บทที่ 160: ไร้กฎ (1)
ดาคิดัสครุ่นคิดขณะที่เขามองลงไปด้านล่าง
ว่าเขาควรจะทำแค่มอง
หรือลงไปเล่นด้วยเพื่อหาเรื่องสนุก
ดาคิดัสครุ่นคิดเล็กน้อย ทว่าได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
‘ฉันควรจะหาเรื่องสนุกสักหน่อย ยังไงเราก็ไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว’
ดาคิดัสเดาะลิ้นขณะที่เขามองไปด้านล่างราวกับว่าเขากำลังรู้สึกไม่พอใจ
โดยปกติแล้ว ฟาร์มจะหมุนเวียนกันมอบเครื่องสังเวยออกมา
ไปยังเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอีกสองเผ่านอกจากเผ่าของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะล้วนเป็นศัตรูซึ่งกันและกันและแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่มีกฎเงียบๆ ที่มีร่วมกันในฟาร์มเหล่านี้
และเพราะแบบนี้ มันจึงเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับพวกเขาในการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวฟาร์มมากเกินไป
ในเมื่อการเล่นมากเกินไปอาจทำให้ปริมาณผลผลิตที่จะได้ลดลง
แต่ครั้งนี้คงจะไม่เป็นไร
‘ชิ ทำไมมันถึงต้องเป็นตอนที่เราได้… ทำไมมนุษย์ถึงฟื้นคืนชีพไม่ได้กัน?’
ปริมาณที่พวกเขาได้รับในครั้งนี้น้อยกว่าที่อีกสองเผ่าได้รับมาก
แต่ในเมื่อปริมาณที่พวกเขาได้รับมันน้อยลง การเล่นกับพวกมนุษย์ถึงระดับหนึ่งมันก็คงไม่สำคัญเช่นกัน
‘อืม ตราบเท่าที่ฉันฆ่าพวกมันไปไม่เยอะ’
และมันยังมีอย่างอื่นที่รบกวนเขาอยู่ดี
สีหน้าของพวกที่เขาเห็นในระหว่างตอนที่ปราการดาวเทียมกำลังเดินทางมา
สำหรับการที่พวกนั้นหัวเราะทั้งๆ ที่รู้ว่าเขากำลังมา
“หืมมม พวกนั้นถูกเรียกว่านักล่าใช่ไหม? อวดดี”
ดาคิดัสแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
ชาวนาและนักล่า
มันไม่สำคัญว่าพวกนั้นแบ่งแยกกันเองเช่นไร
มดทหารและมดงาน
นั่นคือความแตกต่างที่เขามองเห็นในสายตาของเขา
พวกเขากำลังแสดงท่าทีค่อนข้างกระวนกระวายและระมัดระวังออกมาในเมื่อพวกนั้นเห็นเขา แต่แค่นั้นมันไม่พอ
พวกมันต้องหวาดกลัวเขามากกว่านั้น
‘อืมมม นี่คือสิ่งที่ถูกเรียกว่าความยุติธรรม’
พวกชาวนาก็คงชอบมันเหมือนกัน
ในเมื่อมนุษย์พวกนี้ดูจะชื่นชอบคำที่เรียกว่าความยุติธรรม
ฮันซูส่ายศีรษะขณะที่มองไปยังผู้รวบรวมที่ได้หยุดอยู่ครึ่งทางในระหว่างที่ลอยลงมา
ในเมื่อมันไม่ได้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างไหลลื่น
รอยยิ้มบนใบหน้าของมันส่งสัญญาณเช่นนั้น
และฮันซูไม่ใช่คนเดียวที่เห็นมัน
คาร์ฮาลและนักล่าคนอื่นๆ พึมพำอย่างเงียบๆ
“ได้โปรด…”
พวกเขาไม่อาจสบถออกมาได้เพราะดาคิดัสอาจจะได้ยิน แต่ความต้องการของพวกเขามันชัดเจน
‘แค่หุบปากแล้วดูไป กินขนมของแกอยู่ตรงนั้นซะ’
คาร์ฮาลพึมพำขณะที่เขามองไปยังตู้เก็บขนมขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย
ทุกคนรู้
ว่าทุกครั้งที่ไอ้มนุษย์หมาป่าเสียสตินั่นชื่นชอบบางอย่าง ความสูญเสียจำนวนมากจะเกิดขึ้น
แต่ความหวังของพวกเขาเพียงครึ่งเดียวได้รับการตอบรับ
“อย่ากังวลเกินไปนักเลย พวกแกคิดเหรอว่าฉันจะใจร้ายกับพวกนายหรืออะไรแบบนั้น?”
กร๊อบบ
“อึกก… อ๊ากกกกก!”
“…”
ทุกคนแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมาขณะที่พวกเขามองดาคิดัสดึงมนุษย์อีกคนออกมาจากตู้เก็บขนมแล้วกินเข้าไป
ในเมื่อการกระทำของมันตรงกันข้ามกับคำพูดเมื่อกี้
ดาคิดัสเคี้ยวและกลืนขนมในปากของเขา มองไปรอบๆ และเอ่ยขึ้น
“ฉันบอกว่าไม่ต้องกังวล จริงๆ แล้วมันเป็นของขวัญด้วย มันไม่มีอะไรแย่สำหรับพวกนายซะหน่อย โอ้ใช่ เราควรจะมาเล่นล่าสมบัติกันไหม?”
วินาทีที่ดาคิดัสเอ่ยจบ
มงกุฎสีฟ้าบนศีรษะของดาคิดัสก็เริ่มส่องสว่าง
และไม่ช้า
กิ้งงงง
แสงสีฟ้าได้ไหลออกมาจากปราสาทสีทองขนาดยักษ์และสร้างจอภาพขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศ
และประโยคประโยคหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนจอภาพสีฟ้านั้น
<ล่าสมบัติ>
-รางวัล: ตั๋วความปรารถนา
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย…”
ทุกคนแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่พวกเขาอ่านข้อความที่ลอยอยู่ในอากาศ
ในตอนนั้นเอง
ชิ้งงง
บางอย่างได้ลอยออกมาจากปราการยักษ์และกระจายตัวออก
สิ่งของที่ส่องประกายราวๆ 100 ชิ้นได้กระจัดกระจายไปทั่วหมู่บ้าน
‘การล่าสมบัติ… กับการที่มันโยนรางวัลออกไปด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายแบบนั้น’
สมบัติที่ลอยมาล้วนส่องประกายเจิดจ้าจนประทับอยู่ในสายตาของพวกเขาอย่างชัดเจน
ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงสีหน้างุนงงออกมา
ดาคิดัสแย้มยิ้มและเอ่ยขึ้น
“กฎมันง่ายมาก หาให้เจอ สำหรับคนที่หาเจอ ฉันจะทำตามความปรารถนาหนึ่งข้อที่อยู่ภายใต้อำนาจของฉัน”
ทุกคนตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ผู้รวบรวม ดาคิดัส
เขาเหมือนเทพที่นี่ ที่ที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงครอบครอง
ในเมื่อสิ่งที่ดาคิดัสสามารถทำได้นั้นเหนือกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการมากนัก
ดาคิดัสแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาในขณะที่เขามองไปยังใบหน้าประหลาดใจของคนจำนวนมากแล้วค่อยเอ่ยพูดขึ้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่าฉันพูดไปแล้วเหรอ? ฉันบอกแล้วว่ามันไม่แย่หรอก ฉันจะไปกล้าทำอะไรพวกแกได้ยังไงในเมื่อพวกแกคือเครื่องสังเวยที่มีค่า ถ้าพวกแกเอามันมาให้ฉัน ฉันจะมอบทุกอย่างที่พวกแกต้องการที่อยู่ภายใต้อำนาจของฉันให้ แกกระทั่งสามารถทำให้ตัวเองไม่ตกเป็นเครื่องสังเวยตลอดไปได้ด้วยนะ ฉันกระทั่งทำให้พวกแกกลายเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านนี้ได้ ถ้าพวกแกต้องการบางอย่างที่ฉันมี ฉันก็ยังสามารถมอบรูนหรืออาร์ติแฟคที่พวกแกต้องการให้ได้”
ดวงตาของทุกคนส่องประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ดาคิดัสเอ่ยต่อ
“อืม เรามีรูน สกิล แล้วก็อาร์ติแฟคมากเกินไปหน่อย พวกแกก็เห็น ในเมื่อมันมีมนุษย์จำนวนไม่น้อยที่ถูกจับ เราไม่รู้จักมันเท่าไหร่ แต่มันคงจะมีหลายอย่างที่มีประโยชน์ถ้าพวกแกได้เห็น ฉันกระทั่งสามารถพาแกไปส่งที่ปลายทางถนนสีเขียว หน้าประตูมิติได้ด้วย”
ยิ่งดาคิดัสเอ่ยมากเท่าใด
ดวงตาของผู้คนก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น
แหลมคมขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งเหล่านั้นมันจะไม่แค่มีประโยชน์
ผู้คนที่เจ้าพวกนั้นจับไปไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่พื้นที่พักรบ
พวกมันคงมีของอีกหลายอย่างเช่นกัน
‘ถ้าฉันได้มันมา งั้น… ทุกอย่างก็จะจบ’
ดาคิดัสไม่ใช่ใครที่จะมาหลอกพวกเขาด้วยเรื่องแบบนี้
ในเมื่อหมอนั่นมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะทำเช่นนั้น
กฎของหมู่บ้านไม่สำคัญ หมอนั่นแค่บอกพวกเขาว่าหมอนั่นจะมอบรูนและพาพวกเขาไปที่ประตูมิติถ้าพวกเขาสามารถครอบครองมันได้
และในเวลาเดียวกัน ผู้คนก็เริ่มเคลื่อนไหว
ไปยังตำแหน่งที่แสงร่วงลงไป
ในตอนนั้นเอง
คว้างงง
เสาแสงจำนวนนับไม่ถ้วนหล่นลงมาจากปราการยักษ์กลางท้องฟ้า
“อึกก”
“อุกกก”
เสาแสงเหล่านั้นได้ขัดขวางทุกคนที่พยายามจะลอบเคลื่อนไหวไปรอบๆ
พรึ่บบ
‘หืมม’
ฮันวูขมวดคิ้วขณะมองไปยังเสาแสงที่กดร่างของเขาลง
ดาคิดัสแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อย่าเคลื่อนไหวตามใจชอบสิ นั่นมันโกงแล้ว อย่างน้อยพวกแกก็ควรจะฟังกฎก่อน”
กฎ
ทุกคนผงกศีรษะแม้ว่าจะกำลังครางออกมา
มันสำคัญ
ในเมื่อการละเมิดพวกมันก็เหมือนกับการไปท้าทายดาคิดัสตรงๆ
การที่พวกเขาจะไปต่อต้านคำพูดของดาคิดัสที่เหมือนกับพระเจ้านิสัยเสียในสถานที่แบบนี้
พวกเขาคงจะตายศพไม่สวยเท่าไหร่
“อย่าออกไปจากหมู่บ้าน มันจะเป็นปัญหาถ้าจำนวนของเครื่องสังเวยลดลง”
ทันทีที่เขาเอ่ยจบ
ฟึ่บ!
เสาที่กดร่างของพวกเขาเอาไว้ก็กระจายตัวออกไปทุกทิศทางและประสานเข้าไปกับกำแพงไม้
ในเวลาเดียวกัน บาเรียสีฟ้าขนาดยักษ์ก็ได้ล้อมรอบหมู่บ้านเอาไว้
ในตอนที่ทุกคนมองไปยังดาคิดัสด้วยความงุนงงนั้นเอง
ดาคิดัสยักไหล่ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ทำอะไรกันอยู่? พวกแกก็ขยับได้แล้วนี่?”
“?”
กฎถูกบอกออกไปหมดแล้ว ทำสิ่งที่ต้องทำซะ
ในตอนนั้นเอง
‘ไอ้หมาสารเลวนี่…’
หนึ่งในชาวนาพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างที่สุด
เบาเสียจนกระทั่งคนข้างๆ เขายังแทบไม่ได้ยิน
มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้รวบรวม
ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในครั้งก่อนที่เกิดการเลือกเครื่องสังเวย
แต่กับการที่มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจแบบนี้
‘มันเอาแต่ใจจริงๆ’
และกับการที่มันไม่มีกฎอะไรเลย
ซึ่งหมายความว่าคนอ่อนแอแบบเขาจะไม่อาจทำอะไรได้
ทันทีที่ชาวนา อาร์ทอน พึมพำอย่างเงียบๆ
“เฮือกกก!”
“ไอ้เวรเสียสตินี่!”
นักล่าและชาวนาล้วนหวาดกลัวจนฉี่แทบราดและวิ่งออกห่างจากอาร์ทอน
“หือ?”
ทันทีที่อาร์ทอนชะงักไปนั่นเอง
ลำแสงสีฟ้าได้พุ่งลงมาหาเขาจากบนท้องฟ้า
ตูมมมมม!
เสาที่ดูแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ร่างของอาร์ทอนไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้าเอาไว้และหายไปจากจุดนั้น
“เห็นไหม พวกแกไม่ควรจะเอ่ยว่าคนอื่นง่ายๆ แบบนั้น แค่ทำอยู่ในใจ ในใจน่ะพวก”
“…”
ทุกคนกลืนน้ำลายกับคำพูดของดาคิดัส
พวกเขาอาจจะสบถออกมาในสถานการณ์ปกติ แต่พวกเขาไม่อาจทำได้ในตอนนี้
ในเมื่อดาคิดัสกำลังฟังทุกอย่างอยู่
ตราบเท่าที่ปราการดาวเทียมยังคงอยู่ ดาคิดัสก็นับว่าควบคุมหมู่บ้านนี้เอาไว้แล้ว
“ตอนนี้ล่ะ! เริ่มได้! ไปหามันมาและเอามาให้ฉัน! แล้วพวกแกจะรอด”
ทว่าไม่มีใครเร่งรีบทะยานตัวออกไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนอยู่นั่นเอง
ดาคิดัสก็คำรามออกมา
“ฉันต้องเพิ่มอีกสักหน่อยให้พวกแกตั้งใจมากกว่านี้รึเปล่า? อย่างจำกัดเวลา…”
กระทั่งก่อนที่คำพูดเหล่านั้นจะถูกเอ่ยออกมาจนจบ
“ฮึบบบ”
คนจำนวนหนึ่งที่ตระหนักได้ว่ามันไม่มีทางอื่นใดที่จะหลบเลี่ยงแล้วได้เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
และคนอื่นๆ ที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายขณะที่พวกเขาเริ่มจะขยับ
“บ้าเอ้ย! ในเมื่อทุกอย่างมันมาถึงจุดนี้แล้ว ฉันก็เอาด้วย!”
“ไสหัวไป!”
ครืนนน!
ตูมมม!
ตูมม!
ตอนเริ่มมันค่อนข้างจะขรุขระ แต่ว่ามันได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียงชั่วขณะ ทั่วทั้งหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและระเบิด
‘พระเจ้า…’
เอคิดูกุมศีรษะของเธอขณะที่มองภาพหมู่บ้านที่กลายเป็นทะเลเพลิงไป
กฎที่เธอรักษามาอย่างยากลำบากได้ถูกทำลายไปในเสี้ยววินาที
เพราะไอ้สัตว์ชั้นต่ำที่ลอยอยู่บนนั้น
ฮันซูเองก็พึมพำอย่างเงียบงันในขณะที่มองไปยังดาคิดัสที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
‘ไอ้พวกนี้ต้องตาย’
มนุษย์จะเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไรถ้าเจ้าพวกนี้ยังมีตัวตนอยู่?
มนุษย์เองก็เป็นปัญหาเช่นกัน แต่มันไม่มีทางที่มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไอ้ตัวแบบนั้นโผล่มาหาเรื่องสนุกครั้งแล้วครั้งเล่า
และในความเป็นจริง เริ่มต้นจากเขตสีเหลือง อัตราการรอดชีวิตได้ลดลงไปไม่น้อย
คนราวๆ 3 พันล้านคนจะข้ามมาในอีก 5 ปีข้างหน้า
เวลาอาจจะสั้นลงกว่านั้นนิดหน่อย แต่ปริมาณที่จะมาย่อมเท่าเดิม
ในเมื่อยิ่งความเข้ากันกับอบิสเพิ่มขึ้นเร็วเท่าใด คนก็จะยิ่งถูกส่งมาที่นี่เร็วขึ้นเท่านั้น
และความจริงแล้ว ปริมาณของมนุษย์ที่ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ได้ลดลงเพราะชายขอบระหว่างอีกโลกและอบิสได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
‘อืม ถูกฆ่าตายตอนที่ชายขอบถูกทำลายก็เหมือนกัน’
จะยังไงก็เถอะ เกมนี้อาจจะกลายเป็นวิกฤตหรือโอกาสสำหรับเขาก็ได้
‘งานอาจจะซับซ้อนขึ้นหน่อย แต่ถ้าฉันสามารถครอบครองมันได้ งั้นมันก็จะง่ายขึ้นอีกหน่อยในการทำเป้าหมายของฉันให้สำเร็จ’
ความปรารถนา
หมอนั่นได้บอกว่าจะมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คนล่ะอย่าง แต่ชัดเจนว่าหมอนั่นจะไม่มอบทุกอย่างให้กับพวกเขาอย่างยักษ์จินนี่ในตะเกียง
ในเมื่อพวกมันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น
พวกมันจะมอบสิ่งที่พวกมันอยากจะมอบให้ และจะมอบให้ในระดับหนึ่งที่ดูไม่น่าสงสัยเท่านั้น
ในเมื่อแม้พวกมันจะเย่อหยิ่ง ทว่าพวกมันก็จะรับรู้ถึงบางอย่างผิดปกติในคำขอนั้นได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หกของพวกมัน
แต่มันก็ยังคงมีประโยชน์มาก
‘ฉันควรจะเอามันมา’
สมบัติสีฟ้าที่ได้ร่วงมาใกล้เขาที่สุดอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ฮันซูรีบเคลื่อนไหวไปยังตำแหน่งที่นักล่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้มุ่งหน้าไปก่อนแล้ว
ตึง ตึง ตึง
ตูมมมม!
ในเสี้ยวพริบตา ร่างของฮันซูก็พุ่งนำเหล่าชาวนาไป
จะยังไงชาวนาก็เข้าร่วมการต่อสู้นี้ไม่ได้อยู่แล้ว
ในเมื่อพวกเขาจะทำเพียงแค่โดนฆ่าโดยนักล่าแม้ว่าพวกเขาจะได้มันไป
เรียกง่ายๆ ว่ามันเป็นการแข่งขันที่ไม่คาดคิด
บางอย่างที่ดาคิดัสสร้างขึ้นในเมื่อเขาไม่อาจทำเพียงแค่มองชาวนาสู้จนตัวตายไปได้
‘มันอยู่ตรงนั้น’
เขาสามารถรับรู้ถึงมันได้แม้ว่าจะไม่มีแสงสว่างของสมบัติ
ในเมื่อมันได้ปรากฏการระเบิดขึ้นพร้อมกับแสงเจ็ดสีที่กระจัดกระจายไปรอบๆ บริเวณนั้น
ตูมมมม!
ตูมมม!
“ไสหัวไป!”
“บ้าเอ้ย! ไอ้เด็กเหลือขอจากพื้นที่ 11 กล้าดียังไงมาที่นี่! กลับไปที่พื้นที่ของแกซะ!”
นักล่านับสิบกำลังสู้กันเอง
จำนวนของสมบัติคือ 100 ชิ้น
มันไม่ใช่จำนวนที่มากมายในเมื่อนักล่ามีนับพันคน
‘มันอยู่นี่’
กิ้งงงงง
อัญมณีสีฟ้าที่ฝังลึกอยู่ในพื้นราวกับอุกกาบาตกำลังส่องแสงไปทั่วทุกทิศทาง
ฮันซูกระโดดไปยังกลางวงและถ่ายเทมานาปริมาณมหาศาลไปยังคมมีดระบาด
จากนั้นเขาจึงส่งมันไปยังเหนือร่างของเหล่านักล่า
คว้างงงง
ชิ้งงงง
“หือ?”
ทุกคนตื่นตระหนกกับสปอร์สีเหลืองที่กำลังกัดกินมานาของพวกเขา จากนั้นจึงรีบป้องกันร่างของพวกเขาด้วยสกิล
และจากนั้นจึงครางออกมาเมื่อเห็นว่าใครเป็นเจ้าของมัน
“ไอ้สารเลวนี่…”
พวกเขาเคยได้ยินมาว่าเด็กใหม่แข็งแกร่ง
แต่การที่หมอนั่นอยู่ในระดับนี้
‘บ้าเอ้ย… มานาของฉันกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว’
พลังของสกิลที่หมอนั่นพิ่งจะใช้ออกไปมันทรงพลังมากเสียจนสกิลเสริมพลังรอบๆ ร่างของพวกเขาถูกหลอมละลายลงอย่างรวดเร็ว
และกับการที่หมอนั่นเป็นฝ่ายลงมือกับพวกเขาทั้งหมดก่อน
‘มันหมายความว่าเขามั่นใจ’
แต่มันสายเกินกว่าที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะแล้ว
‘ไอ้เวรนั่นก่อน…’
วินาทีที่เหล่านักล่าหันไปมองฮันซูอย่างไม่รู้ตัว
“ชิ”
ฮันซูเดาะลิ้นและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
และเหล่านักล่าหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนั้น
ในเมื่อพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถกดดันให้อีกฝ่ายถอยไปได้
แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ฮันซูถอยออกไป
คว้างงงง!
บางอย่างได้ลอยมายังตำแหน่งที่เขาเพิ่งถอยออกมาพร้อมด้วยเสียงดังลั่น
และนักล่าที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายนั้นในที่สุดก็ตื่นตระหนกและถอยหลังออกไป
และไม่ช้า
ตูม ตูม ตูมมมมม!
บางอย่างได้ร่วงลงมาและทำลายพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
และใครบางคนได้เดินออกมาจากม่านฝุ่นพร้อมเอ่ยขึ้น
“โอ้ ตายแล้ว เด็กใหม่ มันยังผ่านไปไม่นานเลยนะหลังจากที่ฉันพานายเดินดูรอบๆ แต่กับการที่เราได้มาเจอกันอีกครั้งแบบนี้ จะยังไงก็เถอะ พวกนายไปและทำสิ่งที่พวกนายต้องทำได้แล้ว เราจะรับผิดชอบตรงนี้เอง”
นักล่ากลืนน้ำลายลงคอขณะที่เริ่มถอยไป
“… เฮลลัม ฉิบหายเอ้ย”
‘กับการที่กระทั่งการ์ดยังลงมือ’
พวกเขา นักล่า เป็นพวกที่ดุดันตามธรรมชาติเพราะสิ่งที่พวกเขาทำ
แต่พวกเขายังคงทำตามกฎของหมู่บ้านและหวาดกลัว
พวกเขาทำแบบนั้นเพราะพวกเขาเคารพหมู่บ้านงั้นหรือ?
พื้นที่ด้านนอก พื้นที่หนึ่ง สถานที่ที่นักล่าอาศัยอยู่และพื้นที่ด้านใน พื้นที่สาม สถานที่ที่ชาวนาอาศัยอยู่
พื้นที่สองที่อยู่ระหว่างสองที่นั้น
ผู้คนที่รักษากฎ กักชาวนาไว้ด้านในและขัดขวางนักล่าที่ด้านนอก
การ์ด
คนที่ตัดสินใจจะอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแม้ว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งปี
คนส่วนมากออกจากหมู่บ้านหลังจากที่ทำตามสัญญาหนึ่งปีแล้ว ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงมีจำนวนไม่มากนัก แต่พวกเขาทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่านักล่ามาก
ในเมื่อพวกเขาทุกคนได้อยู่ในหมู่บ้านมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี
กำลังหลักของหมู่บ้านที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรขั้นหนึ่งและสองและรักษาความเป็นระเบียบของหมู่บ้าน
มันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากการที่เหล่านักล่าที่คำรามและต่อสู้กันเองจนถึงตอนนี้กำลังถอยหลัง
“ดี สู้ๆ นะทุกคน”
ในตอนที่เฮลลัมผงกศีรษะและหมุนตัวกลับไป
ตูมมมม!
ลำแสงเส้นหนึ่งได้โจมตีไปยังเฮลลัม
“นั่นมันดูจะยากไปหน่อยนะ ฉันก็ต้องการมันเหมือนกัน”
เหล่านักล่าตื่นตระหนกเมื่อพวกเขาเห็นฮันซูโจมตีไปยังเฮลลัมโดยไม่แม้แต่จะคิด
‘ไอ้เวรเสียสตินั่น! เขาคิดบ้าอะไรอยู่!’
แค่เฮลลัมคนเดียวก็น่ากลัวมากพอแล้ว แต่การโจมตีการ์ดมันคือการละเมิดกฎ
ไม่มีบทลงโทษ มีแค่การกำจัดในตอนนั้น
เหตุการณ์ที่นักล่า 430 คนในพื้นที่สี่ที่พยายามจะพลิกหมู่บ้านได้ถูกลบหายไปในวันเดียวยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของพวกเขา
“… นี่มันอะไรกัน?”
มันคือการท้าทาย
เฮลลัมที่ป้องกันการโจมตีด้วยโล่ที่แขนซ้ายของเขา <การป้องกันของออกัสทีน> จ้องไปยังฮันซูด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
TL: ตอนนี้ 17 หน้าแหนะ//ปาดเหงื่อ