บทที่ 144: เมฆทมิฬ (5)

 

 

 

“ไอ้แมลงเวรนี่!”

กัลคิม่าขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยังภาพของของเล่นสีทองที่เขาส่งไปถูกทำลายผ่านเมฆ

เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจำเป็นต้องจัดการกับพวกมนุษย์ทีล่ะคนด้วยตัวเอง

‘เขาก็คงไม่ยอมแพ้เหมือนกัน’

กัลคิม่ามองไปยังฮันซูที่อยู่ห่างออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะขบฟันแน่น

มันไม่มีเหตุผลให้ฮันซูต้องหวาดกลัวแล้วในตอนนี้

กัลคิม่าพลันมองไปยังอคาดัสสีทองที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา

ตัวที่เขาเพิ่งจะซ่อมเสร็จไม่นาน

มันคงจะค่อนข้างมีประโยชน์ในการต่อสู้

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ของเล่น มันก็ได้รับการเสริมพลังจากพลังของเขา

และมันยังเป็นตัวที่พิเศษอีกด้วย

ทว่ากัลคิม่ารู้สึกกระอักกระอวลขึ้นอีกครั้งหลังจากมองไปยังอคาดัสสีทอง

ในเมื่อมันเหมือนกับการที่พิสูจน์ว่าเขากำลังกลัวฮันซู

‘กับการที่ฉันต้องมาพึ่งพาไอ้ของเล่นแบบนี้’

กัลคิม่ากำหมัดแน่นก่อนจะยกมันขึ้นมาเงียบๆ

แล้วจึงชกอคาดัสสีทองที่อยู่ในสายตาของเขาด้วยมัน

ตูมมมม!

ร่างของมันระเบิดออกพร้อมกับที่แกนกลางกลายเป็นฝุ่นไป

กิ้งงง

สุดท้ายแล้วกัลคิม่าจึงแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาหลังจากที่ทำลายอคาดัสสีทองด้วยน้ำมือของเขาเองในตอนนั้น

พลังกำลังไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา

‘ถึงแม้ว่าเจ้านั่นจะฆ่าเผ่ามังกรมาก่อน แต่มันก็เป็นตอนที่เขายังแข็งแกร่งอยู่ ซึ่งหมายความว่าปัจจัยสำคัญคือพลัง’

พลัง

กฎที่ใช้ควบคุมอบิส

และชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาตรงนั้นอ่อนแอกว่าเขาอย่างชัดเจน

‘ฉันควรจะใช้โอกาสนี้ในการใช้ที่นี่เป็นฟาร์มเหมือนกัน’

กัลคิม่าแสยะยิ้ม

โชคที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้สำหรับเผ่าพันธุ์เมฆทมิฬอย่างเขาคือการถูกเรียกมาโดยพวกกระจอก

ในเมื่อพวกเขาจะสามารถยึดครองสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในที่แห่งนั้นและเปลี่ยนแปลงดวงวิญญาณและพลังงานของพวกนั้นให้กลายเป็นอาหารสำหรับพวกเขาได้

และหากเขากลับไปยังอบิสหลังจากที่กลืนกินทั้งหมดนั่นไปสักพัก ระดับของเขาในอบิสก็จะเพิ่มขึ้นไปนิดหน่อยเช่นกัน

เหมือนกับออกมาจากป่าแสนอันตรายที่อาจจะถูกกินได้ตลอดเวลาถ้าไม่ยอมเป็นฝ่ายกินศัตรูก่อนมายังฟาร์มปศุสัตว์ที่ไม่มีไอ้สิ่งที่เรียกว่าอันตรายอยู่เลย!

มันยอดเยี่ยมแค่ไหนกัน?

‘ฉันต้องจัดการหมอนี่ให้เร็ว’

วินาทีที่กัลคิม่าที่ยึดครองร่างของเอลคาเดียนเหลือบตามองไปยังฮันซู

เขาก็ผงะไป

เพราะสีหน้าของฮันซูที่มักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอได้เคร่งขรึมขึ้น

ฮันซูเล่นกับถุงแมงมุมสีฟ้าในมือก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาสั้นๆ

“ถ้าแกออกจากร่างนั่นและไสหัวไปตอนนี้ ฉันจะไม่ฆ่าแก”

มันไม่มีอะไรที่เขาจะได้จากการที่สู้กับอีกฝ่าย

แม้ว่ามันจะมีรางวัล มันก็ไม่ได้สำคัญกับเขามากไม่ว่าเขาจะได้มันหรือไม่

มันจะดีที่สุดหากสามารถจบเรื่องได้โดยไม่ต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

กัลคิม่าตะลึงไปพร้อมกับเกือบจะเปิดปากพูด ทว่าก็ทำเพียงเงียบไป

ในเมื่อการพูดพล่ามไม่ใช่นิสัยของเขามาตั้งแต่แรก

‘ฉันจะให้หัวแกติดอยู่กับร่างเป็นอย่างน้อยแล้วกัน’

ในเมื่อเขา กัลคิม่า รู้สึกสงสัยจริงๆ

ว่าเจ้าหมอนี่จะมีท่าทียังไงหลังจากที่ร่างกายถูกทำลายยับเยิน

และหัวเป็นสิ่งจำเป็นในการมองท่าทีนั้น

แคร่กกก

ขณะที่กัลคิม่าส่งพลังไปยังทั่วทั้งร่างนั้นเอง

ฟึ่บบบ!

เสียงดังลั่นดังก้องไปทั่วทั้งภายในอาร์คลาทอรี่

ร่างของเอลคาเดียนที่ได้รับการเสริมพลังไปอีกขั้นจากเมฆดำหายไปจากจุดที่มันเคยยืนอยู่ด้วยความเร็วที่ระเบิดออกมาก่อนจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าฮันซูในเสี้ยววินาที

จากนั้นหมัดข้างหนึ่งก็ถูกเหวี่ยงออกมา

ตูมมมม!

หมัดที่เขาเหวี่ยงออกไปกระแทกไปยังแผ่นอกเหนือเกราะของฮันซูอย่างที่กัลคิม่าคาดเอาไว้

หมัดที่มีพลังของสมาชิกจากเผ่าเมฆทมิฬได้โจมตีไปยังร่างของฮันซู

กัลคิม่ามั่นใจเมื่อเขารับรู้ได้ถึงพลังที่ระเบิดออกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา

ว่าการโจมตีครั้งเดียวนี้คือจุดจบ

‘ถ้าพลังของแกอยู่ราวๆ ระดับเดียวกับพลังเดิมของร่างนี่ งั้นแม้แต่การป้องกันการโจมตีแค่ครั้งเดียวนี่ก็ยังยากเลย’

มันค่อนข้างมีความแตกต่างระหว่างร่างกายของเอลคาเดียนที่ได้รับการเสริมพลังจากเมฆดำและร่างที่ยังไม่ได้รับการเสริมพลัง

หมัดเพียงหมัดเดียวนั้นเพียงพอที่จะจัดการใครบางคนที่สู้กับเอลคาเดียนจนเสมอได้

ตูมมม!

ร่างของฮันซูกระเด็นถอยหลังไปราวกับอุกกาบาตก่อนจะกระแทกเข้ากับผนังโรงงานอาร์คลาทอรี่

ในเวลาเดียวกัน โรงงานยักษ์ก็สั่นสะท้านราวกับว่ามีอุกกาบาตตกใส่มัน

ครึ่กกก

การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว

แม้ว่าหนึ่งในสี่ของโรงงานที่กระทั่งกว้างกว่าสนามกีฬานับร้อยมารวมกันจะถูกทำลายไปในการโจมตีครั้งเดียว สีหน้าของกัลคิม่ากลับยังคงมืดทะมึนอยู่

‘จริงด้วย ประสบการณ์ของแกยังคงอยู่แม้ว่าจะมีร่างกายที่อ่อนแอลงสินะ’

กัลคิม่าขบฟันแน่น

ในตอนที่ฮันซูถูกโจมตีนั่นเอง

เขาได้ใช้พลังทั้งหมดในร่างของเขาในการส่งร่างของเขาไปด้านหลัง

และเพราะแบบนั้น พลังมหาศาลที่ควรจะกระแทกไปยังร่างของเขาจึงถูกสลายไปแทน

‘และ… เจ้าหมอนั่นจงใจโดนโจมตีรึเปล่า?’

แกร่ก แกร่ก

กัลคิม่าขบฟันแน่นขณะที่เขามองไปยังแมงมุมสีฟ้าที่กำลังกินร่างจริงของเขา เมฆดำ

ตอนที่เขาโจมตีฮันซู ฮันซูได้ทิ้งถุงแมงมุมที่อยู่ในมือของเขาเอาไว้และส่งตัวเองถอยหลังไป

และเพราะแบบนั้น ตอนนี้ทั้งร่างของเขาจึงเต็มไปด้วยแมงมุม

แกร่ก แกร่ก

ฮันซูเดินออกมาจากกองเศษอิฐที่ร่วงกราวขณะที่เขาพึมพำ

“ถ้าแกไม่มีความคิดที่จะกลับไป งั้นฉันก็ยินดีจะช่วยทำให้แกไม่อาจกลับไปได้”

กัลคิม่าเอ่ยขึ้นขณะที่เขาขยี้แมงมุมสีฟ้าตัวหนึ่งที่กำลังกัดกินเขา

“ไอ้แมลงเวรเอ้ย ตอนนี้ฉันไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะกลับไปด้วยซ้ำ”

ความจริงแล้ว การที่ดวงวิญญาณของเขาถูกขังอยู่ภายในร่างทำให้เขารู้สึกสบายใจ

ในเมื่อมันมีเพียงแค่จุดจบอย่างเดียวไม่ว่าฮันซูจะวางแผนอะไรไว้

ฮันซูยักไหล่ หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและสูดมันเข้าไป

‘มันมีความแตกต่างในด้านพลังกายภาพมากเกินกว่าที่ฉันคาดการณ์เอาไว้’

เทคนิคที่เขาต้องการจะใช้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเขามีพลังมากพอ

ฮันซูสูดกลิ่นเบอร์เซิกเข้าไปอย่างแรงเพื่อที่จะไต่ระดับขั้นพลังขึ้นไป

ฟืดดด

ถึงแม้ว่ามันจะไม่รุนแรงเท่ากับของเหลวจักรพรรดิคลั่ง มันก็ยังคงเป็นผลผลิตของอคารอนที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงพลังมหาศาลออกมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ของเหลวสีเงินในร่างของฮันซูเริ่มเดือดพล่าน

“โอ้?”

กัลคิม่าแสยะยิ้มเย้ยหยัน กระโจนออกมาจากจุดเดิมและโจมตีฮันซูอีกครั้ง

ตูมมมม!

คลื่นกระแทกรุนแรงแผ่ขยายออกไปทั่วอาร์คลาทอรี่

และจากนั้น อีกส่วนหนึ่งของอาร์คลาทอรี่ก็พังลงอีกครั้ง

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

กัลคิม่าพุ่งไปยังฮันซูที่ติดอยู่กับกำแพงก่อนจะหัวเราะใส่อีกฝ่าย

“เทคนิคของอคารอนงั้นเหรอ มันค่อนข้างไม่เลวเลยนะ แต่แกไม่คิดเหรอว่ามันดูจะไม่ค่อยพอ? และฉันก็รู้เหมือนกับว่ามันมีเวลาจำกัด”

จากนั้นกัลคิม่าจึงมองไปยังร่างกายของเขา

สิ่งมีชีวิตของอีกโลกนี่ที่เขาไม่แม้แต่จะเคยได้ยินมาก่อนในอบิสยังคงมีร่างกายที่ค่อนข้างไม่เลว

และเทคนิคของอคารอนที่สร้างร่างกายแบบนี้ขึ้นได้ก็ควรค่าที่จะสรรเสริญเช่นกัน

แต่มันก็ยังมีขีดจำกัดอยู่

ความแตกต่างระหว่างฮันซูและเขามันเหมือนกับดาวคนล่ะดวง

กัลคิม่ามองไปยังอาการบาดเจ็บเล็กๆ ที่หน้าขาขวาของเขา

รอยข่วนเล็กๆ ที่ฮันซูสร้างขึ้นจากการปะทะกันก่อนหน้า

รอยขีดข่วนเล็กๆ ที่ฮันซูแทบจะแลกด้วยแขนซ้ายมา

เมื่อสิ้นเสียง เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังมาจากห่างออกไป

“ไม่ต้องกังวลหรอกในเมื่อฉันคงไม่ใช้เวลานานขนาดนั้น จะยังไงก็เถอะ แกทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นสำหรับฉันเลยนะที่นายยึดร่างของอคารอนไปเนี่ย”

“อะไรนะ?”

ในตอนนั้นเอง

ฉึบบ

“หือ?”

กัลคิม่าผวาไปเมื่อเขามองไปยังสภาพของขาของเขาในตอนนี้

ขาทั้งข้างของเขากำลังเน่า

“บ้าบออะไรเนี่ย! นี่มันอะไรกัน!”

‘พิษ? แบคทีเรีย?’

เขารู้ว่าฮันซูมีสกิลแปลกประหลาดที่สามารถแพร่สปอร์ออกมาได้

แต่หากช่องว่างสามารถถูกเติมเต็มได้ด้วยสกิลแค่สกิลเดียว งั้นมันก็คงจะเรียกว่าช่องว่างไม่ได้ด้วยซ้ำ

ในเมื่ออาการบาดเจ็บที่ถูกสร้างขึ้นจากสกิลพวกนั้นสามารถฟื้นฟูได้

กัลคิม่ารีบมองไปรอบๆ แผลของเขา

มันมีของเหลวสีดำจำนวนน้อยนิดเปื้อนอยู่บนผิวของเขา

ของเหลวนี้เข้าไปผ่านรอยข่วนนั่น ไหลเวียนไปตามเส้นเลือดของเขา และเริ่มกัดกินร่างของเขา

ไม่สิ มันไม่ได้กินร่างของเขา

ของเหลวสีดำนั่นกำลังย่อยสลายร่างกายสีเงินและพลังที่อยู่ในร่างของเขาทีล่ะขั้นขณะที่มันกำลังลามขึ้นมา

ในระดับของอะตอม

ขณะที่โครงสร้างโมเลกุลของของเหลวสีเงินถูกย่อยสลาย มันก็กลายเป็นสีดำ กลายเป็นของเหลวสีดำที่ปนเปื้อนของเหลวสีเงินในร่างของเขาไปอีก

กัลคิม่ากัดฟันกรอดเมื่อเห็นเช่นนั้น

หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะตายเพราะร่างของเขาติดเชื้อ

“ฮึบบบ!”

ฉัวะ

กัลคิม่ายกแขนขวาของเขาขึ้นและตัดขาที่กำลังเน่าของเขาทิ้ง

ซ่า

โชคดีสำหรับกัลคิม่าที่อาการเน่านั้นหยุดลงหลังจากที่เขาตัดขาทิ้ง

ในเวลาเดียวกัน เนื้อใหม่ก็เริ่มงอกออกมาจากขาที่เขาตัดทิ้งไป

เมื่อเป็นแบบนี้ ขาของเขาจะฟื้นฟูได้ในระยะเวลาสั้นๆ

แต่ในตอนนั้นเอง

“แกมองไปที่ไหนน่ะ?”

ตูมมมม!

ฮันซูกระโดดออกมาจากซากอิฐและเข้าไปใกล้กัลคิม่าราวกับสายฟ้าก่อนจะโจมตีอีกฝ่ายอีกครั้ง

กัลคิม่าชะงักไปกับความเจ็บปวดจากร่างกายที่เขายังไม่คุ้นชินนักและปล่อยให้ฮันซูโจมตีเขาอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ นั้น

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเขาเอง

“ไอ้แมลงบัดซบนี่!”

กัลคิม่าหัวเสียกับฮันซูที่โจมตีเขาอีกครั้งกระทั่งก่อนที่อาการบาดเจ็บของเขาจะฟื้นฟูและโจมตีอีกฝ่ายด้วยแขนขวา

ตูมมมม!

พลังของเขานั้นแข็งแกร่งมากเสียจนเกิดพายุไต้ฝุ่นขึ้นรอบบริเวณที่เขาโจมตี

‘การรับมันจะเกินไปหน่อย’

ในตอนที่การโจมตีของกัลคิม่ามุ่งตรงมายังเขา ฮันซูก็ยกหอกสายฟ้าขึ้นที่เบื้องหน้าเขาราวกับโล่ก่อนจะปักมันลงไปที่พื้นด้วยพลังทั้งหมดของเขา

ตูมมมม!

ฮันซูที่เบี่ยงพลังส่วนมากออกไปผ่านหอกกระเด็นอออกไปราวกับอุกกาบาตอีกครั้งก่อนจะฝังร่างลงไปในกำแพงเช่นเคย

ครืนนนน

คลื่นกระแทกที่เกิดจากการที่ร่างของฮันซูฝังเข้าไปในกำแพงได้ทำให้พื้นที่ใต้ดินทั้งหมดสั่นสะท้าน

ทว่าฮันซูเมินความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากแผ่นหลังของเขาและไปตรวจสอบแขนของเขาแทน

แม้ว่าเขาจะสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้ เขาก็ต้องการแขนไว้ใช้โจมตีหนึ่งข้างเป็นอย่างน้อย

‘หืมมม โชคดีที่ครั้งนี้แค่ร้าว’

ฮันซูมองไปยังแขนขวาของเขาที่ปรากฏรอยแตกร้าวยาว

มันยังเป็นขนาดนี้แม้ว่าเขาจะหลบ เบี่ยง และป้องกันมันแล้ว

และร่างกายของกัลคิม่าที่แข็งแกร่งเสียจนหอกสายฟ้ายังทำได้เพียงแค่สร้างรอยขีดข่วน

ทว่าร่างกายของกัลคิม่ากำลังพิสูจน์ว่าแค่นั้นก็มากพอ

“ไอ้ฉิบหายนี่! อ๊ากกกก!”

ครั้งหนึ่งคือเขาชะงักไปจากอาการบาดเจ็บของตัวเอง

และอีกครั้งหนึ่งเมื่อเขาตอบโต้ด้วยแขนขวาของเขา

รอยข่วนสองรอย หนึ่งบนลำคอของเขา และอีกหนึ่งที่สีข้างถูกสร้างขึ้นโดยหอกของฮันซูที่แทงมายังร่างของเขาได้รวดเร็วราวกับสายฟ้า

เป็นรอยขีดข่วนที่เล็กจ้อยยิ่งนัก

แต่ร่างกายของเอลคาเดียนที่กัลคิม่ายึดครองกลับกำลังเน่าลุกลามไปโดยมีรอยข่วนทั้งสองนั้นเป็นศูนย์กลาง

ฉัวะ!

“ย๊ากกกก!”

กัลคิม่าทำได้เพียงฉีกเนื้อของเขาออกอีกครั้งด้วยมือตนเอง

เขาจำเป็นต้องทำแบบนั้น

ในเมื่อเขาจะตายเพราะร่างกายเน่าถ้าเขาไม่ทำ

ฮันซูเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเมื่อเห็นภาพนั้น

“ความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดของแก… คือการยึดร่างของอคารอน”

ประวัติศาสตร์ของอคารอนย่อมไร้ซึ่งความสงบสุข

สงครามครั้งแล้วครั้งเล่า และสงครามที่มากไปกว่านั้น

พวกเขาสร้างกลยุทธ์วิธีการจำนวนมากขึ้นในการเพิ่มพลังของพวกเขาเพื่อที่จะต่อต้านมาร์กอช

ทว่าหากครึ่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ของอคารอนคือการต่อสู้กับมาร์กอช งั้นอีกครึ่งหนึ่งก็คงเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน

“ประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งภายในนี่ยาวนานยิ่งนัก… แน่นอนว่ามันมีวิธีการจำนวนมากในการจัดการกับคนของเผ่าตัวเอง”

มันยากที่จะสร้างยาที่จะเพิ่มพลังของผู้ใช้ขึ้นได้แม้จะเป็นเพียง 10%

ในเมื่อพวกเขาจำเป็นต้องพิจารณาถึงผลข้างเคียง

แต่การสร้างพิษร้ายแรงที่จะทำลายศัตรูในเสี้ยววินาทีนั้นคือเรื่องง่าย

ยิ่งพวกเขาค้นคว้าเกี่ยวกับร่างกายของตนเองมากเท่าใด วิธีการที่จะใช้จัดการคู่ต่อสู้ก็ยิ่งพัฒนาไปมากขึ้นเท่านั้น

และเมคิโด้ที่กังวลถึงความร้ายแรงของวิธีการเหล่านี้ก็ได้หยุดการสร้างอาวุธและวิธีการที่จะส่งผลร้ายต่อเผ่าพันธุ์ของตนเองลง

<แต่ท่านฮันซู ตัวอย่างของพวกนั้นอยู่ข้างๆ ฮิสทอรานเผื่อเอาไว้ อย่าลืมเอามันไปด้วยตอนที่ท่านออกไปล่ะ สมาชิกของเผ่าพันธุ์เมฆทมิฬต้องมุ่งเป้ามาที่ร่างกายของข้าแน่ๆ ข้าจะพยายามซื้อเวลาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้… ใช้มันเป็นไพ่ตายสุดท้าย>

ฮันซูคิดถึงบทสนทนาของเขากับเอลคาเดียนก่อนจะพึมพำ

“ถ้าแกใช้ร่างกายของมนุษย์ งั้นแกก็คงไม่ต้องทรมานกับชะตากรรมแบบนี้ แกอาจจะไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะมุดเข้าไปในนั้นถ้าแกคิดถึงสถานการณ์แบบนี้เอาไว้สักหน่อย”

“อึก…”

สีหน้าของกัลคิม่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของเขาจะสามารถคุ้นชินกับมันได้

ในเมื่อร่างกายของเขากำลังวิเคราะห์ของเหลวสีดำที่กำลังลามขึ้นมาในร่างกระทั่งในตอนนี้ขณะที่อาการบาดเจ็บของการที่เขาตัดเนื้อตัวเองทิ้งกำลังฟื้นฟู

แต่ทำไมฮันซูจะต้องมอบเวลาให้เขาทำแบบนั้นด้วย?

ซึ่งหมายความว่าเขาต้องจัดการเจ้าคนที่ชื่อฮันซูนั่นโดยที่ไม่ได้รับรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย

และกัลคิม่ารู้

ว่าเรื่องแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้

กัลคิม่าพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักขณะที่เขาถอยหลังไปอย่างช้าๆ

“เดี๋ยว! ฉันจะกลับไป! เพราะงั้นช่วยเอาพวกแมงมุมสีฟ้านี่ออกไปที!”

ไม่ใช่ว่าฮันซูยื่นข้อเสนอพวกนั้นมาเพราะแบบนี้เหรอ?

ฮันซูหัวเราะเสียงเย็น

“แกน่าจะรับข้อเสนอนั่นก่อนหน้านี้”

มันมีเหตุผลง่ายๆ ที่เขายื่นข้อเสนอแบบนั้นไปในตอนแรก

ในเมื่อมันจะดีกว่าในการหลีกเลี่ยงการต่อสู้แม้ว่าจะมีโอกาสพ่ายแพ้เพียงแค่ 1%

และโดยเฉพาะเมื่อเขามีสิ่งใหญ่โตเดิมพันอยู่อย่างนี้

แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวมาจัดการกับอีกฝ่าย การต่อสู้ก็ไม่ได้ออกมาอย่างที่คนต้องการเสมอไป

เขาอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดถ้าเจ้านั่นวิ่งไปมาและยื้อเวลา

และนี่เป็นสาเหตุให้ฮันซูเสนอกัลคิม่าถึงทางถอย

ทว่าขาได้ถูกตัดออกอย่างที่เขาวางแผนเอาไว้ และอีกฝ่ายไม่อาจที่จะหนีไปได้อีกต่อไป

ทำไมเขาจะต้องปล่อยปลาที่กินเบ็ดแล้วไปด้วย?

ในเมื่อแฟรี่จะมอบรางวัลให้เขาก็ต่อเมื่อเขาฆ่ากัลคิม่าเท่านั้น

“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม? ว่ามันคงจะไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น”

“ถ้าไอ้เจ้าหมอนี่ตายก็ไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ! ถ้าฉันตาย เจ้าหมอนี่ก็จะตายเหมือนกันนะ!”

จากความทรงจำของร่างกายนี้ เจ้าของที่แท้จริงของร่างกายนี้ ทารูโฮล เป็นผู้ที่ค่อนข้างมีความสำคัญ

แล้วการที่เจ้าทารูโฮลนี่ตายจะไม่มีความสำคัญอะไรเลยหรือ?

ฮันซูเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ฉันจะจัดการเรื่องนั้นเอง เพราะงั้นตอนนี้แกก็ตายได้แล้ว”

“ไอ้เวรฉิบหายเอ้ย!”

ฮันซูยกหอกสายฟ้าของเขาที่ถูกอาบไปด้วยพิษปริมาณมหาศาลและโจมตีไปยังกัลคิม่าที่กรีดร้องออกมาพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับเสียสติไปแล้ว

 

 


TL: เกลียดความที่เอลคาเดียนพูดเหมือนร่างตัวเองอ่ะ ไม่ใช่ร่างคุณไงฮัลโหล//พองแก้ม