนขวาของเขา แหวนบนนิ้วของเขาจะส่องสว่าง

มันคือบางอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทว่าสัตว์อสูรตัวก่อนตายลงเร็วเกินกว่าที่เขาจะสามารถสังเกตมันได้ชัดๆ

คาร์ฮาลตระหนักได้ในที่สุดว่ามันคืออะไรหลังจากที่เพ่งสายตาของเขามองเพื่อที่จะไม่พลาดในครั้งนี้

คว้างงง!

ทุกครั้งที่ฮันซูโจมตีศัตรู บาเรียมานาจะถูกทำลายและเลือดจะสาดกระเซ็นไปทั่ว

และทุกครั้ง ออร่าสีแดงแปลกประหลาดนั่นจะถูกดูดเข้ามาในร่างของฮันซู

ปัญหาคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น

ครึ่กกก

ครึ่กกก

‘หือ?’

คาร์ฮาลขยี้ตาเมื่อเขาเห็นภาพนั้น

ผิวหนังที่ถูกเผาไหม้ของฮันซูฟื้นฟูขึ้น และกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดจากกรงเล็บของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ประสานเข้าหากัน

แม้ว่าฮันซูจะมีความเร็วในการฟื้นตัวที่เกินธรรมดา นี่มันก็เร็วเกินไป

ตูมม! ตูมมม!

ตอนนี้ฮันซูกำลังโจมตีด้วยแขนทั้งสองข้าง

‘เขามีของแปลกๆ เยอะมาก นั่นมันบ้าอะไรกัน?’

ความจริงแล้ว คาร์ฮาลไม่เคยเห็นฮันซูต่อสู้ในระยะประชิดมากขนาดนี้มาก่อน

ในเมื่อเขามักจะถูกไล่ล่าหรือสู้โดยที่ไม่มีมานาจากหยกผนึก

กรรรรร!

‘นี่ไม่ใช่เวลามามัวทำแบบนี้’

คาร์ฮาลพึมพำขณะที่เขารวบรวมสกิลประเภทผนึกทั้งหมดในมือของเขา

ในเมื่อมันค่อนข้างจะยากเกินไปในการใช้สกิลระยะไกลที่รุนแรงเพราะขนาดของอุโมงค์ที่เล็ก

‘… มันไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะสู้เป็นกลุ่มจริงๆ’

ราวกับว่าคนอื่นๆ เองก็มีความคิดคล้ายคลึงกับคาร์ฮาล คนส่วนมากใช้สกิลสนับสนุนหรือสกิลผนึกคอยช่วยจากด้านหลังและหลบอยู่หลังเอคิดูและคนที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ

มันใช้เวลาค่อนข้างนานในการอธิบายทั้งหมดนี่ แต่จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

และไม่ช้า เมรีลินก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาขณะที่มองไปยังฮันซูที่กำลังจัดการสัตว์อสูรด้วยมือเปล่า

‘ลักษณะพิเศษของเขาคือบ้าอะไรกัน? ลักษณะพิเศษของฉันมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? กระทั่งมากกว่าคนแบบนั้น?’

เมรีลินแสดงสีหน้างุนงงออกมา

คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้เดินร่อนเร่ไปมาในเขาวงกตนี่

ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ได้ถูกชักชวนแบบเธอในหมู่บ้าน

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถูกชวนในขณะที่ใครบางคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นไม่

ในตอนนั้นเอง

“เจอหมอนั่นแล้ว!”

“ไอ้สารเลวนี่!”

ตูมมมมม!

ตูมมม!

ลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งตรงไปยังฮันซู

ลำแสงที่ดูคุ้นเคย

เอคิดูพุ่งออกไปเมื่อเธอเห็นลำแสงที่คุ้นเคยพุ่งตรงไปยังฮันซูที่กำลังสู้กับเมียร์ทิน

ในเมื่อเธอรู้ว่ามันคืออะไร

‘มารูน?’

เอคิดูตื่นตระหนกขณะที่เธอใช้วิชามารธาราขาวครอบคลุมร่างของเธอเอาไว้และเผชิญหน้ากับลูกศร

ในเมื่อมันมุ่งตรงไปยังฮันซูที่กำลังยุ่งอยู่กับการสู้กับสัตว์อสูร

เมียร์ทินยังไม่ได้หมดสภาพอย่างสมบูรณ์

‘ถ้ามันคือเส้นทางอสรพิษ… ฉันขวางมันได้!’

มารูนค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เธออยู่เหนือกว่าอีกฝ่ายไปอีกขั้นหนึ่ง

แม้ว่ามารูนจะลอบโจมตี เธอก็จะสามารถขัดขวางมันได้

ครืนนน

ทว่าเอคิดูตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติหลังจากที่เธอขวางลูกศรนั้นเอาไว้

“อึกกก!”

ชี่

ลูกศรที่มีออร่าสีฟ้าและแดงเกี่ยวกระหวัดเอาไว้เริ่มที่จะทะลวงผ่านออร่าสีขาวรอบร่างของเอคิดูเข้ามา

ลูกศรที่แข็งแกร่งกว่าที่มารูนยิงหลายเท่าตัว

เอคิดูถูกผลักถอยภายในเสี้ยววินาที ลากยาวไปยังบริเวณที่ฮันซูและเมียร์ทินสู้กัน

ตูมมมม!

‘เวรเอ้ย!’

กับการที่พวกนั้นต้องมาขวางทางพวกเธอในเวลาแบบนี้

เอคิดูพยายามที่จะออกไปจากระยะการโจมตีอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อหัวใจของเธอจะถูกทะลวงถ้าการโจมตีครั้งที่สองปรากฏขึ้น

ทว่าการโจมตีครั้งที่สองไม่มา

ดาร์ลตันทำเพียงแค่ตะโกนออกมาอย่างยินดี

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันเจอเขาแล้ว! ฉันเจอเขาแล้ว!”

“…!”

‘บ้าอะไรเนี่ย เขาตะโกนไปหาใคร’

ทว่าท่าทีมั่นใจนั่นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

เอคิดูและทุกคนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของดาร์ลตัน

 

 

 

“หือ เป็นคนที่ใช้ได้นี่”

อคิทรัสที่ยืนอยู่ด้านนอกแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา

ในเมื่อพวกนั้นทำได้ดี

‘ฉันต้องเข้าไปข้างในและบดหมอนั่นให้เป็นผงด้วยตัวเอง..’

แต่มันมีสิ่งหนึ่งติดอยู่ในใจของเขา

ในขณะที่อคิทรัสครุ่นคิด

ตุบ

ชายคนหนึ่งได้ทะยานลงมาข้างกายของอคิทรัสและทิ้งตัวลงอย่างแผ่วเบา

จุงฮวานที่คอยเฝ้ามองการทดสอบอยู่ได้มุ่งตรงมาที่นี่เพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

อคิทรัสขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังจุงฮวาน

‘เจ้าหมอนี่คือ…’

เขาไม่ได้รู้จักแมลงทุกตัวที่มีชีวิตอยู่ แต่มันชัดเจนว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนของใคร

ลูกแก้วสีแดงที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย

และความมั่นใจในการมายืนต่อหน้าเขาแบบนี้

มันชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือหนึ่งในลูกน้องของเมทิรอนที่ควบคุมถนนสีเขียวอยู่

‘คลีเมนไทล์… ไอ้สารเลวนั่น’

อคิทรัสขมวดคิ้วขณะที่เขาคิดถึงคลีเมนไทล์ที่ข่มขู่เขาในอดีต ทว่าจากนั้นก็ส่ายศีรษะและเอ่ยขึ้น

“มีอะไร?”

“คุณทำบ้าอะไร? ที่นี่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ถ้าพวกคุณทำทุกอย่างให้มันวุ่นวายแบบนี้ แล้วพวกคุณต้องการจะให้พวกเราทำบ้าอะไร?”

หมอนี่เคารพเขา แต่ไม่ได้หวาดกลัวเขา

เป็นท่าทีที่แตกต่างไปจากมนุษย์คนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

‘ไอ้แมลงนี่’

อคิทรัสต้องการจะเปลี่ยนให้คนตรงหน้ากลายเป็นฝุ่นด้วยเอคิอน ทว่าเขาอดกลั้นเอาไว้

ในเมื่อเจ้าเมทิรอนนั่นเองก็ค่อนข้างจะเสียสติอยู่

การแตะต้องพวกนี้จะส่งผลกระทบที่พอๆ กับความบ้าคลั่งของพวกนั้น

อคิทรัสขมวดคิ้วเล็กน้อยก็จะคำรามออกมา

“มีหลายเรื่องที่เราต้องการจะพูด ไม่ใช่ว่าพวกแกบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกมนุษย์อีกต่อไปแล้วรึไง?”

“…?”

จุงฮวานแสดงสีหน้างุนงงออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น

มันถูกต้อง

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาจัดการดูแลหมู่บ้าน

แต่มันเกิดปัญหาคืออะไรแบบนั้นขึ้นเหรอ?

มันจะเกิดปัญหาขึ้นกับสิ่งมีชีวิตแบบเจ้าพวกนี้ได้ยังไง?

อคิทรัสจ้องจุงฮวาน

‘เจ้าพวกนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันงั้นเหรอ’

แต่อคิทรัสไม่ลดความหวาดระแวงของเขาลง

ในเมื่อเขาสงสัยบางอย่างมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

‘เจ้าพวกนี้… คงไม่ได้วางกับดักเอาไว้ใช่ไหม?’

จากตรรกะของเขา มันไม่มีกรณีใดๆ เลยที่ดาคิดัสจะสามารถถูกฆ่าได้โดยแมลง

แน่นอนว่าการที่ดาคิดัสที่มีป้อมปราการดาวเทียมตายนับเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกที่อยู่ตรงหน้าเขาเช่นกัน ทว่าโอกาสมันมีมากกว่ามนุษย์คนอื่นๆ มากอยู่ดี

และการที่มนุษย์เข้าไปในเขาวงกตอย่างมั่นใจขนาดนั้นก็ค่อนข้างจะน่าสงสัย

‘เจ้าหมอนี่… กำลังพยายามลากฉันเข้าไปในเขาวงกตรึเปล่า?’

เขามั่นใจในตัวเอง

ถ้าเขามีอาคิอนหอกแห่งการลงทัณฑ์อยู่ เขาจะเผามนุษย์ทุกคนที่เขาเจอ

ถ้าเจ้าพวกนี้ฆ่าดาคิดัส?

และพวกมันใช้วิธีการบางอย่างวางกับดักเขาและจัดการเขา

เขาวงกตจะกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก

อคิทรัสคิดถึงจุดนี้ และจากนั้นจึงตัดสินใจจะใช้วิธีการที่ปลอดภัย

‘ถ้าพวกแกไม่มีความผิดอะไร งั้น… แกก็คงไม่ปฏิเสธ’

“ฉันอยากจะขอความร่วมมือจากแก”

“…?”

ความร่วมมือ

จุงฮวานไม่เคยได้ยินเจ้าพวกสารเลวหัวหมานี่ถามถึงความร่วมมือมาก่อน

จุงฮวานแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่กำหยกแดงในมือของเขาเอาไว้แน่น

 

 

“แก… แกจะไม่มาเหรอ?”

ดาร์ลตันตะโกนขึ้นอย่างลนลานใส่สร้อยคอที่ไม่มีการตอบสนองใดๆ ขณะที่มองไปยังฮันซูและคนอื่นๆ