บทที่ 121: ทิราดัส (5)

 

 

 

ฮันซูเอ่ยถามอาเคลล่าและคนอื่นๆ ขึ้นขณะที่กำลังเดินทาง

“ในเมื่อการไปแบบนี้มันค่อนข้างจะน่าเบื่อ พวกนายอยากจะพนันกันหน่อยไหม?”

“… ฉันไม่มีอารมณ์ หุบปากแล้ววิ่งๆ ไปเถอะ”

“แต่มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกนายนะ”

“…?”

‘เขาจะพูดบ้าอะไร?’

อาเคลล่าและดาวไถอีกสองคนที่ถูกบังคับด้วยกลิ่นให้วิ่งมองหน้าฮันซูขณะที่เขาเอ่ยขึ้น

“ถ้าพวกนายสู้ได้ดีกว่าฉันแบบไร้ที่ติ งั้นฉันก็จะปล่อยพวกนาย”

“ปล่อยพวกเรา?”

“ใช่ อคารอนจะเป็นคนตัดสิน”

ฮันซูชี้ไปยังทารูโฮลที่อยู่ข้างหลังเขา

อาเคลล่าแสดงสีหน้าไม่เชื่อถือออกมา

เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายพยายามจะทำอะไร

ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงพลังต่อสู้ทั้งหมดของคนคนหนึ่งออกมาเพียงแค่ด้วยกลิ่น

เขาอาจจะพยายามทำให้พวกเธอต่อสู้ได้ดีขึ้น

‘แต่ด้วยอะไรล่ะ?’

พลังต่อสู้ของพวกเขาเหนือกว่าฮันซูมาก

มันอาจจะต่างออกไปหากพวกเขาไม่ได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย แต่จากที่อาเคลล่าได้ยิน มันดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะปล่อยตัวพวกเขาไป

อาเคลล่าตอบขณะที่เธอวิ่ง

“ฉันเชื่อนายไม่ได้หรอก ฉันไม่เชื่อคำพูดปากเปล่า ใช้ลักษณะพิเศษของฉันทำสัญญาดีกว่า”

จากนั้นอาเคลล่าจึงเริ่มอธิบายลักษณะพิเศษของเธอ <สนธิสัญญา>

ลักษณะพิเศษที่จะสร้างบาดแผลสาหัสให้กับฝ่ายที่ไม่รักษาสัญญา

ด้วยความสามารถที่แตกต่างกันระหว่างเธอกับเขา เขาอาจจะกระทั่งตายหากเขาไม่รักษาสัญญา

‘ไอ้สารเลวน่ารังเกียจ แกคงจะไม่คิดล่ะสิว่าฉันจะทำมากถึงขนาดนี้’

อาเคลล่าแสยะยิ้ม

เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบรับข้อเสนอนี้

ในเมื่อถ้าเธอคือฮันซู เธอจะไม่มีทางปล่อยพวกเธอเองไป

เธอแค่ต้องการจะเห็นเขาถอยไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ

ทว่าฮันซูผงกศีรษะพร้อมเอ่ยตอบ

“แน่นอน”

“…?”

“งั้นเราเริ่มตอนนี้เลยแล้วกัน”

จากนั้นฮันซูจึงทะยานร่างไปยังมาร์กอช ดู คาปูซิโอ้ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

 

 

‘ด้านในของกระดูกต้นขา เส้นเลือดข้างๆ เส้นประสาทที่สาม’

ตูม! ตูม! ตูม!

ตำแหน่งเฉพาะบนร่างของมาร์กอชระเบิดขึ้นติดต่อกัน

ในเวลาเดียวกันกับที่ผิวหนังระเบิดออก สปอร์ของคมมีดระบาดก็ได้แทรกซึมเข้าไปในบาดแผล

สปอร์ที่ครอบคลุมชั้นผิวหนังและไหลเข้าไปลึกในร่างของมาร์กอชผ่านเส้นเลือด

โกววว!

‘จากนั้นก็เส้นเลือดด้านซ้าย… ที่เส้นเลือดใหญ่’

มันมีแผนภูมิทางกายวิภาคของมาร์กอชทุกตัวภายในผลึกความทรงจำของเอลคาเดียน

และแน่นอนว่าเขาได้จำมันทั้งหมด

จุดอ่อนทั้งหมดบนร่างของมาร์กอชถูกวาดไว้ภายในศีรษะของฮันซู

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตใหญ่โตแบบนี้ด้วยการโจมตีเดียว

และสิ่งที่คล่องแคล่วอย่างน่าประหลาดใจพวกนี้ก็หลบการโจมตีที่มุ่งตรงไปยังจุดตายของพวกมันได้อย่างดีเยี่ยม

‘โจมตีจุดอ่อนทีล่ะจุด และเมื่อมีโอกาสตอนที่จุดตายเปิดโล่งค่อยโจมตีมัน’

เมื่อการเคลื่อนไหวของมันเริ่มเชื่องช้าลง

ดวงตาของฮันซูส่องประกายโรจน์

‘เจอแล้ว’

เมื่อแรงที่ขาของมันหมดลง ศีรษะของมันก็จะหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะเพื่อที่จะรักษาสมดุล

ในตอนนั้นเอง

หอกสีทองได้พุ่งไปในปากของมาร์กอช ทะลวงผ่านเพดานปากและแทงเข้าไปในศีรษะของมัน

กร๊าซซซซ!

คาปูซิโอ้ตัวยักษ์หยุดชะงักไปชั่วขณะ

จากนั้นศีรษะยักษ์ที่อยู่สูงเสียดฟ้าก็ร่วงลงมาบนพื้นราวกับอุกกาบาต

ตูมมมม!

ฮันซูวิ่งตัดผ่านม่านฝุ่นที่ถูกสร้างขึ้นจากแรงกระแทกขณะที่เขาเอ่ยขึ้นกับอาเคลล่าที่สู้อยู่ด้านหลัง

“พยายามให้มากกว่านี้ พวกนายคงจะต้องรวมผลของคนสองคนเข้าด้วยกันถึงจะเทียบกับฉันในตอนนี้ได้ สัญญาคือหนึ่งต่อหนึ่ง ฉันจะปล่อยคนที่ฆ่าได้มากกว่าฉันเท่านั้น”

‘บ้าบออะไรเนี่ย!’

อาเคลล่ากัดฟันขณะที่เธอฟาดศีรษะของคาปูซิโอ้ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเธอลงด้วยคลื่นแรงกดดัน

เธอมีพลัง พลังโจมตี แรงกายและพลังป้องกันมากกว่าเขาแน่ๆ

แต่ปฏิกิริยาตอบโต้นั้นแตกต่างออกไป

มาร์กอชเพียงแสดงสีหน้ามึนงงออกมาจากการโจมตีของเธอ ในขณะที่พวกมันล้มลงทุกครั้งที่อีกฝ่ายโจมตี

และอีกอย่างหนึ่ง

‘ไอ้คนเสียสตินั่น เขารับการดัดแปลงร่างกายเพื่อที่จะทำแค่นั้นน่ะนะ?’

อาเคลล่ามองไปยังฮันซูที่กำลังหลั่งของเหลวสีเงินและเลือดออกมาจากทั่วทั้งร่าง

สถานที่เดียวบนร่างของเขาที่ยังคงสมบูรณ์ดีคือขาทั้งสองข้างที่ใช้พุ่งเข้าไปหาทิราดัส

ส่วนอื่นๆ บนร่างของเขาได้รับบาดเจ็บยับเยินจากหางหรือเขี้ยวของมาร์กอชที่พุ่งเข้ามาหาเขาราวกับดาวหางนานแล้ว

เขาสนใจแค่การโจมตีในตอนที่เขาสามารถตอบโต้กับมาร์กอชได้อย่างเท่าเทียมกันในขณะที่เขาเกาะหนึบอยู่ใกล้ๆ

ตูมมมม!

อาเคลล่าเดาะลิ้นเมื่อเธอเห็นว่าฮันซูรับแรงกระแทกจากหางขณะที่เขาเริ่มวิ่งขึ้นไปบนหางนั้น

แม้ว่าร่างกายของเขาอาจจะไม่ระเบิดออกในเมื่อเขามีการป้องกันจากอุปกรณ์และสกิลสนับสนุน แต่คนก็ไม่ควรไปรับการโจมตีพวกนั้นตรงๆ อยู่ดี

‘แต่เขาก็ไม่ได้ข้ามเส้นเหมือนกัน’

เขาไม่ได้บ้าพอที่จะโจมตีมาร์กอชเพิ่มอีกหอกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เขาคำนวณระยะห่างไปยังมาร์กอชตัวต่อไป และจะรับความเสียหายในระดับที่สามารถฟื้นฟูได้ระหว่างทางเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะดูเหมือนได้รับบาดเจ็บยับเยินตลอดเวลา สถานะการต่อสู้ของเขาก็มักจะอยู่ในจุดสูงสุดเสมอเมื่อเผชิญหน้ากับมาร์กอชตัวใหม่

‘… ฉันมัวแต่ทำบ้าอะไรอยู่ 7 ปี?’

อาเคลล่าแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา

เธอต้องยอมรับความสามารถของเขา

‘เขามั่นใจงั้นสินะ’

เธอคิดว่าการต่อสู้หลังจากที่แข็งแกร่งนั้นดีที่สุด

ในเมื่อมันจะง่ายในการบดขยี้คู่ต่อสู้ลงด้วยสกิลและอาร์ติแฟคที่ทรงพลัง

ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่กล้าแม้แต่จะล้อเลียนเทคนิคการต่อสู้ที่ยอมปล่อยให้ตนเองถูกโจมตีแบบนั้น

‘… ฉันต้องถูกปล่อย’

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันดูเหมือนว่าสัญญาทาสของเธอจะถูกขยายเวลาให้ยาวนานขึ้น

แคร่ก แคร่ก

ในขณะที่อาเคลล่ากำลังคิดหลายสิ่งอยู่ในหัว ฮันซูก็ปีนขึ้นไปบนศีรษะของคาปูซิโอ้ก่อนจะมองไปยังทิราดัสที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับโจมตีเส้นประสาทตรงคอของมันหลังจากที่เสริมพลังตนเองด้วยมานามังกรปีศาจแล้ว

‘เกือบจะถึงแล้ว’

ทิราดัสได้ลอบมองมายังทางนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ซึ่งหมายความว่าพวกเขา ที่ได้มุ่งหน้าเข้าไปหามันด้วยความเร็วคงที่กำลังเข้าไปอยู่ในการรับรู้ของมัน

ตูมมม!

ทารูโฮลและอีกห้าตนรีบพุ่งเข้าไปหาคาปูซิโอ้ที่ฮันซูทำให้เชื่องช้าลง

พรวดดด!

แม้ว่าคาปูซิโอ้จะแข็งแกร่ง มันก็ไม่อาจเอาชนะพลังของระดับมาร์กอชหกคนรวมกันได้

ทารูโฮลคือคนที่จบชีวิตมันลง

ทารูโฮลระเบิดดวงตาของคาร์ปูซิโอ้ ทำลายศูนย์กลางสมองของมันก่อนจะกระโดดออกมา

โกววว!

ทารูโฮลชื่นชมฮันซูขณะที่เขาหลบกระโหลกศีรษะของคาปูซิโอ้ที่ล้มลงฟาดพื้น

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักมาร์กอชมากกว่าพวกเราเสียอีก”

‘และเขาใช้ร่างกายที่ผ่านการดัดแปลงมาได้ดีมาก’

เป้าหมายหลักของการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายนั้นไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งหรือเรี่ยวแรงอันไร้ที่สิ้นสุด

มันคือการฟื้นฟูที่ทำให้ผู้ครอบครองสามารถฟื้นฟูได้แม้ว่าร่างจะแทบแหลกสลาย

ของเหลวสีเงินที่ไหลเวียนไปทั่วร่างจะทำให้เจ้าของร่างฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่าปกตินับสิบเท่า

ซ่อมแซมเส้นเลือดที่ฉีกขาดและกระดูกที่แตกหัก

แต่ใครเล่าจะอยากทดสอบความสามารถแบบนั้น?

การฟื้นฟูนั้นหมายความว่าคนผู้นั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บเสียก่อน

‘มันเหมือนกับการได้เห็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เมคิโด้’

เขาคิดถึงผู้นำที่กล้าหาญและองอาจที่ต่อสู้กับทิราดัสและระเบิดหัวของมันเป็นชิ้นๆ

หลังจากที่เมคิโด้ฆ่าทิราดัสในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง

ไม่มีใครสามารถต่อต้านการที่เขากลายเป็นผู้นำคนต่อไปได้

ทารูโฮลที่แสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาพลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปรากฏความกังวลอยู่จางๆ

“ไม่ใช่ว่าเราจะเสียงดังไปหน่อยหรือ? มันไม่มีอะไรดีที่จะถูกคนอื่นพบเห็นเลย”

สายตาของคนที่มาถึงเขตสีส้มแหลมคมมากพอที่จะเห็นสิ่งที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร

มันอาจจะต่างออกไปถ้าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่หากพวกเขายังคงมุ่งหน้าไปพร้อมกับจัดการมาร์กอช งั้นพวกเขาก็จะถูกคนอื่นพบเห็น

แต่ฮันซูทำเพียงส่ายศีรษะ

‘การถูกเห็นนั่นแหละส่วนสำคัญ’

 

 

แอเรียล ผู้นำของ <โอโคเนลลี่>ที่เป็นหนึ่งในหกกิลด์แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาขณะที่เธอมองไปยังเทพโลหะที่กำลังก่อการสังหารหมู่อยู่ห่างออกไป

ในเมื่อมันให้ความรู้สึกเหมือนระดับมาร์กอชสามคนในกิลด์ของเธอจะถูกบดขยี้ถ้าไปเผชิญหน้ากับมัน

‘เจ้าพวกคนจากกิลด์ครอสก็เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน ไอ้การที่รั้งและสู้กับไอ้ตัวแบบนั้นได้’

แต่พวกเขาก็ไม่อาจรั้งไอ้ตัวนั้นอยู่ได้นาน

“โอ้ไม่ เขาเหลือแค่แขนขวาแล้ว”

แอเรียลส่ายศีรษะขณะที่มองไปยังการต่อสู้ระหว่างทิราดัสและกิลด์ครอส

สองในหกถูกฉีกแขนขาออกไปแล้ว

และเพียงแค่คนเดียวที่ยังสู้ได้ดีจากทั้งสี่คนก็คือเอนบิ อาริน

พวกเขากำลังถ่วงเวลามันได้ดี แต่ผลลัพธ์นั้นก็ชัดเจน

ในเวลาเดียวกัน ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถามแอเรียลขึ้น

“หัวหน้า ทำไมพวกเขาถึงได้สู้หนักขนาดนั้น?”

“ทำไมนายต้องถามด้วยในเมื่อนายรู้อยู่แล้ว พวกนั้นก็แบบนั้นแหละ”

“อืมก็ใช่ แต่ผมแค่ถามเผื่อว่าไอ้ตัวนั้นจะให้อะไรที่สุดยอดออกมาถ้าเราฆ่ามันได้”

แอเรียลชะงักไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

‘หืมม?’

ถ้ามีตัวอะไรที่แข็งแกร่งจนถึงจุดนั้น งั้นมันต้องให้อะไรที่สุดยอดออกมาแน่ๆ หลังจากที่ถูกฆ่า

แต่แอเรียลส่ายศีรษะ

“ไอ้โง่ คิดดูสิ กิลด์ครอสจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้ตัวนั้น? พวกมันก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”

‘เจ้าพวกตัวถ่วง’

แอเรียลเดาะลิ้น

มันมีเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกนั้นสู้อยู่ข้างหน้า

นั่นคือเพื่อให้ลูกกิลด์คนอื่นๆ จากกิลด์ครอสหนีไป

ในตอนนั้นเอง หนึ่งในคนที่กำลังมองไปยังทิศทางตรงข้ามกับแอเรียลได้ตะโกนขึ้น

“หัวหน้า! พวกกิลด์รีโรรีโรเรกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ของกิลด์ครอส! เป้าหมายคือทิราดัส!”

“อะไรนะ? พวกนั้นไปฆ่าทิราดัสเหรอ”

ขณะที่แอเรียลเอ่ยถามขึ้นอย่างงุนงง คนคนนั้นก็ได้ตะโกนขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาได้รับข้อความจากรอบๆ

“รายงานบอกว่ากิลด์รีโรรีโรเรจู่ๆ ก็เคลื่อนไหวหลังจากที่ได้ยินว่าทิราดัสอกมา! อาเคลล่าและอีกสองคนกำลังมุ่งหน้าไปหามัน!”

แอเรียลและลูกน้องมองหน้ากัน

พวกเขาสามารถเข้าใจการกระทำของกิลด์ครอสได้

แต่ทำไมกิลด์รีโรรีโรเรถึงทำแบบนี้

พวกเขาพยายามจะเข้าร่วมการต่อสู้?

มันเป็นไปไม่ได้

และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคิดถึงนิสัยของพวกดาวไถแล้ว

คนที่กระทั่งหัวหน้ากิลด์ยังไม่อาจควบคุมได้กำลังพยายามเข้าร่วมการต่อสู้ที่อันตรายแบบนั้น?

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างปรากฏขึ้นในศีรษะของแอเรียล

ข้อมูลที่เจ้าคนที่ชื่อคังเต้ทิ้งไว้ในอดีต

‘มันมีข่าวลือเกี่ยวกับส่วนที่สองของสิ่งนั้น บางที…’

หากมันมีข้อมูลที่ถูกทิ้งไว้โดยคังเต้ งั้นมันก็มีความเป็นไปได้ว่าข้อมูลที่กิลด์ครอสที่แอรีสและเคลเดียนที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับคังเต้ทิ้งไว้

‘มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเราจะเสียเปรียบมากขนาดนั้น…’

ยิ่งระดับมาร์กอชมามากเท่าใด ปริมาณของอันตรายที่พวกเขาจะเผชิญก็ยิ่งลดลง

หากเป็นแบบนี้ มันคงไม่เลวร้ายสำหรับการที่พวกเขาจะเข้าร่วมและพยายามสักหน่อย

แอเรียลครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตะโกนออกไป

“ติดต่ออีกสองคน เราเองก็จะไปเหมือนกัน”

“ครับ”

‘ใช่แล้ว… จริงๆ แล้วมันก็เป็นไปได้อยู่’

เธอสามารถถอยออกไปได้ถ้าทุกอย่างดูย่ำแย่

ในเมื่อคนที่จนมุมกว่าจะเสียมากกว่า

แอเรียลพึมพำอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอมองไปยังเทพโลหะที่กำลังส่องประกายเจิดจ้า

 

 

‘มันไม่ยากที่จะดึงเอาธรรมชาติของมนุษย์ออกมา’

ฮันซูหัวเราะขณะที่เขามองไปยังผู้คนที่ถูกดึงดูดมาโดยความโลภ

เขาอาจจะต้องลากทิราดัสไปรอบๆ ถ้าคนพวกนั้นไม่มา แต่พวกนั้นได้มาในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี

ตูมมมม!

ฮันซูขว้างหอกตรงไปยังทิราดัสสีขาวที่ส่องประกายอยู่ห่างออกไป

 


TL: ยิ่งโลภยิ่งตายเร็วนาจา