บทที่ 156: พื้นที่หนึ่ง (6)

 

 

 

 

ครืนนนนน

ครึ่กกก

เครอนแย้มยิ้มเมื่อเขาได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากส่วนลึกของความมืดมิด

“โอ้ ตายแล้ว เหมือนจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นนะนั่น”

ในทิศทางที่คารค์ฮาลและนักล่าคนอื่นๆ ไล่ตามฮันซูที่หนีไปไป

เสียงที่ดังขึ้นทุกเสียงที่มาจากที่นั่นไม่ได้ดูธรรมดาเลย

เสียงที่ไม่ได้มาจากการไล่ล่า แต่เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้

ซึ่งหมายความว่าฮันซูถูกจับตัวได้แล้ว

‘ซึ่งหมายความว่าผลลัพธ์ของมันชัดเจนแล้ว ถึงมันจะน่าเสียดายที่ฉันจะไม่ได้ฆ่ามันด้วยมือตัวเอง…’

อืม จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ในเมื่อเขากำลังมองสิ่งน่าสนุกอย่างอื่นอยู่

อึกกก

เครอนมองไปยังชาวนา 9 คนที่บาดเจ็บสาหัสและกำลังนอนกองอยู่รอบกายเขา

พวกนั้นยังเคลื่อนไหวได้ แต่ทุกคนล้วนมีบางอย่างที่เหมือนกัน

การที่พวกนั้นไม่อาจหนีไปได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเพราะว่าไม่ขาก็ข้อเท้าของพวกเขาหัก

‘อืม จับได้เก้าคนก็พอสำหรับฉันแล้ว’

เครอนมองไปยังแมคคิลที่ยังคงพยายามต่อต้านและเรียกสกิลขึ้นมาในมือ

<งูของรีพัลแรม>

สกิลที่ไม่ได้ทรงพลังอย่างลำแสงห้าเท่าของหัวหน้าหน่วย ทว่าใช้เวลาร่ายสั้นและไม่อาจหลบได้ ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์ในการทำให้คู่ต่อสู้เชื่องช้าลง

แม้ว่าพลังของมันจะค่อนข้างอ่อนด้อย มันก็เกินกว่าพอในการใช้กับพวกชาวนา

กิ้งงงง

ไม่ช้า ควันรูปงูก็ได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา

วินาทีที่ควันนั้นปรากฏขึ้น

ฟึ่บบบ

“อึกกก…”

ควันสีม่วงปรากฏขึ้นจากพื้นและพุ่งขึ้นไปบนอากาศก่อนจะพันรอบตัวแมคคิล

มันดูเหมือนว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ ทว่าความแตกต่างระหว่างผู้ใช้และเป้าหมายยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด

สกิลของแมคคิลที่มีรูนต่ำกว่าเครอนมากถูกทำลาย

ในเวลาเดียวกัน อาร์ติแฟคบนร่างของเธอก็ถูกทำลาย เสื้อผ้าเริ่มฉีกขาด

เครอนหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่มองภาพนั้น

“สัตว์เลี้ยงไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้า เป็นภาพที่ดีอะไรแบบนี้”

เครอนหัวเราะเสียงเย็น

ในเมื่อเวลาที่เขายอมละความตั้งใจในการจับฮันซูและมาที่นี่กำลังจะเริ่มขึ้น

เขาต้องลงโทษหัวหน้าหมูที่พยายามจะหนีไปพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ

ต่อหน้าทุกคน

“อึกกก…”

แมคคิลเห็นเครอนกำลังเข้ามาใกล้เธอและกำดาบในมือของเธอแน่น

แน่นอนว่าตัวเธอเองก็รู้

ว่ามันไม่ได้ใกล้กับคำว่าพอเลยแม้แต่น้อย

แมคคิลพึมพำขณะที่เธอคิดถึงฮันซูที่ได้วิ่งตรงไปยังห้องวิจัยในส่วนลึกของความมืด

‘บ้าเอ้ย เมื่อไหร่มันจะเริ่มกัน เขาไม่ได้ล้มเหลวใช่ไหม…?’

มันเป็นสิ่งที่เธอทำในขณะที่เชื่อใจในตัวฮันซู

มีเพียงแค่การที่ฮันซูได้รับหยกผนึกมาเท่านั้นที่พวกเธอจะพอมีความหวังบ้าง

แต่เสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องห่างออกไปนั่นได้ทำให้ความคิดของแมคคิลหนักอึ้ง

ในเมื่อไอ้การต่อสู้รุนแรงแบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้นถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ครึ่กกกก

ตูมมมมม!

เครอนที่กำลังเข้าไปใกล้แมคคิลที่กำลังจ้องมองมายังเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นพลันยักไหล่ขึ้น

“แล้วทำไมเธอถึงต้องขัดขืนด้วย? มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ? ชีวิตของเธอปลอดภัย และยังไงเธอก็คงเป็นของเล่นของใครหลายๆ คนในหมู่บ้านอยู่แล้ว ฉันยังดีไม่พอสำหรับเธออีกเหรอ? เธอไม่ได้อยากกลายเป็นแบบเพื่อนเธอใช่ไหม?”

ตึก

สีหน้าของแมคคิลแข็งค้างไปขณะที่เธอหมุนตัวลุกขึ้นในทันที

‘ไอ้สารเลวนี่ แกยังกล้าพูดแบบนั้นอีกเหรอ?’

ในเมื่อสาเหตุของความตายของเพื่อนของเธอคือเจ้าหมอนี่

ตอนที่พวกเธอถูกจับโดยหมอนี่ ทันทีที่พวกเธอถูกพาตัวมาที่นี่และถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี

เพื่อนของเธอก็ตัดสินใจจะหนี

<ยอมตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่แบบนี้ เธอรอที่นี่ ถ้าฉันไปถึงหมู่บ้านได้และพูดอะไรกับเอคิดู งั้น… อย่างน้อยบางอย่างก็น่าจะเกิดขึ้นที่นี่>

เธอต้องตามเพื่อนของเธอไป

หรือหยุดอีกฝ่ายเอาไว้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ถ้าเป็นแบบนั้น เธอคงไม่ต้องเห็นศพของเพื่อนเธอที่ถูกแยกออกเป็นสามส่วนโดยเครอน

สีหน้าของแมคคิลกลับกลายเป็นเย็นเยียบไปอย่างรวดเร็ว

‘… อย่างน้อย แกก็ทำไม่ได้’

ในเมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนี้แล้ว

ถ้าฮันซูล้มเหลว มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่คนพวกนี้จะไม่ปล่อยพวกเธอไป

เมื่อแมคคิลตัดสินใจ

สกิลที่เธอเก็บเอาไว้เป็นเวลานานก็ถูกใช้งาน

สกิลที่จะเผาไหม้ชีวิตของเธอเพื่อที่จะใช้ <ทลายขีดจำกัด>

ครึ่กกกก

ความแข็งแกร่งปริมาณมหาศาลที่โดยปกติแล้วเธอไม่อาจครอบครองได้ได้เริ่มไหลเวียนไปทั่วร่าง

ตูมมมม!

ในเวลาเดียวกัน แมคคิลที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพบาดเจ็บสาหัสก็กระโดดกลับขึ้นมา

วินาทีที่แมคคิลรวบรวมพลังทั้งหมดไปยังดาบของเธอและกำลังจะพุ่งเข้าไปหาเครอนนั้นเอง

ครืนนนน

แผ่นดินไหวรุนแรงได้ปรากฏขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง

จากใต้พื้นที่พวกเธอกำลังยืนอยู่

ในเวลาเดียวกัน

คว้างงงงง

คลื่นกระแทกไร้รูปร่างได้กระจายออกมาจากพื้นและกวาดร่างของเครอนและแมคคิลไป

‘หือ?’

ภาพที่ดูผิดปกติ

เครอนผงะไปชั่วขณะกับคลื่นที่ไหลผ่านไปทั่วทั้งความมืดมิด จากนั้นจึงกลับไปให้ความสนใจกับแมคคิลหลังจากที่สลัดมันออกไปจากความคิด

ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไร แต่กลิ่นอายของอีกฝ่ายไม่ได้ธรรมดา

มันไม่ได้ถึงขั้นคุกคาม แต่มันก็ไม่ได้อ่อนด้อยจนถึงจุดที่เขาจะผ่อนคลายได้ เป็นการโจมตีที่ทรงพลัง

‘บ้าเอ้ย นี่ยายนั่นใช้สกิลแบบที่แลกด้วยชีวิตหรืออะไรแบบนั้นรึไง เสียเปล่าชะมัด’

เครอนเดาะลิ้น

สกิลประเภทสละชีพจะมอบพลังที่มหาศาลให้ ทว่ามันก็จะยึดเอาชีวิตไปเป็นค่าตอบแทน

แต่ไม่ช้าสีหน้าของเครอนก็สดใสขึ้น

‘อย่างที่ฉันคิด เธอกลัว’

กลิ่นอายที่ระเบิดออกครอบคลุมร่างของอีกฝ่ายได้หายไป เหลือเพียงแค่สีหน้าแน่วแน่ที่ประทับอยู่บนใบหน้าของแมคคิล

เครอนหัวเราะอย่างชั่วร้ายเมื่อเห็นภาพนั้น

‘ใช่แล้ว ชีวิตมันมีค่า’

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยกเลิกสกิลไป

เครอนมองไปยังแมคคิลอย่างสบายๆ และกำลังจะใช้สกิลเสริมพลังของเขา

มันอาจจะต่างออกไปถ้าเธอใช้สกิล แต่ถ้าแค่นี้ มันก็ง่ายที่จะป้องกันด้วยแค่สกิลเสริมพลัง

ไม่สิ มันไม่อาจแม้แต่จะทะลวงผ่านสกิลป้องกันรอบๆ ตัวของเขามาได้ด้วยซ้ำ

ทว่าในตอนนั้นเอง

“หือ? อุกกก! อะไรกัน!?”

เครอนผวาไป

ทว่าแมคคิลไม่ได้ดูเหมือนจะออมมือให้กับเครอนขณะที่เธอขัดเกลากลิ่นอายของเธอให้แหลมคมยิ่งขึ้นและทะยานเข้าไปหาอีกฝ่าย

และไม่ช้า

ฉึก

เครอนตื่นตระหนกมากเสียจนเขาไม่ได้เตรียมรับการพุ่งเข้ามาของแมคคิลและถูกอีกฝ่ายแทงเข้าไปที่ท้อง

เป็นผลลัพธ์ที่น่าเศร้าอย่างมากถ้าคิดถึงความแตกต่างในระดับพลังของทั้งสองฝ่าย

“นี่มันบ้าอะไรกัน อุก…”

สถานการณ์ที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้

เครอนกัดฟันกรอดในขณะที่เขามองไปยังดาบยาวที่แทงลึกอยู่ในท้องของเขาและจากนั้นจึงได้สติขึ้นมาแล้วฟาดแมคคิลออกไปด้วยมือของเขา

ในเมื่อนังผู้หญิงนี่กำลังเพิ่มแรงไปที่ดาบและพยายามจะบิดมัน

อวัยวะภายในเขาจะเละหมดถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้น

ผัวะ!

“โอ้ยยย!”

แมคคิลที่ส่งพลังทั้งหมดของเธอไปที่การโจมตีนั่นกรีดร้องออกมาจากหมัดเพียงแค่หมัดเดียวของเครอนและกระเด็นออกไป

ในเมื่อความแตกต่างในรูนของพวกเธอมันมากมายมาตั้งแต่แรกแล้ว

แต่มันเป็นเรื่องชัดเจนว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายได้เปรียบจากการปะทะกันสั้นๆ นั้น

เครอนจับดาบที่แทงอยู่ในท้องของเขา กัดฟันกรอดและเอ่ยขึ้น

“นังผู้หญิงโสโครก! แกทำอะไรลงไป! มานา… ทำไมมานาของฉันถึงไม่เคลื่อนไหว!”

 

 

 

คาร์ฮาลและนักล่าทั้งหมดตื่นตระหนก

วินาทีที่มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากในหลุมสีดำ

คลื่นกระแทกมหาศาลก็ได้ไหลออกมาและกวาดผ่านร่างของพวกเขาไป

“บ้าบออะไรเนี่ย!”

“มานา… ทำไมจู่ๆ มันถึงไม่ทำงาน!”

พวกเขาพยายามที่จะใช้สกิลอีกครั้ง แต่จากนั้นจึงตะโกนออกมาอย่างงุนงง

มานาที่พวกเขามีมากมายอยู่ภายในร่างไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

มานา

พลังที่เป็นต้นกำเนิดของพลังของนักผจญภัย บางอย่างที่ทำให้พวกเขาสามารถใช้สกิลได้

ต้นกำเนิดของพลังที่จะแบ่งแยกระหว่างผู้แข็งแกร่งและคนอ่อนแอไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

และเพราะแบบนั้น สกิลทั้งหมดของพวกเขา และกระทั่งสกิลเสริมพลังที่อยู่รอบๆ ตัวของพวกเขาจึงสลายไป

พร้อมกับสกิลช่วยเหลือบนอาร์ติแฟคของพวกเขาด้วย

สีหน้าของคาร์ฮาลแข็งค้าง

‘… ดูเหมือนว่าเด็กนั่นที่ลงไปข้างล่างทำบางอย่าง’

มานาของพวกเขาไม่ขยับ

ร่างของพวกเขาหนักอึ้ง

และสกิลที่ได้เสริมประสาทสัมผัสของพวกเขาขึ้นหลายเท่าตัวได้หายไป

สกิลป้องกันที่ล้อมรอบร่างกายของพวกเขาหายไปและทำให้พวกเขารู้สึกราวกับเปลือยล่อนจ้อน สกิลเสริมพลังที่เสริมความแข็งแกร่งร่างกายของพวกเขาหายไปไร้ซึ่งร่องรอย

พวกเขาล้วนรู้สึกราวกับเด็กที่ยืนเปลือยล่อนจ้อนอยู่

ความรู้สึกที่แปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวอย่างที่สุดได้ทำให้คาร์ฮาลกำหมัดแน่น

‘เวรเอ้ย’

เขาไม่มั่นใจว่าผลของมันเป็นแค่ชั่วคราวหรือว่าถาวร

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน

หนึ่ง ฮันซูที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ทำบางอย่าง

สอง เขารู้วิธีการที่จะแก้ไขเรื่องนี้ในเมื่อเขาคือผู้ที่ทำให้มันเกิดขึ้น

คาร์ฮาลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

“จับเขา พวกนายจะฆ่าเขาไม่ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม”

ถ้าสถานการณ์นี่เป็นเรื่องถาวรแล้วมีแค่หมอนั่นที่รู้วิธีแก้ล่ะ?

มันจะกลายเป็นปัญหาอย่างมาก

มนุษย์ที่ไม่อาจใช้สกิลได้จะตกลงไปสู่ด้านล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร

แม้ว่าพวกเขาจะมีรูน พลังส่วนมากของมนุษย์ก็มาจากสกิล

มนุษย์ที่มีเพียงรูนไม่อาจกระทั่งแข็งแกร่งได้เทียบเท่ากับสัตว์อสูรที่มีร่างกายที่ทรงพลัง

เมื่อได้ยินคำพูดของคาร์ฮาล เอไทนอลที่กำลังเตรียมร่างกายของเขาอยู่ก็ได้เดินออกไป

“ไอ้สารเลวอวดดีเอ้ย ดูเหมือนว่าแกจะค่อนข้างมั่นใจในการต่อสู้มือเปล่านะ”

คาร์ฮาลและนักล่าคนอื่นๆ ตามเอไทนอลไปและเดินออกไป

มันมีเหตุผลให้พวกเขาเข้าใกล้ฮันซูอย่างมั่นใจ

‘เจ้าโง่เอ้ย ถ้าแกจะใช้วิธีการแบบนั้น อย่างน้อยก็ทำให้ตัวแกเองไม่โดนผลกระทบไปด้วยสิวะ’

สกิลเสริมพลังสีทองที่ทั้งคุกคามและสร้างแรงกดดันที่อยู่รอบกายของอีกฝ่ายได้หายไปอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งหมายความว่าหมอนั่นเองก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นก่อนหน้านั้นเช่นกัน

งั้นทำไมพวกเขาจะต้องกลัวล่ะ?

รูนของพวกเขามีระดับสูงกว่ามาก

และพวกเขาก็มีคนมากกว่าเยอะ

“สำเร็จ… หวา!”

เอคิเลนที่ปีนขึ้นมาจากหลุมอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับลูกแก้วสีดำเล็กๆ ในมือผวาไปเมื่อเห็นคนจำนวนมากกำลังเข้ามาใกล้เธออย่างช้าๆ

ในเมื่อแม้ว่าหยกผนึกในมือเธอจะถูกใช้งานแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้คนพวกนั้นเคลื่อนไหวไม่ได้

‘นี่มันแย่แล้ว!’

ขณะที่เอคิเลนกำลังรีบปีนขึ้นมาจากหลุมนั่นเอง

ฮันซูหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนั้น

“อยู่ในนั้นไปก่อน ใช้มันต่อไป”

พลั่ก

“ว้ายยยย!”

ฮันซูผลักเอคิเลนด้วยการตีมือของอีกฝ่ายที่เกาะอยู่บนขอบหลุมก่อนจะตรวจสอบสภาพร่างกายของเขา

ตึก ตึก ตึก

เอไทนอลเดินมาที่หน้าฮันซูก่อนจะหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้น

“โอ้? แกไม่ต้องการความช่วยเหลืองั้นเหรอ?”

คาร์ฮาลมองไปยังเอไทนอลด้วยสีหน้าเชื่อมั่น

ในเมื่อเอไทนอลเชี่ยวชาญในการต่อสู้มือเปล่ามากที่สุดแม้ว่าจะมีสกิลที่อ่อนกว่า

แน่นอนว่าเขาย่อมมั่นใจในสถานการณ์แบบนี้

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะเหวี่ยงหอกของเขา

วูบบบบ!

หอกสีทองตัดผ่านอากาศและสร้างเสียงดัง

‘… หือ?’

เอไทนอลที่กำลังจะรับการโจมตีอย่างสบายๆ พลันชะงักไป

‘เหี้ยอะไรเนี่ย!’

ทันทีที่เอไทนอลยกมีดสั้นในมือของเขาขึ้นเพื่อป้องกัน

ตูมมมมม!

หอกได้กระแทกไปที่คมมีดและสร้างเสียงดังลั่นขึ้น

ครืดดดด

“อ๊ากกกก!”

คมมีดที่รับพลังมหาศาลเกินไปได้ถูกดันถอยกลับไปยังเอไทนอล

พลังมหาศาลที่ไม่อาจใช้แค่รูนในการอธิบาย

และเพราะแบบนั้น แขนของเอไทนอลที่ใช้จับมีดสั้นเอาไว้จึงหักขณะที่ร่างของเขากระเด็นถอยออกไปพร้อมเสียงกรีดร้อง

สีหน้าของคาร์ฮาลและนักล่าคนอื่นๆ แข็งทื่อเมื่อเห็นภาพนั้น

“แกทำบ้าอะไรลงไป…”

คาร์ฮาลพึมพำด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

พลังมหาศาลนั่น

มันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยสกิลหรือสกิลเสริมพลังใดๆ

ฮันซูหัวเราะขณะที่มองไปยังคนเหล่านั้น

ครึ่กกก

ของเหลวสีเงินได้ไหลเวียนไปทั่วร่างและเสริมพลังของเขาอย่างต่อเนื่อง

มันไม่สำคัญแม้ว่าจะไม่มีมานา

ในเมื่อดาบแก่นแท้มังกรและการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายไม่ใช่ผลจากมานา

มันคือผลจากพันธุวิศวกรรมที่อคารอน ผู้ที่ไม่อาจใช้มานาได้ ได้สร้างขึ้น

แม้ว่าพวกเขาจะนับรวมพลังของรูนเข้าไปด้วย ความแตกต่างของร่างกายของเขาที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากดาบแก่นแท้มังกรและการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายกับคนพวกนั้นก็มากกว่าความแตกต่างระหว่างหมีกับมนุษย์อยู่ดี

‘หยกผนึก ยอดเยี่ยม นักปราชญ์ ฉันจะล้างแค้นให้พวกคุณเอง’

ตอนนี้เขาสามารถดำเนินการอย่างรวดเร็วได้อีกครั้ง

ฮันซูคิดอย่างโล่งอกในเมื่อมันเหลือเวลาก่อนที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงจะมาไม่มากก่อนจะกระทืบเท้าลงบนพื้นและกระโดดขึ้นไป

ในเมื่อเขาต้องจัดการที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน

“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ”

“ไอ้ฉิบหายเอ้ย…”

บางทีนี่มันอาจจะเป็นความรู้สึกของคนที่พบว่าปืนของพวกเขาพังตอนที่พวกเขาออกไปล่าหมี

ไม่สิ การไปเผชิญหน้ากับหมีด้วยมือเปล่ายังรู้สึกดีกว่านี้เลย

ตึง

ตึงงง

สีหน้าของเหล่านักล่ามืดทะมึนลงขณะที่เห็นว่าฮันซูกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาพร้อมกับสร้างรอยแตกบนพื้นขึ้นทุกย่างก้าว

 

 

 

ครืนนนน

‘หืมม?’

ณ ตำแหน่งที่ห่างจากเขตหมู่บ้านพักรบออกไปนับร้อยกิโลเมตร

มนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งที่กำลังมีความสุขกับการกินขนมขบเคี้ยวของมันอยู่บนป้อมปราการดาวเทียมของอารูคอน <อัททิลาน> ใบหูของมันก็ตั้งขึ้น

‘… ฉันรู้สึกถึงกลิ่นอายแปลกๆ’

ความพิเศษของเผ่าพันธุ์พวกเขาคือการที่พวกเขาพัฒนาสัมผัสที่หกขึ้นไปจนอยู่ในระดับเหนือธรรมชาติ

และบางอย่างกำลังสะกิดสัมผัสที่หกนั่นอยู่

ทว่าแค่นี้มันยังไม่พอ

หมาป่าที่ร่างสูงสี่เมตรและผู้รวบรวมของอารูคอน ดาคิดัส ส่ายศีรษะจากนั้นจึงเคี้ยวขนมที่เขากำลังกินอยู่ต่อไป

ในเมื่อมันจะอร่อยที่สุดตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่

“อุกกก… อ๊ากกก!”

และไม่ช้า พื้นที่ที่สงบเงียบไปชั่วขณะของอัททิลานก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้ง

หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้น เสียงกรีดร้องของมนุษย์ที่ถูกเตรียมเอาไว้เป็นขนม

“อ๊ากกกก!”

พวกเขาล้วนเป็นนักผจญภัยที่ค่อนข้างทรงพลัง ทว่าพวกเขาไม่อาจกระทั่งคาดฝันถึงการต่อต้าน

ดาคิดัสเมินเฉยต่อเสียงกรีดร้องและมีความสุขกับขนมของเขาต่อไป เขาเลียเศษเนื้อที่ติดอยู่ที่ปากก่อนจะพึมพำ

‘ฉันควรจะไปสืบเรื่องนี้ตอนที่ฉันไปเก็บผลผลิตในรอบนี้’

ฟึ่บ เอื้อก

ปากยักษ์แยกออกก่อนจะกลืนเอาเศษมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ลงไป

ดาคิดัสที่กินขนมที่เหลืออยู่จนหมดมองไปยังหมู่บ้านพักรบที่เป็นตำแหน่งถัดไปที่เขาต้องเก็บผลผลิตในครั้งนี้

 

 


TL: ปู่ต้องสู้เขานะ//ชูป้ายไฟ