บทที่ 113: กรากอซ (3)
พรวด พรวด
ของเหลวในร่างจำนวนมากที่แทบราวกับทะเลเล็กๆ ได้ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็วด้วยหินสีเขียว แกรปไฟต์ ที่กิลด์รีโรรีโรเรกำลังโยนลงไป
“โยนลงไปอีก!”
“นายจะตกลงไปในนั้นถ้านายเข้าไปใกล้! ใช้สกิลโยนมันลงไป!”
จ๋อม
วินาทีที่หนึ่งในสี่สสารที่สามารถส่งผลต่อกรากอซได้สัมผัสกับของเหลว มันก็ดูดของเหลวนั้นเข้าไปราวกับฟองน้ำและเริ่มขยายขนาดขึ้นนับร้อยเท่า
และเพราะแบบนั้น ทะเลสาบของเหลวก็ได้ลดระดับลงไปด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จุงซังที่มองภาพนั้นอยู่ข้างๆ กวานแจเดาะลิ้นขณะที่เขามองไปยังอวัยวะภายในของกรากอซ
“ว้าว ยอดเยี่ยม นายหาที่แบบนี้เจอได้ยังไงเนี่ย?”
มันไม่ใช่สถานที่ที่จะล่วงรู้ได้ง่ายๆ ในเมื่อมันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มนุษย์ครอบครอง
กวานแจยิ้ม
“อืม ผมก็ลำบากนิดหน่อย มันก็ควรจะอยู่ในระดับนี้เป็นอย่างน้อยน่ะคุณ”
จุงซังผงกศีรษะ
แต่มันมีบางอย่างที่เขากำลังรู้สึกกังวล
“แต่ถ้าจู่ๆ มันอาละวาดในขณะที่เรากำลังควบคุมมันล่ะ?”
กวานแจส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อย่างกังวลเลย เรากำลังจัดการมันอยู่ในที่อื่น ถ้ามันเป็นไปตามแผน สัตว์เลี้ยงที่น่าอัศจรรย์ก็จะปรากฏขึ้น”
มีดาวไถเพียงแค่สี่คนที่อยู่ที่นี่รวมทั้งตัวกวานแจและกอร์ดอนที่ออกไปไล่จับแมลง อีกสามคนที่เหลือไม่ปรากฏตัวให้เห็น
พวกเขากำลังทำบางอย่างอยู่ที่อื่น
‘หืมมม งั้นเราก็สามารถครอบครองกรากอซได้ และทำได้กระทั่งหาตำแหน่งวิหารงั้นเหรอ… อืม’
จุงซังตกใจในอดีตเพราะเขาคิดว่ากวานแจจะฆ่าสิ่งนี้
ในเมื่อปัญหาสองอย่างจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น
อย่างแรก ถ้าไอ้ตัวนี้ล้ม ทุกคนที่อยู่เหนือมันจะตาย
อย่างที่สอง ถ้าไอ้ตัวนี้ตาย เช่นนั้นสถานที่ที่พวกเขาจะได้รับของเหลวร่างกายก็จะหายไป พวกเขาจะเกิดความอดอยาก
แต่กวานแจสื่อว่าเขากำลังจะควบคุมมัน
<มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะถ้าเราฆ่ามัน? คนที่จะข้ามมาหลังจากนี้ก็จะถูกเผาและไม่สามารถเห็นมันได้ มันก็จะกลายเป็นว่าไม่มีผู้ชม ทำให้มันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงย่อมยอดเยี่ยมกว่ามาก แม้แต่ฮันซูก็ทำแบบนั้นไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?>
‘อืมใช่ แต่นายจะหาตำแหน่งของวิหารได้ยังไงล่ะแบบนี้?’
จุงซังมองไปยังกวานแจด้วยสีหน้าประหลาดใจ
มันมีบางสิ่งที่กวานแจไม่ได้บอกเขาซึ่งเป็นคนนอก
เกี่ยวกับว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่มันเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมกรากอซอย่างไร?
และเขาจะสามารถค้นหาอคารอนที่ซ่อนตัวอยู่และตำแหน่งของวิหารได้อย่างไร?
‘เขามีความลับเยอะมาก’
เขามีจุดที่แปลกประหลาดอยู่บางและค่อนข้างเป็นมนุษย์ในอดีต แต่กวานแจในตอนนี้ได้กลายเป็นชายที่จุงซังไม่อาจมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
จุงซังพลันคิดถึงบางอย่างที่เขาลืมไปในครั้งแรกที่เขาพบกับกวานแจ
“จะอย่างไรก็เถอะ เกิดอะไรขึ้นกับภรรยากับลูกสาวนาย?”
หมอนี่ไม่ได้อยู่คนเดียวตอนที่เขาช่วยอีกฝ่าย
เขามีลูกสาวอายุ 13 เพราะเขาแต่งงานเร็วแม้ว่าจะอายุเพียงแค่สามสิบปี
เขาคิดว่ากวานแจนำทั้งสองคนไปอยู่ในจุดปลอดภัย แต่เขาไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองเลย
กวานแจยักไหล่
“ลูกสาวผมตายแล้ว ภรรยาผมก็ไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น”
แม้ว่าเขาจะพูดแบบไม่ใส่ใจ จุงซังกลับรู้สึกได้ถึงสันหลังที่เย็นวาบ
‘… เขาไม่ได้กำลังคิดจะทำอะไรบ้าๆ ใช่ไหม’
แม้ว่าคนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ว่ากวานแจคือคนที่ยอมแพ้ทุกอย่างในเขตสีแดงเพราะครอบครัวของเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายเพราะภัยพิบัติและตัดสินใจขึ้นมา
หากครอบครัวของเขาไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นมุมหนึ่งในจิตใจของอีกฝ่ายย่อมต้องบิดเบี้ยวอย่างมาก
‘โชคดีที่เป้าหมายจริงๆ ของเขาคือการควบคุมกรากอซ’
ถ้าหมอนี่ปลดปล่อยอารมณ์ที่บิดเบี้ยวพวกนั้นออกมา งั้นเรื่องก็คงจะไม่จบลงอย่างง่ายๆ แน่นอน
กวานแจหัวเราะกับสีหน้าไม่สบายใจของจุงซังขณะที่เขาเอ่ยขึ้น
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวล ทำไมผมต้องทำอะไรแปลกๆ ด้วยในเมื่อภรรยาของผมก็อยู่ที่ไหนสักแห่งบนกรากอซนี่? จะยังไงก็เถอะ คุณอยากกินนี่ไหม? มันถูกสร้างขึ้นจากของเหลวร่างกายที่ทำให้แข็งตัวจากแกรปไฟต์ ดังนั้นมันเลยค่อนข้างดี เราเรียกมันว่าแสงเขียว… พวกเขาบอกว่าของหวานจะช่วยลดความเครียดได้”
กวานแจส่งลูกอมสีเขียวขนาดเล็กที่มีแทงไม้เสียบเอาไว้ให้
จุงซังขมวดคิ้วขณะที่เขารับรู้ได้ถึงรสชาติแปลกประหลาดที่เขาไม่อาจอธิบายได้
แม้ว่ามันจะหวาน มันก็เหมือนกับการใส่น้ำตาลลงไปในน้ำเสีย
“ไอ้เวรเอ้ย นี่มันต้องไม่ใช่เพื่อผ่อนคลายความเครียดแน่ๆ… จะยังไงก็เหอะ ทำไมนายถึงได้ตั้งชื่อประหลาดๆ ให้ของพวกนี้กัน?”
กวานแจยักไหล่
“เพื่อที่จะได้ไม่ยึดติดกับมัน”
“อะไรนะ?”
“มันจะน่ารำคาญถ้าผมตั้งชื่อดีๆ ให้กับสิ่งที่ผมเกลียดและรู้สึกผูกพันกับมัน”
“…”
ในขณะที่จุงซังแสดงสีหน้าแปลกประหลาด พิราบสื่อสารตัวหนึ่งก็ได้บินมาหากวานแจ กวานแจถอนหายใจขณะที่เขามองไปยังพิราบสื่อสารนั้น
‘ดูสิ มันไม่มีทางที่ฉันจะชอบไอ้พวกนี้ได้’
‘เวรเอ้ย! กำลังเสริมอยู่ที่ไหนวะ!’
ตูมมม!
กอร์ดอนผวาไปกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหัน
ครึ่ก ครึ่ก
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในวินาทีที่ยามค่ำคืนปรากฏ
ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังคลานออกมาจากใต้เงาของเขา
แน่นอนว่ามันไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเขา
แม้ว่าสกิลนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะตามทันช่องว่างระหว่างระดับบัลลาดิและระดับมาร์กอช
ถ้ามันไม่มีหน่วยกล้าตายที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ตูม!
“เหี้ย!”
สิ่งมีชีวิตสีดำที่คลานออกมาจากเงาของหน่วยกล้าตายที่ได้กลายเป็นเศษฝุ่นไปจากสกิลของเขาพุ่งตรงมาหาเขาอย่างบ้าคลั่ง
กอร์ดอนปล่อยมานาออกมารวมกับบนฝ่ามือของเขา
ตูมม!
แรงระเบิดที่รุนแรงกว่าสิ่งที่มานาควรจะทำได้ได้กวาดไปทั่วบริเวณ
ทหารเงาที่ร่างช่วงบนถูกระเบิดหงายหลังล้มลงไปบนพื้น
จากนั้นมันจึงสลายไปราวกับว่ามันได้หลอมละลาย แล้วจึงถูกดูดกลืนไปรวมกับเงาอื่นๆ
แม้ว่าการโจมตีของเขาจะทำลายเงาเหล่านั้นไปอย่างสมบูรณ์แบบ กอร์ดอนก็ไม่มีเวลาให้พักหายใจ
ในเมื่อพวกมันจะฟื้นตัวจากเงาอื่นๆ และคลานกลับขึ้นมา
พวกมันจะดูมืดหม่นลงกว่าเดิมเล็กน้อยหลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ได้ยืนกลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ฟื้นฟูไม่ว่าพวกมันจะได้รับความเสียหายแบบใดทำให้กระทั่งกอร์ดอนที่ผ่านอะไรมามากรู้สึกเหนื่อย
‘เวรเอ้ย! ฉันต้องไปที่ต้นกำเนิด!’
ชัดเจนว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นอีกครั้งด้วยมานา
เขาต้องฆ่าไอ้หมอนั่นที่ทำเพียงแค่ปามีดมาทางเขาอยู่ห่างออกไป
แต่มันมีหลายสิ่งที่พุ่งเข้ามาหาเขามากเกินไป
‘นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือเปล่า? นายฆ่าไปกี่คนในระยะเวลาสั้นๆ แค่นั้น?’
วินาทีที่เขาคิดว่าเขาได้จัดการทหารเงาไปในระดับหนึ่ง หน่วยกล้าตายพร้อมกับสกิลทะลวงขีดจำกัดก็จะพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
และเมื่อเขาไปจัดการเจ้าพวกนั้น ทหารเงาก็จะคลานกลับออกมาจากเงาอีกครั้ง
‘แต่… ฉันชนะได้!’
กอร์ดอนกัดฟันกรอด
ถ้ามันมีแค่นี้มันก็ชัดเจนว่าฝ่ายชนะคือเขา
ในเมื่อมานาของอีกฝ่ายไม่ได้ไร้ขีดจำกัด และมันมีจำนวนของหน่วยกล้าตายอยู่จำกัด
เมื่อมานาและหน่วยกล้าตายของอีกฝ่ายหมดก่อน มันก็จะกลายเป็นชัยชนะของเขา
และกอร์ดอนมั่นใจ
การฆ่ามาร์กอชคนเดียวไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น
การล่ามาร์กอชเป็นบางสิ่งที่จะเป็นไปได้หลังจากที่ขัดเกลาสกิล อาร์ติแฟค และทักษะการต่อสู้จนถึงขีดสุด
แต่ปัญหามันอยู่ที่อื่น
“ไอ้พวกตัวถ่วงเอ้ย! กลับมา! ไสหัวกลับมา!”
กอร์ดอนกัดฟันกรอดขณะที่เขาตะโกน
คนที่กำลังถ่วงเวลาเขาด้วยทหารเงาและหน่วยกล้าตายกำลังฆ่าลูกกิลด์รีโรรีโรเรที่เขามาใกล้เขา
คนที่อ่อนแอจะถูกฆ่าและใช้เป็นทหารเงา
รูนที่ดรอปจะถูกกินและเพิ่มปริมาณของมานา
คนที่แข็งแกร่งกว่าจะถูกไล่ต้อนและบังคับตราสัญลักษณ์ลอร์ดและถูกสร้างขึ้นเป็นหน่วยกล้าตาย
ผู้นำกิลด์ที่ทำตัวเหมือนกับทาสท่าทางเหมือนจะล้มลงด้วยความเหนื่อยล้า
เขาทำได้แค่นั้น
เขาได้มอบคำสั่งฆ่าตัวตาย สร้างสัญลักษณ์ทับ และรับลูกกิลด์ใหม่ในขณะที่คนอื่นๆ ตายอย่างต่อเนื่อง กระทั่งลอร์ดที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องเหนื่อยล้า
ไม่สิ การที่เขาสามารถทำได้ขนาดนี้นับว่ายอดเยี่ยมมากๆ แล้ว
กอร์ดอนพลันรู้สึกหวาดกลัว
ในเมื่อเขาได้ฆ่าหน่วยกล้าตายไปเกือบจะร้อยคน คนที่เหลือควรจะน้อยกว่า 30 และมันยังคงเหลืออยู่อย่างน้อย 80 คน
แม้ว่าเงาจะอ่อนแอลงราวกับว่ามานาของอีกฝ่ายกำลังจะหมดลง แต่ปัญหาคือตัวกอร์ดอนเอง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แรงและมานาของเขาจะหมดลงก่อน
แล้วเขาก็จะตายจริงๆ
‘เวรเอ้ย! พวกนั้นอยู่ที่ไหนกัน! มันนานแล้วนะหลังจากที่ฉันส่งพิราบสื่อสารไป’
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกคิดถึงเหล่าดาวไถและชื่อประหลาดๆ นั่น
หากหนึ่งในนั้นมา พวกเขาก็จะสามารถจัดการทุกคนที่นี่ได้
แต่แม้ว่าจะผ่านมานานแล้วก็ยังไม่มีใครมา
“กวานแจ ไอ้เวรบัดซบเอ้ย! ฉันเป็นมือที่สามารถโยนทิ้งไปได้ตลอดรึไง?! ไม่ใช่เว้ย! ฮึ่ยยย! ถ้าแกรับฉันเข้ามาก็รับผิดชอบหน่อยสิวะ!”
กอร์ดอนตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว
“ไปกันเถอะคุณ ในเมื่อเราทำทุกอย่างที่ต้องทำที่นี่เสร็จแล้วก็ไปที่ขั้นต่อไปกัน”
กวานแจที่รับพิราบสื่อสารที่บินมาจากทุกทิศทางอย่างต่อเนื่องได้ส่งพิราบสื่อสารไปยังเหล่าดาวไถที่กำลังป้องกันทิศทางอื่นๆ ขณะที่เขาเตรียมตัวจะเคลื่อนไหว
จุงซังขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น
“นายบอกว่ามีดาวไถอีกคนใช่ไหม? นายไม่เอาเขาไปด้วยเหรอ?”
เขาบอกว่าสี่คนรวมตัวเอง
แต่กวานแจกำลังจะออกเดินทางโดยที่ทิ้งคนหนึ่งไว้เบื้องหลัง
‘เวรเอ้ย ฉันมองไม่ออกเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น’
เขาไม่มีทางรู้ได้ในเมื่อเขาทำได้เพียงแค่ฟังสิ่งที่กวานแจบอก
กวานแจผงกศีรษะ
“อืม เขาก็คงหาทางได้เอง ไปยังป่าฮอร์น ขั้นต่อไปสำคัญกว่า จะยังไงก็เถอะ มันยังเหลือแกรปไฟต์อีกมาก”
ในตอนนั้นเองที่กวานแจพึมพำ ‘เราจะไปก่อนที่มันจะแข็งหมดอยู่ดี… รวบรวมมามากขนาดนี้แต่ดันเสียเปล่า’ และอ่านพิราบสื่อสารตัวสุดท้าย เขาพลันชะงักไปเมื่ออ่านมัน
จากนั้นจึงพึมพำขึ้นกับจุงซัง
“ดูเหมือนว่าพวกที่กอร์ดอนตามไปจะเป็นเหยื่อล่อ แข็งแกร่ง”
“เหยื่อล่อ?”
“ดูเหมือนว่ากิลด์คราวน์จะรุกล้ำพื้นที่นี้”
มันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนพบพิราบสื่อสาร
ระดับมาร์กอชสี่คนของกิลด์คราวน์กำลังรุกล้ำที่นี่
คนอื่นๆ อาจจะต่างออกไป แต่หน่วยสอดแนมจะจำหน้าพวกระดับมาร์กอชผิดได้อย่างไร?
โดยปกติแล้วเขาจะเมินพวกนั้น
ในเมื่อเขาทำทุกอย่างที่เขาต้องทำที่นี่เสร็จแล้วแม้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถได้กลิ่นบางอย่าง
‘แต่… ถ้ามันเป็นกิลด์คราวน์ เรื่องมันก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย’
“นายรู้จักพวกนั้น?”
จุงซังถาม
จริงๆ แล้วมันเป็นคำถามที่ค่อนข้างโง่
ในเมื่อกิลด์คราวน์คือกิลด์ขนาดยักษ์ที่มีนักผจญภัยระดับมาร์กอชสี่คนนอกเหนือไปจากตัวผู้นำกิลด์
กิลด์รีโรรีโรเร หนึ่งในสองกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุด
และกิลด์คราวน์คือหนึ่งในสามกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุด
มีหรือที่กวานแจจะไม่รู้จักพวกนั้น?
แต่เหตุผลที่ทำให้จุงซังถามนั้นเป็นเพราะอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุออกมาบนใบหน้าของกวานแจอย่างชัดเจน
กวานแจหัวเราะ
“แน่นอน ผมบอกคุณไปแล้วว่าลูกสาวผมตาย”
“…”
“มันค่อนข้างจะหยาบคายถ้าจะไปทั้งๆ แบบนี้ เราควรจะมอบของขวัญให้พวกเขาซะหน่อย”
กวานแจคายลูกอมแกรปไฟต์ แสงเขียว ในปากก่อนที่จะส่งพิราบสื่อสารไปยังบางแห่ง
‘ชิ พวกนั้นกำลังเทแกรปไฟต์ลงไป นี่คือสาเหตุที่ทำให้ของเหลวในร่างแห้งลง จะอย่างไรก็เถอะ พวกมันหาอวัยวะไหลย้อนเจอได้ยังไง?’
ฮันซูเดาะลิ้นขณะที่มองไปยังภาพที่อยู่ห่างออกไป
อวัยวะไหลย้อน
มันจะจัดระเบียบของเหลวในร่างที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของกรากอซและส่งส่วนที่ใช้ได้ไปไหลเวียนในร่างอีกครั้ง ส่วนที่มีปริมาณแร่ธาตุไม่พอจะถูกส่งออกไปนอกร่างกาย
แน่นอนว่ามันคือสถานที่ที่มีของเหลวในร่างของกรากอซมากที่สุดในเมื่อมันคืออวัยวะที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดปริมาณของเหลวเสียในร่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
‘แต่พวกนั้นกำลังถอย หรือการฆ่ากรากอซจะไม่ใช่เป้าหมายของพวกนั้น?’
หากการฆ่ากรากอซคือเป้าหมายของพวกนั้น พวกนั้นก็ต้องเทลงไปอีก
แต่คนพวกนี้กำลังเก็บของอย่างเร่งรีบและมุ่งหน้าไปยังบางแห่ง
‘งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่… ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์พลิกตัวในอดีตนะ?’
หากไม่เทแกรปไฟต์ลงไปอีก มันก็จะถูกของเหลวในร่างพัดพาและถูกบดขยี้อย่างช้าๆ
บาลี รอปเปอร์ ยอดฝีมือระดับมาร์กอชของกิลด์คราวน์ตะโกนออกมาเมื่อเขาเห็นคนเหล่านั้นหนีไป
“นายทำอะไรอยู่? รีบไปจัดการพวกมันกันเถอะ”
กิลด์ของพวกเขาได้รับแรงตึงเครียดอย่างมากตั้งแต่ไอ้คนเสียสติตรงนั้นพยายามกวาดล้างพวกเขา
ถ้ามันไม่มีการคานอำนาจระหว่างกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสอง เช่นนั้นสงครามเผชิญหน้าแบบเต็มรูปแบบคงจะเกิดขึ้นไปแล้ว
ดังนั้นแล้ว บาลี รอปเปอร์จึงชอบสถานการณ์ในตอนนี้
‘ถึงแม้ว่าฉันจะต้องกลายเป็นทาส… มันก็ยังดีตราบเท่าที่ผลลัพธ์มันดี’
หมอนี่พูดอย่างชัดเจน
ว่าอีกฝ่ายจะปล่อยพวกเขาหลังจากที่ทุกอย่างเป็นไปได้สวย
และหากหมอนี่ช่วย เช่นนั้นการกวาดล้างฐานหลักของกิลด์รีโรรีโรเรก็จะไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น
ในเมื่อผู้นำกิลด์ กวานแจ มักจะแยกพวกดาวไถออกจากกันและใช้พวกนั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ
‘มันไม่มีทางที่พวกนั้นทั้งหมดจะรวมตัวกันอยู่ที่นี่’
พวกเขาสี่คนที่นี่และฮันซูสามารถสร้างความเสียหายมหาศาลได้
กร๊าซซซ!
ในขณะที่บาลี รอปเปอร์กำลังหัวเราะ เสียงคำรามหยาบกระด้างก็ดังขึ้นจากทั่วทิศทาง
‘มาร์กอช?’
มันไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองตัวจากเสียงคำรามที่เขาได้ยิน
‘เวรเอ้ย’
บาลี รอปเปอร์ แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
พวกเขาถูกเรียกว่าระดับมาร์กอชเพราะพวกเขาสามารถเอาชนะมาร์กอชได้ในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง
แต่เสียงคำรามนั้นได้บอกว่ามันมีอย่างน้อยยี่สิบตัวที่กำลังมา
ฮันซูเดาะลิ้นขณะที่มองไปยังมาร์กอชที่พุ่งเข้ามาจากห่างออกไป
‘ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะถอยหลังจากที่พวกเขาทำทุกอย่างที่ต้องทำที่นี่เสร็จแล้ว แต่การที่พวกนั้นยอมอ้อมไปไกลและลากพวกมาร์กอชมาที่นี่… หืม’
มันดูไม่เหมือนแม้แต่จะเป็นการลากพวกนั้นมายังตำแหน่งนี้เพื่อที่จะขัดขวางพวกลูกกิลด์คราวน์ไม่ให้ไล่ตามพวกเขาไป
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับบาลี รอปเปอร์ที่อยู่ข้างๆ
“มันไม่มีทางที่ฉันจะเป็นเหตุผล… นี่นายมีปัญหาอะไรกับหมอนั่นรึเปล่า?”
“…”
TL: ซังจินนี่ใช้คนคุ้มมากเวอร์